หัวนมชมพู คือ สีของหัวนมที่อาจสะท้อนและบ่งบอกถึงการมีสุขภาพดี แต่แท้จริงแล้วนั้น สีของหัวนมเกิดจากพันธุกรรมเป็นหลัก รวมทั้งฮอร์โมนที่แตกต่างกันในแต่ละคน หรือสารเคมี เครื่องสำอาง ครีม หรือแม้กระทั่งปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อสีของหัวนม ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการให้หัวนมชมพู อาจเลือกใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเพื่อดูแลและบำรุงหัวนมให้มีสีอ่อนจางลงได้
[embed-health-tool-ovulation]
ทำไมสีหัวนมของแต่ละคนจึงแตกต่างกัน
หัวนมของแต่ละคนนั้นมีสีที่แตกต่างกัน บางคนหัวนมสีน้ำตาล บางคนหัวนมสีน้ำตาลเข้ม บางคนหัวนมสีดำ โดยเหตุผลที่ทำให้สีของหัวนมแตกต่างกันนั้นคือเรื่องของพันธุกรรมเป็นหลัก นอกจากนั้น ยังเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การใช้เครื่องสำอาง การมีโรคประจำตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
เคล็ดลับในการดูแลหัวนม และผิวบริเวณหน้าอก
สิ่งสำคัญนอกเหนือจากการมีหัวนมชมพูนั้น คือการดูแลสุขภาพผิวบริเวณหน้าอกให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นโรคผิวหนังหรือปัญหาผิวหนัง ดังวิธีต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่ มีกรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids ; AHA)
- อาบน้ำอุ่น หลีกเลี่ยงการถูสบู่ที่บริเวณผิวหัวนมโดยตรงเพราะสบู่อาจจะทำให้ผิวบริเวณหัวนมแห้งและเกิดการระคายเคือง หลังการอาบน้ำควรทาครีมบำรุงทุกครั้ง
- เลือกชุดชั้นในให้พอดีกับขนาดหน้าอก ไม่เล็กเกินไปหรือใหญ่เกินไป อาจทำให้หัวนมเกิดการเปลี่ยนสีได้เนื่องจากการโดนเสียดสี
- ควรเลือกชุดชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้าย เพื่อการระบายอากาศที่ดียิ่งขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนส่งผลต่อการเปลี่ยนสีของหัวนม โดยเฉพาะผู้ที่มีความเครียด ควรหากิจกรรมทำเพื่อบรรเทาความเครียด เช่น นั่งสมาธิ เล่นโยคะ รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือปรึกษาแพทย์หากร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ
- หากใช้ครีมบำรุงหน้าอกที่มีส่วนผสมของวิตามินซี ควรทาครีมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นหรือครีมจากสมุนไพร เพื่อป้องกันหน้าอกแห้งและเกิดการระคายเคือง (หากพบว่าผิวแห้งมากควรหยุดใช้)
หัวนมชมพู ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ
หัวนมชมพู เป็นสีของหัวนมตามธรรมชาติซึ่งโดยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมเป็นหลัก ผู้ที่มีผิวขาวมักมีหัวนมสีอ่อน หรือสีชมพู ผู้ที่มีผิวคล้ำ มักมีหัวนมสีคล้ำตามลักษณะผิว แต่สำหรับผู้ที่ต้องการมีหัวนมชมพูอาจดูแลและบำรุงด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อให้หัวนมมีสีอ่อนลงเสมือนหัวนมชมพู ทั้งนี้ ต้องอาศัยระยะเวลาและขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วย โดยผลิตภัณฑ์หรือวัตถุดิบจากธรรมชาติที่สามารถนำมาใช้เพื่อบำรุงให้หัวนมมีสีอ่อนลงหรือหัวนมชมพู ได้แก่
อัลมอนด์และนมสด
- อัลมอนด์มีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณ เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินอี สำหรับวิธีการบำรุงผิวหัวนมให้แลดูมีสีที่อ่อนลงด้วยอัลมอนด์ ทำได้โดย การนำอัลมอนด์มาแช่น้ำนมทิ้งไว้ 2-3 คืน หลังจากนำมาปั่นให้ละเอียด แล้วนำพอกบริเวณหัวนมทิ้งไว้ 15-30 นาที และล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้ทำได้ทุกวัน ปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียง
น้ำมันมะพร้าว
- น้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ สารอาหาร และกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย นอกจากจะนำมากินเพื่อบำรุงสุขภาพแล้วยังนำมาบำรุงผิวพรรณได้อีกด้วย มอบทั้งความนุ่มชุ่มชื้นให้ผิวพรรณ เพียงเทน้ำมันมะพร้าวประมาณ 1 ช้อนชา มาทาหัวนมเป็นประจำทุกวัน วิตามินอี ในน้ำมันมะพร้าวจะช่วยทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นและปรับสีหัวนมให้แลดูอ่อนขึ้น
ผงรากชะเอมเทศ
- ชะเอมเทศมีประโยชน์อย่างมาก เพราะสารตั้งต้นของชะเอมเทศมีส่วนของสารลิควิริทินช่วยชะลอการสร้างเม็ดสีเมลานิน มีส่วนช่วยลดความหมองคล้ำให้จางลง เพียงนำผงรากชะเอมเทศมาผสมกับน้ำเพียงเล็กน้อยคนให้ข้น ๆ แล้วนำมาพอกบริเวณหัวนมรอจนกว่าจะแห้งสนิท และล้างออกด้วยน้ำสะอาด
น้ำส้ม
- วิตามินซีในน้ำส้มมีส่วนช่วยในการป้องกันการสร้างเม็ดสีผิวที่ทำให้หัวนมคล้ำ ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงให้ผิวดูสุขภาพดี เพียงนำน้ำส้มมาทาบริเวณหัวนม รอจนแห้ง แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด หากทำเป็นประจำสม่ำเสมอหัวนมสีคล้ำจะค่อย ๆ อ่อนลง และกระจ่างใสขึ้นได้
วาสลีน
- วาสลีนนอกจากจะช่วยบำรุงริมฝีปาก ยังนำสามารถนำมาบำรุงหัวนมได้อีกด้วย เพียงนำมาทาบริเวณหัวนม จะช่วยบำรุงหัวนมให้นุ่มชุ่มชื่น ป้องกันการแตกลาย และปรับสีหัวนมให้ดูอ่อนลง
ข้อควรระวังในการใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อหัวนมชมพู
หัวนมชมพู จากการใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาตินั้น นอกจากจะต้องใช้เวลาแล้วนั้น ยังต้องระมัดระวังในการเลือกใช้อีกด้วย ถึงแม้จะเป็นการใช้วัตถุดิบและสารสกัดจากธรรมชาติ แต่ก็อาจก่อให้ผิวหนังหรือหัวนมเกิดการระคายเคือง หรือการแพ้ได้ เนื่องจากผิวบริเวณหัวนมเป็นส่วนที่บอบบาง ก่อนทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ ควรทดสอบก่อนว่ามีอาการแพ้หรือไม่ โดยอาจทดสอบกับผิวใต้ท้องแขน พร้อมทั้งศึกษาข้อมูลและวิธีทำให้ละเอียดและถูกต้องเพื่อความปลอดภัย หากใช้สารสกัดตามธรรมชาติบริเวณหัวนมแล้วสังเกตเห็นว่าผิวบริเวณนั้นเกิดรอยแดง ผดผื่น หรือสัญญาณอาการแพ้ใด ๆ ควรหยุดใช้ในทันที แล้วรีบล้างออกด้วยน้ำสะอาด
หากหยุดใช้แล้ว แต่ยังเกิดอาการแพ้ในภายหลัง ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุดเพื่อรับคำแนะนำ หรือเข้ารับการรักษาที่เหมาะสมแก่สภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยเฉพาะในรายที่หากมีอาการแพ้รุนแรง