หลายคนชอบรับประทานอาหารที่ทำจากมันฝรั่ง เช่น มันฝรั่งทอดกรอบ ซุปไก่มันฝรั่ง มันบดทอด มันฝรั่งอบชีส แต่ยังมีอีกหนึ่งเมนูจากมันฝรั่งที่เราอยากให้คุณได้ลองทำรับประทานเองที่บ้านดู นั่นก็คือ เมนูสลัดมันฝรั่ง ที่นอกจากจะทำง่ายมากแถมยังดีต่อสุขภาพด้วย เพราะมีผักนานาชนิดเป็นส่วนผสม ว่าแต่ สูตรสลัดมันฝรั่ง ที่ Hello คุณหมอ นำมาฝากกันในวันนี้จะต้องใช้ส่วนผสม และมีวิธีทำอย่างไรบ้าง เราไปดูกันเลย
สูตรสลัดมันฝรั่ง
ส่วนผสมสำหรับ สลัดมันฝรั่ง
(สำหรับ 6 ที่)
มันฝรั่ง | 1 กิโลกรัม |
ไข่ไก่เบอร์ 0 | 2 ฟอง |
น้ำเลมอน หรือน้ำมะนาวคั้นสด | 3 ช้อนโต๊ะ |
น้ำมันมะกอก | 1 ช้อนโต๊ะ |
เซเลอรี่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ | ⅓ ถ้วย |
หัวแรดิชเฉือนบาง ๆ | 1 ถ้วย |
ผักชีลาวฝรั่งซอยละเอียด | 1 ช้อนโต๊ะ |
ต้นหอมซอยละเอียด | ⅓ ถ้วย |
มายองเนส | ¼ ถ้วย |
พริกไทยดำป่น | ½ ช้อนชา |
เกลือป่น | ½ ช้อนชา |
วิธีทำ สลัดมันฝรั่ง
- ต้มมันฝรั่งและไข่ให้สุกด้วยไฟแรง จากนั้นปรับไฟให้อ่อนลง แล้วต้มต่อ พอครบ 12 นาทีให้เอาไข่ออกจากหม้อ แล้วแช่น้ำเย็นไว้ก่อน
- ต้มมันฝรั่งต่ออีกประมาณ 25-30 นาที หรือจนกว่ามันฝรั่งจะนิ่ม จากนั้นนำออกจากหม้อ ปิดไฟ
- ปอกเปลือก แล้วหั่นมันฝรั่งเป็นลูกเต๋าเล็ก ๆ ขนาดประมาณ ¾ นิ้ว
- ใส่มันฝรั่งลงในหม้อ เติมน้ำเลมอนหรือน้ำมะนาวคั้นสด และน้ำมันมะกอก จากนั้นคลุกให้ทั่ว หมักทิ้งไว้รอให้เข้าเนื้อ
- ระหว่างรอมันฝรั่งได้ที่ หันมาปลอกไข่แล้วหั่นเป็นลูกเต๋าเล็ก ๆ
- เติมไข่ และผักต่าง ๆ ลงในกระทะ จากนั้นคลุกเคล้ากับมันฝรั่งให้ทั่ว
- ใส่มายองเนส เกลือป่น และพริกไทยดำป่นในถ้วย แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ใส่มายองเนสที่ได้ลงในหม้อมันฝรั่ง จากนั้นคลุกเบา ๆ ให้เข้ากัน
- ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
เพียงแค่นี้ สลัดมันฝรั่งสูตรเด็ดของเราก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว หากรับประทานไม่หมดในวันเดียว แนะนำให้เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิด แล้วแช่ไว้ในตู้เย็น สำหรับส่วนผสม หากคุณอยากเปลี่ยนผักที่ใส่ในสลัดมันฝรั่ง ก็สามารถทำได้ เช่น เปลี่ยนจากเซเลอรี่เป็นแตงกว่าหั่นเต๋า และหากคุณไม่ปอกเปลือกมันฝรั่ง คุณก็จะได้รับไฟเบอร์หรือกากใยอาหารเพิ่มขึ้นด้วย
“มันฝรั่ง” พืชหัวมากประโยชน์
มันฝรั่งเป็นพืชหัวที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ไฟเบอร์ วิตามินซี วิตามินบี 6 โพแทสเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โฟเลต (Folate) ทั้งยังมีสารประกอบตามธรรมชาติ เช่น ฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) แคโรทีนอยด์ และกรดฟีนอลิก (Phenolic acid) ที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน
นอกจากนี้ มันฝรั่งยังมีแป้งชนิดพิเศษที่เรียกว่า แป้งทนการย่อย (Resistant Starch) ที่งานวิจัยเผยว่า อาจช่วยลดภาวะดื้ออินซูลิน (Insulin resistance) และช่วยให้เราสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น แถมแป้งทนการย่อยนี้ยังเป็นอาหารชั้นเลิศของแบคทีเรียชนิดดีลำไส้ใหญ่ แบคทีเรียจะย่อยแป้งชนิดนี้ให้เป็นกรดไขมันสายสั้นที่เรียกว่า บิวทีเรท (Butyrate) ที่งานศึกษาวิจัยพบว่า สามารถช่วยลดการอักเสบในลำไส้ และช่วยให้ลำไส้แข็งแรง จึงส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ลดลง
วิธีเลือกซื้อและเก็บรักษามันฝรั่ง
เรามีเคล็ดลับในการเลือกซื้อและเก็บรักษามันฝรั่งมาฝาก ดังนี้
- เลือกซื้อมันฝรั่งที่ดูสะอาด เนื้อแน่น เปลือกต้องเนียน ไม่มีรอยตัด รอยช้ำ หรือจุดที่สีผิดปกติ
- เก็บมันฝรั่งไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก
- ไม่เก็บมันฝรั่งไว้ในบริเวณที่อากาศร้อน ชื้น หรือโดนแสงแดดส่องมากเกินไป
- หากอยากเก็บมันฝรั่งให้ได้นานขึ้น ควรเก็บในถุงพลาสติก หรือถุงกระดาษ
- อย่าล้างมันฝรั่งก่อนเก็บ เพราะความชื้นจะทำให้มันฝรั่งเสียเร็วขึ้น
[embed-health-tool-bmi]