backup og meta

โรคอ้วน (Obesity) อาการ ปัจจัยเสี่ยง และการรักษา

คำจำกัดความอาการรู้เรื่องสาเหตุรู้เรื่องปัจจัยเสี่ยงทำความเข้าใจการวินิจฉัยและการรักษาการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเอง

โรคอ้วน เป็นความผิดปกติที่ซับซ้อนประการหนึ่ง ที่เกียวข้องกับภาวะที่มีไขมันมากเกินไปในร่างกาย และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความเจ็บป่วย และปัญหาสุขภาพต่างๆ

โรคอ้วน (Obesity) อาการ ปัจจัยเสี่ยง และการรักษา

คำจำกัดความ

โรคอ้วนคืออะไร

โรคอ้วน (Obesity) เป็นความผิดปกติที่ซับซ้อนประการหนึ่ง ที่เกียวข้องกับภาวะที่มีไขมันมากเกินไปในร่างกาย โรคอ้วนไม่ได้ส่งผลต่อร่างกายของผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความเจ็บป่วย และปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูงอีกด้วย

โรคอ้วนและภาวะน้ำหนักเกิน (overweight) มีแนวคิดที่แตกต่างกันสองประการ ภาวะน้ำหนักเกินเป็นภาวะหนึ่งที่น้ำหนักที่มากเกินไปเพิ่มขึ้นตามความสูงซึ่งไม่ได้เกิดจากไขมันส่วนเกินเท่านั้นแต่ยังเกิดจากกล้ามเนื้อจำนวนมากหรือน้ำในร่างกายด้วยเช่นกัน ภาวะทั้งสองประการนี้เป็นผลกระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพ

โรคอ้วนพบได้บ่อยเพียงใด

ทุกคนสามารถเป็นโรคอ้วนได้ หากไม่มีการลดอาหารและการออกกำลังกายที่เหมาะสม โรคอ้วนมักมีการวินิจฉัยในผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกาย หรือควบคุมอาหาร คุณสามารถจำกัดการเกิดโรคนี้ได้โดยการลดปัจจัยเสี่ยง โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

อาการ

อาการของโรคอ้วน

อาการของโรคอ้วน อาจพิจารณาได้จากค่าดัชนีมวลกาย (body mass index: BMI) ซึ่งได้จากการคำนวณโดยการใช้สูตร ค่าดัชนีมวลร่างกาย = น้ำหนัก (กก.) / (ความสูงเมตร2)

โดยสามารถแปลผลค่าดัชนีมวลกายได้ ดังนี้

  • น้อยกว่า 16.0 จัดเป็น โรคผอมระดับ 3
  • 16.0 – 16.9 จัดเป็น โรคผอมระดับ 2
  • 17.0 – 18.4 จัดเป็น โรคผอมระดับ 1
  • 18.5 – 22.9 จัดเป็น เกณฑ์ปกติ
  • 23.0 – 24.9 จัดเป็น น้ำหนักเกิน
  • 25.0 – 29.9 จัดเป็น โรคอ้วนระดับ 1a
  • 30.0 – 34.9 จัดเป็น โรคอ้วนระดับ 1b
  • 35.0 – 39.9 จัดเป็น โรคอ้วนระดับ 2
  • มากกว่าหรือเท่ากับ 40 จัดเป็น โรคอ้วนระดับ 3

หรือใช้ เครื่องคำนวณ BMI ของเรา

[embed-health-tool-bmi]

อย่างไรก็ตาม ค่าดัชนีมวลร่างกายไม่ได้วัดไขมันในร่างกายได้โดยตรง ตัวอย่างเช่น ในคนบางคนโดยเฉพาะนักกีฬาเพาะกาย อาจมีค่าดัชนีมวลร่างกายในระดับที่เป็นโรคอ้วน เนื่องจากกล้ามเนื้อมีการเจริญเติบโตมากเกินไป แม้ว่าไม่มีไขมันส่วนเกิน ดังนั้น หากเราเพียงยึดตามค่าดัชนีมวลร่างกาย จะไม่แสดงให้เห็นโรคอ้วนอย่างถูกต้อง ให้ปรึกษาแพทย์ หากมีข้อกังวลใดเกี่ยวกับค่าดัชนีมวลร่างกาย

โรคอ้วนสามารถเพิ่มความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพที่รุนแรง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary heart disease) เบาหวาน โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ (sleep apnea)

อาจมีอาการอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง หากมีคำถามใด ๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษาแพทย์

ควรไปพบหมอเมื่อใด

หากคุณคิดว่าอาจเป็นโรคอ้วน โดยเฉพาะหากกังวลเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ที่สัมพันธ์กับน้ำหนัก ให้ไปพบหมอโดยทันที คุณและแพทย์ที่ทำการรักษาสามารถประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพและพูดคุยเกี่ยวกับวิธีการต่างๆ เพื่อที่จะลดน้ำหนัก ให้ปรึกษาแพทย์เสมอเพื่อหาวิธีการวินิจฉัยโรค การรักษา และการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

รู้เรื่องสาเหตุ

สาเหตุของโรคอ้วน

โรคอ้วนเกิดจากการที่ร่างกายได้รับปริมาณแคลอรี่มากกว่าปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายเผาผลาญไป โดยอาจมีปัจจัยบางอย่างที่ส่งผลให้เกิดปัญหานั้น เช่น ยีน (พ่อแม่มีแนวโน้มทางพันธุกรรม ที่จะถ่ายทอดยีนโรคอ้วนไปยังลูก) เหตุผลทางจิตวิทยา (รับประทานอาหารเมื่อมีความเครียด) หรือปัจจัยทางสังคมและวัฒนธรรม (ถูกกระตุ้นให้รับประทานอาหารมากขึ้น) โรคทางกาย เช่น ไทรอยด์ต่ำ หรือ การรับประทานอาหารโดยไม่ออกกำลังกาย

รู้เรื่องปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงของโรคอ้วน

ปัจจัยต่างๆ ที่เพิ่มความเสี่ยงสำหรับโรคอ้วน ได้แก่

  • พันธุกรรม
  • ไลฟ์สไตล์ของครอบครัว
  • นิสัยการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
  • เลิกสูบบุหรี่
  • นอนไม่พอ
  • การใช้ยาบางชนิด
  • อายุ
  • ปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจ
  • ประเด็นเกี่ยวกับสุขภาพ
  • โรคต่าง ๆ เช่น ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ หรือ ไฮโปไทรยด์ (hypothyroid)

การไม่มีความเสี่ยงไม่ได้หมายความว่า คุณไม่สามารถเป็นโรคนี้ได้ สัญญาณเตือนเหล่านี้มีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น คุณควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม

ทำความเข้าใจการวินิจฉัยและการรักษา

ข้อมูลที่นำเสนอในที่นี้ ไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ ให้ปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

การวินิจฉัยโรคอ้วน

การวินิจฉัยโรคอ้วนทั้งตัวสามารถทำได้โดยการพิจารณาจากการวัดปริมาณไขมันในร่างกาย ส่วนสำหรับโรคอ้วนลงพุงทำได้โดยการวัดปริมาณไขมันช่องท้องและไขมันใต้ผิวหนังบริเวณช่องท้อง อย่างไรก็ตาม สามารถใช้ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) เพื่อวินิจฉัยโรคอ้วนทั้งตัว และใช้ค่าเส้นรอบเอวเพื่อวินิจฉัยโรคอ้วนลงพุงได้

การวินิจฉัยด้วยค่าดัชนีมวลกาย (BMI)

เกณฑ์สำหรับค่าดัชนีมวลกาย สามารถแบ่งได้ ดังนี้

  • น้อยกว่า 16.0 จัดเป็น โรคผอมระดับ 3
  • 16.0 – 16.9 จัดเป็น โรคผอมระดับ 2
  • 17.0 – 18.4 จัดเป็น โรคผอมระดับ 1
  • 18.5 – 22.9 จัดเป็น เกณฑ์ปกติ
  • 23.0 – 24.9 จัดเป็น น้ำหนักเกิน
  • 25.0 – 29.9 จัดเป็น โรคอ้วนระดับ 1a
  • 30.0 – 34.9 จัดเป็น โรคอ้วนระดับ 1b
  • 35.0 – 39.9 จัดเป็น โรคอ้วนระดับ 2
  • มากกว่าหรือเท่ากับ 40 จัดเป็น โรคอ้วนระดับ 3

การวัดเส้นรอบเอว

สำหรับการวัดเส้นรอบเอวสามารถทำได้โดยการวัดที่ จุดกึ่งกลางระหว่างขอบล่างของกระดูกซี่โครง กับ ขอบบนของกระดูกเชิงกราน โดยพันสายวัดรอบเอวให้แนบกับลำตัว ไม่ชิดหรือหย่อนเกินไป และให้สายวัดขนานกับพื้น 

เกณฑ์การวินิจฉัยโรคอ้วนลงพุงจากเส้นรอบเอว มีดังนี้

  • สำหรับเพศชาย คือ มีเส้นรอบเอวตั้งแต่ 90 ซม. ขึ้นไป
  • สำหรับเพศหญิง คือ มีเส้นรอบเอวตั้งแต่ 80 ซม. ขึ้นไป

การรักษาโรคอ้วน

การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการผ่าตัด ล้วนแล้วแต่สามารถช่วยได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมอาหารและแพทย์ สามารถช่วยเราวางแผนอาหารที่มีไขมันต่ำและแคลอรี่ต่ำ การออกกำลังกายเป็นวิธีที่ได้ผล โดยควรมีโปรแกรมการติดตามผลส่วนบุคคล เพื่อช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อนของโรค

ไลฟ์สไตล์ที่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย การออกกำลังกายให้มากขึ้น และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการลดน้ำหนัก และทำให้สุขภาพดีขึ้น ให้ดำเนินการร่วมกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมอาหาร เพื่อกำหนดปริมาณแคลอรี่ที่ปลอดภัยในแต่ละวัน ที่คุณสามารถบริโภคเพื่อให้สามารถช่วยลดน้ำหนักเพื่อรักษาสุขภาพ ให้ระลึกไว้ว่าการลดน้ำหนักอย่างช้าๆ และสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการมีน้ำหนักกลับมาเพิ่มมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมอาหารสามารถแนะนำคุณเกี่ยวกับสิ่งดังต่อไปนี้

  • วิธีการเลือกอาหารที่มีประโยชน์
  • อาหารว่างที่มีประโยชน์
  • อ่านฉลากโภชนาการก่อนใช้
  • วิธีใหม่ในการแปรรูปอาหาร

คุณยังควรทราบเกี่ยวกับการจำกัดอาหารขยะ ภายใต้เทคนิคการลดแบบความเครียด เช่น โยคะ การออกกำลังกาย หรือการทำสมาธิ ให้ปรึกษาแพทย์ หากคุณมีความซึมเศร้าและความเครียดรุนแรง

หากคุณเป็นโรคอ้วน (เกินกว่าร้อยละ 100 ของน้ำหนักร่างกายโดยหลักการ หรือมีค่าดัชนีมวลร่างกายที่สูงกว่า 40)

การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเอง

การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองที่ช่วยจัดการโรคอ้วน

การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองดังต่อไปนี้ อาจช่วยรับมือกับโรคอ้วนได้

  • แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับภาวะสุขภาพของคุณ
  • แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ ให้แจ้งแพทย์หากเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยา
  • พิจารณาการมีส่วนร่วมในกลุ่มที่สนับสนุนการลดน้ำหนัก
  • เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
  • ทำความเข้าใจน้ำหนัก ดัชนีมวลร่างกาย และไขมันในร่างกายในปัจจุบันของคุณ
  • แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่ามีการลดน้ำหนักและออกกำลังกาย
  • แจ้งให้แพทย์ทราบ หากมีอาการท้องร่วงหรือน้ำตาลในเลือด (กลูโคส) ต่ำอย่างมากหลังการผ่าตัด
  • การเรียนรู้เกี่ยวกับภาวะของคุณ จะทำให้คุณทราบเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำ และการควบคุมภาวะร่างกายให้ดีขึ้น
  • ตั้งเป้าหมายที่สามารถทำได้จริง คุณไม่ควรตั้งเป้าหมายการลดน้ำหนักไว้สูงเกินไป เนื่องจากจะทำให้รู้สึกท้อแท้ได้ง่ายขึ้น
  • ปฏิบัติตามแผนการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
  • มีบันทึกกระบวนการรักษา โปรดบันทึกรายการอาหารต่างๆ ที่ใช้และการออกกำลังกายที่ได้ทำมา จะช่วยให้คุณรักษาความเสมอต้นเสมอปลาย สำหรับการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายประจำวันได้ นอกจากนี้ ยังช่วยให้คุณทราบเกี่ยวกับอาหารและกิจกรรมต่างๆ ที่คุณจำเป็นต้องรวมหรือนำออกจากรายการ ให้จำแนกและหลีกเลี่ยงอาหารต่างๆ ที่สามารถกระตุ้นความอยากอาหาร ให้รับประทานเมื่อรู้สึกหิวจริงเท่านั้น

หากคุณมีข้อสงสัย โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้นถึงวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

โรคอ้วนไม่ได้เป็นแค่เรื่องรูปร่างหรือน้ำหนัก แต่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การเข้าใจความเสี่ยงและเริ่มปรับพฤติกรรมอย่างถูกวิธีตั้งแต่วันนี้ จะช่วยลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนและทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างปลอดภัยมากขึ้น

อยากรู้วิธีการรับมือโรคอ้วนให้ดีขึ้น?

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับววิธีรับมือโรคอ้วนและเคล็ดลับการลดน้ำหนัก ที่นี่

หากคุณมีค่า BMI อยู่ในเกณฑ์โรคอ้วน หรือมีโรคร่วม เช่น เบาหวาน ความดัน หรือไขมันในเลือดสูง การปรึกษาคุณหมอจะช่วยประเมินความเสี่ยง วางแผนลดน้ำหนักให้เหมาะกับสุขภาพ และติดตามผลได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในผู้ที่เคยพยายามลดน้ำหนักด้วยตัวเองแล้วไม่สำเร็จ

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Ferri, Fred. Ferri’s Netter Patient Advisor. Philadelphia, PA: Saunders / Elsevier, 2012. Download version.

Obesity. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/obesity/basics/definition/con-20014834. Accessed July 14, 2016.

Obesity. https://www.healthline.com/health/obesity

What Is Obesity? https://www.webmd.com/diet/obesity/what-obesity-is

เวอร์ชันปัจจุบัน

17/12/2025

เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย ได้รับการตรวจโดยแพทย์เวชปฏิบัติ

อัปเดตโดย: พลอย วงษ์วิไล


บทความที่เกี่ยวข้อง

อดอาหาร น้ำหนักลด จริงหรือไม่

คนอ้วน เจ็บเท้า บรรเทาอาการอย่างไร และเมื่อไหร่ที่ต้องกังวล


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

ได้รับการตรวจโดยแพทย์เวชปฏิบัติ

แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป · Hello คุณหมอ


เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี · แก้ไขล่าสุด เมื่ื่อวาน

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา