เท้าเป็นอวัยวะสำคัญที่ต้องรับน้ำหนักทั้งร่างกาย จึงไม่แปลกเลยที่เมื่อคุณน้ำหนักมากขึ้น หรือความอ้วน จะทำให้เท้าต้องรับน้ำหนักมากขึ้น จนอาจเกิดปัญหาตามมา นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินจนก่อให้เกิดอาการ เจ็บเท้า วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนมาดูสาเหตุที่ทำให้ คนอ้วน มีอาการ เจ็บเท้า และวิธีการบรรเทาอาการกัน
สาเหตุที่ทำให้ คนอ้วน มีอาการ เจ็บเท้า
การมีน้ำหนักเกินทำให้คุณเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่าง ๆ ที่สามารถทำให้เกิดอาการเจ็บเท้าได้ เช่น
-
โรคเกาต์
โรคเกาต์ เกิดจากการสะสมของ กรดยูริก ในบริเวณข้อต่อต่าง ๆ เช่น ข้อเท้า ทำให้เกิดอาการปวดแบบเจ็บแปลบ และอาการปวดรุนแรง โดยเฉพาะในบริเวณหัวแม่เท้า ซึ่งโรคอ้วนอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเกาต์ได้เนื่องจากอาจทำให้เกิดภาวะกรดยูริกสูง
-
ภาวะปลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy)
ความอ้วน เป็นหนึ่งในปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ซึ่งหากควบคุมโรคเบาหวานไม่ดี อาจส่งผลให้เกิดภาวะปลายประสาทอักเสบ ที่ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณส่วนปลายลดลง ทำให้เกิดอาการชา และเมื่อเวลาเกิดแผลก็อาจจะไม่ค่อยรู้สึกและไม่ได้ทำการรักษา นำไปสู่การติดเชื้อรุนแรง และอาจนำไปสู่การตัดขาได้
-
โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย (Peripheral Artery Disease)
โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย เป็นโรคที่เกิดจากการสะสมคราบพลัค (Plaque) ในผนังหลอดเลือดแดงที่ขา ซึ่งส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดไปยังเท้าลดลง
-
ค่าดัชนีมวลกายเพิ่มขึ้น
งานวิจัยที่ศึกษาเรื่องโรคอ้วน อาการเจ็บเท้า และความผิดปกติของเท้าในผู้ชายและผู้หญิงสูงอายุ พบว่า ทั้งชายและหญิงมีโอกาสที่จะเกิดอาการเจ็บเท้าเพิ่มขึ้น เมื่อค่าดัชนีมวลกายเพิ่มขึ้น
วิธีบรรเทาอาการ เจ็บเท้า
หากความอ้วนเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคต่าง ๆ ซึ่งนำมาสู่อาการเจ็บเท้า การแก้ปัญหาจึงควรเป็นการลดความอ้วน ด้วยการออกกำลังกาย และกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม แต่คนอ้วนหลายคนอาจมีปัญหากับการออกกำลังกาย เนื่องจากอาการเจ็บเท้า ทำให้ไม่สามารถเดินหรือวิ่งได้สะดวก
ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่า ให้เริ่มออกกำลังกายด้วยการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ (Low-impact Exercise) เช่น การว่ายน้ำ การปั่นจักรยาน และการแอโรบิคในน้ำ นอกจากนี้ยังอาจใช้วิธีเหล่านี้เพื่อบรรเทาการเจ็บเท้าได้ด้วย
เจ็บปวดบริเวณหัวแม่เท้า
โรคเกาต์มักจะทำให้มีอาการเจ็บหัวแม่เท้า ซึ่งอาจมีวิธีบรรเทาอาการดังนี้
- ลดการใช้งานขาและเท้า ทั้งการเดิน วิ่ง และยืน ควรนั่งพัก
- ใช้ยาโคลชิซิน (Colchicine) หรือยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) หากอาการยังไม่ดีขึ้นควรเข้าพบคุณหมอ
- หลีกเลี่ยงอาหาร ที่ทำให้อาการของโรคเกาต์แย่ลง เช่น ผักใบเขียว เครื่องในสัตว์ โดยเฉพาะน้ำผลไม้ที่มีสารให้ความหวาน
ปวดส้นเท้า
อาการเจ็บปวดที่ส้นเท้า อาจหมายถึง ฝ่าเท้าอักเสบ ซึ่งเป็นการระคายเคืองหรือการอักเสบของกลุ่มเนื้อเยื่อแข็ง ที่เชื่อมระหว่างกระดูกส้นเท้ากับนิ้วเท้า โดยปกติแล้วจะมีอาการเจ็บปวดที่สุดในตอนเช้า เมื่อคุณลุกจากเตียง โดยวิธีบรรเทาอาการ มีดังนี้
- พักเท้าไว้ ไม่ลุกขึ้นยืนหรือเดิน
- ยืดกล้ามเนื้อฝ่าเท้า
- กินยาบรรเทาปวด
- สวมรองเท้าที่รับน้ำหนักเท้าได้ดี และมีเบาะรองเท้า
เส้นประสาทส่วนปลาย หรือเส้นประสาทบริเวณเท้าเกิดความเสียหาย
มักจะเกิดจากโรคเบาหวาน ซึ่งทำให้เกิดความเจ็บปวด แบบเจ็บแสบ ปวดแสบ หรือรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าช็อต โดยอาการต่าง ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเท้า ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาและป้องกันอาการต่อไป
[embed-health-tool-bmi]