ความอ้วน ไม่ใช่ปัญหาของคนอื่น แต่เป็นปัญหาของตัวเราเอง
หลายคนอาจคิดว่าน้ำหนักก็เป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความอ้วนอาจกำลังนำไปสู่โรคที่มองไม่เห็น และภาวะแทรกซ้อนอีกมากมาย
อ้วนหรือไม่ ชี้วัดด้วยอะไร?
แน่นอนว่าความอ้วนไม่ได้ชี้วัดจากน้ำหนักเท่านั้น เกณฑ์ที่จะช่วยชี้วัดน้ำหนักที่เหมาะสมของร่างกายได้ คือค่าดัชนีมวลกาย หรือที่เรียกกันว่า BMI ซึ่งคำนวณจากค่า น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ÷ ด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง โดยทุกๆ 1 ยูนิต BMI ที่เพิ่มขึ้น ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อน ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มโรค NCDs หรือ “โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” ทำความรู้จักค่า BMI พร้อมวิธีแปลผลได้ที่นี่
[embed-health-tool-bmi]
โรคที่มองไม่เห็น ภัยที่ซ่อนไว้ในความอ้วน
น้ำหนักตัวที่มาก ไม่เพียงส่งผลต่อการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันที่ไม่สะดวกคล่องตัว ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย และปวดเข่าเท่านั้น จริงอยู่ที่รูปร่างเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ถึงอย่างนั้นกระบวนการทำงานที่เกิดขึ้นภายในร่างกายก็เป็นสิ่งที่เราไม่อาจรู้ได้ ความอ้วนจึงซ่อนโรคภัยเอาไว้มากกว่าที่คิด ทั้งยังเป็นอาการที่ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย
โดยผลกระทบด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นจากความอ้วน มีดังนี้
-
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ:
แม้ภาวะนี้สามารถพบได้ในคนหลายกลุ่ม แต่ผู้ที่เป็นโรคอ้วน หรือมีภาวะอ้วน ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ สาเหตุหลักมาจากไขมันที่สะสมจากการที่มีน้ำหนักตัวมาก หรืออาจเป็นการทำงานผิดปกติของกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการตีบของบริเวณทางเดินหายใจส่วนบน และส่งผลให้หายใจลำบาก อาการของภาวะนี้มีตั้งแต่ นอนกรน นอนกัดฟัน หยุดหายใจขณะหลับ ฝันร้าย ละเมอเดิน พูด หรือทานอาหาร นอนหลับไม่สนิท ง่วงตอนกลางวัน ไม่สดชื่นหลังตื่นนอน หายใจเฮือก หรือหยุดหายใจขณะหลับจนต้องตื่นขึ้นกลางดึก เป็นต้น1,2
-
PCOS หรือ ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ ในผู้หญิง:
PCOS เป็นความผิดปกติของฮอร์โมนที่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิงมากถึง 20% ปัญหาที่พบได้คือ ประจำเดือนขาด หรือมาไม่ปกติ ความผิดปกติของการตกไข่นี้ยังส่งผลให้เกิดปัญหามีบุตรยาก และเพิ่มโอกาสแท้งในระหว่างตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก
จากการสำรวจ ชี้ให้เห็นว่า ผู้หญิง 38-88% ที่เป็น PCOS มักเป็นโรคอ้วน ทั้งสองภาวะส่งผลกระทบต่อกันเป็นวงจร เมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้น อาการ PCOS ก็รุนแรงขึ้น เมื่อน้ำหนักลดลง อาการ PCOS ก็ทุเลาลงตามไปด้วย3,4
-
ความดันโลหิตสูง:
การมีน้ำหนักเกิน ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงตามไปด้วย นั่นเพราะยิ่งน้ำหนักตัวมาก ร่างกายก็ต้องสูบฉีดเลือดมากขึ้น เพื่อให้มีออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงครบทุกส่วน โดยโรคความดันโลหิตสูงนี้จะส่งผลให้หลอดเลือดและหัวใจเสียหาย ยิ่งถ้าหากไม่ควบคุมหรือรักษาก็จะยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาเรื้อรัง เช่น หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง5,6
-
เบาหวาน:
โรคอ้วนถือเป็นปัจจัยหลักของการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เมื่อไขมันส่วนเกินในร่างกายถูกย่อยสลายจะกลายเป็นกรดไขมันอิสระและกลูโคส ที่จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และลำเลียงไปยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย หากมีสารอาหาร 2 ชนิดนี้มากเกินไป ตับอ่อนก็จะผลิตอินซูลินเพื่อช่วยดูดซึมน้ำตาลในเลือดเข้าสู่ร่างกาย แต่หากตับอ่อนต้องทำงานหนักต่อเนื่องเป็นเวลานานจนทำงานต่อไปไม่ไหว น้ำตาลในเลือดก็จะสูงขึ้น ส่งผลให้กลายเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 นั่นเอง7 นอกจากนี้ ไขมันส่วนเกินยังกระตุ้นให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินอีกด้วย
-
ไขมันในเลือดสูง:
การกินอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันและคอเลสเตอรอล ส่งผลให้ร่างกายมีระดับไขมันในเลือดสูงกว่าปกติ ทำให้หลอดเลือดแข็ง ตีบ อุดตัน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดตามมาในภายหลัง8
-
อาการบาดเจ็บที่ข้อต่อและกล้ามเนื้อ:
ข้อต่อและกล้ามเนื้ออาจบาดเจ็บจากการรองรับน้ำหนักจำนวนมากอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณข้อเข่า สังเกตได้จากอาการ เช่น ปวดเข่า ข้อเข่าติด เดินลำบาก ข้อเข่าไม่มั่นคง หากไม่รีบรักษา อาจนำไปสู่โรคข้ออักเสบได้ในท้ายที่สุด9,10
-
ผลกระทบต่อสุขภาพจิต:
ความอ้วน ไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพกาย แต่ยังสร้างผลกระทบทางจิตใจด้วยเช่นกัน จากการสำรวจพบว่าคนอ้วนส่วนใหญ่ ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล ภาวะการเห็นคุณค่าในตนเองต่ำ (Low-self Esteem) เป็นต้น11
ปากกาลดน้ำหนัก ทางเลือกตัวช่วยในการลดความอ้วน
หลักสำคัญในการควบคุมน้ำหนัก ลดความอ้วน คือการปรับพฤติกรรม ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้บางคนอาจพิจารณาถึงตัวเลือกในการรักษาโรคอ้วน ภายใต้การแนะนำของคุณหมอที่จะใช้ควบคู่ไปกับการปรับไลฟ์สไตล์ เช่นการผ่าตัด การใช้ยา ซึ่งรวมถึงปากกาลดน้ำหนักด้วยเช่นกัน
“ปากกาลดน้ำหนัก” ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางการรักษาที่กำลังเป็นที่นิยม โดยปากกาลดน้ำหนัก หรือ Incretin-based Therapy คือยาเลียนแบบฮอร์โมนอินเครตินธรรมชาติในร่างกาย มีหน้าที่ช่วยควบคุมความอยากอาหาร ทำให้อิ่มนานขึ้น ยิ่งถ้าหากเป็นปากกาลดน้ำหนักที่มีฮอร์โมน 2 ชนิด คือ GIP (Glucose-Insulinotropic Polypeptide) และ GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) ก็จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยรักษาภาวะโรคอ้วนแล้ว ยังส่งผลต่อโรคร่วมอื่นๆ ในทางอ้อมด้วย เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และไขมันในเลือดสูง 12
ผลกระทบที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่าโรคอ้วน สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพเรื้อรังในระยะยาวได้อีกมากมาย การลดน้ำหนักจึงเป็นจุดเริ่มต้นง่ายๆ ที่จะช่วยป้องกันคุณให้ห่างไกลจากโรคเรื้อรังเหล่านั้น