backup og meta

โรคเริมที่ปาก เกิดจากอะไรและดูแลได้อย่างไรเมื่ออาการกำเริบ

โรคเริมที่ปาก เกิดจากอะไรและดูแลได้อย่างไรเมื่ออาการกำเริบ

เริม เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากเชื้อ Herpes simplex virus ชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 เริมมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ โรคเริมที่ปาก และเริมที่อวัยวะเพศ ซึ่งเริมเป็นอาการที่ไม่หายขาด เมื่อเป็นแล้วจะกลับมาเป็นได้อีก

[embed-health-tool-bmr]

โรคเริมที่ปาก คืออะไร

โรคเริมที่ปาก เป็นอาการติดเชื้อบริเวณปากที่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสเริม (Herpes simplex virus) โรคเริมที่ปากเป็นอาการที่พบบ่อยและเป็นโรคติดต่อที่แพร่เชื้อได้ง่าย โดยข้อมูลจากสมาคม American Sexual Health Association ระบุว่า มากกว่าครึ่งของประชากรวัยผู้ใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกามีเชื้อไวรัสเริม

เริมมี 2 ชนิด คือ เริมที่ปาก (เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex virus ชนิด 1 หรือ HSV-1) และเริมที่อวัยวะเพศ (เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex virus ชนิด 2 หรือ HSV-2) โดยการติดเชื้อเริมที่ปากจะทำให้มีแผลในปาก ริมฝีปาก ลิ้น หรือเหงือก หลังจากการติดเชื้อเริมครั้งแรก ไวรัสเริมจะอาศัยอยู่ภายในเซลล์ประสาทใบหน้าในสภาพปกติ และสามารถกำเริบได้อีกครั้ง และมีอาการดังต่อไปนี้

  • มีแผลในปาก ริมฝีปาก ลิ้น จมูก หรือเหงือก
  • แสบร้อนบริเวณแผล
  • รู้สึกชาหรือคันบริเวณริมฝีปาก
  • แผลพุพองแตก บวมแดง หรืออักเสบ

สาเหตุที่ทำให้เป็นเริมที่ปาก

คุณสามารถเป็นเริ่มที่ปากได้ จากการใกล้ชิดกับผู้ที่มีเชื้อไวรัสเริการใช้ของร่วมกันกับผู้ที่มีเชื้อเริม หรือการสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อไวรัสเริม เช่น ผ้าเช็ดตัว ของใช้ในครัว มีดโกนหนวด

ผู้ที่เคยเป็นเริมที่ปาก ปัจจัยเหล่านี้อาจเป็นตัวกระตุ้นให้อาการ เริมที่ปาก กำเริบได้

วิธีรักษา เริมที่ปาก

คุณไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้ เมื่อได้รับเชื้อไวรัส HSV-1 แล้ว ไวรัสเริมจะอยู่ในร่างกายของคุณตลอดไป แม้ว่าคุณจะไม่มีอาการเริมเกิดขึ้นอีกเลยก็ตาม ส่วนอาการเริมที่ปากที่เกิดขึ้นครั้งต่อๆ มา โดยปกติจะหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์โดยไม่ต้องได้รับการรักษาใด ๆ แผลจะตกสะเก็ตและลอก และหายไปในที่สุด

หากเป็นเริมที่ปาก คุณสามารถบรรเทาอาการเองเบื้องต้นได้ ด้วยการกินยาบรรเทาปวด เช่น อะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) เพื่อช่วยลดความเจ็บปวดจากแผล นอกจากนี้คุณอาจซื้อยาทาชนิดครีมจากร้านขายยา มาทาบริเวณที่เป็นแผล ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาของอาการเริมที่ปากได้ 1-2 วัน

การป้องกันและการดูแลเมื่ออาการกำเริบ

คุณสามารถช่วยป้องกันอาการเริมที่ปากกำเริบ หรือป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสเริมได้ ด้วยวิธีต่อไปนี้

  • ทำความสะอาดสิ่งของที่สัมผัสกับแผลติดเชื้อ เช่น ผ้าเช็ดตัว ด้วยการนำไปต้มในน้ำเดือด
  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องครัว เช่น ช้อนส้อม มีด ตะเกียง ร่วมกับผู้ที่มีเชื้อเริมที่ปาก
  • อย่าใช้ครีมทาแผลในปากร่วมกับผู้อื่น
  • ไม่ควรจูบหรือทำออรัลเซ็กส์กับผู้ที่มีอาการเริมที่ปากหรือที่อวัยวะเพศ
  • ไม่ควรสัมผัสแผลเริม เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายไปในอวัยวะอื่นของร่างกาย แต่ในกรณีที่สัมผัสแผลแล้วให้ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ทันที
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำลาย ผิวหนัง หรือเยื่อเมือกในบริเวณที่มีแผลเริม

อาการแบบนี้ ควรไปพบคุณหมอ

โดยปกติอาการเริมที่ปากจะหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากเกิดอาการหรือภาวะเหล่านี้ คุณควรรีบไปพบคุณหมอทันที

  • อาการเริมที่ปากทำให้คุณไม่สามารถกินอาหารหรือดื่มน้ำได้
  • ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอหากแผลเริ่มปรากฏ ควรรีบไปพบคุณหมอทันที เพราะคุณมีแนวโน้มที่จะเกิดการติดเชื้อรุนแรง หรือเป็นโรคแทรกซ้อน

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Recurrent Herpes Simplex Labialis. https://www.healthline.com/health/fever-blister-causes. Accessed on September 26, 2018.

Herpes simplex virus. http://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/herpes-simplex-virus. Accessed on September 26, 2018.

Oral Herpes. https://www.webmd.com/a-to-z-guides/oral-herpes#1. Accessed on September 26, 2018.

เวอร์ชันปัจจุบัน

03/11/2022

เขียนโดย Duangkamon Junnet

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet

อัปเดตโดย: สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำไมสายพันธุ์โอมิครอนจึงทำให้เห็นความสำคัญของชุดตรวจโควิดด้วยตัวเองมากขึ้น?

5 เหตุผลที่คุณควรมี ชุดทดสอบโควิด-19 ติดตัวไว้ในยุค New Normal


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

Duangkamon Junnet


เขียนโดย Duangkamon Junnet · แก้ไขล่าสุด 03/11/2022

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา