โควิดลงปอดอาการ เป็นอย่างไร? โดยส่วนใหญ่แล้วมักไอ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก รวมถึงมีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส นอกจากนั้น ผู้ป่วยโควิดบางราย โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง หรือสูบบุหรี่ มักเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่ายกว่าคนทั่วไป เช่น โรคปอดอักเสบ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
[embed-health-tool-bmi]
โควิดลงปอดคืออะไร
เชื้อโควิด-19 หรือ SARS-CoV-2 เป็นเชื้อไวรัสในตระกูลโคโรนาไวรัส (Coronavirus) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของอาการป่วยตั้งแต่โรคไข้หวัดธรรมดาไปจนถึงโรคอื่น ๆ ที่มีความรุนแรง
เมื่อเชื้อโควิด-19 เข้าสู่ร่างกาย จะเข้าไปเกาะกับเซลล์ของเยื่อเมือกในจมูกหรือปาก แล้วเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วทำให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินหายใจ
ทั้งนี้ เชื้อโควิด-19 สามารถเข้าไปสร้างอันตรายให้ถุงลมได้ซึ่งถือเป็นอวัยวะส่วนที่ลึกที่สุดของระบบทางเดินหายใจ โดยถุงลมเป็นส่วนของปอดซึ่งทำหน้าที่แลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซน์กับหลอดเลือดฝอย เมื่อโควิดลงปอดจึงหมายถึงเชื้อโควิด-19 เข้าสู่ถุงลมนั่นเอง
อาการโควิดลงปอด เป็นอย่างไร
อาการโควิดลงปอด มีลักษณะดังต่อไปนี้
- ไอแห้ง
- เจ็บคอ
- หอบเหนื่อย
- หายใจไม่อิ่ม แน่นหน้าอก
- ระดับออกซิเจนในเลือดลดลงต่ำกว่าปกติ หรือต่ำกว่า 97-100 เปอร์เซ็นต์เมื่อใช้เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว
- ง่วงซึม อ่อนเพลีย เพราะมีเลือดไปเลี้ยงสมองน้อยกว่าปกติ
นอกจากนี้ เชื้อโควิด-19 ยังอาจทำให้เป็นโรคปอดอักเสบ (Covid-19 Pneumonia) ได้ ซึ่งจัดเป็นภาวะแทรกซ้อนและอาการระดับรุนแรงของโรคโควิด-19
เมื่อเป็นโรคปอดอักเสบ ปอดจะเต็มไปด้วยเมือก ของเหลว รวมถึงจำนวนเซลล์ที่ทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยหายใจได้ลำบาก และมีอาการดังต่อไปนี้ร่วมด้วย
- ไข้สูง
- สับสน
- เจ็บหรือแน่นหน้าอก
- เหนื่อยอ่อนอย่างรุนแรง
- ริมฝีปาก ผิวหนัง และเล็บเป็นสีน้ำเงิน
นอกจากปอดอักเสบแล้ว เชื้อโควิด-19 ยังเป็นสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับปอดดังนี้
- โรคหลอดลมอักเสบ เป็นความผิดปกติที่เกิดจากการมีเสมหะในหลอดลมมากเกินไป ส่งผลให้ไอ แน่นหน้าอก และหายใจลำบาก
- กลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน เป็นผลสืบเนื่องจากโรคปอดอักเสบ โดยถุงลมจะเต็มไปด้วยของเหลวที่รั่วจากหลอดเลือดฝอยในปอด ส่งผลให้หายใจลำบากอย่างเฉียบพลัน ทำให้จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ร่วมกับมีอาการหน้ามืด อ่อนล้า ง่วงซึม หรือสับสน ทั้งนี้ กลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลันเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ใครบ้างที่เสี่ยงมีอาการโควิดลงปอด
ผู้ที่จัดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงต่ออาการโควิดลงปอด มีดังนี้
- ผู้สูงอายุ
- ผู้ที่เป็นโรคอ้วนหรือมีค่าดัชนีมวลกายเกิน 30
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งทุกชนิด
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ
อาการโควิดลงปอด ดูแลตัวเองอย่างไร
เมื่อทราบว่าโควิดลงปอด ควรดูแลตัวเองดังนี้
- ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และเว้นระยะห่างจากผู้อื่นเพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19 แพร่กระจาย
- นอนคว่ำเพื่อให้ปอดไม่ถูกกดทับ และถ้ากำลังตั้งครรภ์ให้นอนตะแคงซ้ายแทน
- หากหายใจไม่ออก ให้นั่งหลังตรงบนเก้าอี้ หรือหายใจเข้าทางจมูกแล้วหายใจออกทางปาก โดยให้ทำปากเผยอไว้ในลักษณะเดียวกับการเป่าเทียน
- ดื่มน้ำในปริมาณมาก รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ
- ขยับขาบ่อย ๆ ด้วยการยืด-งอขา หรือเหยียดปลายเท้า เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนและป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
- รับประทานยาลดไข้ทันทีเมื่อเป็นไข้ และใช้ยาตามคำแนะนำของคุณหมอ
ความเสียหายที่ปอดเนื่องจากโรคโควิด-19 ฟื้นฟูได้หรือไม่
ผู้ป่วยโควิด-19 และมีอาการโควิดลงปอด หรือมีภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับปอด เมื่อหายจากโรคโควิด-19 ร่างกายสามารถฟื้นฟูให้กลับไปมีสุขภาพแข็งแรงได้
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการฟื้นตัวของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่มักเกินระยะเวลา 3 เดือน หรือยาวนานถึง 1 ปี หรืออาจนานกว่านั้น ขึ้นอยู่ปัจจัยหลายประการ เช่น อายุ เพศ โรคประจำตัว
โควิดลงปอด ป้องกันได้อย่างไร
โควิดลงปอด รวมถึงโรคโควิด-19 ป้องกันได้หากดูแลปฏิบัติตัว ดังนี้
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รวมถึงวัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงซึ่งได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปี และผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ เพราะมีโอกาสเกิดโรคปอดอักเสบจากเชื้อโควิด-19 มากกว่าคนทั่วไป
- งดสูบบุหรี่ หรือสูดดมควันบุหรี่จากผู้อื่น เพราะการสูบบุหรี่ทำให้ปอดเสียหาย และเพิ่มความเสี่ยงให้เป็นโรคโควิด-19 ในระดับรุนแรงหากติดเชื้อ
- ล้างมือสม่ำเสมอ ด้วยน้ำสะอาดและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ ทั้งก่อนรับประทานอาหาร รวมถึงหลังใช้ห้องน้ำ
- หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ผู้ป่วยโควิด-19 รวมถึงไม่ใช้สิ่งของต่าง ๆ ร่วมกับผู้ป่วย
- สวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใกล้ผู้ป่วยโควิดหรือเมื่ออยู่ในสถานที่ปิดที่มีคนหนาแน่นเช่นในรถไฟฟ้ารถประจำทางห้างสรรพสินค้า