การออกกำลังกาย

การออกกำลังกาย คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยดูแลรักษาสุขภาพร่างกายของเราให้แข็งแรง กระฉับกระเฉง และห่างไกลโรค เรียนรู้เทคนิคดี ๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกาย ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

การออกกำลังกาย

เบิร์นไขมัน ลดความอ้วน ทำได้อย่างไร

ไขมันที่สะสมในร่างกายที่ทำให้น้ำหนักและรอบเอวเกินเกณฑ์ จนนำไปสู่ความอ้วน อาจเกิดจากการรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและไขมันสูง รวมถึงขาดการออกกำลังกายหรือการเคลื่อนไหวที่ไม่เพียงพอช่วยในการเผาผลาญไขมัน ดังนั้น ควรศึกษาวิธี เบิร์นไขมัน ในร่างกาย เพื่อช่วยควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติและลดความเสี่ยงจากโรคแทรกซ้อน  [embed-health-tool-bmi] เบิร์นไขมัน คืออะไร การเบิร์นไขมัน คือ กระบวนการเผาผลาญไขมันเพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ช่วยลดไขมันที่สะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ที่สามารถทำได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เพิ่มการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน การออกกำลังกายเฉพาะส่วนที่ต้องการลดไขมัน  ทำไมจึงควรเบิร์นไขมัน  การเบิร์นไขมัน อาจช่วยลดไขมันส่วนเกินในร่างกายที่เกิดจากการรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและไขมันมากเกินไป เพราะหลังจากร่างกายย่อยอาหารจะถูกเปลี่ยนเป็นกลูโคสซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลัก หากมีกลูโคสส่วนเกินร่างกายจะเปลี่ยนน้ำตาลเป็นไกลโคเจน (Glycogen) เก็บอยู่ในกล้ามเนื้อและตับ ส่งผลให้น้ำหนักเกินเกณฑ์ ดังนั้น การเบิร์นไขมันจึงช่วยเผาผลาญไขมัน ควบคุมน้ำหนัก และลดความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ โรคข้อเข่าเสื่อม การสะสมของไขมันในร่างกายอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ข้อต่อบริเวณเข่าต้องรองรับน้ำหนักตัวมากเกินไป เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะข้อต่ออักเสบ ข้อเข่าเสื่อมเร็วและรู้สึกปวดเมื่อเคลื่อนไหว โรคหัวใจและหลอดเลือด เกิดจากไขมันสะสมในหลอดเลือดมากเกินไป จนอาจทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบ ทำให้เลือดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงหัวใจได้ไม่เต็มที่ จึงนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ไขมันที่สะสมในร่างกายอาจทำให้ร่างกายไม่สามารถใช้อินซูลินในการจัดการกับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงและเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2  โรคมะเร็ง ไขมันที่สะสมในร่างกายอาจส่งผลให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินและเพิ่มระดับอินซูลินสูง ที่กระตุ้นให้เซลล์ร่างกายเจริญเติบโตผิดปกติ เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับ […]

หมวดหมู่ การออกกำลังกาย เพิ่มเติม

คาร์ดิโอและความทนทาน

สำรวจ การออกกำลังกาย

กิจกรรมออกกำลังกายแบบอื่น

วิธีการออกกำลังกาย สำหรับผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ รับรองอาการดีขึ้นแน่

การออกกำลังกายถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุด ที่ทำเพื่อให้ร่างกายได้แข็งแรงขึ้น แม้กระทั่งผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ก็สามารถออกกำลังกายได้ หากออกอย่างเหมาะสม วิธีการออกกำลังกาย สำหรับผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ นั้นช่วยลดอาการเจ็บปวด กระดูกดีขึ้น และช่วยให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการออกกำลังกายสำหรับผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์มาฝากกันค่ะ วิธีการออกกำลังกาย สำหรับผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ วิธีการออกกำลังกายเหล่านี้ จะช่วยให้ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์นั้น มีอาการปวดน้อยลง ลดความตึงที่ข้อต่อ และยังมีส่วนช่วยให้อาการอื่น ๆ ของโรคดีขึ้นด้วย การยืดเหยียด การยืดเหยียดช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับร่างกาย ช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อ และช่วยให้มีการเคลื่อนไหวได้มากขึ้น ซึ่งการยืดเหยียดในทุก ๆ วันเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะช่วยให้โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ดีขึ้น ซึ่งควรยืดเหยียดในแต่ละส่วนของร่างกายตามอาการ หากเรามีอาการปวดที่ส่วนไหนก็ควรยืดเหยียดที่ส่วนนั้น ซึ่งวิธีการยืดเหยียดด้วยทั่ว ๆ ไปมีดังนี้ เริ่มต้นด้วยการอบอุ่นร่างกายโดยการเดินหรือแกว่งแขนขณะนั่งหรือยืนเป็นเวลา 3 นาที ยืดเหยียดบริเวณที่มีอาการปวดเป็นเวลา 10-20 วินาทีแล้วค่อย ๆ ผ่อนออก ทำซ้ำแบบเดิม 2-3 เซต การเดิน การเดินเป็นวิธีการออกกำลังกายที่งานที่สุด เพราะไม่ต้องมีอุปกรณ์มากมาย เพียงรองเท้าหนึ่งคู่ก็สามารถเดินได้ ที่สำคัญการเดินนั้นช่วยให้สุขภาพหัวใจ ข้อต่อ และช่วยส่งเสริมให้อารมณ์นั้นดีขึ้นได้ แต่ก็ต้องคำนึงถึงการเลือกรองเท้า ให้มีความเหมาะสมในการเดิน เพื่อช่วยซัพพอร์ตเท้า นอกจากนี้ขณะที่เดินควรจิบน้ำอยู่เรื่อย ๆ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะขาดน้ำ โดยอาจจะเริ่มต้นด้วยการเดินอย่างช้า ๆ ก่อนแล้วค่อยเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ หากทำได้ การเล่นไทเก็กหรือโยคะ การเล่นไทเก็กหรือโยคะ […]


กิจกรรมออกกำลังกายแบบอื่น

วิธีหายใจตอนวิ่ง ที่ช่วยให้คุณหายใจคล่องขึ้น วิ่งได้อึดขึ้น

เดี๋ยวนี้มีคนหันมาออกกำลังกายด้วยการวิ่งกันมากขึ้น ทั้งการวิ่งระยะสั้นและการวิ่งมาราธอน แต่การวิ่งก็เหมือนการเล่นกีฬาและการออกกำลังกายประเภทอื่นๆ นั่นคือ มีความเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บ เช่น ข้อเท้าพลิก เป็นตะคริวตอนวิ่ง กล้ามเนื้ออักเสบ และอีกปัญหาที่นักวิ่งหลายคนต้องประสบก็คือ ปัญหาในการหายใจ เช่น วิ่งแล้วหายใจหอบถี่ หายใจไม่ทัน จนส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการวิ่ง ทำให้วิ่งได้ไม่ครบระยะ หรือต้องใช้เวลาวิ่งนานกว่าที่ตัวเองต้องการ สำหรับนักวิ่งที่ประสบปัญหานี้ Hello คุณหมอ ก็มี วิธีหายใจตอนวิ่ง ที่ถูกต้องมาแนะนำ รับรองว่าทำแล้วคุณจะหายใจคล่องขึ้น วิ่งได้อึดขึ้นแน่นอน ทำไมวิ่งแล้วหายใจไม่ทัน การออกกำลังกายที่ต้องออกแรงมาก หรือมีความเข้มข้นสูงอย่างการวิ่ง จะทำให้กล้ามเนื้อและระบบทางเดินหายใจของคุณต้องทำงานหนักกว่าปกติ เพราะร่างกายจำเป็นต้องใช้ออกซิเจนและกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น จึงส่งผลให้คุณหายใจลำบาก หรือหายใจไม่ทันได้ คุณภาพในการหายใจนั้นสามารถบอกได้ว่าสมรรถภาพร่างกายของคุณอยู่ในระดับไหน หรืออัตราความเร็วในการวิ่งและระดับความเข้มข้นในการวิ่งนั้นเหมาะสมกับคุณหรือเปล่า หากคุณวิ่งแล้วแน่นหน้าอก เหนื่อยหอบ หายใจถี่ หรือหายใจมีเสียงหวีด นั่นอาจหมายความว่าคุณกดดันตัวเองมากเกินไป หรือวิ่งจนเกิดขีดจำกัดของตัวเอง หากคุณลดอัตราความเร็ว หรือระดับความเข้มข้นในการวิ่ง ก็อาจทำให้ปัญหาในการหายใจตอนวิ่งของคุณดีขึ้นได้ วิธีหายใจตอนวิ่ง ที่คุณควรลอง วิธีหายใจตอนวิ่งเหล่านี้ จะช่วยให้คุณหายใจได้สะดวกขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่ง ทำให้คุณวิ่งได้อึดขึ้น หรือทำเวลาในการวิ่งได้ตามต้องการ หายใจโดยใช้กล้ามเนื้อกะบังลม การหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อกะบังลม (Diaphragmatic breathing) หรือการหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อท้อง จะช่วยให้กล้ามเนื้อของคุณแข็งแรงขึ้น คุณจึงหายใจได้ดีขึ้นและรับเอาออกซิเจนเข้าสู่ปอดได้มากขึ้น นอกจากจะช่วยให้ร่างกายนำออกซิเจนไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว การหายใจวิธีนี้ยังไม่ทำให้คุณรู้สึกตึงบริเวณหัวไหล่ และเจ็บหน้าอกเหมือนเวลาหายใจด้วยกล้ามเนื้อทรวงอกด้วย คุณสามารถฝึกหายใจโดยใช้กล้ามเนื้อกะบังลมได้ ตามขั้นตอนต่อไปนี้ นั่งตัวตรงหรือนอนหงาย ราบไปกับพื้น […]


กิจกรรมออกกำลังกายแบบอื่น

มีปัญหาในการหายใจ ออกกำลังกายยังไง ถึงจะปลอดภัยและเสริมสุขภาพ

การออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที จะช่วยส่งเสริมสุขภาพ และช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้น โดยใครจะต้องออกกำลังกายรูปแบบไหน เป็นระยะเวลานานเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เวลาที่มี อายุ ผลลัพธ์ในการออกกำลังกายที่ต้องการ และที่จะละเลยไม่ได้เลยก็คือ สภาวะสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณ มีปัญหาในการหายใจ เช่น หายใจลำบาก หายใจหอบถี่ คุณก็ยิ่งต้องเลือกรูปแบบการออกกำลังกายให้รอบคอบขึ้น หากคุณอยากรู้ว่าคนที่มีปัญหาในการหายใจ ควรออกกำลังกายรูปแบบไหน และต้องระวังอะไรเป็นพิเศษบ้าง ก็ลองมาหาคำตอบในบทความนี้ของ Hello คุณหมอ ได้เลย สาเหตุที่ทำให้คุณ มีปัญหาในการหายใจ หากคุณเป็นโรคเกี่ยวกับปอดและระบบทางเดินหายใจ ก็อาจทำให้ปอดของคุณทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพได้ หรือมีปัญหาในการหายใจได้ ซึ่งโรคที่สามารถทำให้คุณมีปัญหาในการหายใจได้นั้นมีมากมาย ที่พบได้บ่อย เช่น หอบหืด ถุงลมโป่งพอง หลอดลมโป่งพอง หลอดลมโป่งพองเรื้อรัง ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือสำหรับคนบางกลุ่ม เช่น คุณแม่ท้อง ผู้สูงอายุ ก็อาจมีปัญหาในการหายใจได้เช่นกัน ยิ่งหากเป็นคุณแม่ท้องและผู้สูงอายุที่เป็นโรคเกี่ยวกับปอดอยู่แล้ว ก็อาจยิ่งทำให้คุณหายใจได้ลำบากยิ่งขึ้น การฝึกหายใจ… วิธีที่ช่วยให้หายใจดีขึ้น หากคุณมีปัญหาในการหายใจ หรือเป็นโรคเกี่ยวกับปอด หรือโรคระบบทางเดินหายใจ การฝึกหายใจด้วยวิธีเหล่านี้ สามารถช่วยให้ปอดของคุณทำงานได้ดีขึ้นได้ การหายใจแบบห่อปากหรือเป่าปาก (Pursed lip […]


การฝึกความแข็งแรง

วิธีสร้างกล้ามเนื้อสำหรับคนกินมัง สายวีแกน ไร้เนื้อสัตว์ก็มีกล้ามได้

ปัจจุบันมีผู้คนนิยมกินอาหารมังสวิรัติ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “กินมัง” กันมากขึ้น โดยการกินมังสวิรัตินั้นก็แตกย่อยไปอีกหลายรูปแบบ เช่น มังสวิรัตินม มังสวิรัติไข่ หรือบางประเภทก็ไม่กินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์เลย ซึ่งเรียกว่า “วีแกน” หลายคนได้ยินอย่างนี้แล้วอาจจะคิดว่า การกินรูปแบบนี้จะเป็นอุปสรรคในการออกกำลังกาย และคงไม่เหมาะกับคนอยากฟิตหุ่น หรือคนเล่นกล้ามอย่างแน่นอน แต่เราอยากจะบอกว่า ความจริงแล้ว คนกินมัง ไม่กินเนื้อสัตว์ก็มีกล้ามได้ ด้วย วิธีสร้างกล้ามเนื้อสำหรับคนกินมัง กินวีแกน ที่เรานำมาฝากเหล่านี้ คนกินมังอยากมีกล้าม ต้องเข้าใจเรื่องโปรตีน โปรตีนเป็นสารอาหารจำเป็นที่ร่างกายต้องใช้ในการสร้างกล้ามเนื้อ โดยปกติแล้ว ร่างกายต้องการโปรตีน 0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เพื่อนำไปใช้บำรุงร่างกายส่วนต่างๆ ให้แข็งแรง แต่หากคุณอยากสร้างกล้าม หรือเล่นกล้าม คุณจำเป็นต้องกินโปรตีนให้ได้มากกว่าปกติ นั่นคือ ต้องกินโปรตีนวันละประมาณ 1.6-2.2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ร่างกายถึงจะมีโปรตีนพอใช้ในกระบวนการต่างๆ เช่น เสริมสร้างการเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ รวมถึงใช้ในการสร้างกล้ามเนื้อด้วย วิธีสร้างกล้ามเนื้อสำหรับคนกินมัง ร่างกายต้องได้รับพลังงานเพียงพอ วิธีสร้างกล้ามเนื้อสำหรับคนกินมัง อย่างแรกเลยก็คือ คุณต้องได้รับพลังงานหรือแคลอรี่ในแต่ละวันอย่างเพียงพอ พยายามอย่าลดปริมาณแคลอรี่ให้น้อยกว่าปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน เพราะนอกจากจะทำให้คุณไม่มีเรี่ยวแรงในการออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้ออย่างที่ต้องการแล้ว ยังจะทำให้ร่างกายไปดึงโปรตีนมาใช้เป็นพลังงานแทนคาร์โบไฮเดรตและไขมัน จนมีโปรตีนเหลือไม่เพียงพอเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ฉะนั้น คุณจึงต้องไม่ลืมกินคาร์โบไฮเดรตและไขมันดีด้วย […]


กิจกรรมออกกำลังกายแบบอื่น

ไม่อยากเข้าฟิตเนส? ลอง เดินวันละหมื่นก้าว ก็ช่วยลดน้ำหนัก เพิ่มความฟิตได้

หากคุณอยากออกกำลังกายให้เป็นนิสัย ไม่ว่าจะเพื่อเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม หรือมุ่งเน้นที่การลดน้ำหนัก ควบคุมน้ำหนัก แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง Hello คุณหมอ ขอแนะนำให้คุณเริ่มออกกำลังกายด้วยการเดินก่อน โดยอาจตั้งเป้าหมายแรกเริ่มไว้สักวันละ 3,000-4,000 ก้าว แล้วจึงค่อยๆ เพิ่มจำนวนก้าวให้มากขึ้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเผยว่า การ เดินวันละหมื่นก้าว สามารถช่วยให้น้ำหนักลดลง และร่างกายฟิตขึ้นได้ บางคนพอได้ยินว่า เดินหมื่นก้าวต่อวัน ก็อาจถอดใจ แต่เราอยากบอกว่า แค่คุณลงทุนกับรองเท้าดีๆ สักคู่ และพกพลังกายพลังใจมาให้เต็มเปี่ยม การเดินวันละหมื่นก้าวก็ไม่ยากเกินความสามารถแน่นอน การ เดินวันละหมื่นก้าว กับการลดน้ำหนัก ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า การเดินวันละ 10,000 ก้าว (รวมเดินเร็วและจ๊อกกิ้งเบาๆ ด้วยอย่างน้อย 3,000 ก้าว) จะเทียบเท่ากับระยะทางประมาณ 5 ไมล์ (8 กิโลเมตร) และคุณจะเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 35-120 กิโลแคลอรี่ต่อไมล์ ขึ้นอยู่กับระดับออกซิเจนที่หายใจเข้าไป ยิ่งร่างกายได้รับออกซิเจนมาก ก็จะยิ่งเผาผลาญพลังงานได้มาก และหากคุณเผาผลาญพลังงานได้ 3,500 กิโลแคลอรี่เมื่อไหร่ น้ำหนักของคุณก็จะลดลงไปได้ 1 ปอนด์ (0.45 กิโลกรัม) นอกจากนี้ […]


กิจกรรมออกกำลังกายแบบอื่น

เดินลดพุง เมื่อไขมันหน้าท้อง มีมากไป มากำจัดทิ้งกันดีกว่า

ปัญหาหน้าท้อง พุงใหญ่ ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหากวนใจสาวๆ บางคน ที่นอกจะทำให้ไม่มั่นใจแล้ว การที่มีไขมันส่วนเกินหน้าท้องเป็นจำนวนมากยังส่งผลเสียต่อสุขภาพ และเป็นสาเหตุของโรคที่เป็นอันตรายอีกมากมาย วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจ เกี่ยวกับการ เดินลดพุง มาแชร์ให้สาวๆ ได้อ่านกันค่ะ เดินลดพุง เดินอย่างไร ทำไมถึงลดพุงได้ ปัญหาไขมันส่วนเกินที่บริเวณหน้าท้อง และรอบๆ ตัวนั้นมีความเกี่ยวข้องกับการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวานประเภทที่ 2 และโรคหัวใจ ในความเป็นจริงๆ แล้ว ผู้ชายที่มีรอบเอวมากกว่า 40 นิ้ว และผู้หญิงที่มีรอบเอวมากกว่า 35 นิ้ว มักจะมีไขมันในช่องท้องมากซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพมากมาย หนึ่งในวิธีที่ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการ ลดพุง ลดไขมันส่วนเกินหน้าท้องคือ การออกกำลังกายแบบแอโรบิค (Aerobic Exercise) อย่างสม่ำเสมอ เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน การเต้น การกระโดดเชือก และ การเดิน โดยมีการศึกษาเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่ง พบว่าผู้หญิงอ้วนที่มีการเดินออกกำลังกาย 50-70 นาที 3 วันต่อสัปดาห์เป็นเวลา 12 […]


การฝึกความแข็งแรง

กู้หุ่นพัง ให้กลับมาเป๊ะ เพียงแค่คุณหันมาลอง เล่นเวทเทรนนิ่ง

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวัน ส่งผลให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ วันนี้ Hello คุณหมอ นำอีกหนึ่งรูปแบบการออกกำลังกายมาฝากทุกคนค่ะ ด้วยการ เล่นเวทเทรนนิ่ง นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงยังมีส่วนช่วยให้น้ำหนักลดลงอีกด้วย จัดการหุ่นเผละให้กลับมาเฟิร์ม ด้วยการ เล่นเวทเทรนนิ่ง การเล่นเวทเทรนนิ่ง (Weight training) คือ การออกกำลังกายโดยใช้น้ำหนักเพื่อให้เกิดแรงต้านทานสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง เพิ่มการเผาผลาญในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงแล้วนั้นยังช่วยจัดระเบียบของกระดูกให้หนาแน่นอีกด้วย โดยเริ่มแรกของการฝึกเล่นเวทเทรนนิ่งกล้ามเนื้อจะเกิดอาการตึงหลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะปรับตัวและแข็งแรงขึ้นในภายหลัง เตรียมความพร้อมเริ่มเล่น เวทเทรนนิ่ง การออกกำลังกายด้วยการเล่นเวทเทรนนิ่งเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการออกกำลังกายที่ส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างมาก สำหรับผู้เริ่มเล่นควรออกกำลังกายอย่างน้อย 2 ชั่วโมงครึ่งทุกสัปดาห์ โดยมีวิธีการฝึกดังต่อไปนี้ เริ่มด้วยการออกกำลังกายซ้ำ 8-12 ครั้งต่อ 1 เซต ในช่วง 4 สัปดาห์แรก  (ในระยะแรกจะรู้สึกกล้ามเนื้อปวดตึง) ให้เพิ่มขึ้นเป็น 12-15 ครั้งต่อ 1 เซต  ในช่วง 4 สัปดาห์ถัดมา เมื่อเริ่มรู้สึกว่าการออกกำลังกาย 15 ครั้งต่อ 1 เซต เป็นเรื่องง่าย ให้เพิ่มนับเป็นครั้งละ 2 เซต หรือเพิ่มน้ำหนัก เทคนิคในการเล่นเวทเทรนนิ่ง อบอุ่นร่างกายเตรียมความพร้อมก่อนการเล่นเวทด้วยการออกกำลังแบบเบาๆ 10-15 นาที เลือกประเภทของเวทให้เหมาะสมกับตัวเอง และห้ามกลั้นหายใจขณะยกเวทเด็ดขาด การยกเวทที่ถูกต้องควรหายใจเข้าในระหว่างที่เราผ่อนแรงกล้ามเนื้อ และหายใจออกขณะที่เราออกแรงยกน้ำหนัก เล่นเวทเทรนนิ่ง ตอบโจทย์คนรักสุขภาพอย่างไร บรรเทาอาการซึมเศร้า […]


กิจกรรมออกกำลังกายแบบอื่น

ท่าโยคะในที่ทำงาน อยู่ออฟฟิศก็โยคะแก้ปวดเมื่อย คลายเครียดได้ง่ายๆ

หากต้องนั่งทำงานในออฟฟิศทุกวัน วันละหลายๆ ชั่วโมง ไม่ว่าใครก็คงจะรู้สึกเครียด ปวดเมื่อย หัวสมองไม่แล่น จนพาลไม่อยากทำงานต่อ วันนี้ Hello คุณหมอ เลยอยากชวนคุณมาลองออกกำลังกายเบาๆ ด้วย ท่าโยคะในที่ทำงาน แสนง่าย ที่นอกจากจะช่วยแก้ปวดเมื่อย บรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรมแล้ว ยังช่วยระดับลดความดันโลหิต และช่วยเพิ่มการหลั่งเซโรโทนิน (Serotonin) ลดการหลั่งคอร์ติซอล (Cortisol) จึงทำให้คุณหายเครียด อารมณ์ดี และสมองปลอดโปร่งขึ้นด้วย ท่าโยคะในที่ทำงาน แสนง่าย ก่อนจะทำโยคะในออฟฟิศ หากสาวๆ สวมรองเท้าส้นสูงอยู่ แนะนำให้ถอดรองเท้าส้นสูงออกก่อน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ หรืออาการบาดเจ็บ เวลาทำท่าแต่ละท่า พยายามผ่อนคลาย อย่าเกร็ง และต้องทำช้าๆ โดยเฉพาะในบริเวณที่คุณรู้สึกปวดเมื่อย  ท่าหมุนคอ (Neck Circles) นั่งหลังตรง หลับตา อย่าเกร็งคอหรือห่อไหล่ ก้มหน้าให้คางชิดหน้าอก หมุนคอช้าๆ เริ่มจากเอียงคอไปทางขวา พยายามให้หูขวาชิดไหล่ขวาให้ได้มากที่สุด จากนั้นเงยหน้า เสร็จแล้วเอียงคอไปทางซ้าย พยายามให้หูซ้ายชิดไหล่ซ้ายให้ได้มากที่สุด ทำซ้ำ 3-5 รอบ สลับข้าง และทำซ้ำ 3-5 รอบ ท่าวัวและท่าแมว (Cat-Cow Pose) นั่งหลังตรง กางขาเล็กน้อย เหยียบพื้นให้เต็มฝ่าเท้า มือแตะหัวเข่า หายใจเข้า พร้อมแอ่นหลัง และเงยหน้ามองเพดาน หายใจออก พร้อมงอหลัง […]


กิจกรรมออกกำลังกายแบบอื่น

อกอึ๋ม แบบไม่ง้อศัลยกรรม ด้วย 5 ท่าบริหารเพิ่มขนาดหน้าอก

การมีหน้าอกสวยได้รูปไม่จำเป็นต้องพึ่งศัลยกรรมเสมอไป คุณสามารถเพิ่มไซส์ให้ อกอึ๋ม ด้วยตัวเอง แถมยังเต่งตึง กระชับ ไม่หย่อนคล้อย และยังได้สุขภาพที่แข็งแรงกลับมาอีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ ได้นำท่าบริหารทั้ง 5 ท่า มาฝากบรรดาสาวๆ ให้ได้ลองทำตามกัน รู้ลึกเกี่ยวกับกล้ามเนื้อใต้หน้าอก ก่อนการออกกำลังกาย การออกกำลังกายเพิ่มขนาดหน้าอก ส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าเป็นการทำให้มีเนื้อหน้าอกที่มากขึ้นแล้วหน้าอกจะขยาย แต่แท้จริงแล้วเป็นการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มในส่วนกล้ามเนื้อใต้หน้าอก (Pectoralis major) ที่มีลักษณะคล้ายรูปพัดขนาดใหญ่จากหน้าอกทั้งสองข้างจนถึงกระดูกบริเวณไหปลาร้า การบริหารหน้าอกท่าทางที่ถูกต้องจะสามารถกระตุ้นให้เซลล์กล้ามเนื้อขยายเพิ่มขึ้นจนดันให้ทรงอกดูอึ๋มกว่าไซส์เดิมของคุณ หากทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีกล้ามเนื้อส่วนบนอื่นๆ ที่เชื่อมต่อกันเพื่อส่งเสริมในการเคลื่อนไหวในขณะที่คุณออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นก็คือ ทราพีเซียส (Trapezius) เป็นกล้ามเนื้อในส่วนต้นคอแผ่จนไปถึงหลัง ที่ช่วยเสริมด้านการเคลื่อนไหว แกว่งไปมาบริเวณหัวไหล่ และท้ายทอย รอมบอยด์ (Rhomboid) กล้ามเนื้อส่วนสะบัก และไหล่ อยู่ภายใต้กล้ามเนื้อ ทราพีเซียส (trapezius)  ที่คุณไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ช่วยในการเคลื่อนไหวบริเวณไหล่เช่นกัน อินฟราสไปนาตัส (Infraspinatus) คือกล้ามเนื้อในกลุ่ม โรเตเตอร์คัฟ (rotator cuf ) ที่เชื่อมกับต้นแขนและข้อต่อบริเวณหัวไหล่ ช่วยในการหมุนแขนไปทางด้านนอก หรือด้านหลัง เทเรส (Teres) กล้ามเนื้อส่วนนี้ช่วยในการเคลื่อนไหวทำให้คุณสามารถหมุนแขนไปทางด้านนอกและหมุนแขนเข้าด้านในอย่างไม่ติดขัด เซอร์ราตัส แอนทีเรียร์ (Serratus anterior) อยู่บริเวณซี่โครงยึดเกาะอยู่ใต้สะบักและหน้าอก ช่วยให้คุณสามารถหมุนไหล่ขึ้นไปด้านบนได้ง่ายขึ้น เดลทอยด์ (Deltoid) […]


การทรงตัวและความยืดหยุ่น

ก้มแตะปลายเท้าไม่ได้ อีกหนึ่งสัญญาณความอ่อนแอของร่างกาย ที่คุณแก้ไขได้

การก้มแตะปลายเท้า ถือเป็นวิธีทดสอบความสามารถในการเคลื่อนไหวของร่างกายเบื้องต้นที่คุณสามารถทำเองได้ หากคุณสามารถก้มแตะปลายเท้าได้ ก็แปลว่ากล้ามเนื้อของคุณยังสามารถยืดหยุ่นและเคลื่อนไหวได้เป็นปกติ แต่หากคุณ ก้มแตะปลายเท้าไม่ได้ นั่นอาจหมายถึงกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อต่อของคุณมีปัญหา หรือร่างกายไม่ยืดหยุ่นเพียงพอ Hello คุณหมอ ขอแนะนำให้คุณควรแก้ไขโดยด่วน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของเรื่องนี้ได้จากบทความนี้เลย [embed-health-tool-bmr] วิธีทดสอบว่าคุณก้มแตะปลายเท้าได้ไหม หากอยากรู้ว่าตัวเองสามารถก้มแตะปลายเท้าได้หรือไม่ คุณสามารถทดสอบได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนต่อไปนี้ ยืนตัวตรง ขาเหยียดตรง ไม่งอเข่า แยกขาให้กว้างเท่าหัวไหล่ ค่อยๆ โน้มตัวไปข้างหน้า พยายามแตะปลายเท้าให้ได้ โดยไม่ให้หลังงอ หรือเกร็งเกินไป หากคุณสามารถก้มแตะปลายเท้าตัวเองถึง นั่นหมายความว่า ร่างกายของคุณสามารถยืดหยุ่นได้เป็นปกติ แต่หากคุณก้มแตะปลายเท้าไม่ถึง อาจเป็นสัญญาณว่า ร่างกายของคุณมีปัญหา เช่น น้ำหนักเกิน กล้ามเนื้อตึงตัว และหากคุณปล่อยไว้ อาจยิ่งก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงขึ้น สาเหตุที่ทำให้คุณ ก้มแตะปลายเท้าไม่ได้ คนที่ ก้มแตะปลายเท้าไม่ได้ ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากสาเหตุ เช่น กล้ามเนื้อหลังลำตัวแข็งตึง หรือหดสั้น หลายคนอาจคิดว่า อาการก้มแตะปลายเท้าไม่ถึงนั้น เป็นผลมาจากกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง หรือกล้ามเนื้อแฮมสตริงไม่ยืดหยุ่นพอเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้ว ปัญหาก้มแตะปลายเท้าไม่ถึงสามารถเกิดจากปัญหาที่กล้ามเนื้อด้านหลังของลำตัว (Posterior Chain) ได้ทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นก้น สะบัก หลัง ต้นขาด้านหลัง น่อง ไม่จำเป็นต้องเกิดจากกล้ามเนื้อแฮมสตริงเพียงอย่างเดียว หากใครนั่งทั้งวัน […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
expert badge medical

ฟิล เคลลี

วิทยาศาสตร์การกีฬา • KiwiFitness: Body Expert Systems

สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน