นอร์ฟลอกซาซิน (Norfloxin) เป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ เช่น โรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ โรคหนองใน และโรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มยาควิโนโลน (Quinolone)
[embed-health-tool-bmi]
ข้อบ่งใช้
Norfloxacin ใช้สำหรับ
นอร์ฟลอกซาซิน (Norfloxin) เป็นยาเพื่อใช้สำหรับรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ เช่น โรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ โรคหนองใน และโรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร นอร์ฟลอกซาซินจัดอยู่ในกลุ่มยาควิโนโลน (Quinolone) ไม่สามารถใช้รักษาการติดเชื้อไวรัส (เช่น โรคหวัดหรือไข้หวัดใหญ่) การใช้ยาโดยไม่จำเป็นสามารถเพิ่มโอกาสเกิดการดื้อยาได้
วิธีการใช้ นอร์ฟลอกซาซิน
- รับประทานนอร์ฟลอกซาซินตามที่แพทย์กำหนด วันละ 2 ครั้ง ทุก ๆ 12 ชั่วโมง ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน
- ห้ามรับประทานเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของนมหรือโยเกิร์ต ภายใน 2 ชั่วโมง หรือ 1 ชั่วโมง ก่อนและหลังจากรับประทานนอร์ฟลอกซาซิน
- หากมีการรับประทานยาอื่นร่วมด้วยควรรับประทานนอร์ฟลอกซาซินก่อนหรือหลัง อย่างน้อย 2 ชั่วโมง
- การรับประทานยาอื่นร่วมด้วยอาจทำให้นอร์ฟลอกซาซินมีประสิทธิภาพลดน้อยลง เช่น ควินาพริล (Quinapril) ซูคราลเฟต (Sucralfate) วิตามิน (รวมทั้งธาตุเหล็กและสังกะสี) และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแมกนีเซียม หรือแคลเซียม เช่น ยาลดกรด สารละลายไดดาโนซีน (Didanosine Solution) น้ำผลไม้ที่อุดมไปด้วยแคลเซียม และอื่น ๆ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานคาเฟอีนในปริมาณมาก เช่น กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง
- เพื่อให้ได้รับผลที่ดี ควรใช้นอร์ฟลอกซาซินในช่วงระยะเวลาที่เท่า ๆ กันเพื่อให้ง่ายต่อการจำ
- ไม่ควรหยุดใช้ยาเร็วเกินไปอาจทำให้กลับมาติดเชื้ออีกครั้ง แจ้งให้แพทย์ทราบ หากอาการของคุณแย่ลงไปจากเดิม
การเก็บรักษา Norfloxacin
- นอร์อิทินโดรนควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย
- เก็บให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- นอร์ธินโดรนบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย
- ไม่ควรทิ้งนอร์อิทินโดรนลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำเว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน
นอร์อิทินโดรนแต่ละยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บแตกต่างกันไป อ่านคำแนะนำการเก็บรักษาบนฉลากผลิตภัณฑ์ หรือสอบถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเภสัชกรจัดจำหน่าย เพื่อความปลอดภัย
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ นอร์ฟลอกซาซิน
แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว ดังนี้
- มีประวัติการแพ้นอร์ฟลอกซาซิน หรือแพ้ยาปฏิชีวนะกลุ่มควิโนโลนอื่นๆ เช่น ไซโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin) เจมฟลอกซาซิน (Gemifloxacin) เลโวฟลอกซาซิน (Levofloxacin)
- ปัญหาที่ข้อต่อหรือเส้นเอ็น เช่น โรคเอ็นอักเสบ (Tendinitis) โรคเบอร์ไซติส (Bursitis)
- โรคไต
- ความผิดปกติทางจิตหรืออารมณ์ เช่น โรคซึมเศร้า
- สภาวะของกล้ามเนื้อบางอย่าง เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis)
- ปัญหาเกี่ยวกับเส้นประสาท เช่น ปลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy)
- อาการชัก
นอร์ฟลอกซาซิน อาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของน้ำตาลในเลือดขั้นรุนแรง โดยเฉพาะหากผู้ป่วยมีประวัติเป็นโรคเบาหวาน ควรทำการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ และแจ้งผลให้แพทย์ทราบ ควรเฝ้าสังเกตอาการของระดับน้ำตาลในเลือดสูง เช่น กระหายน้ำหรือปัสสาวะมากขึ้น และเฝ้าสังเกตอาการของระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น เหงื่อออกฉับพลัน สั่นเทา หัวใจเต้นเร็ว มองเห็นไม่ชัด วิงเวียน หรือมีอาการเหน็บที่มือและเท้า ควรพกยาเม็ดหรือเจลน้ำตาลกลูโคส เพื่อรักษาอาการน้ำตาลในเลือดเบื้องต้น พบคุณหมอทันทีหากมีปฏิกิริยารุนแรง
ก่อนเข้ารับการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบ เกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (รวมถึงยาที่จำหน่ายตามใบสั่งยา ยาที่จำหน่ายโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยาและสมุนไพร)
เด็กอาจจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อหรือเส้นเอ็น ขณะที่กำลังใช้นอร์ฟลอกซาซิน โปรดปรึกษาแพทย์ถึงความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยา
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
นอร์ฟลอกซาซินอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ห้ามใช้
- N= ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ นอร์ฟลอกซาซิน
ผลข้างเคียงที่สามารถเป็นได้ทั่วไปเมื่อใช้นอร์ฟอกซาซิน
- มีอาการคลื่นไส้
- ท้องร่วง
- วิงเวียนศรีษะ ปวดหัว หรือนอนไม่หลับ
หากผลข้างเคียงเหล่านี้ทำให้คุณมีอาการแย่ลง ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบในทันที
หยุดใช้ยาและเข้าพบแพทย์เพื่อความปลอดภัย หากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้
- มีรอยช้ำหรือเลือดออกผิดปกติ
- มีสัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับไต เช่น ปริมาณปัสสาวะเปลี่ยนแปลง ปัสสาวะสีเข้มคล้ำ
- มีสัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับตับ เช่น คลื่นไส้อาเจียนไม่หยุด เบื่ออาหาร ปวดกระเพาะหรือท้อง
- ดวงตาและผิวเป็นสีเหลือง
- หัวใจเต้นเร็วหรือผิดปกติ
- อุจจาระมีเลือดปนออกมา
- ผดผื่น คัน หรือบวม
- หายใจติดขัด
ห้ามใช้ยาแก้ท้องเสีย หากคุณมีอาการเหล่านี้ เพราะอาจทำให้อาการของคุณนั้นแย่ลง
- การติดเชื้อราในช่องปาก (Oral Thrush) หรือติดเชื้อยีสต์ชนิดใหม่ ควรติดต่อแพทย์ในทันทีหากคุณสังเกตเห็นรอยสีขาวภายในช่องปาก
- มีการหลั่งสารบางอย่างออกจากช่องคลอด
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาที่อาจเกิดอันตรกิริยากับ Norfloxacin ได้แก่
- สตรอนเชียม (Strontium)
แม้ว่ายาปฏิชีวนะส่วนใหญ่ จะไม่ส่งผลกระทบกับการคุมกำเนิดโดย เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด แผ่นแปะคุมกำเนิด หรือห่วงคุมกำเนิด และยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น ไรแฟมพิน (Rifampin) หรือไรฟาบูติน (Rifabutin) แต่เมื่อใช้ร่วมกับนอร์ฟอกซาซินซึ่งทำให้เกิดปฏิกิริยาสามารถลดประสิทธิภาพลง อาจส่งผลให้เกิดการตั้งครรภ์ โปรดสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
นอร์ฟลอกซาซินอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่าง ๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใด ๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
นอร์ฟลอกซาซินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
นอร์ฟลอกซาซินอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์และเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาด Norfloxacin สำหรับผู้ใหญ่
ขนาดนอร์ฟลอกซาซินสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection)
เชื้อเอสเชอริเชีย โคไล (Escherichia coli) เชื้อเคลบเซลลา นิวโมเนีย (Klebsiella pneumoniae) หรือเชื้อโปรเตียสมิราบิลิส (Proteus mirabilis)
รับประทาน 400 มก. รับประทานทุก ๆ 12 ชม. เป็นเวลา 3 วัน หรือตามแพทย์กำหนด
เชื้ออื่น ๆ
รับประทาน 400 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชม. เป็นเวลา 7-10 วัน
หากมีอาการแทรกซ้อน รับประทาน 400 มก. รับประทานทุก ๆ 12 ชม. เป็นเวลา 10-21 วัน
ขนาดนอร์ฟลอกซาซินสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis)
เชื้อเอสเชอริเชีย โคไล (Escherichia coli) เชื้อเคลบเซลลา นิวโมเนีย (Klebsiella pneumoniae) หรือเชื้อโปรเตียสมิราบิลิส (Proteus mirabilis)
รับประทาน 400 มก. รับประทานทุก ๆ 12 ชม. เป็นเวลา 3 วัน
เชื้ออื่น ๆ
รับประทาน 400 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชม. เป็นเวลา 7 ถึง 10 วัน หรือตามแพทย์กำหนด
ขนาดนอร์ฟลอกซาซินสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาต่อมลูกหมากอักเสบ (Prostatitis)
มีอาการฉับพลันหรือเรื้อรัง
รับประทาน 400 มก. รับประทานทุก ๆ 12 ชม. เป็นเวลา 28 วัน หรือตามแพทย์กำหนด
ขนาดนอร์ฟลอกซาซินสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อหนองใน (Gonococcal Infection) – Uncomplicated
รับประทาน 800 มก. 1 ครั้ง
เนื่องจากอัตราการดื้อยาสูง ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ (The Centers For Disease Control And Prevention) ของสหรัฐฯ ไม่แนะนำให้ใช้ฟลูออโรควิโนโลน (Fluoroquinolones) เพื่อรักษาการติดเชื้อหนองใน แต่แนะนำเป็นการใช้เซฟไตรอะโซน (Ceftriaxone) หรือยาเซฟิซิม (Cefixime) ในขั้นแรกของการรักษาโรคหนองใน ควรมีการเฝ้าระวังปฏิกิริยาที่ไวต่อยาต้านจุลชีพ
ทั้งนี้ยังมีการแนะนำการรักษาด้วยด็อกซีไซคลิน (Doxycycline) เป็นเวลา 7 วัน (หากไม่ได้ตั้งครรภ์) หรือใช้อะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) หนึ่งครั้งสำหรับการติดเชื้อของหนองในเทียม (Chlamydial Infection) ที่อาจเกิดขึ้น
ควรมีการประเมินตรวจสอบและรักษาคู่รักของผู้ป่วยเช่นกัน
ขนาดนอร์ฟลอกซาซินสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบจากเชื้อแคมปีโลแบคเตอร์ (Campylobacter Gastroenteritis)
รับประทาน 400 มก. โดยรับประทานทุก ๆ 12 ชม. เป็นเวลา 3 วัน หรือตามแพทย์กำหนด
ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำอาจต้องได้รับการรักษาเป็นเวลา 7-14 วัน
ขนาดนอร์ฟลอกซาซินสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคอัณฑะอักเสบ (Epididymitis)
ไม่มีการติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์
รับประทาน 400 มก. รับประทานทุก ๆ 12 ชม. เป็นเวลา 14 วัน หรือตามแพทย์กำหนด
ขนาดนอร์ฟลอกซาซินสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคไข้เอนเทอริคจากเชื้อซาลโมเนลลา (Salmonella Enteric Fever)
รับประทาน 400 มก. รับประทานทุก ๆ 12 ชม. เป็นเวลา 7-14 วัน หรือตามแพทย์กำหนด
ขนาดนอร์ฟลอกซาซินสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบจากเชื้อซาลโมเนลลา (Salmonella Gastroenteritis)
รับประทาน 400 มก. รับประทานทุก ๆ 12 ชม. เป็นเวลา 5 วัน หรือตามแพทย์กำหนด
ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำอาจต้องได้รับการรักษาเป็นเวลา 14 วัน
ขนาดนอร์ฟลอกซาซินสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคบิดจากเชื้อชิเกลลา (Shigellosis)
รับประทาน 400 มก. รับประทานทุก ๆ 12 ชม. เป็นเวลา 5 วัน หรือตามแพทย์กำหนด
ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำอาจต้องได้รับการรักษาเป็นเวลา 7-10 วัน
ขนาดนอร์ฟลอกซาซินสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษา Traveler’s Diarrhea
รับประทาน 400 มก. รับประทานทุก ๆ 12 ชม. เป็นเวลา 3 วัน หรือตามแพทย์กำหนด
ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำอาจต้องได้รับการรักษาเป็นเวลา 7-14 วัน
การปรับขนาดนอร์ฟลอกซาซินสำหรับไต
ค่าครีอะตินีนเคลียรานซ์ (CrCl) 30 มล. หรือน้อยกว่า รับประทานวันละ 1 ครั้ง 400 มก. หรือตามแพทย์กำหนด
การปรับขนาดนอร์ฟลอกซาซินสำหรับตับ
ไม่มีการปรับขนาดที่แนะนำ
คำแนะนำอื่นๆ
- ควรรับประทานนอร์ฟลอกซาซินอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อน หรือ 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานอาหาร นม หรือมีส่วนประกอบของนมอื่น ๆ ควรแนะนำผู้ป่วยให้ดื่มน้ำในปริมาณมากต่อวัน
- ควรให้สารประกอบที่มีส่วนผสมของธาตุเหล็ก สังกะสี อะลูมิเนียม หรือแมกนีเซียม เช่น ยาลดกรด ซูคราลเฟต (Sucralfate) อาหารเสริมแร่ธาตุ บัฟเฟอร์ ไดดาโนซีน (Buffered Didanosine) 2 ชั่วโมงก่อน หรือ 2 ชั่วโมงหลังจากให้นอร์ฟลอกซาซิน
ขนาดนอร์ฟลอกซาซินสำหรับเด็ก
ไม่มีการกำหนดขนาดยาสำหรับผู้ป่วยเด็ก เนื่องจากเป็นยาค่อนข้างอันตราย ควรทำความเข้าใจถึงความปลอดภัยของนอร์ฟลอกซาซินก่อนใช้ และโปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม
รูปแบบของยา
รูปแบบของยามีดังนี้
- ยาเม็ดสำหรับรับประทาน
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาก่อนได้รับอนุญาตจากแพทย์