สุขภาพทางเพศ

สุขภาพทางเพศ คืออีกหนึ่งส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข Hello คุณหมอ จึงอยากนำเสนอเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ ทั้งการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไปจนถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ผู้อ่านได้มีสุขภาพทางเพศที่ดีมากยิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพทางเพศ

HPV ในผู้หญิงตั้งครรภ์ ส่งผลกระทบต่อคุณแม่และลูกน้อยอย่างไร

HPV หรือ Human Papillomavirus เป็นไวรัสที่มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ โดยบางสายพันธุ์สามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกและภาวะผิดปกติอื่น ๆ ในระบบสืบพันธุ์ สตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ HPV มักกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของตัวเองและทารกในครรภ์ โดยเฉพาะการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การคลอดก่อนกำหนด และการถ่ายทอดไวรัสสู่ทารกในระหว่างคลอด ผลกระทบของ HPV ต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ ผลกระทบต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ การเกิดหูดบริเวณอวัยวะเพศ (Genital Warts) การติดเชื้อ HPV อาจกระตุ้นการเกิดหูดในบริเวณอวัยวะเพศ หูดเหล่านี้อาจโตขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและระบบไหลเวียนเลือด หากหูดมีขนาดใหญ่ อาจก่อให้เกิดความเจ็บปวดหรือขัดขวางการคลอดทางช่องคลอด การเปลี่ยนแปลงในปากมดลูก การติดเชื้อ HPV โดยเฉพาะสายพันธุ์ความเสี่ยงสูง อาจทำให้เกิดความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูก ซึ่งอาจพัฒนาไปเป็นมะเร็งปากมดลูกได้หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ ความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร ในบางกรณี การติดเชื้อ HPV อาจเกี่ยวข้องกับการเพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งบุตรในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะหากมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด การติดเชื้อ HPV อาจกระตุ้นการอักเสบในระบบสืบพันธุ์ ซึ่งส่งผลต่อการคลอดก่อนกำหนด การคลอดก่อนกำหนดอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพในระยะยาวสำหรับทารก เช่น การเจริญเติบโตที่ช้ากว่าปกติ ผลกระทบต่อทารกในครรภ์และหลังคลอด การติดเชื้อในทารก แม้โอกาสที่ HPV จะส่งต่อถึงทารกในครรภ์มีน้อย แต่มีรายงานว่าการคลอดทางช่องคลอดในกรณีที่แม่มีหูดหรือการติดเชื้อ HPV […]

หมวดหมู่ สุขภาพทางเพศ เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพทางเพศ

เคล็ดลับเรื่องบนเตียง

วิธีช่วยตัวเองผู้หญิง มีอะไรบ้าง

วิธีช่วยตัวเองผู้หญิง มีหลากหลายรูปแบบตามความชอบหรือรสนิยมทางเพศ เช่น การใช้เซ็กส์ทอย การใช้นิ้ว การเสพสื่อลามก เพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศและสำเร็จความใคร่ ซึ่งอาจช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย พึงพอใจ และอาจลดความเสี่ยงของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม ควรรักษาสุขอนามัยทุกครั้งทั้งก่อนและหลังช่วยตัวเอง เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจตามมา เช่น แผลในบริเวณอวัยวะเพศ การติดเชื้อในช่องคลอดและทวารหนัก การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ [embed-health-tool-ovulation] ประโยชน์ของการช่วยตัวเองสำหรับผู้หญิง ประโยชน์ของการช่วยตัวเองสำหรับผู้หญิง อาจมีดังนี้ กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนโดพามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความสุข ความรู้สึกดี ความพึงพอใจ และฮอร์โมนออกซิโทซิน (Oxytocin) ที่เป็นฮอร์โมนความรัก ที่อาจทำให้รู้สึกดี มีความนับถือในตัวเองหลังจากที่ช่วยตัวเองจนสำเร็จความใคร่ อีกทั้งยังอาจช่วยผ่อนคลายความเครียด ช่วยลดความวิตกกังวล ป้องกันอาการซึมเศร้า  ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับ ทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น สร้างความสุขและความพึงพอใจให้กับตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งคู่นอน จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและช่วยให้เข้าใจความต้องการทางเพศของตัวเองมากขึ้น เพิ่มความแข็งแรงให้อุ้งเชิงกราน เพราะการช่วยตัวเองอาจปรับระดับความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจให้สมดุล และช่วยเพิ่มการทำงานของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหดเกร็งบ่อยขึ้น จึงอาจช่วยทำให้อุ้งเชิงกรานแข็งแรง เพิ่มการไหลเวียนของเลือด เนื่องจากการช่วยตัวเองอาจทำให้ร่างกายปล่อยฮอร์โมนความสุขออกมา ส่งผลให้รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล และทำให้เลือดสูบฉีดดีขึ้น จึงอาจส่งผลให้ประจำเดือนมาตามปกติ กระตุ้นการทำงานของสมอง เพราะการช่วยตัวเองจนไปถึงจุดสุดยอดอาจเพิ่มระดับของฮอร์โมนดีเอชอีเอ (Dehydroepiandrosterone: DHEA) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของสมองและอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน จากการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Sex Education and Therapy เมื่อปี พ.ศ. […]


โรคเริมที่อวัยวะเพศและเริมที่ปาก

เริม อาการ การรักษาและการป้องกัน

เริม อาการ ที่สังเกตได้ชัดคือ ตุ่มเล็ก ๆ ที่สามารถพบในบริเวณที่ติดเชื้อ เช่น ริมฝีปาก อวัยวะเพศ ทวารหนัก รวมถึงอาการแผลพุพองและอาการปวดแสบปวดร้อน เริมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus) ผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือการสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อโดยตรง หากสังเกตว่ามีอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และมีตุ่มขึ้นบนผิวหนัง ควรพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาทันที [embed-health-tool-ovulation] เริม อาการเกิดจากอะไร เริม เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ซิมเพล็กซ์ หรือที่เรียกว่าเชื้อไวรัสเริม ผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันกับผู้ที่ติดเชื้อ และการสัมผัสกับสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย เลือด น้ำหนองจากแผลเริม ผ่านการจูบ การดื่มน้ำแก้วเดียวกัน การใช้แปรงสีฟันร่วมกัน หรือการสัมผัสกับแผลเริมโดยตรง ไวรัสเริมแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ไวรัสเริมชนิดที่ 1 (HSV-1) คือไวรัสที่มักจะทำให้เกิดเริมในช่องปาก และรอบ ๆ ปาก มักจะไม่ได้คิดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ โดยติดต่อผ่านทางน้ำลาย และมักพบในเด็ก แต่ก็อาจส่งผลให้การติดเชื้อบริเวณอวัยวะเพศได้หากมีเพศสัมพันธ์ทางปากโดยไม่ป้องกัน ผู้ที่เคยติดเชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 1 มักจะไม่มีการติดเชื้อซ้ำแต่อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 2 ได้ ไวรัสเริมชนิดที่ 2 (HSV-2) เป็นชนิดที่พบได้บ่อย […]


สุขภาพทางเพศ

Asexual คือ อะไร และสังเกตได้อย่างไรบ้าง

Asexual (อเซ็กชวล) คือ คำที่ใช้เรียกกลุ่มบุคคลที่ไม่ฝักใจทางเพศ หรือไม่ฝักใฝ่การมีเซ็กส์ ซึ่งถือเป็นรสนิยมทางเพศรูปแบบหนึ่ง ที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคนรักที่ไม่ได้เป็น Asexual ได้ ดังนั้น ผู้ที่มีคนรักอยู่ในกลุ่ม Asexual จึงควรพูดคุยและทำความเข้าใจกัน เพื่อป้องกันความขัดแย้งในความสัมพันธ์ [embed-health-tool-ovulation] Asexual คืออะไร Asexual คือ กลุ่มบุคคลที่ไม่ฝักใจทางเพศ หรือไม่ฝักใฝ่การมีเซ็กส์ ถือเป็นรสนิยมทางเพศรูปแบบหนึ่ง การเป็น Asexual ไม่ได้หมายความว่าจะมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้เสมอไป เพียงแต่อาจมีความสุขต่อการมีเซ็กส์หรือมีอารมณ์ทางเพศน้อยมาก เมื่อเทียบกับกลุ่มรสนิยมทางเพศอื่น ๆ นอกจากนี้ ปัจจัยบางอย่างยังอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการมีเพศสัมพันธ์ได้ ดังนี้ ปัญหาทางสุขภาพ เช่น ปัญหาการหลั่งเร็ว เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ปัญหาทางจิตใจ เช่น ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ความวิตกกังวล ความไม่มั่นใจในรูปร่างของตัวเอง ประสบการณ์การมีเซ็กส์ที่ไม่ดี อาจส่งผลให้หมดความสนใจในการมีเพศสัมพันธ์ได้ สัญญาณของ Asexual คืออะไร สัญญาณของ Asexual อาจสังเกตได้ดังนี้ ไม่มีความสนใจเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์หรืออาจสนใจเพียงเล็กน้อย ไม่มีความสนใจในเรื่องการช่วยตัวเองให้สำเร็จความใคร่หรืออาจสนใจเพียงเล็กน้อย บางคนอาจไม่สนใจแม้กระทั่งการสัมผัสทางกายกับคนรัก เช่น การกอด การจูบ มีอารมณ์ทางเพศน้อยแม้จะถูกเล้าโลมหรือกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศ รสนิยมทางเพศแบบ Asexual ผิดปกติหรือไม่ บุคคลที่มีรสนิยมทางเพศแบบ Asexual สามารถมีความรักได้เหมือนกับบุคคลทั่วไปที่มีรสนิยมทางเพศอื่น ๆ และนับเป็นส่วนหนึ่งของ […]


สุขภาพทางเพศ

ซาดิสม์ คืออะไร อันตรายหรือไม่ พฤติกรรมแบบไหนเข้าข่ายซาดิสม์

ซาดิสม์ หรือ ซาดิส หรือ ผู้ที่มีรสนิยมทางเพศแบบซาดิส (Sadism หรือ Sexual Sadism Disorder) จัดเป็นความผิดปกติทางเพศแบบหนึ่ง โดยผู้ที่ซาดิสม์จะมีความสุขหรือมีความตื่นตัวทางเพศ เมื่อได้จินตนาการ เห็น หรือแสดงพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง ไม่ว่าทางกายหรือจิตใจ ซึ่งแม้ในปัจจุบัน พฤติกรรมซาดิสจะเป็นที่ยอมรับในคู่รักบางคู่ แต่ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ สำหรับผู้ที่ต้องการปรับหรือลดพฤติกรรมซาดิสม์นั้นสามารถทำได้ด้วยการพูดคุยกับคุณหมอเพื่อปรับทัศนคติ ร่วมกับการใช้ยาปฏิชีวนะที่มีคุณสมบัติลดความต้องการทางเพศและโอกาสที่จะใช้ความรุนแรงแบบขาดสติ [embed-health-tool-bmi] ซาดิสม์ คืออะไร ซาดิสม์เป็นคำเรียกผู้ที่มีรสนิยมหรือจินตนาการทางเพศแบบซาดิสม์ ซึ่งเป็นการใช้ความรุนแรงกับผู้อื่น ไม่ว่าทางกายหรือทางจิตใจ ทั้งนี้ พฤติกรรมที่เข้าข่ายซาดิสม์มีหลายระดับ ตั้งแต่การพูดจารุนแรงหรือด่าทอเพื่อให้คู่นอนเสียความรู้สึก ไปจนถึงการมีเพศสัมพันธ์แบบรุนแรงและการทรมานอีกฝ่ายให้เจ็บปวด เช่น การใช้แส้ฟาด การกัด การตี การใช้เชือกมัดแขนขา การใช้โซ่ตรวนล่าม ทั้งนี้ แม้ซาดิสม์อาจเป็นรสนิยมทางเพศที่ดูอันตราย แต่มีกลุ่มที่ชื่นชอบพฤติกรรมความรุนแรงนี้ เรียกว่า มาโซคิสม์ (Sexual Masochism) ซึ่งเป็นผู้ที่ชอบถูกทำร้าย ทั้งทางกายและทางใจ เพื่อให้เกิดการตื่นตัวทางเพศหรือถึงจุดสุดยอด ในปัจจุบันนี้ ซาดิสม์-มาโซคิสม์ได้กลายเป็นพฤติกรรมทางเพศที่ได้รับการยอมรับในคู่รักบางคู่ อย่างไรก็ตาม การใช้ความรุนแรงบางอย่างอาจนำไปสู่การเสียชีวิตโดยไม่ตั้งใจได้ โดยเฉพาะการรัดคอด้วยเชือกหรือถุงพลาสติกซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของพฤติกรรมทางเพศแบบซาดิสม์-มาโซคิสม์ ซาดิสม์แสดงพฤติกรรมอย่างไร และใครบ้างที่เข้าข่ายซาดิสม์ คู่มือวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิต ของสมาคมจิตเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกา ระบุว่า ผู้ที่เข้าข่ายว่ามีรสนิยมทางเพศแบบซาดิสม์นั้นจะตื่นตัวทางเพศเมื่อได้ใช้ความรุนแรง ทั้งผ่านการทำร้ายด้วยคำพูดหรือการกระทำที่ส่งผลให้คู่นอนเจ็บปวดทางกายหรือใจ โดยความรู้สึกตื่นตัวทางเพศดังกล่าวต้องเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน […]


สุขภาพทางเพศ

เทคฮอร์โมนชาย มีประโยชน์อย่างไร มีเกิดผลข้างเคียงหรือไม่

เทคฮอร์โมนชาย เป็นการนำฮอร์โมนเพศชายหรือฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเข้าสู่ร่างกายของเพศหญิงที่ต้องการเป็นผู้ชายหรือผู้ชายข้ามเพศ ผ่านการฉีด การใช้ครีม หรือแผ่นแปะ เพื่อให้ร่างกายมีลักษณะต่าง ๆ ของเพศชาย ทั้งเสียงที่ทุ้มใหญ่ หนวดที่หนาดก ขนตามลำตัวที่มากขึ้น และมวลกล้ามเนื้อที่มากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม การเทคฮอร์โมนชายอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพ เช่น หัวล้าน สิวขึ้น เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ความดันโลหิตสูง ก่อนตัดสินใจเทคฮอร์โมนชาย ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและปรึกษาคุณหมอเพื่อหาวิธีรับมือกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ [embed-health-tool-ovulation] เทคฮอร์โมนชาย มีประโยชน์อย่างไร การเทคฮอร์โมนชาย เป็นการเปลี่ยนลักษณะทางกายภาพของผู้หญิงที่อยากเป็นผู้ชายหรือผู้ชายข้ามเพศ ให้ดูเหมือนกับเพศชายยิ่งขึ้น ด้วยการฉีดฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน หรือทาครีม หรือใช้แผ่นแปะ เพื่อให้เสียงทุ้มใหญ่ มีหนวดเคราขึ้น มีขนขึ้นดกหนาตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และมีมวลกล้ามเนื้อมากกว่าเดิม การเทคฮอร์โมนชายอาจเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 16 ปี และหากต้องการให้ตนเองมีลักษณะของเพศชายอยู่ตลอด จำเป็นต้องเทคฮอร์โมนอย่างต่อเนื่อง หรือทุก ๆ 2-4 สัปดาห์ หากหยุดเทคฮอร์โมน ลักษณะต่าง ๆ ของเพศชายจะค่อย ๆ หายไป ทั้งนี้ การเทคฮอร์โมนชายอาจไม่เหมาะกับผู้ชายข้ามเพศทุกคน โดยผู้ที่ไม่ควรเทคฮอร์โมนชาย คือ ผู้ป่วยมะเร็งชนิดที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับการอุดตันของหลอดเลือด […]


สุขภาพทางเพศ

make love คือ อะไร แตกต่างจากการมีเซ็กส์อย่างไร

Make love คือ คำศัพท์ที่ใช้เรียกการมีเพศสัมพันธ์ในลักษณะที่มีความใกล้ชิดทางอารมณ์และให้ความสำคัญต่อความต้องการของกันและกัน มากกว่าแค่ตอบสนองต่อความต้องการทางเพศเพียงอย่างเดียว แตกต่างจากการมีเซ็กส์ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ทางกายที่จะทำโดยมีหรือไม่มีอารมณ์รักใคร่มาเกี่ยวข้องด้วยก็ได้ [embed-health-tool-ovulation] Make love คือ อะไร การร่วมรัก หรือเมคเลิฟ คือ การมีเพศสัมพันธ์ที่ทำเพื่อแสดงความรักไม่ใช่แค่ทำเพื่อตอบสนองต่อความต้องการทางกายเพียงอย่างเดียว การเมคเลิฟมักจะมีอารมณ์และความรู้สึกผูกพันและรักใคร่ร่วมด้วย คู่รักจะให้ความสำคัญในการใช้เวลาเล้าโลมและสัมผัสใกล้ชิดกันเพื่อสร้างช่วงเวลาที่ดีต่อกันมากกว่าแค่การสนองความใคร่ไปจนถึงระยะจุดสุดยอดเท่านั้น การเมคเลิฟที่เป็นไปตามที่แต่ละฝ่ายต้องการจะช่วยให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น ถือเป็นการตอบสนองต่อความปรารถนาทางกายบนพื้นฐานของความรักและความเคารพซึ่งกันและกัน ความแตกต่างของการเมคเลิฟและการมีเซ็กส์ การเมคเลิฟและการมีเซ็กส์มีความเชื่อมโยงทางอารมณ์และความสนิทสนมกันของทั้งสองฝ่ายในระดับที่แตกต่างกัน การเมคเลิฟเป็นการแสดงความรักต่อกันผ่านการสัมผัสใกล้ชิดและให้ความสำคัญกับความต้องการของอีกฝ่ายไปพร้อม ๆ กับความต้องการของตัวเอง และมักใช้เวลากระตุ้นอารมณ์และมอบความพึงพอใจให้กับคู่ของตัวเองมากกว่าที่จะสนองความต้องการทางเพศของตัวเองเท่านั้น อาจกล่าวได้ว่า การเมคเลิฟเป็นการแสดงความรักต่อบุคคลที่ตัวเองรู้สึกผูกพันลึกซึ้ง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทั้งด้านร่างกายและอารมณ์ ในขณะที่การมีเซ็กส์ คือ การมีความสัมพันธ์ทางกายทั่วไปเพื่อตอบสนองต่อความสุขทางเพศของทั้งสองฝ่าย ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำกับใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีอารมณ์รักใคร่หรือความผูกพันทางอารมณ์มาเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม การเมคเลิฟและการมีเซ็กส์ คือการร่วมเพศด้วยท่าร่วมเพศต่างๆ เช่นเดียวกัน เช่น ท่ามิชชันนารี ท่าคาวเกิร์ล รวมทั้ง มีการกอด จูบ ลูบ คลำ หรือเล้าโลม รวมทั้งสอดใส่ผ่านช่องคลอด ทางทวารหนัก หรือการทำออรัลเซ็กส์เพื่อให้อีกฝ่ายถึงจุดสุดยอดเช่นเดียวกัน ประโยชน์ของกิจกรรมทางเพศต่อสุขภาพ การทำกิจกรรรมทางเพศ ไม่ว่าจะในรูปแบบของการเมคเลิฟหรือการมีเซ็กส์ หากทำอย่างถูกต้องและอยู่บนพื้นฐานความต้องการของทุกฝ่าย อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้ ช่วยให้นอนหลับสบาย เมื่อถึงจุดสุดยอดจากการมีเพศสัมพันธ์ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองที่ชื่อว่าโปรแลคติน (Prolactin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมความรู้สึกผ่อนคลายและง่วงนอน ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ช่วยผ่อนคลายอารมณ์และคลายเครียด ในขณะทำกิจกรรมทางเพศกับคู่นอน ร่างกายจะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินและออกซิโทซิน […]


สุขภาพทางเพศ

ขนหมออ้อย มีประโยชน์อย่างไร ควรโกนออกหรือไม่

ขนหมออ้อย หมายถึง ขนบริเวณหัวหน่าวหรืออวัยวะเพศซึ่งจะเริ่มขึ้นเมื่อเพศชายและเพศหญิงเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ มีหน้าที่ลดการเสียดสีของผิวหนังเมื่อมีเพศสัมพันธ์หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงช่วยป้องกันเชื้อโรค หากกำจัดขนหมออ้อยด้วยการโกนหรือแวกซ์อาจเพิ่มความเสี่ยงให้หัวหน่าวและอวัยวะเพศเป็นแผลและติดเชื้อได้ รวมทั้งอาจเป็นสาเหตุของอาการคันบริเวณหัวหน่าวและเกิดตุ่มขนคุดอีกด้วย [embed-health-tool-ovulation] ขนหมออ้อยมีประโยชน์อย่างไร ขนหมออ้อยหรือขนบริเวณอวัยวะเพศมีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังต่อไปนี้ ลดการเสียดสีบริเวณอวัยวะเพศ ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศนั้นบอบบางมาก ขนหมออ้อยช่วยป้องกันผิวหนังไม่ให้บาดเจ็บจากการเสียดสี ไม่ว่าจะเป็นระหว่างการร่วมเพศ เดิน ออกกำลังกาย หรือช่วยตัวเอง ป้องกันการติดเชื้อ ขนหมออ้อยช่วยป้องกันเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย เช่นเดียวกับขนตา ขนคิ้ว และขนตามส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ช่วยรักษาอุณหภูมิของอวัยวะเพศ โดยเฉพาะอวัยวะเพศชายเพราะอุณหภูมิที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศและคุณภาพของตัวอสุจิในอัณฑะ ขนหมออ้อย ควรกำจัดทิ้งหรือไม่ การกำจัดขนหมออ้อย เช่น การโกน การแว๊กซ์ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ดังนี้ ทำให้คันบริเวณอวัยวะเพศ เพิ่มโอกาสเป็นตุ่มขนคุด บริเวณหัวหน่าวหรืออวัยวะเพศ ทำให้เป็นผื่นระคายสัมผัส หากแพ้สารประกอบในผลิตภัณฑ์กำจัดขนต่าง ๆ การใช้มีดโกนหรือการแว็กซ์ขนเพื่อกำจัดขนหมออ้อยอาจเพิ่มความเสี่ยงให้หัวหน่าวหรืออวัยวะเพศเป็นแผลและอาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น งานวิจัยชิ้นหนึ่ง เกี่ยวกับการกำจัดขนหมออ้อยและโอกาสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เผยแพร่ในวารสาร Sexually Transmitted Infections ปี พ.ศ. 2560 นักวิจัยได้สำรวจชาวอเมริกันจำนวน 7,580 ราย อายุระหว่าง 18-65 ปี เกี่ยวกับการกำจัดขนหมออ้อย […]


สุขภาพทางเพศ

อาการก่อนเมนส์มา กับ ท้อง แตกต่างกันอย่างไร

อาการก่อนเมนส์มา กับ ท้อง ของผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ล้วนเป็นภาวะที่เกิดจากความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย จึงทำให้มีอาการบางประการที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน เช่น อยากอาหาร ปวดท้อง อารมณ์แปรปรวน ท้องผูก จนอาจทำให้สับสนได้ว่า อาการที่เกิดขึ้นนั้น เป็นอาการก่อนเมนส์มา หรือเกิดจากการตั้งท้องกันแน่ การเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างอาการก่อนเมนส์มากับท้อง อาจช่วยให้สามารถรับมือและดูแลตัวเองได้เหมาะสมยิ่งขึ้น ลักษณะของอาการก่อนเมนส์มา กลุ่มอาการก่อนเมนส์มา หรือกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS หรือ Premenstrual Syndrome) อาจมีอาการต่าง ๆ ดังนี้ อาการทางร่างกาย ปวดศีรษะ คัดตึงเต้านม ปวดท้อง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อต่อ มือและเท้าบวม เป็นสิว น้ำหนักขึ้น ท้องผูกหรือท้องเสีย อาการทางอารมณ์ วิตกกังวล เครียด ซึมเศร้า ร้องไห้ง่าย อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ ไม่อยากอยู่กับคนเยอะ ๆ รู้สึกว่าเรื่องต่าง ๆ ถาโถมจนรับมือไม่ไหว หรือควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ อาการทางพฤติกรรม ขี้ลืม ไม่มีสมาธิ จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้นาน เหนื่อยง่าย หิวง่าย รับประทานอาหารมากกว่าปกติ ไวต่อสัมผัส กลิ่นหรือรสชาติของอาหารบางชนิดมากกว่าปกติ สัญญาณของการตั้งท้องระยะแรก อาการของผู้ที่ตั้งท้องระยะแรก อาจมีดังนี้ อาการทางร่างกาย […]


สุขภาพทางเพศ

เพศสัมพันธ์ กับความเชื่อผิด ๆ ที่ควรรู้

เพศสัมพันธ์ อาจเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่ความเข้าใจเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ของคนในสังคมอาจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ และการคุมกำเนิดด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การหลั่งอสุจินอกร่างกายคู่นอน การสวนล้างช่องคลอดทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ การศึกษาเรียนรู้เรื่องเพศสัมพันธ์อาจช่วยป้องกันการเกิดโรคติดต่อ หรือการตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้ [embed-health-tool-ovulation] ความเชื่อและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ เพศสัมพันธ์ ความเชื่อเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ที่แพร่หลายอยู่ในสังคม มีข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้ ความเชื่อ: เชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus) สามารถแพร่ผ่านสารคัดหลั่งใดก็ได้ ความจริง: เชื้อเอชไอวี ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเอดส์ สามารถแพร่เชื้อผ่านน้ำอสุจิ น้ำหล่อลื่น เลือด น้ำนม และสารคัดหลั่งจากช่องคลอดเท่านั้น โดยไม่สามารถแพร่เชื้อผ่านสารคัดหลั่งอื่น ๆ อย่างน้ำตา น้ำลาย เหงื่อ หรือปัสสาวะได้ ความเชื่อ: มีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งนอก ไม่ทำให้ตั้งครรภ์ ความจริง: ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หากอวัยวะเพศชายสอดใส่เข้าไปในช่องคลอด น้ำหล่อหลื่นและน้ำอสุจิบางส่วนจากระบบสืบพันธุ์เพศชาย จะถูกขับออกทางองคชาตตั้งแต่ก่อนถึงจุดสุดยอด ดังนั้น การมีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งนอกก็อาจสามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ โดยมีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากถึง 22% ความเชื่อ: เพศสัมพันธ์ ครั้งแรกไม่ทำให้ตั้งครรภ์ ความจริง: หากเพศหญิงเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ หรือมีประจำเดือนแล้ว การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ โดยเฉพาะหากตัวอสุจิเข้าไปในช่องคลอดในขณะที่ฝ่ายหญิงอยู่ในช่วงไข่ตกพอดี ความเชื่อ: เพศหญิงจะไม่ตั้งครรภ์ หากมีเพศสัมพันธ์ระหว่างมีประจำเดือน ความจริง: ผู้หญิงที่มีรอบเดือนสั้น หรือระหว่าง 21-24 […]


สุขภาพทางเพศ

แต๊บ คือ อะไร มีขั้นตอนอย่างไร มีผลเสียหรือไม่

แต๊บ คือ การใช้อุปกรณ์บางอย่าง เช่น เทปกาว กางเกงในแบบกระชับ เพื่อซ่อนอวัยวะเพศชายไว้บริเวณช่องขาหนีบไม่ให้เห็นเด่นนูนออกมาเมื่อสวมเสื้อผ้าในกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศ เพื่อแต่งตัวให้ตัวเองดูคล้ายผู้หญิงจริง ๆ มากขึ้น ทั้งนี้ การแต๊บอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เพราะทำให้ปัสสาวะลำบาก จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ รวมทั้งอาจเป็นสาเหตุให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวกหากติดเทปกาวแน่นจนเกินไป หากแต๊บแล้วเกิดอาการที่ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว เช่น ปวดท้อง พบเลือดปนในปัสสาวะ ปัสสาวะแสบขัด ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด [embed-health-tool-bmi] แต๊บ คือ อะไร แต๊บ คือหนึ่งในวิธีการซ่อนองคชาตและอัณฑะไว้บริเวณหว่างขา เพื่อปกปิดความเป็นชาย อาจใช้เทปกาว หรือกางเกงในแบบรัดกระชับ เป็นที่นิยมกันมากในหมู่หญิงข้ามเพศ หรือเพศชายที่ต้องการแต่งตัวเป็นเพศหญิงแต่ยังไม่ได้ผ่าตัดแปลงเพศ เพื่อให้ตนเองแต่งกายแล้วดูคล้ายเพศหญิงมากที่สุด แต๊บ มีขั้นตอนอย่างไร วิธีแต๊บ มีขั้นตอนคร่าว ๆ ดังต่อไปนี้ แปะองคชาตและถุงอัณฑะให้ติดกันด้วยเทปกาว ดันองคชาตและถุงอัณฑะไปด้านหลัง หรือพื้นที่ว่างระหว่างอวัยวะเพศและทวารหนัก จากนั้นปิดเทปกาวให้แน่นอีกครั้งโดยใช้เทปกาวแปะยึดติดกับบริเวณขาหนีบ สวมกางเกงในที่แน่นกระชับ หรือกางเกงในที่เรียกว่ากาฟ (Gaffe) เพื่อป้องกันอวัยวะเพศชายเคลื่อนจากตำแหน่งที่ปิดเทปกาวไว้ นอกจากนี้ การแต๊บโดยไม่ใช้เทปกาวแต่สวมกางเกงในแบบกระชับ อาจมีขั้นตอนดังนี้ สวมกางเกงในที่แน่นกระชับ หรือกาฟ ค้างไว้บริเวณหัวเข่า ใช้มือข้างหนึ่งดันองคชาตและถุงอัณฑะไปยังช่องขาหนีบ ใช้มืออีกข้างดึงกางเกงในที่สวมค้างไว้บริเวณหัวเข่าขึ้นมาสวม ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งยังประคององคชาตและถุงอัณฑะไว้ เมื่อมั่นใจว่าองคชาตและอัณฑะจะไม่เคลื่อนจากช่องขาหนีบ ค่อย ๆ ดึงมือข้างที่ประคององคชาตและถุงอัณฑะไว้ออกมา ทั้งนี้ การแต๊บแบบไม่ใช้เทปกาวอาจทำให้อวัยวะเพศเคลื่อนจากตำแหน่งที่แต๊บไว้ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน