สุขภาพระบบทางเดินอาหาร

ระบบย่อยอาหาร คือหนึ่งในระบบที่สำคัญที่สุดของร่างกาย เนื่องจากร่างกายของเราจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นอาหาร เพื่อการทำงานที่เป็นปกติของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ สุขภาพระบบทางเดินอาหาร ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพระบบทางเดินอาหาร

อาการไส้ติ่ง เริ่มต้นจะเป็นอย่างไร อาการไส้ติ่งอักเสบ เกิดจากอะไร

อาการไส้ติ่ง ที่บ่งบอกว่า ร่างกายอาจกำลังเกิดอาการไส้ติ่งอักเสบ หรืออาจร้ายแรงได้ถึงอาการไส้ติ่งแตก ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ ถ้าไม่สังเกตร่างกายให้ดีและพบคุณหมอเสียแต่เนิ่น ๆ [embed-health-tool-bmi] สาเหตุของโรคไส้ติ่งอักเสบ  ไส้ติ่งสามารถเกิดภาวะการอักเสบได้จากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะไส้ติ่งเกิดภาวะการอักเสบจากการอุดตันภายใน เช่น  เศษอุจจาระขนาดเล็กที่ทำให้ไส้ติ่งเกิดการติดเชื้อและบวมขึ้น เมื่ออุจจาระ ของเสีย สิ่งแปลกปลอม หรือก้อนเนื้อมะเร็ง ได้อุดตันในไส้ติ่งจะทำให้เกิดแบคทีเรียสะสม อาจเกิดอาการเลือดคั่ง จนกระจายไปที่ผนังไส้ติด ทำให้เกิดภาวะการอักเสบ อาจเกิดจากการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน ที่ส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย รวมถึงต่อมน้ำเหลืองในไส้ติ่งเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง จนขยายตัวขึ้นไปปิดกั้นไส้ติ่ง ทำให้เกิดอาการไส้ติ่งอักเสบได้ บางกรณีเกิดได้จากการรับประทานเนื้อสัตว์ไม่สุก เช่น เนื้อวัวหรือเนื้อควายดิบ ทำให้เกิดความเสี่ยงของโรคพยาธิตัวตืดวัวควาย จากการกินตัวอ่อนพยาธิหรือเม็ดสาคู เมื่อตัวอ่อนเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยในลำไส้ ลำตัวจะเป็นปล้อง ๆ แล้วปล้องสุกจะหลุดออกมากับอุจจาระ ปล้องสุกที่หลุดออกมาอาจเข้าไปในไส้ติ่ง ทำให้ไส้ติ่งอักเสบได้ อาการไส้ติ่ง เริ่มต้นเป็นอย่างไร อาการไส้ติ่ง พบได้กับทุกเพศทุกวัย ผู้ป่วยจะรู้สึกถึงความผิดปกติก็ต่อเมื่อเกิดโรคไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis) แล้ว ทำให้ร่างกายค่อย ๆ แสดงอาการเมื่อไส้ติ่งเริ่มอุดตัน เช่น  เกิดอาการปวดท้องอย่างเฉียบพลันที่บริเวณรอบสะดือ  ระยะต่อมา เมื่อไส้ติ่งเริ่มบวมจะลุกลามไปปวดท้องบริเวณชายโครงด้านขวา หรือปวดที่ท้องด้านล่างขวา เนื่องจากการอักเสบที่ลุกลามมากขึ้น จะรู้สึกเจ็บบริเวณที่ไส้ติ่งมากขึ้น ขณะลุกเดิน เคลื่อนไหวร่างกาย หรือแม้กระทั่งไอและจาม มีไข้ จุกแน่นท้อง  คลื่นไส้ […]

หมวดหมู่ สุขภาพระบบทางเดินอาหาร เพิ่มเติม

ภาวะจุลินทรีย์ในลำไส้เล็กเติบโตมากผิดปกติ

สำรวจ สุขภาพระบบทางเดินอาหาร

ปัญหาสุขภาพช่องท้องแบบอื่น

วิธีธรรมชาติแก้อาการอาหารไม่ย่อย ที่คุณสามารถทำเองได้ง่าย ๆ

มีหลากหลายวิธีในการรักษาอาการอาหารไม่ย่อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ อาหารไม่ย่อยไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงและสามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง และบทความโดย Hello คุณหมอ นี้จะช่วยให้คุณสามารถสังเกตสัญญาณและอาการของโรคได้ พร้อมทั้งมี วิธีธรรมชาติแก้อาการอาหารไม่ย่อย มาฝากด้วย จะรู้ได้อย่างไรว่าอาหารไม่ย่อย อาหารไม่ย่อยหรือที่เรียกว่าอาการท้องอืด เกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ที่พบได้ทั่วไปคือภาวะกรดไหลย้อน แผลในกระเพาะอาหาร มะเร็ง ความผิดปกติของตับอ่อนและท่อน้ำดี สัญญาณและอาการโดยทั่วไปของอาหารไม่ย่อย ได้แก่ รู้สึกอึดอัดระหว่างรับประทานอาหาร คุณอาจรู้สึกอึดอัดในขณะกำลังรับประทานอาหารและไม่สามารถรับประทานต่อไปได้ รู้สึกอิ่มและอึดอัดหลังรับประทานอาหารเสร็จ มีความรู้สึกอิ่มเป็นเวลานาน แสบร้อนบริเวณเหนือกระเพาะอาหาร คุณอาจรู้สึกแสบร้อนเหนือบริเวณสะดือและใต้กระดูกหน้าอก รู้สึกอึดอัดที่กระเพาะส่วนบน คุณอาจรู้สึกปวดเล็กน้อยจนถึงรุนแรงเหนือบริเวณสะดือและใต้กระดูกหน้าอก คุณอาจมีอาการท้องอืด คลื่นไส้ และอาเจียน แต่ไม่บ่อยนัก อาหารเหล่านี้คล้ายคลึงกับการเกิดกรดไหลย้อนแต่ก็มีอาการบางอย่างที่แตกต่างกัน เมื่อเกิดกรดไหลย้อนคุณอาจรู้สึกปวดบริเวณทรวงอกและอาจลุกลามไปยังหลังและคอ ทั้งนี้ คุณอาจมีอาการอาหารไม่ย่อยและกรดไหลย้อนในเวลาเดียวกันได้ วิธีธรรมชาติแก้อาการอาหารไม่ย่อย กินขิง หนึ่งใน วิธีธรรมชาติแก้อาการอาหารไม่ย่อย ที่รู้จักกันดีก็คือ การบริโภคขิง นั่นเอง ขิงเป็นที่รู้จักกันดีถึงสรรพคุณทางธรรมชาติในการรักษาโรคกระเพาะอาหาร อาการคลื่นไส้ และอาหารไม่ย่อย เมื่อคุณกินขิงจะช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำลายและช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นว่า ขิงสามารถลดอาการบวม ลดระดับคอเรสเตอรอล และน้ำตาลในเลือดได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางท่านแนะว่าขิงอาจทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนดในหญิงตั้งครรภ์ได้ ฉะนั้น หากคุณกำลังตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคขิง เคี้ยวหมากฝรั่ง การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำลายได้มากขึ้น หมากฝรั่งบางชนิดมีส่วนผสมของไซลิทอลซึ่งช่วยป้องกันฟันผุ นอกจากนี้ หมากฝรั่งรสมินต์ยังช่วยในการขจัดกลิ่นปาก หลังรับประทานอาหาร หากคุณไม่สามารถแปรงฟัน หรือทำความสะอาดช่องปากด้วยวิธีอื่นได้ การเคี้ยวหมากฝรั่งก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก หากคุณเผลอกลืนหมากฝรั่งลงไปก็ไม่ต้องตกใจ จริงอยู่ที่กระเพาะอาหารไม่สามารถย่อยหมากฝรั่งได้ แต่หมากฝรั่งจะเคลื่อนที่ไปตามทางเดินอาหารและถูกขับออกสู่ภายนอกร่างกายของคุณได้ อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ว่าหมากฝรั่งอาจก่อให้เกิดการอุดตันในลำไส้หากคุณกลืนหมากฝรั่งลงไปในปริมาณมาก ดื่มน้ำว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณต้านการอักเสบ […]


ท้องอืดท้องเฟ้อ

ท้องอืด สาเหตุและการป้องกัน

ท้องอืดคืออะไร ท้องอืดหรืออาการเกิดก๊าซในท้อง คืออาการอึดอัดในท้องเนื่องจากอากาศและก๊าซ ท้องอาจมีอาการบวม ปวดและแข็ง เมื่อมีอาการท้องอืดคุณอาจรู้สึกปวดท้อง มีก๊าซส่วนเกิน เรอหรือเรอเปรี้ยว รวมถึงมีเสียงครืดคราดภายในท้อง บางครั้งอาจสร้างความรู้สึกไม่สบายตัวให้กับคุณหากต้องออกไปพบปะผู้คนหรือทำกิจกรรมต่างๆตามปกติ วันนี้ Hello คุณหมอ มาพร้อม สาเหตุและการป้องกันอาการท้องอืด ให้ได้ลองอ่านกันค่ะ ทำไมถึงรู้สึกท้องอืด ก๊าซและอากาศ ก๊าซเป็นหนึ่งใน สาเหตุและการป้องกันอาการท้องอืด เมื่ออาหารที่ย่อยไม่ได้เกิดการเน่าเสียหรือเมื่อคุณกลืนอากาศเข้าไปก่อให้เกิดการสะสมของก๊าซ ปกติแล้วอากาศสามารถเข้าสู่ร่างกายของคุณได้ทางปากเมื่อรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ แต่ในบางครั้งคุณอาจได้รับอากาศเข้าไปมากกว่าปกติด้วยพฤติกรรมดังต่อไปนี้ รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำเร็วเกินไป สูบบุหรี่ เคี้ยวหมากฝรั่ง สวมใส่ฟันปลอมที่หลวม ปกติแล้วอากาศที่กลืนเข้าไปสามารถออกจากร่างกายได้โดยการเรอหรือผายลม นอกจากการสะสมก๊าซแล้ว กระเพาะอาหารทีทำหน้าที่ในการย่อยช้าก่อให้เกิดอาการท้องอืดและแน่นท้อง สาเหตุของอาการท้องอืด ท้องผูกเป็นสาเหตุหลักของอาการท้องอืด อย่างที่ทราบดีว่าอาการท้องผูกเกิดขึ้นเมื่อลำไส้เคลื่อนตัวน้อยลงผิดปกติ อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะสามารถลำไส้สามารถทำงานได้เป็นปกติ ก็สามารถเกิดอาการท้องผูกขึ้นได้ ซึ่งอาจแสดงอาการเกิดขึ้นดังต่อไปนี้ : อุจจาระแข็งเหมือนหินหรือก้อนกรวด เริ่มต้นขับถ่ายลำบากหรือหยุดขับถ่ายได้ยาก ท้องผูกมักก่อให้เกิดอาการท้องอืดและปวดท้อง เมื่อมีอุจจาระตกค้างในลำไส้เป็นเวลานาน แบคทีเรียภายในลำไส้จะทำการหมักสิ่งต่างๆภายในนั้นนานมากขึ้น ก่อให้เกิดความรู้สึกท้องอืดและบวมเพิ่มขึ้น จนท้ายที่สุดท้องของคุณจะเต็มไปด้วยก๊าซ สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการโรคบางชนิด ลำไส้แปรปรวน (IBS) ความผิดปกติของลำไส้ ภูมิแพ้อาหารแฝง การติดเชื้อปรสิตในลำไส้เล็ก การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ภาวะโรคอะนอเร็กเซีย หรือโรคบูลิเมีย โรคลำไส้อักเสบ ปัญหาทางสุขภาพจิต: ความเครียด, ซึมเศร้า, วิตกกังวล เสียดท้อง น้ำหนักเพิ่มขึ้น สาเหตุที่คุณควรระมัดระวังเป็นพิเศษ โรคเซลิแอค การสะสมของเหลวทางพยาธิวิทยาภายในช่องท้องอันเป็นผลมากจากมะเร็ง ไตวาย หรือโรคตับ การป้องกัน วิธีป้องกันตนเองจากอาการท้องอืดที่ได้ผลดีที่สุดคือการเปลี่ยนอาหารที่รับประทาน คุณสามารถบรรเทาการเกิดก๊าซได้ด้วยการลดการทานอาหารต่อไปนี้ อาหารที่มีการหมักของน้ำตาลโอลิโกแซ็กคาไรด์ต่ำ(พบได้ในข้าวสาลี หอมหัวใหญ่ และถั่ว), น้ำตาลโมเลกุลคู่ (พบได้ในโยเกิร์ต และนม), น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (พบได้ในแอปเปิ้ล และสาลี่), และโพลิออลส์ (ส่วนใหญ่พบได้ในแอปริคอต พลัม และกระหล่ำดอก) หรือที่เรียกอีกชื่อว่า อาหารกลุ่ม FODMAP (Fermentable […]


ท้องอืดท้องเฟ้อ

10 สุดยอดอาหารแก้ท้องอืด

วันนี้ Hello คุณหมอมาพร้อมกับ 10 สุดยอด อาหารแก้ท้องอืด เมื่อเกิดอาการท้องอืด ชาที่ท้อง หรือเสียดท้อง สมองสามารถรับรู้ได้ถึงก๊าซที่อัดแน่นในกระเพาะอาหาร ซึ่งทำให้คุณรู้สึกอึดอัดและไม่สบายตัว คุณอาจเลือกทานอาหารบางชนิดเพื่อลดการเกิดอาการท้องอืด แทนการหลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดอาการอึดอัดนี้ ทั้งนี้อาการที่เกิดขึ้นกับกระเพาะอาจเนื่องจากการขาดแคลนอาหารสำคัญบางชนิด ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยการเลือกทานอาหารทดแทน เช่น สมุนไพรกลิ่นฉุนสามารถควบคุมการเกิดก๊าซ อาการคลื่นไส้ กล้ามเนื้อกระตุก หรือตะคริว ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วยและความผิดปกติเนื่องจากกลุ่มอาการลำไส้แปรปรวน สมุนไพรช่วยให้กล้ามเนื้อเรียบภายในทางเดินอาหารผ่อนคลาย ต่อไปนี้คือ อาหารแก้ท้องอืด ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มระดับการเผาผลาญพลังงานและทำให้ผิวพรรณผ่องใสแล้ว ยังทำให้สุขภาพดีอีกด้วย เปปเปอร์มิ้นต์ เมื่อต้องการ อาหารแก้ท้องอืด คุณสามารถรับประทานชามิ้นต์ร้อนหรือเย็นเพื่อบรรเทาอาการปวดเกร็งและชาในท้องรวมถึงช่วยลดอาการของโรคลำไส้แปรปรวน งานวิจัยในปัจจุบันพบว่าผู้ที่ใช้น้ำมันมิ้นต์สามารถลดอาการเกิดโรคลำไส้แปรปรวนได้ครึ่่งหนึ่ง ขิง ขิงเป็นที่รู้จักกันดีเรื่องสารบำบัดทางธรรมชาติที่ดีที่สุดในการแก้อาการคลื่นไส้ นักวิจัยคลินิคชี้ว่ารากของขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้และแพ้ท้อง การเพิ่มขิงลงไปในผัดผัก ชาร้อน หรือการทานขิงเคลือบน้ำตาลปริมาณหนึ่งหรือสองชิ้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยอาหาร นอกจากนี้ขิงยังมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบและช่วยสร้างความผ่อนคลายให้กับทางเดินอาหาร เมล็ดและหัวเฟนเนล เมล็ดเฟนเนลพบได้ทั่วไปในร้านอาหารอินเดีย เมล็ดเฟนเนลปริมาณเล็กน้อยช่วยลดการเกิดก๊าซและอาการท้องอืด หัวของฟนเนลคือตัวเลือกที่ดีที่สุดในการรักษาอาการท้องอืดเรื้อรัง เชื่อว่าน้ำมันเฟนเนลช่วยขับลมได้ดีกว่าอาหารชนิดใด คุณอาจบดหรือหั่นเหัวเฟนเนลป็นชิ้นบางๆและรับประทานได้ทั้งที่ยังสดและย่าง หรืออาจลองรับประทานสลัดเฟนเนลย่าง น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลอุดมไปด้วยหลากหลายคุณประโยชน์ หนึ่งในนั้นคือช่วยลดปัญหาที่เกิดจากระบบย่อยอาหารเช่น กรดไหลย้อน โดยกระตุ้นการเปิดปิดของหลอดอาหาร เมื่อหลอดอาหารปิดสนิทกรดจะไม่สามารถไหลย้อนกลับขึ้นมาได้ นอกจากนี้แบคทีเรียในน้ำส้มสายชูยังช่วยในการทำงานของระบบลำไส้ส่งผลให้ลำไส้แข็งแรง แรดิชิโอ รสขมของผักกาดหอมหรือผักใบชนิดอื่นๆ ที่มีสีสันสดใส เช่น ผักชิโครี่ มีประโยขน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรสชาติขมของผักช่วยกระตุ้นการผลิตเอนไซม์ในการย่อยอาหารและการทานผักสดเช่นสลัดยังช่วยในการย่อยอาหารที่ทานเข้าไป แนะนำให้รับประทานผักแรดิชิโอรวมกับน้ำสลัดที่ทำจากส่วนผสมของน้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลและเกลือเพียงเล็กน้อยก่อนมื้ออาหารหลักของคุณ เมล็ดมิลค์ทิสเซิล เมล็ดมิลค์ทิสเซิลช่วยในการหลั่งของเหลวที่ช่วยในการย่อยอาหาร เป็นที่ทราบกันดีว่าเมล็ดมิลค์ทิสเซิลมีสรรพคุณในการล้างพิษในตับและต้านการอักเสบ การรับประทานเมล็ดมิลค์ทิสเซิลทุกวันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำดีในตับและสร้างสมดุลในสำไส้ เพื่อให้ได้ผลดีลองผสมเมล็ดสดจำนวนไม่กี่ช้อนชาลงในสมูทตี้ โอ๊ตมีล หรือซุป เมลอนฮันนี่ดิว หากคุณกำลังกระหายน้ำ การรับประทานเมลอนฮันนี่ดิวสักหนึ่งชิ้นอาจช่วยคุณได้ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าเมลอนฮันนี่ดิวอุดมด้วยสารชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า […]


โรคกรดไหลย้อน

เปลี่ยนวิถีชีวิตง่ายๆ ป้องกันอาการกรดไหลย้อน

วิธี ป้องกันอาการกรดไหลย้อน  คุณเคยรู้สึกแสบร้อนบริเวณเหนือกระเพาะอาหารหรือไม่ โดยปกติแล้วอาการนี้มักเกิดขึ้นหลังจากรับประทานอาหารมีื้อใหญ่ที่ไม่สามารถย่อยได้ภายในหนึ่งชั่วโมง เช่นเดียวกับหลายๆคน อาการแสบร้อนนี้เรียกว่า อาการกรดไหลย้อน กรดไหลย้อนเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ กรดไหลย้อนมักเกิดขึ้นภายหลังจากการรับประทานอาหาร เกิดขึ้นเมื่ออาหารในกระเพาะไหลย้อนกลับสู่หลอดอาหาร ก่อให้เกิดอาการปวดแสบภายในทรวงอก เมื่อคุณกลืนอาหารลงไปกล้ามเนื้อจำนวนหนึ่ง (หลอดอาหาร) จะคลายตัวเพื่อให้อาหารจากปากไหลลงสู่กระเพาะอาหาร จากนั้นจึงปิดตัวเพื่อป้องกันการไหลย้อนกลับของอาหาร (กรดไหลย้อน) หากกล้ามเนื้อส่วนนี้ถูกทำลาย กรดจะไหลย้อนกลับได้ง่ายขึ้น นอกจากอาการปกติทั่วไป กรดไหลย้อนยังบ่งบอกถึงอาการรุนแรงอื่นๆที่ควรได้รับการรักษา กรดไหลย้อนไม่ใช่อาการที่ควรนิ่งเฉย หากทิ้งไว้นานและไม่รับการรักษา กรดไหลย้อนอาจเป็นสาเหตุให้กรดในกระเพาะอาหารทำลายทางเดินสำไส้ วันนี้ Hello คุณหมอ จึงมาพร้อมกับวิธี ป้องกันอาการกรดไหลย้อน วิธีการง่ายๆในการ ป้องกันอาการกรดไหลย้อน  คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตหมายถึงการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่คุณกำลังควบคุมอยู่ รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงปัจจัยและสิ่งเร้าที่ทำให้อาการแย่ลง จะป้องกันการเกิดกรดไหลย้อนโดยการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตได้อย่างไร กรดไหลย้อนเป็นอาการผิดปกติของกระเพาะอาหาร ดังนั้นโดยปกติคุณควรเปลี่ยนแปลงการกินของคุณเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดกรดไหลย้อน สิ่งสำคัญคือหลีกเลี่ยงการสร้างแรงดันในทางเดินอาหารและหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้น เช่น อย่ารับประทานมากเกินไปหรือเร่งรีบเกินไป การรับประทานเพียงเล็กน้อยหมายความว่ามีอาหารส่งไปยังกระเพาะอาหารน้อยลงเช่นกัน ซึ่งลดโอกาสในการเกิดกรดไหลย้อน ทำการจดบันทึกอาหารที่เป็นสาเหตุของกรดไหลย้อน อาหารที่เป็นตัวกระตุ้นโดยทั่วไป ได้แก่ หัวหอม เปปเปอร์มินต์ ช๊อคโกแลต เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ส้มและน้ำส้ม มะเขือเทศ และอาหารไขมันสูงหรืออาหารรสจัด เลิกสูบบุหรี่และจำกัดการดื่มแอลกอฮอลล์ นิโคตินในบุหรี่มีผลกระทบต่อหลอดอาหาร ทำให้กรดในกระเพาะไหลเข้าสู่หลอดอาหารได้อย่างง่ายดาย หลีกเลี่ยงการสร้างแรงดันให้กับกระเพาะ คุณสามารถทำได้โดยสวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม หรือไม่รัดกระเพาะอาหาร รวมถึงการลดน้ำหนัก ยิ่งมีน้ำหนักมากเท่าใดยิ่งเพิ่มแรงดันในทางเดินอาหาร หลีกเลี่ยงการนอนหลังมื้ออาหาร ลองนึกภาพถึงกระเพาะอาหารที่คล้ายกับขวดน้ำ เมื่อคว่ำลงก็มีโอกาสที่น้ำจะกระฉอกออกมาได้ ใช้หมอนรองคอเพื่อให้ตำแหน่งของหัวสูงกว่าร่างกายเล็กน้อยป้องกันการไหลย้อนของกรด หากวิธีนี้ไม่ได้ผล พยายามให้ร่างกายส่วนบนอยู่สูงกว่าระดับเอวลงมา ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อช่วยในการย่อยอาหาร […]


โรคกรดไหลย้อน

ปัจจัยที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อน มาดูสิว่าจะมีอะไรบ้าง

กรดไหลย้อน นอกจากจะทำให้คุณรู้สึกไม่สบายท้องแล้ว ยังทำให้คุณมีอาการแสบร้อนกลางอก เจ็บคอ เสียงแหบ ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น และอื่น ๆ ได้อีกมาก อาการของ โรคกรดไหลย้อน เหล่านี้มักรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน และบางอาการ อย่างกลิ่นปาก ก็สามารถทำให้เราหมดความมั่นใจได้ด้วย หากใครไม่อยากเป็นโรคกรดไหลย้อน หรือไม่อยากทำให้อาการที่เป็นอยู่แย่ลง ก็สามารถทำได้ด้วยการป้องกันหรือหลีกเลี่ยง ปัจจัยที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อน ที่ Hello คุณหมอ นำมาฝากกันในบทความนี้ ปัจจัยที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อน การสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้มากมาย รวมถึงโรคกรดไหลย้อนด้วย ยิ่งหากใครเป็นกรดไหลย้อนอยู่แล้ว ก็ยิ่งควรงดสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่จะทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร และกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ทั้งยังลดปฏิกิริยาตอบสนองในลำคอและลดการหลั่งน้ำลาย เมื่อกระบวนการเหล่านี้ทำงานผิดปกติ จึงทำให้กรดในกระเพาะอาหารเสียสมดุล และส่งผลเสียต่อสุขภาพมากขึ้น การกินอาหารมากเกินไป หรือกินมื้อดึก อาหารมื้อใหญ่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อนที่พบได้บ่อยที่สุด เพราะเมื่อคุณกินอาหารมากเกินไป ร่างกายก็จำเป็นต้องใช้เวลาในการย่อยอาหารนานขึ้น ยิ่งหากคุณกินอาหารมื้อใหญ่ในช่วงเย็น ช่วงก่อนนอน หรือชอบกินมื้อดึก พอคุณล้มตัวนอนทั้งที่กระเพาะอาหารยังย่อยอาหารไม่เสร็จ กรดในกระเพาะอาหารจึงไหลย้อนขึ้นมายังหลอดอาหารได้ คุณไม่ควรกินอะไรก่อนเข้านอน 3-4 ชั่วโมง และควรออกไปเดินเล่นหลังกินอาหารสัก 30 นาที หรือขยับร่างกายด้วยการล้างจาน กวาดบ้าน เป็นต้น เพื่อช่วยให้ร่างกายย่อยอาหารได้ดีขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายจริงจัง เพราะจะยิ่งส่งผลเสียต่อกระบวนการย่อยอาหาร การใช้ยาบางชนิด ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน (Aspirin) ไอบูโพรเฟน […]


โรคกรดไหลย้อน

12 เคล็ดลับดี ๆ ป้องกัน กรดไหลย้อนตอนนอน

คุณเคยสะดุ้งตื่นตอนกลางคืนเพราะมีอาการแสบร้อนกลางอกหรือไม่ อาการ กรดไหลย้อนตอนนอน อาจรบกวนการนอนหลับและทำให้ประสิทธิภาพในการเรียน หรือการทำงานในวันถัดไปของคุณแย่ลงได้ หากคุณมีอาการกรดไหลย้อนทุกวันและต้องการควบคุมการเกิดอาการเหล่านั้น เคล็ดลับต่อไปนี้จาก Hello คุณหมอ อาจช่วยคุณได้ วิธีป้องกัน กรดไหลย้อนตอนนอน รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ หากคุณมีน้ำหนักตัวมากหรือเป็นโรคอ้วน คุณควรควบคุมน้ำหนักด้วยการ รับประทานอาหาร เพื่อสุขภาพ ควบคู่กับการออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน หากคุณไม่สามารถลดน้ำหนักได้ พยายามอย่าให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น เพราะอาจทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดอาการ กรดไหลย้อนตอนนอน มากขึ้นได้ ใส่ใจการนอนหลับด้วยการปรับเปลี่ยนท่าทางในการนอน จำไว้ว่า คุณควรนอนตะแคงซ้ายเพื่อยกร่างกายส่วนบนให้สูงขึ้นในระหว่างนอนหลับ การนอนหลับโดยไม่หนุนหมอน หรือหนุนหมอนเตี้ยทำให้อาการกรดไหลย้อนแย่ลง เนื่องจากหลอดอาหารและกระเพาะอาหารของคุณอยู่ในระดับเดียวกัน ส่งผลให้กรดในกระเพาะไหลย้อนกลับไปยังหลอดอาหารได้อย่างง่ายดาย หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่คับ โดยเฉพาะบริเวณเอว การสวมใส่เสื้อผ้าคับ ๆ เป็นการเพิ่มแรงดันให้กับกระเพาะอาหาร นำไปสู่การเกิดกรดไหลย้อน การสวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมหรือมีขนาดพอดีช่วยลดการสร้างแรงดันในกระเพาะอาหาร และทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ควรหลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นกรดไหลย้อน แม้ว่าอาหารเหล่านี้จะให้ผลแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่ก็ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้อาการกรดไหลย้อนแย่ลง อาหารเหล่านั้นได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น น้ำอัดลม กาแฟ ชา อาหารรสจัด เช่น เปปเปอร์มิ้นต์ กระเทียม หัวหอม นม อาหารไขมันสูง อาหารเผ็ด อาหารที่มีรสชาติเลี่ยน หรืออาหารทอด และอาหารที่มีกรด เช่น ผลิตภัณฑ์จากส้ม มะเขือเทศ พยายามหลีกเลี่ยงอาหารมื้อดึกหรือมื้อใหญ่ แพทย์มักแนะนำให้งดรับประทานอาหารก่อนเข้านอนอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง […]


โรคกรดไหลย้อน

เคล็ดลับง่ายๆ ห่างไกลจากอาการกรดไหลย้อนตอนกลางคืน

นักวิจัยได้ทำแบบสอบถามประชาชนทั่วไปจำนวน 15,300 คน พบว่า 25% ในนั้นเคยเกิด อาการกรดไหลย้อนตอนกลางคืน สิ่งเหล่านี้กลายเป็นปัญหาซึ่งรบกวนการนอนหลับและอาจนำไปสู่ปัญหาทางสุขภาพอื่นๆต่อไป กรดไหลย้อนสร้างความเสียหายให้แก่หลอดอาหาร กรดในกระเพาะอาจก่อให้เกิดรอยแผลเป็นและทำความเสียหายต่อระบบทางเดินอาหาร หรืออาจจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งหลอดอาหาร อาการกรดไหลย้อนตอนกลางคืน ทำให้เกิดการ ตกค้างของกรดในหลอดอาหารซึ่งสร้างความเสียหายได้มากมาย กรดไหลย้อนในตอนกลางคืนอาจเป็นสาเหตุของการนอนหลับไม่เพียงพอรวมไปถึงอาการนอนไม่หลับ คุณอาจตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความรู้สึกแสบร้อนกลางอกและไม่สามารถนอนหลับต่อได้ แม้ว่าจะรับประทานยาแก้ปวดไปแล้วก็ตาม ปกติแล้วคุณควรนอนหลับอย่างน้อย 7- 8 ชั่วโมงต่อวัน การนอนหลับไม่เพียงพอเป็นระยะเวลานานอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการต่อไปนี้ หาวบ่อยผิดปกติ มีปัญหาด้านความจำ เห็นภาพหลอน หลับใน ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลง น้ำหนักเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตสูง สมองทำงานช้าลง สมองเสี่อม อารมณ์เสีย ซึมเศร้า เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เป็นหวัดหรือไข้ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคเกี่ยวกับหัวใจ ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับในการป้องกันการเกิดกรดไหลย้อนในตอนกลางคืน: ยกหัวให้สูง แพทย์แนะนำให้ปรับตำแหน่งของหัวให้สูงขึ้นอย่างน้อย 10 – 15 ซม. บางท่านอาจแนะนำให้ใช้หมอนที่มีรูปร่างคล้ายลิ่มเพื่อยกลำตัวส่วนบนเหนือเอวให้สูงขึ้น 10 – 25 ซม. เพือป้องกันการเกิดกรดไหลย้อน วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ได้ผลดี เนื่องจากแรงโน้มถ่วงจะช่วยทำให้อาหารไหลลงสู่กระเพาะ นอนตะแคงซ้าย คุณสามารถปรับท่าการนอนเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดกรดไหลย้อน การนอนตะแคงซ้ายช่วยลดการเกิดกรดไหลย้อน ลดน้ำหนัก งานวิจัยชี้ว่าการลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัมช่วยลดการเกิดกรดไหลย้อน อาการกรดไหลย้อนมีแนวโน้มแย่ลงเมื่อน้ำหนักของคุณเพิ่มขึ้น สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม หากคุณสวมใส่เสื้อผ้าที่คับอาจเป็นการเพิ่มแรงดันในกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อผ้าที่คับบริเวณเอว ก่อให้เกิดกรดไหลย้อน รับประทานอาหารด้วยภาชนะที่มีขนาดเล็ก การรับประทานอาหารด้วยภาชนะที่มีขนาดใหญ่หมายความว่ากระเพาะของคุณได้รับอาหารมากตามไปด้วย ซึ่งอาจใช้เวลานานในการย่อยและทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้น ก่อให้เกิดกรดไหลย้อน หลีกเลี่ยงอาหารมื้อดึก เช่นเดียวกับการรับประทานอาหารในปริมาณมาก การรับประทานมื้อดึกกินเวลานานกว่าที่อาหารจะย่อย นอกจากนี้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารของคุณอาจอยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าปกติ ซึ่งทำให้อาหารไหลย้อนกลับสู่หลอดอาหารได้ พยายามอย่ารับประทานอาหารในช่วงเวลา 3-4 ชั่วโมงก่อนเข้านอน มีวินัยในการรับประทานอาหาร ไม่ควรรีบเร่งรับประทานอาหาร ความเครียดเป็นสาเหตุให้กระเพาะหลั่งกรดออกมามากขึ้น นอกจากนี้ควรนั่งในท่าตรงหรืออย่าก้มตัวในขณะรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นตัวกระตุ้น หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจก่อให้เกิดกรดไหลย้อน เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ช๊อคโกแลต เปปเปอร์มิ้นต์ กาแฟ น้ำอัดลม […]


โรคตับ

โรคตับแข็ง

โรคตับแข็ง (Cirrhosis) เกิดจากการที่ตับอักเสบทำให้เนื้อเยื่อตับเป็นพังผืด เกิดความเสียหายและไม่สามารถทำงานได้อย่างเหมาะสม ทำให้เกิดการขัดขวางกระแสเลือดภายในตับบางส่วน โดยมีปัจจัยเสี่ยงคือพันธุกรรม การดื่มแอลกอฮอล์ และโรคอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกิน [embed-health-tool-bmi] คำจำกัดความ โรคตับแข็ง คืออะไร โรคตับแข็ง (Cirrhosis) เป็นภาวะที่ตับได้รับความเสียหายและไม่สามารถทำงานได้อย่างเหมาะสม มักเกิดขึ้นเมื่อตับมีการอักเสบทำให้เนื้อเยื่อตับเป็นพังผืด และไปขัดขวางกระแสเลือดภายในตับเป็นบางส่วน ทั้งนี้ ตับเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดภายในร่างกาย ทำหน้าที่สำคัญหลายประการ โดยหน้าที่หลักของตับ ได้แก่ ดูดซึมและสะสมสารอาหารที่จำเป็นในระหว่างการย่อยอาหาร ได้แก่ โปรตีน น้ำตาล และไขมัน แล้วลำเลียงสารอาหารเหล่านี้ไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย สังเคราะห์โปรตีนขึ้นใหม่เพื่อสร้างสารที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด และสารภูมิคุ้มกันเพื่อช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายและต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ สังเคราะห์น้ำดีเพื่อสลายไขมันในอาหารในระหว่างย่อยอาหารเพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมไขมัน คอเลสเตอรอล และวิตามินที่ละลายในไขมัน กรองเลือดเพื่อกำจัดของเสีย เช่น สารพิษต่าง ๆ ไขมันส่วนเกิน และคอเลสเตอรอล ของเสียดังกล่าวก่อตัวขึ้นเป็นอุจจาระแล้วปลดปล่อยออกจากร่างกายในระหว่างการขับถ่าย โดยปกติแล้ว ตับสามารถฟื้นฟูและซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายได้ ยกเว้นในกรณีที่เกิดความเสียหายรุนแรงเกินไปเป็นเวลานาน ส่งผลให้เนื้อเยื่อตับกลายเป็นเนื้อเยื่อแผลเป็น ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าพังผืด (fibrosis) การเกิดพังผืดของตับเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อเวลาผ่านไปก็จะก่อให้เกิดตับแข็งในที่สุด โรคตับแข็งในระยะเริ่มแรก ตับยังคงทำงานและเมื่อเข้าสู่สู่ระยะต่อไปตับอาจล้มเหลวได้ ควรเข้ารับการตรวจทันทีเพื่อป้องกันตับล้มเหลว (liver failure) โรคตับแข็ง พบได้บ่อยเพียงใด โรคตับแข็งพบได้ทั่วไป โดยมักพบอยู่ในผู้ป่วยโรคตับเรื้อรังระยะสุดท้าย (chronic liver disease) […]


ปัญหาสุขภาพช่องท้องแบบอื่น

ยารักษาตับอักเสบ แต่ละชนิดและข้อควรรู้ในการใช้

มีการคาดการณ์ว่าประมาณ 85% ของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C Virus; HCV) นั้นจะกลายเป็นโรคเรื้อรัง โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าหากเป็นไวรัสตับอักเสบเฉียบพลัน ควรรักษาด้วยการพักผ่อน บรรเทาอาการ และบริโภคน้ำในปริมาณที่เหมาะสม การรักษาโดยใช้ยานั้นใช้เพื่อรักษาโรคตับอักเสบเรื้อรังเท่านั้น Hello คุณหมอ มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ยารักษาตับอักเสบ มาฝากคุณแล้ว การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเป็นโรคติดต่อที่ทำให้เกิดอาการตับอักเสบ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีจะเป็นโรคเรื้อรัง สำหรับโรคตับอักเสบเรื้อรัง มักแนะนำให้ใช้ยาร่วมกับ การป้องกันโรคตับ เช่น โรคตับแข็ง (Cirrhosis) ตับวาย การบรรเทาอาการ การลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งตับ ยารักษาตับอักเสบ ที่ใช้กันมากที่สุดมีอะไรบ้าง อินเตอร์เฟอรอน (Interferons) ยาต้านไวรัสโปรตีเอส อินฮิบิเตอร์ (Protease Inhibitor) ยาต้านไวรัสนิวคลีโอไทด์ อนาล็อก (Nucleoside Analogue) ยาพอลิเมอเรส อินฮิบิเตอร์ (Polymerase Inhibitor) และการรักษาด้วยยาหลายชนิดร่วมกัน การแพทย์ทางเลือก อินเตอร์เฟอรอน (Interferons) อินเตอร์เฟอรอนคือโปรตีนในร่างกาย มีหน้าที่ต่อสู้กับการติดเชื้อ โปรตีนตัวนี้จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับไวรัสตับอักเสบซีเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน ยาเหล่านี้ได้แก่ เพกอินเตอร์เฟอรอน อัลฟ่า 2เอ สำหรับฉีด (Peginterferon alfa-2a) อย่างเพกาซิส (Pegasys) เพกอินเตอร์เฟอรอน อัลฟ่า 2เอ สำหรับฉีด อย่างเพกอินทรอน (PegIntron) หรือไซลาทรอน (Sylatron) อินเตอร์เฟอรอน […]


ท้องอืดท้องเฟ้อ

ท้องอืด แค่อาการธรรมดาหรือมีอะไรมากกว่านั้น

แน่นอนว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักอาการ ท้องอืด เพราะอย่างน้อย ต้องมีสักครั้งหนึ่งที่คุณเกิดอาการนี้ อาการท้องอืด สามารถเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย ในบางครั้ง ก็สามารถหายไปได้เอง แต่ในบางกรณี อาการเกิดอาจขึ้นติดต่อกันนานผิดปกติ ซึ่งนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนบางอย่างจากร่างกายว่า กำลังมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นมากกว่าท้องอืดธรรมดาทั่วๆ ไป ท้องอืด อาการและวิธีการรักษา ผู้ที่มีอาการท้องอืด  จะรู้สึกปวดท้องส่วนบน คือบริเวณระหว่างใต้ลิ้นปี่และเหนือสะดือ จุกเสียด มีลมในท้อง ต้องเรอบ่อยๆ บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อิ่มเร็ว หรืออาจมีอาการแน่นท้อง แม้กินอาหารเพียงเล็กน้อย และแสบบริเวณหน้าอกร่วมด้วย ท้องอืด อาการและวิธีการรักษา จะมีอะไรบ้างวันนี้ Hello Khunmor จะพามาดูกัน ท้องอืดเกิดจากอะไรได้บ้าง อาการท้องอืด สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ พฤติกรรมการรับประทาน เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอาการท้องอืด สำหรับคนทั่วไปเลยทีเดียว การกินอาหารอย่างเร่งรีบ เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด การกินอาหารไม่เป็นเวลา การกินอาหารปริมาณมากเกินไป รวมทั้งการนอนราบทันทีหลังกินอาหารเสร็จ นอกจากนี้ หลายคนคงอาจคิดไม่ถึงว่า การดื่มเครื่องดื่มผ่านหลอด การดูดอมยิ้ม การเคี้ยวหมากฝรั่ง หรือแม้กระทั่งการพูดมาก ก็ทำให้ท้องอืดได้ เพราะว่าเป็นการ “กินลม” หรือนำอากาศเข้าท้อง อาจทำให้เกิดลมในกระเพาะมากเกินไปนั่นเอง โรคในระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ โรคแผลในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารอักเสบ มะเร็งกระเพาะอาหาร พยาธิในทางเดินอาหาร เป็นต้น โรคและภาวะสุขภาพอื่นๆ ที่มีอยู่ก่อนแล้ว […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน