ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป เป็นเรื่องที่ทุกคนควจะต้องรู้เอาไว้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองและคนในครอบครัว ซึ่งเรื่องราวที่คุณจะอ่านเรารวบรวมเอาไว้ให้แล้ว

เรื่องเด่นประจำหมวด

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

โรคไวรัสตับอักเสบบี คือโรคอะไร ใครควรได้รับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี

โรคไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) เป็นหนึ่งในไวรัสตับอักเสบ ซึ่งมีทั้งหมด 5 ชนิด ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบ เอ บี ซี ดี และอี โดยไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี เป็นชนิดที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และในปัจจุบันยังไม่มียารักษาโดยตรง มีเพียงยาที่ช่วยไม่ให้ตับถูกทำลาย โรคไวรัสตับอักเสบบี จึงเป็นโรคที่ควรตรวจคัดกรองเพื่อเข้ารับการรักษาโดยเร็ว และป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี  [embed-health-tool-vaccination-tool] โรคไวรัสตับอักเสบบี คืออะไร ไวรัสตับอักเสบบี เป็นโรคตับอักเสบชนิดหนึ่ง หรือเกิดจากการอักเสบของเซลล์ตับ สาเหตุจากการ ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBV) อาจทำให้เซลล์ตับตาย ความรุนแรงของโรคไวรัสตับอักเสบ บี เมื่อเป็นเรื้อรังจะเกิดพังผืด อาจกลายเป็นตับแข็ง นำสู่โรคมะเร็งตับได้  การติดต่อของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี  ส่วนใหญ่การติดต่อของโรคเกิดจากการถ่ายทอดจากแม่ที่ติดเชื้อสู่ทารก ไม่ติดต่อผ่านทางการสัมผัสภายนอก ไม่ติดต่อหลักทางน้ำลาย แต่ติดต่อได้ ดังนี้ สามารถเกิดได้จากการเจาะหรือสักผิวหนัง ด้วยเครื่องมือที่ไม่สะอาด ไม่ได้มาตรฐาน เชื้อเข้าทางบาดแผล หรือการใช้ยาเสพติด การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน  สัมผัสกับเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ที่ติดเชื้อ อาการของผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เชื้อไวรัสตับอักเสบบีจะไม่แสดงอาการในทันที แต่จะใช้เวลาฟักตัว 2-3 เดือน จึงเริ่มมีอาการ เช่น เกิดการอ่อนเพลียคล้ายกับโรคหวัด คลื่นไส้ อาเจียน จุกแน่นใต้ชายโครงขวาจากตับโต  สีปัสสาวะเข้มขึ้น […]

สำรวจ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ตาพร่ามัวขณะปวดหัว อันตรายมากน้อยแค่ไหน?

อาการตาพร่านั้น เป็นปัญหาทางสายตาที่หลายคนล้วนเคยเป็นกันมาบ้าง ในช่วงเวลาที่เหนื่อยล้า หรืออ่อนเพลีย แต่ถ้าหากอาการตาพร่านั้นเกิดขึ้นจากอาการปวดศีรษะ นั่นถือเป็นสัญญาณอันตรายทางสุขภาพหรือเปล่า? มาหาคำตอบของ อาการ ตาพร่ามัวขณะปวดหัว กันได้ ที่บทความนี้ค่ะ [embed-health-tool-bmr] อาการตาพร่า เบลอ เกิดขึ้นจากอะไร เราทุกคนสามารถที่จะพบกับอาการทางสายตาที่เรียกว่า ตาพร่ามัว กันได้ทุกคน แม้แต่ตอนตื่นนอนใหม่ ๆ ก็สามารถมีอาการตาพร่า มองอะไรไม่ค่อยเห็น หรืออาจเป็นเพราะอายุที่มากขึ้น การสายตาสั้น ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ยังมีอาการบางอย่างที่ส่งผลให้คุณมีอาการตาพร่า เบลอ ได้ นั่นคือ ระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อระดับน้ำตาลภายในเลือดของคนเราสูงขึ้น ก็จะส่งผลต่อต่อการทำลายเส้นเลือดเล็ก ๆ ที่เรตินาในดวงตา ซึ่งทำหน้าที่ในการรับแสง ทำให้จอประสาทตาในเรตินาเกิดอาการบวม ส่งผลให้เกิดอาการตาเบลอขึ้นได้ โรคหลอดเลือดสมอง คุณสามารถที่จะสังเกตด้วยตนเองได้ว่าคุณเสี่ยง หรือมีอาการของโรคหลอดเลือดสมองหรือ โดยสังเกตได้จากสัญญาณของสุขภาพดวงตา หากจู่ ๆ คุณมีอาการเห็นภาพซ้อน ตาพร่า หรือเบลอแบบกะทันหัน โดยที่ไม่ได้มีอาการเจ็บปวดใด ๆ ในระหว่างนั้น อาจสันนิษฐานได้ว่า คุณอาจเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมอง สำหรับกรณีนี้ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยที่แน่นอน ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ (Preeclampsia) คุณกำลังตั้งครรภ์อยู่หรือเปล่า? หากคุณกำลังตั้งครรภ์แล้วมีอาการตาพร่ามัวขึ้นมา นั่นอาจเป็นสัญญาณของภาวะครรภ์เป็นพิษ ซึ่งมีสาเหตุมาจากความดันโลหิตที่ขึ้นสูงในขณะตั้งครรภ์โดยที่ไม่เคยมีภาวะความดันโลหิตสูงมาก่อน โรคเอ็มเอส (MS) หรือ Multiple Sclerosis โรคเอ็มเอส คือโรคที่เกี่ยวกับอาการอักเสบของเส้นประสาท […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

คุณรู้จัก น้ำมูก ดีแค่ไหน มีอะไรที่เราควรรู้เกี่ยวกับน้ำมูกบ้าง

ทุกครั้งที่อากาศเริ่มเย็น หรืออากาศเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย หนึ่งในสัญญาณแรก ๆ เลย ที่จะแสดงอาการก็คือ อาการคัดจมูก และน้ำมูกไหล แล้วจึงตามมาด้วยอาการไข้หวัด แต่ทำไมแค่อากาศเย็นถึงทำให้น้ำมูกไหลได้ มีสาเหตุอื่นที่ทำให้ น้ำมูก ไหล ได้อีกหรือไม่ Hello คุณหมอ มีคำตอบมาให้แล้วค่ะ ทำไมคนเราถึงมี น้ำมูก (Snot or Nasal mucus) เมื่ออากาศเย็นเข้ามาเยือน ร่างกายของคนเราจะเสี่ยงต่อการเป็นหวัดมากขึ้น เพราะในช่วงที่อากาศเย็น จมูกและโพรงจมูกของคนเราจะมีความอ่อนไหวต่อเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส เมื่อเกิดการติดเชื้อ ร่างกายจะถูกกระตุ้นให้ปล่อยสารฮีสตามีน ซึ่งสารดังกล่าวจะทำให้เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ และผลิตน้ำมูกออกมา น้ำมูกที่ออกมาจำนวนมากนั้น จะทำให้เชื้อไวรัสและแบคทีเรียฝังตัวในเยื่อบุโพรงจมูกได้ยากขึ้น และการที่น้ำมูกไหลก็คือกระบวนการที่ร่างกายขับเอาแบคทีเรียและสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากจมูกและโพรงจมูก อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่เพียงอากาศเย็น หรือไข้หวัดเท่านั้นที่ส่งผลให้น้ำมูกไหล อาการแพ้ หรือโรคภูมิแพ้ ทั้งแพ้ไรฝุ่น แพ้ละอองเกสรดอกไม้ หรืออาการแพ้อื่น ๆ แม้แต่การร้องไห้ ก็มีส่วนที่ทำให้น้ำมูกไหลออกมาด้วยเช่นกัน น้ำมูกสีนี้หมายถึงอะไร น้ำมูกในจมูกของเราที่ไหลออกมาให้รำคาญใจอยู่นั้น รู้หรือไม่ว่ามีสีที่แตกต่างกัน และสีที่แตกต่างกันของน้ำมูก ก็ยังสามารถที่จะบอกถึงอาการทางสุขภาพอื่น ๆ ได้ ดังนี้ น้ำมูกมีสีแดง หากน้ำมูกมีสีแดง นั่นคือสัญญาณที่เตือนให้คุณทราบว่า ภายในจมูกของคุณนั้นมีอาการแห้ง ได้รับความระคายเคือง หรือเนื้อเยื่อในจมูกได้รับความเสียหาย และยังรวมถึงอาการแพ้ การติดเชื้อ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เส้นเลือดที่มือปูด โปนออกมา เป็นเพราะอะไร

เคยเป็นไหม จะใส่เสื้อโชว์แขน เผยมืออย่างชัดเจน แต่ก็รู้สึกอาย เพราะ เส้นเลือดที่มือปูด ออกมาจนเห็นได้ชัด ปูดแค่ที่มือยังไม่พอ ยังเป็นทั้งที่แขน และที่ขาอีก เล่นเอาหมดความมั่นใจกันเลยทีเดียว ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น แล้วสภาวะเช่นนี้เกิดขึ้นจากอะไร สามารถรักษาให้หายได้หรือเปล่า Hello คุณหมอ มีคำตอบมาให้ทุกท่านแล้วค่ะ [embed-health-tool-heart-rate] เส้นเลือดที่มือปูด คืออะไร ลองก้มลองมองสังเกตที่มือของตัวเองดูว่า คุณสามารถที่จะมองเห็นเส้นเลือดได้ชัดเจนหรือไม่ มีเส้นเลือดปูดโปนออกมาที่หลังมืออย่างเห็นได้ชัดหรือเปล่า นั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าเส้นเลือดที่มือปูด หรือเรียกกันอีกอย่างว่า หลอดเลือดขอด ลักษณะคล้ายกับอาการเส้นเลือดขอด โดยเส้นเลือดที่ปูดออกมานั้น คือ หลอดเลือดดำ แต่หลอดเลือดดำที่แขนและมือนั้น เป็นหลอดเลือดดำที่มีความแตกต่างจาก หลอดเลือดดำบริเวณต้นขา อย่างไรก็ตามอาการเส้นเลือดปูดนั้นไม่ได้มีแค่เพียงเฉพาะที่มือ แต่ยังสามารถเห็นได้ชัดที่แขน และต้นขาอีกด้วย สาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้เส้นเลือดที่มือปูด เส้นเลือดปูดนั้น ไม่ได้มีสาเหตุมาจากภาวะของโรคใด ๆ แต่มีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่น ๆ ที่ต่างกัน ดังนี้ อายุ หนึ่งในสาเหตุหลักของการมีเส้นเลือดที่มือปูดนั่นก็คืออายุที่มากขึ้น เมื่อสูงวัย หรือสูงอายุขึ้นผิวหนังของเราก็จะเริ่มบอบบางลง และสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้สามารถมองเห็นเส้นเลือดที่ฝ่ามือได้อย่างชัดเจน การออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นประจำ เป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพ ทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เส้นเลือดปูดออกมาด้วย เนื่องจากการออกกำลังกายนั้นทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น เมื่อความดันโลหิตสูงขึ้น ก็จะไปดันให้หลอดเลือดเข้าใกล้ผิวหนังมากขึ้น และโดยปกติแล้ว หลังออกกำลังกายหรือใช้แรงอย่างหนักความดันโลหิตก็จะลดลงสู่ระดับปกติ หมายความว่าเส้นเลือดที่ปูดออกมานั้นก็ควรจะคืนสภาพปกติด้วย แต่สำหรับผู้ที่ออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาเป็นประจำจะทำให้เส้นเลือดปูดออกมาอย่างถาวร อากาศที่ร้อนจัด สภาพอากาศร้อน หรือสภาวะที่อุณหภูมิสูง […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เล่นมือถือก่อนนอน ส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพ

ในปัจจุบันนี้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมือถือ แท็บเล็ต และอื่นๆ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของเรามากขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่าการ เล่นมือถือก่อนนอน นั้น สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราได้เช่นกัน ดังนั้นวันนี้ Hello คุณหมอ จึงมีเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกัน หาก เล่นมือถือก่อนนอน อาจทำให้คุณเกิดอาการเหล่านี้ รู้หรือไม่ว่าการเล่นมือถือก่อนนอนนั้น อาจทำให้เราเกิดอาการนอนไม่หลับได้ ทางที่ดีที่สุดคือ ก่อนเข้านอนนั้น คุณควรหยุดเล่นมือถือสัก 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอาการเหล่านี้ได้ ใช้เวลาในการนอนหลับมากขึ้น เนื่องจากมือถือนั้นปล่อยแสงสีฟ้าออกมาจากหน้าจอ ซึ่งแสงนี้จะทำให้คุณเกิดอาการง่วงช้าลงไปอีก โดยใช้เวลาเฉลี่ยกว่า 10 นาทีกว่าจะนอนหลับได้ ดังนั้นลองหันไปอ่านหนังสือก่อนนอนแทนจะเป็นการดีกว่าการอ่านเรื่องราวหรือเล่นเกมบนโทรศัพท์มือถือ มีผลต่อสมอง มือถือถูกออกแบบมาเพื่อให้เราทำงานได้มากขึ้นและทำให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นแล้วยังสามารถให้ข้อมูลและความบันเทิงแก่เราได้อีกด้วย แต่เมื่อถึงเวลาเข้านอน สมองของเรานั้นต้องการการพักผ่อนมากกว่าที่จะต้องประมวลข้อมูลและความบันเทิงที่เราเสพผ่านมือถือก่อนเข้านอน เพราะเราใช้สมองมากพอแล้วในช่วงระหว่างวัน ทำให้นาฬิกาชีวภาพ (Circadian Clock Rhythm) ของคุณชะลอและยุ่งเหยิง นาฬิกาชีวภาพ หรือ Circadian Clock Rhythm ถือเป็นเรื่องที่สำคัญต่อสุขภาพที่ดีของเรา เนื่องจากมันส่งผลต่อระบบร่างกายเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอารมณ์ ความอยากอาหาร และเรื่องของน้ำหนัก เพราะฉะนั้นการเล่นมือถือก่อนนอนจะทำให้นาฬิกาชีวภาพของคุณยุ่งเหยิงได้ นอกจากนั้นยังส่งผลทำให้สมองของคุณสับสนอีกด้วย ระงับเมลาโทนิน (Melatonin) แสงสีฟ้า (Blue light) ที่ออกมาจากหน้าจอมือถือนั้น จะยับยั้งการสร้างเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ การตื่น และจังหวะการเต้นของหัวใจ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เรื่องน่ารู้ ก่อนไปฉีด วัคซีนบาดทะยัก

การฉีดวัคซีนนั้นเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นมาก เพราะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายในการต่อสู้กับโรคต่างๆ วัคซีนบาดทะยัก เป็นหนึ่งในวัคซีนสำคัญที่เรามักจะมองข้ามและไม่ให้ความสนใจ ทั้งๆ ที่ผู้ที่เป็นโรคบาดทะยักอาจะมีโอกาสในการเสียชีวิตที่ค่อนข้างสูง บทความนี้จะให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนบาดทะยัก เพื่อเป็นการเตรียมตัวสำหรับผู้ที่ต้องการจะฉีดวัคซีนบาดทะยัก วัคซีนบาดทะยัก คืออะไร บาดทะยัก (Tetanus) หมายถึงโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Clostridium tetani แบคทีเรียชนิดนี้สามารถพบได้ในดิน ละอองฝุ่น และสิ่งที่อยู่ตามธรรมชาติอื่นๆ เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้จะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล เช่น บาดแผลจากของมีคม เมื่อเชื้อบาดทะยักเข้าสู่ร่างกายก็จะสร้างสารพิษที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ผู้ที่ติดเชื้อบาดทะยักอาจจะมีอาการกล้ามเนื้อกระตุกอย่างรุนแรง หายใจไม่ออก หรืออาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ และวิธีในการป้องกันบาดทะยักที่ดีที่สุด ก็คือการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก วัคซีนบาดทะยัก เป็นวัคซีนที่ได้จากการนำสารพิษ มาทำให้หมดฤทธิ์ด้วยสารเคมี ทำให้มีความปลอดภัยในการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันโรค โดยรูปแบบและปริมาณของพิษจะขึ้นอยู่กับประเภทของวัคซีนบาดทะยักแต่ละประเภท วัคซีนบาดทะยัก มีด้วยกันทั้งหมด 4 ประเภท คือ วัคซีนคอตีบและบาดทะยัก (DT) สำหรับเด็กที่อายุ 7 ปีขึ้นไป วัคซีนคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน (DTaP) สำหรับเด็กที่อายุไม่เกิน 7 ปี วัคซีนบาดทะยักและคอตีบ (Td) สำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่ วัคซีนบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน (Tdap) สำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่ วัคซีนบาดทะยักต้องฉีดเมื่อไหร่จึงจะได้ผลสูงสุด วัคซีนบาดทะยักนั้น ไม่ใช่วัคซีนที่ฉีดเพียงแค่ครั้งเดียวแล้วก็เสร็จ แต่คุณจะต้องรับวัคซีนเป็นชุดๆ โดยมีระยะการรับวัคซีนที่แนะนำคือ ทุกๆ 10 ปี สำหรับเด็ก สำหรับเด็กเล็กในวัยแรกเกิดนั้น […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยตัวเอง คุณก็ทำได้

ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยตัวเอง คุณก็ทำได้ การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด เป็นส่วนสำคัญในการประเมินความเสี่ยงการเป็นเบาหวาน และถ้าคุณเป็นเบาหวาน การตรวจน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง จะเป็นตัวช่วยในการวางแผนการรักษาและป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อน คุณสามารถตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตัวคุณเองได้ที่บ้าน โดยใช้เครื่องตรวจระดับน้ำตาลปลายนิ้ว ซึ่งสามารถทำได้ ตามคู่มือการใช้งานของเครื่องแต่ละประเภท ทำไมจึงต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือด การ ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยตนเอง ยังช่วยให้เราทราบข้อมูลที่สำคัญต่างๆ ได้แก่  ทำให้ทราบว่า เราบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้มากน้อยเพียงใดในการดูแลภาวะเบาหวาน  ทำให้ทราบว่าอาหารที่เรารับประทานเข้าไปและการออกกำลังกายนั้นมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดอย่างไร เพื่อปรับพฤติกรรมให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย ทำให้เข้าใจว่าปัจจัยอื่น ๆ เช่น อาการเจ็บป่วย หรือความเครียดนั้น ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดอย่างไร สามารถติดตามผลอันเนื่องมาจากการรักษาด้วยยาเบาหวานที่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ทราบว่าค่าระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ที่มีระดับสูงหรือต่ำ ตรวจให้แน่ใจว่าอาการที่กำลังเกิดขึ้น เกิดจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำเกินไปหรือไม่ ควร ตรวจน้ำตาลในเลือด เมื่อไหร่ แพทย์ผู้รักษาสามารถให้คำแนะนำได้ว่า คุณควร ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อใดและบ่อยแค่ไหน โดยทั่วไป ความถี่ของการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของเบาหวาน และแผนการรักษา เป็นต้น หากคุณเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด 4–10 ครั้งต่อวัน โดยอาจจะต้องตรวจก่อนมื้ออาหารและก่อนทานของว่าง ก่อนและหลังออกกำลังกาย ก่อนนอน และบางครั้งอาจมีการตรวจในช่วงกลางคืนด้วย นอกจากนี้คุณอาจจะต้องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดบ่อยขึ้นกว่าเดิม หากคุณมีการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันที่แตกต่างไปจากเดิม หรือเริ่มมีการใช้ยาเบาหวานตัวใหม่เพิ่มเข้ามา หากคุณเป็นเบาหวานชนิดที่  2 และต้องใช้อินซูลินเพื่อการรักษา แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด 2–3 ครั้งต่อวัน โดยขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของอินซูลินที่คุณใช้อยู่ บ่อยครั้งที่การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดจะแนะนำให้ตรวจก่อนอาการและก่อนนอน หากคุณได้รับอินซูลินหลายครั้งต่อวัน หรือหากคุณได้รับอินซูลินที่ออกฤทธิ์ยาว คุณอาจตรวจระดับน้ำตาลเพียง 2 ครั้งต่อวัน คือก่อนอาหารเช้าและก่อนอาหารเย็น […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เส้นเลือดขอด กับ วิธีรักษา ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน

เส้นเลือดขอด เป็นปัญหากวนใจของสาวๆ หลายคน เพราะเมื่อถึงเวลาใส่เสื้อผ้าที่มีการเปิดโชว์เรียวขา ก็ต้องมานั่งกังวลใจว่า คนจะมามองที่ขาของเรา แล้วสังเกตเห็นเส้นเลือดขอดรึเปล่า วันนี้ทาง Hello คุณหมอ เลยมีวิธีรักษาเส้นเลือดขอดที่สามารถทำเองได้ที่บ้านมาฝากกัน วิธีรักษา เส้นเลือดขอด ด้วยตัวเองที่บ้าน ทำได้อย่างไรบ้าง เส้นเลือดขอด (Varicose vein) นั้นคือเส้นเลือดที่บิดและขยาย จนอาจทำให้เกิดอาการปวด คัน และรู้สึกไม่สบายขึ้นมาได้ ซึ่งจากการประเมินพบว่า เส้นเลือดขอดจะเกิดขึ้นในบางช่วงชีวิตของผู้ใหญ่ถึง 20% เลยทีเดียว ดังนั้นจะทำอย่างไรให้อาการเส้นเลือดขอดดีขึ้นได้ ต้องมาดูกัน การออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยทำให้เลือดที่ขาไหลเวียนได้ดีขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยในการดันเลือดที่สะสมอยู่ในเส้นเลือดด้วย การออกกำลังกายยังช่วยลดความดันโลหิต ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดอีกด้วย การออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ ช่วยให้กล้ามเนื้อน่องทำงานได้โดยไม่เครียด การออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพและผลกระทบต่ำ ได้แก่ ว่ายน้ำ เดิน ขี่จักรยาน โยคะ สวมถุงน่องแบบบีบอัด ถุงน่องแบบบีบอัดมีจำหน่ายในร้านขายยาเกือบทุกแห่ง และมีราคาไม่แพง นี่ก็ถือเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายในการรักษาเส้นเลือดขอดได้ด้วยตัวเอง ซึ่งถุงน่องแบบบีบอัด จะทำหน้าที่ดังนี้ ใช้แรงกดที่ขา ปรับปรุงการไหลเวียนโลหิตสู่หัวใจ ลดอาการปวดและปวดเมื่อย เปลี่ยนแปลงอาหารการกิน อาหารบางชนิดนั้นสามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพของเส้นเลือดดำได้ ซึ่งอาหารเหล่านั้น ได้แก่ อาหารที่มีกากใย ใยอาหารช่วยให้มีการขับถ่ายดี การกินกากใยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ยิ่งถ้าคุณมีอาการท้องผูก การทานอาหารที่มีกากใยจะเป็นตัวช่วยขับถ่ายที่ดีทีเดียว นอกจากนั้นแล้วความพยายามทางกายภาพบางอย่างที่ต้องขับถ่ายผ่านอุจจาระ สามารถสร้างแรงกดดันในช่องท้องได้อย่างรุนแรง ซึ่งสามารถทำให้ลิ้นหัวใจของหลอดเลือดดำเสียหาย อาหารที่มีโพแทสเซียม การขาดโพแทสเซียมอาจทำให้เกิดการกักเก็บน้ำ สิ่งนี้จะเพิ่มปริมาณเลือดในร่างกายของคุณและสร้างความดันพิเศษในลิ้นหัวใจของหลอดเลือดดำ อาหารที่มีฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ฟลาโวนอยด์อาจช่วยรักษาปัญหาหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนั้นยังสามารถช่วยปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต ลดความดันโลหิตแดง และผ่อนคลายหลอดเลือด ได้อีกด้วย สมุนไพร สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ขนจมูก มีไว้เพื่ออะไร ควรกำจัดทิ้งดีไหม?

เคยมีบางครั้งไหมที่คุณยิ้มแล้วรู้สึกไม่มั่นใจ ซึ่งไม่ได้เป็นเพราะว่ายิ้มไม่สวย แต่เป็นเพราะเวลาที่ยิ้มกว้าง รูจมูกก็ขยายกว้างตามไปด้วย และนั่นทำให้ ขนจมูก ที่อยู่ภายในรูจมูก โผล่ออกมาจนเห็นได้อย่างชัดเจน เล่นเอาหมดความมั่นใจไปตาม ๆ กัน แต่เมื่อมาคิด ๆ ดูแล้ว ก็น่าสงสัยว่าขนจมูกของเรานี้ มีหน้าที่สำคัญอะไรรึเปล่า แล้วถ้าอยากจะกำจัดขนส่วนนี้ออกไปให้หมดเลยจะทำได้ไหม? มาหาคำตอบได้กับบทความนี้จาก Hello คุณหมอ    [embed-health-tool-bmr] ทำไมเราถึงมีขนที่จมูก ขนจมูก เส้นขนเล็ก ๆ ที่อยู่ในรูจมูก ในตอนที่ยังเล็ก ขนจมูกเหล่านี้ยังมีขนาดสั้น และบาง แต่ปัจจุบันเมื่ออายุมากขึ้น เส้นขนจมูกก็โตตามอายุของเราด้วย ขนจมูกจึงเริ่มหนา และยาวขึ้น จนบางครั้งยาวออกมานอกรูจมูก ทำให้หมดความมั่นใจเมื่อมีผู้อื่นพบเห็น หรือสังเกต จับจ้องที่รูจมูกของเรา ซึ่งแม้จะมีความน่ารำคาญใจอยู่บ้าง แต่ขนจมูกที่น่ารำคาญนี้นี่เองเป็นตัวช่วยกรองอากาศชั้นดีให้เข้าสู่ปอดของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ ขนจมูก ทำหน้าที่อะไรบ้าง ในจมูกของเราประกอบไปด้วยเส้นขนอยู่สองชนิด คือ ซีเลีย (cilia) ซึ่งเป็นขนที่มีขนาดสั้น และขนจมูก (vibrissae) ซึ่งเป็นขนจมูกที่อยู่ส่วนหน้า ขนทั้งสองแบบนี้เองที่ร่วมกันทำหน้าที่ในการดักจับสิ่งสกปรกต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า หน้าที่หลักของขนจมูกคือ ช่วยในการกรองอากาศ ทำหน้าที่ในการกรองเอาอากาศดี ๆ เข้าสู่ปอด และกรองไม่ให้สิ่งสกปรก หรือสารพิษเข้าไปยังปอดของเรา ไม่เพียงสิ่งสกปรกเท่านั้น […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

กิจกรรมยามเช้า ช่วยลดน้ำหนัก ได้อย่างไร

การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยกิจกรรมดีๆ ก็ย่อมทำให้วันนั้นทั้งวันเต็มไปด้วยความสดชื่น นอกจากทำให้สดชื่นแล้ว การทำ กิจกรรมยามเช้า ยังมีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย ใครที่กำลังสงสัยว่า กิจกรรมยามเช้า ช่วยลดน้ำหนัก ได้อย่างไร Hello คุณหมอ ได้รวบรวมกิจยามเช้าต่างๆ เหล่านั้นมาให้อ่านกันแล้วค่ะ กิจกรรมยามเช้า ช่วยลดน้ำหนัก การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในตอนเช้า แถมยังเป็นวิธีง่ายๆ และมีประสิทธิภาพที่ช่วยในการลดน้ำหนักได้ หากคุณฝึกฝน และทำทุกอย่างเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เท่านี้ก็มีช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ รับประทานอาหารเช้าที่ให้โปรตีนสูง อาหารมือเช้า ถือเป็นมื้อที่มีความสำคัญมากอีกมื้อหนึ่งของวัน มื้อเช้าถือเป็นมื้อแรกของวัน หากได้รับประทานอาหารมื้อเช้าที่ดี มื้ออื่นๆ ของวันก็จะดีตามไปด้วย การเริ่มต้นมื้อแรกของวันด้วยโปรตีน จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกอิ่มและช่วยลดความอยากอาหาร ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดความอ้วนได้ จากการศึกษาเด็กผู้หญิงวัย 20 ปี ที่รับประทานอาหารเช้าที่ให้โปรตีนสูง ซึ่งผลการศึกษาพบว่าอาหารเช้าที่มีโปรตีนสูงช่วยลดความยากอาหารหลังมื้ออาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการรับประทานอาหารเช้าที่มีระดับโปรตีนแบบปกติ และอีกการศึกษาหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าการรับประทานอาหารเช้าที่มีโปรตีนสูง มีความเกี่ยวข้องกับการที่ร่างกายได้รับไขมันน้อยลงและลดปริมาณและความหิวลงทุนวัน เมื่อเทียบการการรับประอานอาหารเช้าที่มีระดับโปรตีนปกติ จากการศึกษาทั้งสองแสดงให้เห็นว่า โปรตีนอาจมีส่วนช่วยยับยั้งการหลั่ง Ghrelin ซึ่งเป็น ฮอร์โมนหิว ที่ทำหน้าที่ในการเพิ่มความอยากอาหาร ดังนั้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพควรเลือกมื้อเช้าเป็นโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ไข่ กรีกโยเกิร์ต ชีส และถั่ว ดื่มน้ำมากๆ การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการดื่มน้ำเปล่าสัก 1-2 แก้ว ถือเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดน้ำหนักได้ นอกจากนี้น้ำยังช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายของเราได้อีกด้วย […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

อุจจาระสีซีด สัญญาณบอกโรคของร่างกาย

หลายคนคงไม่เคยสังเกตที่ของอุจจาระกันใช่ไหม? แต่ความจริงแล้วอุจจาระนั้นก็สามารถบ่งบอกถึงโรคที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้ ส่วนมากสีของอุจจาระปกติจะเป็นไปในเฉดสีน้ำตาล แต่หากเมื่อใดที่ อุจจาระสีซีด ลง นั่นแสดงว่าร่างกายของคุณกำลังมีปัญหาอย่างแน่นอน ดังนั้นทาง Hello คุณหมอจึงมีเรื่องนี้มาฝากกัน อุจจาระสีซีด สื่อถึงอะไรได้บ้าง โดยปกติแล้ว อุจจาระอาจจะมีสีแตกต่างกันไป แต่โดยส่วนมากจะเป็นไปในเฉดสีน้ำตาลนั่นก็เกิดจากการทานอาหารนั่นเอง แต่เมื่ออุจจาระมีสีซีดนั่นแสดงว่ากำลังมีเรื่องไม่ปกติเกี่ยวกับร่างกายเกิดขึ้น ซึ่งอาจหมายถึงกำลังมีปัญหากับการระบายน้ำของระบบทางเดินน้ำดี ซึ่งประกอบด้วย ถุงน้ำดี ตับ และตับอ่อน เกลือน้ำดีจะถูกปล่อยออกมาสู่ตับ นั่นจึงทำให้อุจจาระมีสีน้ำตาล แต่หากตับผลิตน้ำดีไม่เพียงพอ หรือหากน้ำดีไหลไปอุดตันและไม่ระบายออกจากตับ อุจจาระก็อาจมีซีดหรือเป็นสีนวลได้ การมีอุจจาระสีอ่อนๆ นานๆ ครั้ง อาจไม่ใช่สาเหตุของความกังวล แต่ถ้าหากเกิดขึ้นบ่อยครั้งนั่นอาจหมายถึงคุณกำลังป่วยหนักอยู่ก็เป็นได้ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือการแปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แพทย์รักษาความเจ็บป่วยหรือโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น อะไรที่สามารถทำให้อุจจาระสีซีดได้ มีหลายสิ่งที่สามารถเปลี่ยนสีของอุจจาระได้ ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน การติดเชื้อ และอาหารบางชนิด ปัญหาทางการแพทย์บางอย่าง เช่น ถุงน้ำดี และโรคตับ ก็สามารถเปลี่ยนสีอุจจาระได่เช่นกัน หากอุจจาระมีสีซีด โดยเฉพาะถ้าเป็นสีขาวหรือสีนวล สามารถบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ ดังนั้น เมื่อผู้ใหญ่มีอุจจาระสีอ่อนที่ไม่มีอาการอื่นๆ ก็มักจะปลอดภัย แต่ก็ควรต้องหมั่นดูว่าอุจจาระกลับสู่ปกติหรือไม่ ส่วนในเด็กและทารกหากมีอุจจาระสีซีดหรือขาวมาก ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด ลองมาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่สามารถทำให้อุจจาระสีซีดได้ อาหาร อาหารบางประเภทอาจทำให้สีอุจจาระอ่อนลง โดยเฉพาะอาหารที่ไขมันหรืออาหารที่มีสีผสม ส่วนวิตามินที่มีธาตุเหล็กจะสามารถเปลี่ยนสีของอุจจาระให้เป็นสีน้ำตาลเข้ม หากเกิดอุจจาระสีซีดนั่นอาจหมายถึง คนที่มีเงื่อนไขทางการแพทย์พื้นฐาน ไกอาเดีย (Giardia)  ไกอาเดีย (Giardia) […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน