ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป เป็นเรื่องที่ทุกคนควจะต้องรู้เอาไว้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองและคนในครอบครัว ซึ่งเรื่องราวที่คุณจะอ่านเรารวบรวมเอาไว้ให้แล้ว

เรื่องเด่นประจำหมวด

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ทำความรู้จัก "ปลูกฝี" สำคัญยังไง ยังจำเป็นอยู่ไหม

การปลูกฝีเคยเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โรคฝีดาษ (Smallpox) เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์ วัคซีนป้องกันฝีดาษซึ่งเริ่มต้นจากการปลูกฝี ไม่เพียงช่วยลดการเสียชีวิตนับล้านคนทั่วโลก แต่ยังนำไปสู่การประกาศกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523  อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับการปลูกฝีเริ่มจางหายไปเมื่อวัคซีนนี้ไม่ได้เป็นที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาผู้อ่านย้อนรอยความสำคัญของการปลูกฝีในอดีต และพิจารณาว่าการปลูกฝียังมีความจำเป็นในยุคสมัยใหม่หรือไม่ [embed-health-tool-vaccination-tool] ปลูกฝี ในอดีตเป็นอย่างไร? การปลูกฝีเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1796 โดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ผู้ค้นพบว่าวัคซีนจาก Cowpox สามารถป้องกันโรคฝีดาษได้ ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ทั่วโลกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 20 จนนำไปสู่การประกาศว่าฝีดาษถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ในปี 1980 สำหรับประเทศไทย การปลูกฝีเริ่มต้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมักทิ้งรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บริเวณหัวไหล่ หลังจากการกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523 การปลูกฝีก็หยุดลง แต่กลับมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกครั้งในยุคที่โรคฝีดาษลิงระบาด โดยวัคซีนที่พัฒนาจากวัคซีน Smallpox เช่น JYNNEOS กำลังถูกศึกษาเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้ โรคฝีดาษลิงคืออะไร โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากไวรัสในตระกูล Orthopoxvirus ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคฝีดาษ (Smallpox) แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่โรคฝีดาษลิงมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อ ไวรัส Monkeypox ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกในลิงในปี ค.ศ. 1958 และตรวจพบในมนุษย์ครั้งแรกในปี […]

สำรวจ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ข้อควรรู้สำหรับนักฟิตเนสมือใหม่! กับ กล้ามเนื้อกลุ่มสำคัญทั้ง 11 มัด

บทความนี้ Hello คุณหมอ นำข้อควรรู้สำหรับนักฟิตเนสมือใหม่ เกี่ยวกับ กล้ามเนื้อกลุ่มสำคัญทั้ง 11 มัด มาฝากกัน เพื่อเป็นประโยชน์เต่อการการวางแผนการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ส่วนกล้ามเนื้อกลุ่มสำคัญทั้ง 11 มัดจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้น ติดตามอ่านได้ในบทความนี้เลย ทำความรู้จักกับ กล้ามเนื้อกลุ่มสำคัญทั้ง 11 มัด เคล็ดลับในการสร้างกล้ามเนื้อกลุ่มสำคัญทั้ง 11 มัด  มีดังต่อไปนี้ กล้ามเนื้อกลุ่มควอดริเซ็บ  กล้ามเนื้อกลุ่มควอดริเซ็บ ประกอบด้วยกล้ามเนื้อขนาดใหญ่สี่ส่วนบริเวณต้นขาด้านหน้า การออกกำลังกายบางท่าจะช่วยเสริมสร้าง กล้ามเนื้อในส่วนนี้ เช่น ท่าสควอทและลันจ์ (Squats and Lunges) กล้ามเนื้อกลุ่มแฮมสตริง คนส่วนใหญ่มักจะลืมกล้ามเนื้อกลุ่มแฮมสตริงเมื่อออกกำลังกาย บางทีอาจเป็นเพราะมองเห็นยาก กล้ามเนื้อแฮมสตริง เป็นกล้ามเนื้อบริเวณต้นขาส่วนหลัง และการออกกำลังกายท่าสควอทจะส่งผลที่แฮมสตริงแข็งแรงขึ้น กล้ามเนื้อน่อง กล้ามเนื้อน่องมักจะถูกละเลย เมื่อพูดถึงการสร้างกล้ามเนื้อ แม้แต่นักสร้างกล้ามเนื้อมืออาชีพก็ยังรู้สึกพอใจกับน่องที่มีขนาดเล็กขณะที่ลำตัวมีกล้ามเนื้อใหญ่โต กล้ามเนื้อน่องนั้นสร้างยาก โดยคุณจะต้องออกแรงที่กล้ามเนื้อแต่ละมัดในบริเวณน่องอย่างสม่ำเสมอ กล้ามเนื้อหน้าอก เป็นหนึ่งในกล้ามเนื้อกลุ่มสำคัญทั้ง 11 มัดที่ได้รับความสนใจจากทุกคนโดยเฉพาะในผู้ชายอกสามศอกทั้งหลาย ทุกคนต่างต้องการสร้างกล้ามเนื้อหน้าอก เพราะเป็นกล้ามที่สร้างง่ายกว่าส่วนอื่น แต่คุณไม่ควรลืมว่า คุณควรสร้างกล้ามเนื้อหน้าอกให้มากพอ ๆ กับกลุ่มกล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ ด้วยเหมือนกันเพื่อความสมดุล กล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อส่วนหลังเป็นกลุ่มกล้ามเนื้อที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งในร่างกาย หากคุณอยากพัฒนากล้ามเนื้อหลังให้ดูแข็งแรงและสวยงาม ควรออกกำลังกายท่าเดทลิฟท์ (Deadlifts) เพื่อสร้างกล้ามเนื้อส่วนหลัง อย่างไรก็ตาม ควรทำท่าและใช้เทคนิคให้ถูกต้อง เพราะการทำท่าเดทลิฟท์แบบผิด ๆ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เกมสนุกๆ เพื่อการ บริหารข้อเท้า ฝ่าเท้า ให้แข็งแรง

การวิ่งถือเป็นการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ข้อเท้าและเท้า สำหรับนักวิ่ง การออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงให้ข้อเท้าและเท้านั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อพัฒนาการวิ่งให้ดีขึ้น รวมทั้งยังเป็นการหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บได้อีกด้วย  วันนี้ Hello คุณหมอ จึงขอเสนอแนะเกมสนุก ๆ ที่คุณสามารถใช้เป็นการ บริหารข้อเท้า ฝ่าเท้า ให้แข็งแรง เกมสนุก ๆ เพื่อการ บริหารข้อเท้า ฝ่าเท้า ให้แข็งแรง เกมเก็บของ กระจายสิ่งของชิ้นเล็ก ๆ ประมาณ 10 ชิ้นไปทั่ว ๆ พื้น แล้ววางถ้วยไว้ใกล้ ๆ ตัวคุณ จากนั้นลองเก็บวัตถุเหล่านั้น โดยใช้หัวแม่เท้าแล้วพยายามนำมาใส่ถ้วย เมื่อคุณเก็บทั้งหมดได้แล้ว ให้ทำซ้ำโดยใช้เท้าอีกข้าง ควรทำหลาย ๆ รอบสำหรับเท้าแต่ละข้าง เกมทรงตัว เริ่มด้วยการยืนบนเท้าข้างเดียว การทรงตัวจะง่ายกว่าถ้าคุณไม่หลับตา แต่เมื่อคุณเริ่มทรงตัวได้ดีขึ้นแล้ว ให้ลองหลับตา ทันทีที่คุณสามารถทรงตัวได้ดี อาจเพิ่มความยากขึ้นอีกระดับ โดยลองยืนบนบอลทรงตัว หรือ โบซูบอล (Bozu ball) หรือ แทรมโพลีน การบริหารแบบนี้ไม่เพียงสร้างความแข็งแรงให้แก่ข้อเท้าและฝ่าเท้าเท่านั้น แต่ยังเป็นบริหารกล้ามเนื้อลำตัวในเวลาเดียวกันอีกด้วย เกมดึงหนังยาง พันหนังยางรอบ ๆ หัวแม่เท้าทั้งสอง หนังยางควรรัดกระชับกับหัวแม่เท้า แต่ไม่แน่นเกินไป ค่อย […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

แนวทางการรับมือกับ กล้ามเนื้ออ่อนแรงเรื้อรัง

กล้ามเนื้ออ่อนแรงเรื้อรัง เป็นหนึ่งในอาการของโรควิตกกังวลที่ถือว่าน่ากลัวที่สุด และยังเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพมากมายอีกด้วย นอกจากนี้ อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงแบบเรื้อรัง ยิ่งทำให้ผู้ป่วยมีอาการวิตกกังวลแย่ลงไปอีก ซึ่งอาจนำไปสู่ความเครียดขั้นรุนแรง และปัญหาสุขภาพอื่นๆ ดังนั้น ถ้าคุณพบว่าเกิดอาการเหน็บ ชา อ่อนล้า ที่กล้ามเนื้อบ่อยผิดปกติ คุณควรไปพบคุณหมอเพื่อขอคำปรึกษาอย่างเร่งด่วน สาเหตุของอาการ กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีภาวะสุขภาพมากมายที่สามารถนำไปสู่การเกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ เช่น อาการอ่อนล้าเรื้อรัง (CFS – Chronic fatige sndrome) โรคกล้ามเนื้อเจริญผิดเพี้ยน (Muscular dystrophy) โรคผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ (dermatomyosistis) โปลิโอ ระดับโซเดียมในเลือดต่ำ โปแตสเซียมในเลือดต่ำ โรคกระดูกอ่อน ภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ (Hypothyroidism) โรคกระดูกนิ่ม (Osteomalacia) และโรคปวดเส้นประสาท (Neuralgia) เป็นต้น ต่อไปนี้เป็นสาเหตุหลักส่วนหนึ่งของอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่อาจต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน สมองกระทบกระเทือน (อาการบาดเจ็บที่สมองอย่างรุนแรง) ภาวะสมองขาดเลือด โรคเส้นเลือดสมองตีบชั่วคราว โรคโบทูลิซึม ภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพอง ไข้สมองอักเสบ ต่อไปนี้เป็นวิธีบรรเทาอาการ กล้ามเนื้ออ่อนแรงเรื้อรัง 1. การเดิน  จริงๆ แล้วกล้ามเนื้อของคุณไม่ได้อ่อนแรง แต่แค่รู้สึกอ่อนแอกว่าปกติเท่านั้น ดังนั้น การออกไปเดินเล่นอาจช่วยได้ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นการส่งสัญญาณไปยังสมองว่าคุณยังสบายดี และการเดินก็เป็นการออกกำลังกายที่ดีต่อการไหลเวียนเลือดและกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ยังช่วยลดความเครียดได้ด้วย 2. หายใจ ผลกระทบของภาวะหายใจเกิน (hyperventilation) อาจลดลงได้ด้วยการควบคุมการหายใจ คุณควรหายใจช้าๆ ไม่เร็วหรือลึกเกินไป การหายใจแต่ละครั้งควรห่างกัน […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ทำไมยิ่งดึกก็ยิ่งคัน...บอกลาอาการ คันตอนกลางคืน ด้วยวิธีต่อไปนี้

อาการคันตามผิวหนังสามารถเกิดขึ้นกับทุกคน แต่สำหรับบางคน ตอนกลางวัน ก็ไม่ได้คันมากเท่าไหร่ แต่พอถึงเวลานอนเท่านั้นล่ะ ต้องลุกขึ้นมาเกา เกา และ เกา เพราะรู้สึกคันจนไม่สามารถหยุดเกาได้ และหลายครั้งก็จบลงด้วยการไม่ได้หลับได้นอนกันเลยทีเดียว คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมอาการคัน จึงรุนแรงขึ้นในเวลากลางคืน และจะมีวิธี แก้อาการคันในตอนกลางคืน อย่างไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบสำหรับผู้ที่อาจกำลังเผชิญกับอาการ คันตอนในกลางคืน อยู่ในขณะนี้ [embed-health-tool-ovulation] อาการ คันในตอนกลางคืน คืออะไร อาการคันในตอนกลางคืน (Nocturnal Pruritus) เป็นอาการคันตามผิวหนังที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และมักรุนแรงมากขึ้นในช่วงกลางคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีอาการผิวหนังอักเสบ เช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคผื่นผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ อาการ คันในตอนกลางคืน เป็นหนึ่งในอาการที่พบได้ทั่วไปในผู้ป่วยโรคหิด และอาจพบได้ในผู้ป่วยโรคอื่น ๆ เช่น โรคตับ หรือโรคไต อาการคันที่เกิดขึ้นในตอนกลางคืนนั้น อาจรบกวนการนอนหลับ และอาจทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง การอดนอนจากปัญหาอาการคันนี้ อาจส่งผลให้เกิดความหงุดหงิด และง่วงนอนในเวลากลางวัน รวมทั้งยังทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพจิตอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าผู้ป่วยที่มีอาการผิวหนังอักเสบนั้นมีแรงปรารถนาทางเพศและสมรรถภาพทางเพศลดลง หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาการคันตามผิวหนังจะส่งผลให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากวงจรของอาการคันและเกา (itch-scratch cycle) นั่นเอง เหตุใดอาการคันจึงแย่ลงในเวลากลางคืน กลไกของการเกิดอาการคันอย่างรุนแรงในช่วงเวลากลางคืนนั้น ยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด แต่มีการคาดการณ์ว่า อาจมีความเกี่ยวข้องกับการสูญเสียน้ำทางช่องว่างระหว่างเซลล์ผิวหนัง ที่เป็นตัววัดความแข็งแรงของเกราะปกป้องผิวหนังของเรา […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เชื่อหรือไม่? วิตามิน สร้างกล้ามเนื้อ ได้ดีไม่แพ้อาหารเสริมเลยนะ

วิตามิน มีความสำคัญมากสำหรับร่างกายมนุษย์ นอกเหนือจากช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของเราแล้ว ยังช่วยคงความอ่อนเยาว์หรือรักษาโรคทั่วไปอย่างไข้หวัดได้อีกด้วย นอกจากนี้ หลายคนคงอาจยังไม่รู้ว่า คุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของวิตามินนั้น คือ สามารถช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงได้อีกด้วย บทความนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ วิตามิน สร้างกล้ามเนื้อ ชนิดต่าง ๆ ที่จะทำให้กล้ามเนื้อของคุณแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้นมาฝากกัน วิตามิน สร้างกล้ามเนื้อ มีอะไรบ้าง วิตามินดี วิตามินดี จัดอยู่ในลำดับแรกของการบำรุงให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น โดยมีบทบาทสำคัญมากต่อการทำงานของระบบภูมิต้านทานของร่างกายและกล้ามเนื้อ ซึ่งจะส่งผลต่อการเสริมสรา้งความแข็งแกร่งและสมรรถภาพร่างกายโดยรวม นอกจากนี้ วิตามินดี ยังมีความสำคัญมากในเรื่องการช่วยดูดซึมแร่ธาตุอย่างแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระดูก การหดตัวของกล้ามเนื้อ และระบบการเผาผลาญพลังงาน ปริมาณแนะนำของวิตามินดีที่ควรได้รับ คือ 4000 ถึง 6000 IU ต่อวัน โดยปกติ เราสามารถได้รับวิตามินดีจากทั้งจากธรรมชาติและจากอาหารเสริม แหล่งธรรมชาติของวิตามินดีที่ใหญ่ที่สุดคือแสงแดด รองลงมาคือวิตามินที่อยู่ในอาหาร เช่น นม ไข่แดง หรือธัญพืช โอเมก้า 3 ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง ที่เกิดจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่ง โอเมก้า 3 สามารถแก้ปัญหานี้ได้ อาหารที่พบว่ามีโอเมก้า 3 ในปริมาณสูง คือ น้ำมันปลา ซึ่งมีส่วนช่วยในการเพิ่มความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อได้ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ปัญหาสุขภาพที่ควรระวัง เมื่อต้องออกกำลังกายใน ฟิตเนส

ฟิตเนส หรือยิม เป็นสถานที่สำหรับออกกำลังกาย ที่มีคนมากหน้าหลายตาเข้ามาใช้บริการ จึงอาจทำให้เสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย  บทความนี้จึงชวนมาตรวจสอบดูว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้าง ที่ต้องระวังเวลาไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส ข้อควรระวังเมื่อออกกำลังกายที่ฟิตเนส ติดเชื้อโรค เราไปออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี แต่คงไม่ดีแน่ ถ้าเรากลับมาป่วยเพราะได้รับเชื้อโรคจากสถานที่ออกกำลังกาย เชื้อโรคและแบคทีเรียนั้นมีอยู่ทุกที่ รวมถึงในฟิตเนสด้วย ไม่วาจะเป็นไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา เชื้อโรคเหล่านี้มักพบบ่อยในบริเวณที่เปียกชื้น เช่น ห้องอาบน้ำ ฝักบัว ริมสระว่ายน้ำ  เชื้อโรคเหล่านี้อาจเกิดจาก เหงื่อที่แห้งบนอุปกรณ์ต่างๆ จนเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรียด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น แบคทีเรียยังสามารถเติบโตได้ในเครื่องออกกำลังกายที่มีคราบเหงื่อติดอยู่ หรือในห้องล็อกเกอร์ เราสามารถป้องกันอันตรายจากเชื้อโรคต่างๆ ได้ด้วยการเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ และเครื่องออกกำลังกาย ทั้งก่อนและหลังออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังควรล้างมือบ่อยๆ และอาจสวมรองเท้าแตะเวลาอาบน้ำ เพราะการสวมรองเท้าแตะเวลาอาบน้ำในฟิตเนส จะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย รวมถึงเชื้อราที่เล็บเท้าได้อีกทางหนึ่งด้วย อุปกรณ์ชำรุด คนมากกว่า 100 คน เข้ามาใช้อุปกรณ์ในฟิตเนสทุกวัน ซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์ หรือเครื่องออกกำลังกายเกิดความเสียหาย จนทำให้เกิดอันตรายเวลาใช้งานได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้ ด้วยการทดลองใช้เครื่องออกกำลังกายก่อน และแจ้งให้พนักงานทราบ หากพบว่าอุปกรณ์ชำรุด หรือทำงานผิดปกติ นอกจากนี้ หากคุณสังเกตเห็นว่ามีอุปกรณ์ที่เสื่อมสภาพ เช่น สายเคเบิลหย่อนเกินไป และดูจะใช้งานไม่ได้ ให้หยุดใช้อุปกรณ์และแจ้งพนักงานทันที การออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสม ออกกำลังกายผิดวิธี หรือใช้วิธีที่ไม่เหมาะสมกับตัวเอง […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ผอมแต่มีพุง อาจเพิ่มความเสี่ยงสุขภาพโดยไม่รู้ตัว

ผอมแต่มีพุง เป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนกังวลใจ เช่น ไม่มั่นใจเวลาใส่เสื้อผ้า แต่ปัญหาของคนผอมที่มีพุงอาจไม่ใช่แค่การรูดซิปไม่ขึ้นเวลาใส่กางเกงยีนส์ เนื่องจากมีงานวิจัยที่ชี้ว่าไขมันในช่องท้องของเรานั้น สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ และทั้งคนผอมและคนอ้วนต่างก็มีไขมันในช่องท้องได้ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงสุขภาพโดยไม่รู้ตัว ผอมแต่มีพุง มีลักษณะเป็นอย่างไร ถ้าคุณกินมากกินไปและไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย มีแนวโน้มว่าจะทำให้มีไขมันสะสมในร่างกายมาก นอกจากนี้ อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคืออายุ เนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลง และมวลไขมันเพิ่มขึ้น ซึ่งการที่มวลกล้ามเนื้อลดลงสามารถทำให้ร่างกายเผาผลาญ แคลอรี่ น้อยลง จึงอาจทำให้มีไขมันสะสมในร่างกายมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงหลายคนมีแนวโน้มว่าจะมีไขมันหน้าท้องมากเมื่ออายุมากขึ้น แม้ว่าน้ำหนักจะไม่ได้ขึ้นก็ตาม เนื่องจากการลดลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่ส่งผลต่อ ไขมัน ในร่างกาย คุณอาจจะมีรูปร่างสมส่วน และมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ไม่เกิน 25 จึงไม่ถือว่ามีน้ำหนักเกินมาตรฐาน แต่กลับมีไขมันสะสมในช่องท้องมาก หรือมีพุง ซึ่งวิธีวัดว่ามี ไขมัน ในช่องท้องมากเกินไปหรือเปล่า สามารถทำได้ดังนี้ วัดรอบเอวด้วยสายวัด โดยยืนตัวตรงและพันสายวัดรอบเอว บริเวณเหนือสะโพก ดึงสายวัดให้พอดี โดยไม่ให้แน่นจนกดลงบนผิว ผ่อนคลาย หายใจออก และดูขนาดรอบเอว สำหรับผู้หญิง ถ้ามีขนาดรอบเอวมากกว่า 35 นิ้ว (89 เซนติเมตร) ถือว่ามี ไขมัน สะสมมากบริเวณหน้าท้อง ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพและอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ ผอมแต่มีพุง มีความเสี่ยงสุขภาพอย่างไรบ้าง เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้สมองของคุณสุขภาพดี

สมองเป็นเสมือนเครื่องกลตัวจิ๋วที่คอยบริหารร่างกายของคนเรา ภายในสมองเต็มไปด้วยเส้นประสาทมากมายที่ทำหน้าที่สัมพันธ์กันและส่งผลต่อกันและกัน สมองเป็นส่วนที่เราไม่ได้มองเห็นในทุกวัน จนบางครั้งก็หลงลืมที่จะใส่ใจสุขภาพของสมอง จนกระทั่งอายุมากขึ้นมีอาการหลงๆ ลืมๆ ทำให้เราเห็นความสำคัญของมันขึ้นมา แต่จริงๆ แล้วเราสามารถดูแลสุขภาพของสมองได้ตั้งแต่เด็กเลยไม่ต้องรอให้สมองของเราเสื่อมสภาพเสียก่อน เครื่องกลยังต้องมีการซ่อมบำรุง สมองของเราก็เช่นกันค่ะ มาดู วิธีช่วยให้สมองสุขภาพดี กันดีกว่า วิธีช่วยให้สมองสุขภาพดี ทำได้ง่ายๆ  เคลื่อนไหวร่างกาย การออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกายจะช่วยให้สมองของเราสุขภาพดีขึ้น โดยอย่างน้อยต้องมีการออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ งานวิจัยชิ้นหนึ่งมีการทดสอบโดยให้ผู้สูงอายุเดินออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 150 นาทีต่อสัปดาห์นานเป็นเวลา 1 ปี ทำให้ผู้สูงอายุกลุ่มนี้มีการพัฒนาในเรื่องของความจำดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สร้างกล้ามเนื้อ การออกกำลังกายแบบแอโรบิคร่วมกับการออกกำลังกายแบบที่มีความเข้มข้นสูงอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์สามารถทำให้สุขภาพของหัวใจดีขึ้นได้ นอกจากนี้ยังเป็นส่วนช่วยให้สุขภาพของ สมองดีขึ้นอีกด้วย อาหาร เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพของหัวใจ ในแต่ละมื้ออาหารเราควรให้มีผักครึ่งหนึ่ง ธัญพืช 1 ส่วน 4ของอาหารทั้งหมด เพื่อให้ร่างกายของเราได้รับกากใยอาหารเพิ่มขึ้นและยังช่วยควบคุมน้ำหนัก อีกทั้งยังรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ลดความเครียด เมื่อเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่เครียดหรือเกิดความวิตกกังวลจะส่งผลให้สุขภาพจิตของเราย่ำแย่ และยังทำให้สมองของเราเกิดความย่ำแย่ตามมาด้วย  เมื่อเกิดความเครียดเราควรรีบหาวิธีจัดการ เพื่อให้ร่างกายอยู่ในภาวะปกติ เช่น การทำสมาธิช่วยบรรเทาความเครียดได้ นอนหลับให้เพียงพอ การที่เราได้รับการนอนหลับที่ไม่เพียงพอจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย สุขภาพของเราย่ำแย่ลง สมองก็เหมือนกับอวัยวะส่วนอื่นๆ ที่ต้องการการพักผ่อน เมื่อสมองถูกใช้งานมาทั้งวัน การนอนหลับก็เป็นวิธีการที่ดีที่จะให้สมองได้พัก เมื่อสมองได้พักผ่อนอย่างเพียงพอสุขภาพของสมองก็จะดีขึ้น เลิกสูบบุหรี่ การเลิกบุหรี่เป็นเรื่องแรกๆ ที่คุณสามารถช่วยให้สมองของคุณสุขภาพดีได้ งานวิจัยชี้ว่าผู้ที่สูบบุหรี่ 2 ซองต่อวันจะมีโอกาสเป็นโรคสมองเสื่อมมากกว่าคนปกติถึง 2 เท่าเมื่ออายุมากขึ้น ส่วนคนที่ดูดบุหรี่ครึ่งซองหรือ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

วิธีเพิ่ม สารโดพามีน “ฮอร์โมนความสุข” แบบเป็นธรรมชาติ

สารโดพามีน หรือโดปามีน (Dopamine) ทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและสมองหลายส่วน เช่น ความจำ การเคลื่อนไหว รวมไปถึงระบบรางวัลของสมอง ที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุข พึงพอใจ จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “ฮอร์โมนความสุข” หากร่างกายหลั่งโดพามีนน้อยเกินไป อาจส่งผลให้ซึมเศร้า เหนื่อยล้า นอนไม่หลับ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่อย่าเพิ่งตกใจ เพราะ Hello คุณหมอ มีวิธีเพิ่มโดพามีนแบบง่ายๆ และเป็นธรรมชาติมาฝากแล้ว วิธีเพิ่มสารโดพามีนแบบเป็นธรรมชาติ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ผลการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า การเล่นโยคะสัปดาห์ละ 6 วันๆ ละ 1 ชั่วโมง ติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือนสามารถช่วยเพิ่มการหลั่งสารโดพามีนได้จริง การออกกำลังกายเป็นประจำไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มระดับโดพามีน แต่ยังช่วยให้อารมณ์และสุขภาพโดยรวมดีขึ้นด้วย ฟังเพลงบรรเลง เพิ่ม สารโดพามีน การศึกษาภาพสมองหลายชิ้นพบว่า การฟังเพลงช่วยเพิ่มกิจกรรมในสมองส่วนที่ทำให้เรารู้สึกพอใจและรู้สึกดี ซึ่งในบริเวณนั้นมีตัวรับโดพามีน (dopamine receptor) อยู่มากมาย ทั้งยังมีผลการวิจัยชิ้นหนึ่งที่พบว่า อาสาสมัครที่ฟังเพลงบรรเลง ช่วยให้ผ่อนคลาย มีระดับโดพามีนในสมองเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9 เลยทีเดียว กินโปรตีนให้เยอะขึ้น กรดอะมิโนชนิด ฟีนิลอะลานีน (Phenylalanine) และไทโรซีน (Tyrosine) มีหน้าที่สำคัญในการสร้างโดพามีน พบได้มากในอาหารโปรตีนสูง […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ปวดจี๊ดขึ้นสมอง หลังดื่มน้ำเย็น กินไอศกรีม เป็นเพราะอะไร อันตรายไหม?

อาการร้อนๆ แบบนี้ ได้อะไรเย็นๆ อย่างไอศกรีมสักแท่ง หรือบิงซูสักถ้วยมากินดับร้อนหน่อยก็คงดีไม่น้อย แต่ถึงอยากจะคลายร้อนแค่ไหนก็อย่ารีบนัก เพราะหากกินของเย็นๆ เร็วเกินไป แทนที่จะสดชื่น หายร้อนสมใจ คุณอาจต้องเจอกับอาการ ปวดจี๊ดขึ้นสมอง จนแก้วน้ำหรือไอศกรีมในมือแทบร่วงแทน ว่าแต่อาการนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร แล้วจะส่งผลเสียหรือเป็นอันตรายกับร่างกายไหม Hello คุณหมอ มีคำตอบมาให้แล้ว ทำไมกินเย็นแล้วถึง ปวดจี๊ดขึ้นสมอง อาการปวดจี๊ดขึ้นสมอง (Brain freeze) หรือที่เรียกว่า อาการปวดศีรษะจากความเย็น (cold stimulus headache) คือ อาการปวดศีรษะแปลบๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากกิน หรือดื่ม อาหารเย็นจัด เช่น น้ำแข็ง ไอศกรีม เร็วเกินไป มักเกิดในช่วงอากาศร้อนจัด รวมไปถึงศีรษะหรือใบหน้าสัมผัสกับอากาศหนาวแบบกะทันหัน เช่น เมื่อต้องเจอกับหิมะ เมื่อคุณกระโดดลงน้ำเย็นจัด ก็อาจทำให้ปวดจี๊ดขึ้นสมองได้ โดยสามารถสังเกตได้จากอาการเหล่านี้ ปวดจี๊ด หรือปวดแปล๊บที่หน้าผาก หรือขมับ อาการปวดจะคงอยู่ประมาณ 20-60 วินาที แล้วหายไปอย่างรวดเร็ว ขึ้นอยู่กับความเร็วและปริมาณอาหารที่กิน ส่วนใหญ่จะมีอาการปวดจี๊ดขึ้นสมองไม่เกิน 5 นาที แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่สันนิษฐานว่า อาจเกิดจากความเย็นไปสัมผัสกับ ปมประสาทสฟีโนพาลาทีน (sphenopalatine ganglion) […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน