ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป เป็นเรื่องที่ทุกคนควจะต้องรู้เอาไว้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองและคนในครอบครัว ซึ่งเรื่องราวที่คุณจะอ่านเรารวบรวมเอาไว้ให้แล้ว

เรื่องเด่นประจำหมวด

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

โรคไวรัสตับอักเสบบี คือโรคอะไร ใครควรได้รับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี

โรคไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) เป็นหนึ่งในไวรัสตับอักเสบ ซึ่งมีทั้งหมด 5 ชนิด ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบ เอ บี ซี ดี และอี โดยไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี เป็นชนิดที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และในปัจจุบันยังไม่มียารักษาโดยตรง มีเพียงยาที่ช่วยไม่ให้ตับถูกทำลาย โรคไวรัสตับอักเสบบี จึงเป็นโรคที่ควรตรวจคัดกรองเพื่อเข้ารับการรักษาโดยเร็ว และป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี  [embed-health-tool-vaccination-tool] โรคไวรัสตับอักเสบบี คืออะไร ไวรัสตับอักเสบบี เป็นโรคตับอักเสบชนิดหนึ่ง หรือเกิดจากการอักเสบของเซลล์ตับ สาเหตุจากการ ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBV) อาจทำให้เซลล์ตับตาย ความรุนแรงของโรคไวรัสตับอักเสบ บี เมื่อเป็นเรื้อรังจะเกิดพังผืด อาจกลายเป็นตับแข็ง นำสู่โรคมะเร็งตับได้  การติดต่อของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี  ส่วนใหญ่การติดต่อของโรคเกิดจากการถ่ายทอดจากแม่ที่ติดเชื้อสู่ทารก ไม่ติดต่อผ่านทางการสัมผัสภายนอก ไม่ติดต่อหลักทางน้ำลาย แต่ติดต่อได้ ดังนี้ สามารถเกิดได้จากการเจาะหรือสักผิวหนัง ด้วยเครื่องมือที่ไม่สะอาด ไม่ได้มาตรฐาน เชื้อเข้าทางบาดแผล หรือการใช้ยาเสพติด การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน  สัมผัสกับเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ที่ติดเชื้อ อาการของผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เชื้อไวรัสตับอักเสบบีจะไม่แสดงอาการในทันที แต่จะใช้เวลาฟักตัว 2-3 เดือน จึงเริ่มมีอาการ เช่น เกิดการอ่อนเพลียคล้ายกับโรคหวัด คลื่นไส้ อาเจียน จุกแน่นใต้ชายโครงขวาจากตับโต  สีปัสสาวะเข้มขึ้น […]

สำรวจ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ก้มจิ้มมือถือทั้งวันระวัง โรคเท็กซ์เน็ค ไหล่ห่อคอตก

ใครที่ก้มเล่นมือถือแล้วมักเกิดอาการปวดที่คอ บ่า ไหล่กันบ้างคะ ยกมือขึ้นค่ะ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จัก โรคเท็กซ์เน็ค (Text Neck) หรือ โรคไหล่ห่อคอตก เป็นโรคที่เมื่อก้มเล่นมือถือ แทปเล็ต หรือคอมพิวเตอร์มากๆ ก็จะส่งผลให้เราปวดคอ บ่า และไหล่ แต่ผลกระทบไม่ได้มีแค่ปวดนะคะ ยังส่งผลต่อกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น โครงสร้างกระดูกสันหลัง และยังมีผลที่ร้ายแรงกว่าที่เราคิดไว้อีกนะคะ หากใครมีอาการปวดเรามีท่าบริหารที่ช่วยบรรเทาอาการปวดมาแนะนำด้วยค่ะ โรค เท็กซ์เน็ค คืออะไร ปัจจุบันแทบจะทุกคนใช้เวลาไปกับการเล่นเกมส์ออนไลน์ การใช้โปรแกรมแชตต่างๆ บนสมาร์ทโฟน แทปเล็ต และคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ซึ่งท่าทางการใช้งานส่วนใหญ่เรามักจะก้มเล่นอุปกรณ์เหล่านั้น เมื่อคอค้างอยู่ท่าก้มเป็นเวลานานทำให้เกิดอาการปวด เมื่อยล้า เราจึงเรียกโรคนี้ว่า โรคเท็กซ์เน็ค หรือภาษาไทยเรียกว่า โรคไหล่ห่อคอตก (Text Neck) เป็นโรคใหม่ที่เกิดขึ้นเมื่อเราอยู่ในยุคสังคมก้มหน้า เมื่อเกิดจากการก้มหน้าใช้โทรศัพท์มือถือนานเกินกว่าวันละ 10 ชั่วโมง ในการก้มหน้าทุก ๆ 15 องศาทำให้คอและหลังแบกรับน้ำหนักเพิ่มขึ้น ยิ่งก้มหน้ามากคอก็ยิ่งรับน้ำหนักมากขึ้น ส่งผลทำให้ปวดไหล่ คอ และหลังได้ อาการของโรคเท็กซ์เน็ค มีอาการปวดหลังส่วนบนและคอเมื่อใช้มือถือ มีอาการเวียนหัวเมื่อใช้มือถือ ปวดหัวเป็นประจำ อาการจะแย่ลงเมื่อก้มเล่นมือถือหรือใช้งานคอมพิวเตอร์ มีอาการปวดคอหรือไหล่ ไหล่จะมีอาการปวดทั่วไปและจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนี้หดตัว ส่งผลให้กระดูกสันหลังโค้งและผิดรูป ผลกระทบต่อร่างกาย โรคเท็กซ์เน็ค เป็นโรคที่มีแนวโน้มว่าผู้คนจะเป็นโรคนี้กันมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟน แทปเล็ต และคอมพิวเตอร์ที่มากขึ้น […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

น้ำหนักลดลง 5% ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง

รู้หรือไม่ ว่าความจริงแล้วคุณไม่จำเป็นต้องรอให้ลดน้ำหนักถึง 10 กิโลกรัม ถึงจะมีสุขภาพดี เพราะเพียงแค่ลดน้ำหนักไม่กี่กิโลกรัมก็สร้างความแตกต่างให้ร่างกายแล้ว เนื่องจากมีงานวิจัยที่พบว่า น้ำหนักลดลง 5 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 4.5 กิโลกรัมของผู้ที่มีน้ำหนัก 90 กิโลกรัม ก็สามารถทำให้สุขภาพดีขึ้นได้ น้ำหนักลดลง 5% ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง งานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสารวิชาการ Cell Metabolism ให้ข้อมูลว่า สำหรับคนไข้ที่เป็นโรคอ้วนและพยายามจะลดน้ำหนักนั้น นักวิจัยพบว่า ประโยชน์ด้านสุขภาพที่ดีที่สุดมาจากการลดน้ำหนักเพียง 5% ของน้ำหนักร่างกาย เนื่องจากนักวิจัยพบความสัมพันธ์ระหว่างการลดน้ำหนักเพียงเล็กน้อย กับการลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน และโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงช่วยปรับปรุงการทำงานของการเผาผลาญในตับ ไขมัน และเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้การลดน้ำหนัก 5% ยังส่งผลที่ดีต่อสุขภาพของคุณ ดังนี้ ลดแรงกดดันบริเวณข้อต่อ หากคุณมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 4.5 กิโลกรัม (10 ปอนด์) จะเพิ่มแรงกดดันบริเวณเข่าและข้อต่อประมาณ 18 กิโลกรัม (40 ปอนด์) นอกจากนี้การมีไขมันส่วนเกินยังอาจทำให้เกิดการอักเสบ เนื่องจากเมื่อสารเคมีในร่างกายสร้างความเสียหายให้กับเนื้อเยื่อเป็นเวลานาน เช่น บริเวณข้อต่อ ร่างกายอาจเกิดการอักเสบได้ การลดน้ำหนักเพียง 5% ของน้ำหนักตัวจึงสามารถช่วยลดแรงกดดันบริเวณข้อต่อได้ และถ้าคุณลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง ก็จะยิ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคไขข้ออักเสบในตอนที่อายุมากด้วย ลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็ง งานวิจัยชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นว่า […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เสริมสร้างภูมิคุ้มกันขณะ ทำเคมีบำบัด ด้วยวิธีง่ายๆ ได้ผลจริงเหล่านี้

การรักษาด้วยเคมีบำบัด (chemotherapy) หรือที่มักเรียกกันว่า คีโม คือการให้ยาเพื่อรักษาโรค ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะรู้จักคำนี้ว่าเป็นวิธีการรักษาโรคมะเร็งอย่างหนึ่ง การ ทำเคมีบำบัด ถือเป็นวิธีรักษาโรคมะเร็งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะสามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้รวดเร็ว และใช้ได้กับร่างกายทุกส่วน แต่เคมีบำบัดก็มีข้อเสียคือ อาจไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยอ่อนแอลงจนเสี่ยงติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ ในช่วงทำเคมีบำบัด ผู้ป่วยจึงควรรักษาสุขภาพและ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ของร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยวิธีง่ายๆ เหล่านี้ ใช้ยาที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สำหรับผู้ป่วยที่เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย คุณหมออาจสั่งจ่ายสารเร่งการเจริญเติบโต (Growth factors) หรือที่เรียกว่า ยา colony-stimulating factors (CSFs) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดและลดโอกาสในการติดเชื้อ หากภูมิคุ้มกันของคุณอ่อนแอมาก อาจต้องกินยาปฏิชีวนะป้องกันการติดเชื้อ (Prophylactic antibiotic) ที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อรา เชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย อย่างไรก็ตาม ยาแต่ละตัวอาจมีผลข้างเคียง ดังนั้นควรปรึกษาคุณหมอให้ดีก่อนตัดสินใจใช้ยาเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน กินให้ดีในช่วง ทำเคมีบำบัด การกินอาหารบางชนิดเช่น อาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่มีน้ำตาลสูง สามารถทำให้ภูมิคุ้มกันของคุณอ่อนแอลงได้ ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่เข้ารับเคมีบำบัดจึงต้องกินอาหารที่มีประโยชน์ อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ในปริมาณที่ร่างกายต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารและสารอาหารดังต่อไปนี้ โปรตีน เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและเนื้อเยื่อ ถือเป็นสารอาหารสำคัญมากสำหรับผู้รักษามะเร็ง ไขมันดี อย่างไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated fat) […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

บำรุงขนตา ให้ยาวหนาแบบเป็นธรรมชาติ น้ำมันมะพร้าวช่วยได้

น้ำมันมะพร้าว จัดเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่มีประโยชน์ ในด้านสุขภาพและความงามมากมาย เช่น ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ต้านเชื้อรา รวมไปถึงช่วย บำรุงขนตา ให้ยาวหนา ดกดำเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยทั้งในมนุษย์และสัตว์ที่ยืนยันว่า น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ปลอดภัยต่อผิวหนังส่วนที่บอบบาง เช่น บริเวณรอบดวงตา และไม่อุดตันรูขุมขนบริเวณดวงตา เหมือนผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันอื่นเป็นส่วนประกอบ จึงไม่เพียงแค่ช่วยบำรุงขนตา แต่ยังช่วยบำรุงผิวรอบดวงตาอีกด้วย Hello คุณหมอ นำเรื่องของน้ำมันมะพร้าวใช้บำรุงขนตามาฝากกัน ข้อดีของน้ำมันมะพร้าวที่มีต่อขนตา ช่วยให้ขนตาแข็งแรงขึ้น ผลการศึกษาระบุว่า น้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันอิ่มตัวสายโมเลกุลยาวปานกลาง (Medium-Chain Triglycerides) หลายชนิด เช่น กรดลอริก (Lauric acid) กรดไมริสติก (Myristic acid) กรดคาไพรลิก (Caprylic acid) กรดคาพริก (Capric acid) ซึ่งมีประโยชน์ต่อเส้นผมและผิวพรรณ กรดไขมันเหล่านี้ช่วยให้น้ำมันมะพร้าวสามารถซึมซาบเข้าสู่เส้นผมได้ง่าย การทาน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำจึงช่วยลดการสูญเสียโปรตีนในเส้นขน ทำให้ขนตาแข็งแรง ไม่ถูกทำลายเพราะการเช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตาและการล้างหน้า ป้องกันเชื้อโรคและรังแค หลายคนอาจไม่รู้ว่า บนขนตาของคนเรามีจุลินทรีย์ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา และสามารถเป็นรังแคได้ไม่ต่างจากหนักศีรษะ กรดลอริกในน้ำมันมะพร้าวมีสรรพคุณในการต่อต้านจุลินทรีย์และเชื้อรา รวมถึงป้องกันการอักเสบ การทามันมะพร้าวที่ขนตาและผิวหนังโดยรอบจึงช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ เช่น รากขนอักเสบ (Folliculitis) รังแคได้ งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า มาสคาร่าสองยี่ห้อที่ใช้ติดต่อกันทุกวันเป็นเวลา 3 […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

โรคกับเครื่องพ่นละอองยา ใครบ้างต้องพึ่งเครื่องพ่นละอองยา

เครื่องพ่นละอองยา (Nebulizer) ถือเป็นอุปกรณ์รักษาและระงับอาการแบบเฉียบพลันประเภทหนึ่งที่ผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจมักจะใช้กัน โดยในบางกรณี เครื่องพ่นละอองยานี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตของผู้ป่วยเลยก็ว่าได้ อุปกรณ์นี้คืออะไร ทำงานอย่างไร และทำไม โรคกับเครื่องพ่นละอองยา ถึงมีความสัมพันธ์และความสำคัญต่อภาวะสุขภาพของผู้ป่วยโรคต่างๆ ไปดูกัน เครื่องพ่นละอองยาคืออะไร เครื่องพ่นละอองยา เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ออกซิเจนอัดอากาศหรือใช้พลังอัลตราโซนิกเพื่อเปลี่ยนยาซึ่งอยู่ในรูปของเหลวให้กลายเป็นละอองฝอยเพื่อให้เหมาะต่อการสูดดมทางลมหายใจ โดยเครื่องพ่นละอองยาจะช่วยส่งอนุภาคของละอองยาที่มีฤทธิ์ในการรักษาตรงไปสู่ปอด มักใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือเพื่อการรักษาที่บ้านในกลุ่มผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ โดยสามารถบรรเทาอาการป่วยของโรคต่างๆ ได้แก่ โรคกับเครื่องพ่นละอองยา สัมพันธ์กันอย่างไร หอบหืด หอบหืดเป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของทางเดินหายใจ เมื่อทางเดินหายใจเกิดอาการบวมและคัดแน่น จะผลิตสารคัดหลั่งปริมาณมากออกมาเป็นสาเหตุของอาการหายใจลำบาก อาการหอบหืดกำเริบนั้นเกิดจากการที่อาการหอบหืดแย่ลงแบบทันทีทันใด เป็นเหตุให้ทางเดินหายใจบวมและมีสารคัดหลั่งหนาแน่นกว่าปกติ ผู้ที่มีอาการหอบหืดนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องพ่นละอองยาในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม เครื่องพ่นละอองยานั้นมักใช้เพื่อการฉีดพ่นละอองยาปริมาณมากในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเฉียบพลัน เมื่อเทียบกับยาพ่น (inhaler) เครื่องพ่นละอองยานั้นอาจเป็นทางเลือกที่สะดวกกว่าสำหรับเด็กที่ยังไม่โตพอที่จะใช้ยาพ่น หรือในผู้ใหญ่ที่สามารถควบคุมอาการหอบหืดได้ยากและเกิดอาการกำเริบเฉียบพลันขั้นรุนแรงบ่อยๆ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) เป็นอาการปอดอักเสบต่อเนื่องที่มีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ ซึ่งยังไม่มีวิธีรักษาแต่สามารถควบคุมอาการเพื่อป้องกันไม่ให้ปอดถูกทำลายมากขึ้น วิธีการป้องกันโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังนั้นคือการหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ อาการเฉพาะของโรคนี้ คืออาการผิดปกติในระบบทางเดินหายใจที่เกิดขึ้นต่อเนื่องและทางเดินหายใจถูกอุดกั้น อาการทางเดินหายใจอุดกั้นเกิดจากโรคทางเดินหายใจย่อยๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน เช่น โรคถุงลมโป่งพอง หลอดลมอักเสบแบบเรื้อรัง และโรคหอบหืดที่ควบคุมได้ยาก แม้ว่าผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังมักถูกพิจารณาว่า ภาวะหลอดลมตีบตันที่ไม่สามารถฟื้นคืนสภาพเดิมได้ แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ก็มีอาการดีขึ้นได้ด้วยยาขยายหลอดลมในปริมาณมาก ดังนั้น การใช้เครื่องพ่นละอองยาจึงมักถูกนำมาใช้การรักษาอาการทางเดินหายใจกำเริบ หรือเพื่อป้องกันไม่ให้โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรังแสดงอาการรุนแรงมากขึ้น หลอดลมฝอยอักเสบ (Bronchiolitis) หลอดลมฝอยอักเสบ เกิดจากหลอดลมฝอยในปอดเกิดการบวมและอักเสบจาการติดเชื้อไวรัส ส่วนใหญ่พบบ่อยในเด็กทารกและมีแนวโน้มที่จะพัฒนากลายเป็นโรคหอบหืดได้ในภายหลัง หลอดลมฝอยอักเสบอาจถูกเข้าใจสับสนว่าเป็นอาการของหลอดลมอักเสบ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากการอักเสบบริเวณหลอดลม เครื่องพ่นละอองยานั้นอาจถูกนำมาใช้ในกรณีพิเศษในผู้ป่วยที่มีอาการหลอดลมฝอยอักเสบ ขึ้นอยู่กับความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษา โรคหลอดลมโป่งพอง (Bronchiectasis) โรคหลอดลมโป่งพอง หรือเรียกอย่างหนึ่งว่า โรคมองคร่อ เกิดจากการมีแผลเป็นและการอักเสบบริเวณหลอดลมที่มีสารคัดหลั่งหรือเสมหะคั่งอยู่ หลอดลมจึงขยายตัวและไม่สามารถกำจัดเสมหะออกไปได้ตามปกติ จึงก่อให้ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อแบคทีเรีย เครื่องพ่นละอองยาจึงถูกนำมาใช้เพื่อส่งตัวยาที่สามารถลดอาการคั่งของเสมหะ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

6 วิธีรับมือ อาการอ่อนเพลียจากการรักษามะเร็ง

สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังเข้ารับการรักษาโรคนี้อยู่ คุณอาจมี อาการอ่อนเพลียจากการรักษามะเร็ง ที่เกิดขึ้นได้ทั้งระหว่างเข้ารับการรักษาและหลังรักษา ซึ่งความรู้สึกเหนื่อยล้านี้มักไม่ดีขึ้นแม้คุณได้พักหรือนอนหลับแล้วก็ตาม อาการนี้เรียกว่า อาการอ่อนเพลียจากโรคมะเร็ง และส่งผลเสียต่ออารมณ์ ความสัมพันธ์และกิจวัตรประจำวัน Hello คุณหมอ ขอนำเสนอวิธีที่จะมาช่วยในการควบคุมอาการอ่อนเพลียที่เกิดขึ้น และปรับสภาพความเป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้นมาฝากกันค่ะ 6 วิธีรับมือ อาการอ่อนเพลียจากการรักษามะเร็ง 1. พักผ่อนให้พอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป ควรจัดตารางเวลาเพื่อให้มีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ เช่น คุณอาจพักสายตาช่วงสั้น ๆ ประมาณครึ่งชั่วโมง แทนการพักนาน ๆ ในระหว่างวัน และต้องพยายามนอนหลับให้ได้ 7-8 ชั่วโมง แต่ระวังอย่านอนมากไป เพราะจะทำให้ระดับพลังงานของร่างกายลดลงได้ 2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เวลาที่คุณรู้สึกเหนื่อยตลอดทั้งวัน การจะให้ตื่นตัวอยู่เสมออาจฟังดูยาก แต่งานวิจัยเผยว่า การออกกำลังกายสม่ำเสมอเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มพลังงาน และบรรเทาอาการอ่อนเพลีย โดยคุณสามารถเริ่มออกกำลังกายได้ ด้วยเทคนิคง่าย ๆ เหล่านี้ เริ่มจากการออกกำลังกายเบา ๆ ที่เหมาะกับระดับของคุณ เช่น การเดิน การฝึกโยคะ การว่ายน้ำ เพิ่มระดับหรือความยากตามต้องการ ฟังร่างกายตนเองให้ดี อย่าหักโหมเกินไป แต่ควรทำอย่างต่อเนื่อง จดบันทึกความก้าวหน้าและปรึกษาผู้ดูแลสุขภาพ เพื่อคำแนะนำเพิ่มเติม 3. ปรับพฤติกรรมการนอน นิสัยการนอนหลับที่ดี เป็นวิธีที่ทำให้สภาพร่างกายและจิตใจแข็งแรง และเทคนิคต่อไปนี้จะช่วยทำให้การนอนของคุณดีขึ้น ช่วงเช้า ตื่นในเวลาเดิมทุกวัน ไม่ว่าคุณจะนอนหลับได้กี่ชั่วโมงก็ตาม ช่วงกลางวัน งีบช่วงสั้น ๆ ระหว่างเวลาเที่ยงวันและบ่ายสามโมง […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

คลื่นไส้และอาเจียน (Nausea and Vomiting)

คลื่นไส้และอาเจียน (Nausea and Vomiting) เป็นอาการที่แสดงออกผ่านอาการไม่สบายท้อง และอยากอาเจียน (Vomit) อาการคลื่นไส้เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าของการอาเจียน เพื่อขับสิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารออกมา อาการคลื่นไส้และอาเจียน (Nausea and Vomiting) สามารถเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ก็ได้   คำจำกัดความคลื่นไส้และอาเจียน คืออะไร คลื่นไส้และอาเจียน (Nausea and Vomiting) เป็นอาการที่แสดงออกผ่านอาการไม่สบายท้อง และอยากอาเจียน (Vomit) อาการคลื่นไส้เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าของการอาเจียน เพื่อขับสิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารออกมา อาการคลื่นไส้และอาเจียน (Nausea and Vomiting) สามารถเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ก็ได้ พบบ่อยเพียงใด คลื่นไส้และอาเจียนสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการลดความเสี่ยง โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อาการอาการคลื่นไส้และอาเจียน ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่อยู่ในภาวะ อาการคลื่นไส้และอาเจียน มีลักษณะอาการดังต่อไปนี้ กรดไหลย้อน มีไข้ เวียนศีรษะ ไม่สบายท้อง ปวดท้อง ควรไปพบหมอเมื่อใด ควรเข้าพบหมอหากคุณหรือคนที่คุณรักมีอาการ ดังต่อไปนี้ อาการคลื่นไส้ที่ร่วมกับกับอาการหัวใจวาย อาการหัวใจวาย ได้แก่ อาการเจ็บแน่นหน้าอก ปวดศีรษะรุนแรง ปวดกราม เหงื่อออก หรือปวดที่แขนซ้าย อาการคลื่นไส้เกิดร่วมกับอาการปวดศีรษะรุนแรง คอแข็ง หายใจลำบากหรือมึนงง อาการคลื่นไส้เกิดตามหลังสารพิษเข้าสู่ร่างกาย อาการคลื่นไส้เกิดร่วมกับภาวะขาดน้ำ เกิดอาการรับประทานหรือดื่มน้ำไม่ได้นานกว่า 12 ชั่วโมง เนื่องจากอาการคลื่นไส้ อาการคลื่นไส้เกิดนานกว่า 4 ชั่วโมงหลังจากการรับประทานยาที่หาซื้อตามร้านขายยาทั่วไป เมื่อสังเกตว่าเกิดอาการต่าง ๆ หรือมีคำถาม ควรปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละคนแสดงอาการแตกต่างกัน ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อสอบถามถึงวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับอาการที่เกิดขึ้น สาเหตุสาเหตุของ อาการคลื่นไส้และอาเจียน สาเหตุของ อาการคลื่นไส้และอาเจียน […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เผยความลับ! สร้างความแข็งแรงให้กระดูก ง่ายนิดเดียว!

กระดูก มีความสำคัญต่อการเคลื่อนไหว และกิจกรรมต่างๆ ที่คุณทำ ในขณะที่บางคนมีความเสี่ยง ต่อการเกิดกระดูกเปราะบางได้มากกว่าคนอื่น แต่มีวิธีมากมาย ที่คุณสามารถช่วย สร้างความแข็งแรงให้กระดูก ได้ รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง อาหารที่มีแคลเซียมสูงประกอบด้วย โยเกิร์ต ชีส และผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันต่ำ และมีแคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูก เพื่อประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น คุณควรรับประทานควบคู่กับผักใบเขียวเข้ม ซึ่งมีปริมาณแคลเซียมอยู่สูง อาหารประเภทอื่นๆ ที่เสริมสร้างกระดูก ได้แก่ เต้าหู้ และหากคุณแพ้ผลิตภัณฑ์จากนม ลองรับประทานถั่วเหลือง หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นอันตรายต่อกระดูก อาหารประเภทนี้ ได้แก่ กาแฟ แอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ คาเฟอีนมีประโยชน์ต่อสุขภาพบางประการ แต่ไม่ส่งผลดีต่อกระดูก การดื่มคาเฟอีนมากเกินไป รบกวนประสิทธิภาพการดูดซึมแคลเซียมของร่างกาย การศึกษาหนึ่งเผยว่า การดื่มกาแฟมากกว่าวันละสองแก้ว เร่งการสูญเสียมวลกระดูก ในผู้ที่ไม่ได้รับแคลเซียมที่เพียงพอ ผลของการดื่มแอลกอฮอล์ คล้ายกับการดื่มกาแฟ คือทำให้สูญเสียมวลกระดูก เนื่องจากแอลกอฮอล์รบกวนการดูดซึมวิตามินดี เดินออกกำลัง ลองออกกำลังกาย ด้วยการวิ่งเหยาะหรือเดิน หรือแอโรบิค อย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรออกกำลังกายแบบเข้มข้น พร้อมกับการทำกิจกรรมแบบเบาๆ สัปดาห์ละ 2-3ครั้ง ยกน้ำหนัก การออกกำลังกายที่ใช้แรงต้าน จำเป็นต้องใช้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ที่นอกจากจะช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ ยังเสริมสร้างกระดูกด้วย  อุปกรณ์สำหรับการออกกำลังประเภทนี้ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

แผลที่ใกล้หาย ทำไมถึงคัน-คั้น-คัน?!

นี่เป็นสิ่งที่แทบทุกคนต่างต้องเคยเจอ เมื่อ แผลที่ใกล้หาย เกิดอาการคันขึ้นมาจนแทบห้ามใจให้เกาไม่ไหว ทำไมจึงเกิดอาการคันเช่นนี้เกิดขึ้นเมื่อแผลใกล้หาย? แพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุ แต่มีหลายทฤษฎีที่อาจอธิบายได้ดังนี้ กระบวนการของการสมานแผล ก่อนจะหาคำตอบของคำถามว่า ทำไมจึงเกิดอาการคันเมื่อแผลใกล้หาย คุณควรทำความเข้าใจกระบวนการเยียวยาตนเองของแผล ผิวหนังเป็นปราการด่านแรก ในการต่อสู้กับสิ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เปรียบเหมือนระบบรักษาความปลอดภัย เมื่อบริเวณรอบๆ ถูกรุกราน จะเกิดสัญญาณเตือน ทำให้ร่างกายทำปฏิกิริยาบางอย่าง และเริ่มกระบวนการเยียวยา สี่ขั้นตอนในกระบวนการของการสมานแผล ขั้นตอนแรกคือ การห้ามเลือด (hemostasis) หลังจากที่เส้นเลือดบีบแคบลง ทำให้เลือดไหลช้าลง เกล็ดเลือดจะเกาะกลุ่มกัน และเกิดเป็นลิ่มเลือดบริเวณบาดแผล การแข็งตัวของเลือดนี้เกิดขึ้นเมื่อเส้นใยในเลือดหรือไฟบริน (Fibrin) สร้างตาข่ายเส้นใย และดักเกล็ดเลือดกับเซลล์เม็ดเลือดแดงเอาไว้เพื่อสร้างเป็นลิ่มเลือด ขั้นต่อไปคือขั้นอาการอักเสบ เกิดขึ้นในระหว่างที่ร่างกายเริ่มทำความสะอาดบาดแผล สิ่งสกปรกต่างๆ ถูกกำจัดออกไปจากบาดแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ระยะเพิ่มจำนวน คือขั้นต่อมาที่ร่างกายเริ่มสร้างเส้นเลือดใหม่และผิวหนังใหม่ ขั้นสุดท้าย คือขั้นของปรับตัวและฟื้นฟู เซลล์ที่ถูกทำลายจะได้รับการซ่อมแซม รวมถึงเซลล์ประสาทด้วย ทำไมจึงเกิดอาการคันเมื่อแผลใกล้หาย มีหลักการมากมายที่สามารถอธิบายการเกิดสะเก็ดแผลที่ทำให้คัน ในสะเก็ดแผลมีฮีสตามีน ที่ทำให้ผิวหนังรอบบาดแผลระคายเคือง แพทย์บางท่านคิดว่าเป็นกลไกของร่างกาย ในการกำจัดสะเก็ดแผลที่ไม่ต้องการอีกต่อไป เมื่อเกิดอาการคัน คุณมักเกา และสะเก็ดจะหลุดออก แต่ก็มีข้อบกพร่องในทฤษฎีนี้ เนื่องจากในบางครั้งอาการคันที่สะเก็ดแผล เกิดขึ้นก่อนที่แผลจะสมานเสียอีก ทฤษฎีที่สองเกี่ยวข้องกับเส้นประสาทที่ถูกทำลาย เมื่อเกิดแผลที่ผิวหนัง เมื่อร่างกายเริ่มเยียวยาตนเอง เส้นประสาทจะไวต่อความรู้สึกมากกว่าปกติ เมื่อแผลเริ่มหาย สัญญาณต่างๆ อาจส่งผลกระทบ และสมองได้รับสัญญาณผิดประเภท จึงตีความว่าเป็นอาการคัน และทำให้ร่างกายต้องเกาสะเก็ดที่เกิดขึ้น อีกทฤษฎีหนึ่งก็คือ ในขณะที่แผลเริ่มสมาน สะเก็ดแผลจะดึงรั้งผิวหนังใหม่ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ตับของเรา ทำงานอย่างไรและสำคัญขนาดไหน?

ตับ ทำหน้าที่ในการเผาผลาญมากมาย มีน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัมและเป็นหนึ่งในอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย มาทำความรู้จักกับหน้าที่และความสำคัญของ ตับของเรา ดังต่อไปนี้ ตำแหน่งของตับ ตำแหน่งของตับอยู่บริเวณด้านขวาบนของช่องท้อง ใต้กระบังลม กินพื้นที่ส่วนใหญ่ใต้ซี่โครงและช่องท้องส่วนซ้ายบน เมื่อมองจากด้านนอก กลีบตับฝั่งขวาที่ใหญ่กว่า จะต่างจากกลีบตับข้างซ้ายที่เล็กกว่า ทั้งสองส่วนแบ่งด้วยกลุ่มเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ที่ยึดตับไว้กับโพรงช่องท้อง ถุงน้ำดีซึ่งเป็นบริเวณที่ผลิตน้ำดี อยู่ในโพรงเล็กๆ ภายในตับ หน้าที่ของตับ ตับทำหน้าที่ที่สำคัญมากมาย เช่น ขจัดสารที่พิษที่เป็นอันตรายในกระแสเลือด รวมถึง สารเสพติดและแอลกอฮอล์ ย่อยไขมันอิ่มตัวและผลิตคอเลสเตอรอล ผลิตโปรตีนเลือดที่ช่วยทำให้เลือดแข็งตัว การส่งออกซิเจน และหน้าที่ระบบภูมิคุ้มกัน เก็บน้ำตาล (กลูโคส) ในรูปแบบของไกลโคเจน เก็บสารอาหารส่วนเกิน และส่งสารอาหารบางชนิดเข้าสู่กระแสเลือด ผลิตน้ำดี ซึ่งเป็นสารที่ช่วยในการย่อยอาหาร การทำงานของตับ เนื้อเยื่อของตับเกิดจากเซลล์ตับเล็กจำนวนมากที่เรียกว่า โลบูล (lobules) ท่อเล็กๆ จำนวนมากนำพาเลือดและน้ำดีไหลผ่านในเซลล์ตับ เลือดที่มาจากอวัยวะย่อยอาหารไหลผ่านเส้นเลือดมาสู่ตับ นำสารอาหาร ยา และสารพิษต่างๆ มาสู่ตับ สารเหล่านี้จะผ่านกระบวนการ กักเก็บ ฟอก และส่งกลับไปยังกระแสเลือด หรือไปยังลำไส้ใหญ่ เพื่อขับถ่ายออกจากร่างกาย ตับจึงสามารถขจัดแอลกอฮอล์ออกจากกระแสเลือด และสารตกค้างที่เกิดจากการย่อยของยา ตับทำหน้าที่ร่วมกับวิตามินเค ในการผลิตโปรตีนที่สำคัญต่อการแข็งตัวของเลือด เป็นหนึ่งในอวัยวะที่ย่อยสลายเซลล์เม็ดเลือดแดงเก่า ตับกับกระบวนการเผาผลาญ ตับทำหน้าที่สำคัญในกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย โดยในการเผาผลาญไขมันนั้น เซลล์ตับทำหน้าที่ย่อยไขมันและสร้างพลังงาน เซลล์เหล่านี้ยังหลั่งน้ำดีประมาณ 800 ถึง 1,000 มิลลิลิตรต่อวัน ของเหลวสีเหลืองน้ำตาล หรือเขียวมะกอก […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน