สุขภาพ

สุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญ เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้นไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารสุขภาพ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป และอื่น ๆ อีกมากมาย หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยคุณได้แน่นอน

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพ

ทำความรู้จัก "ปลูกฝี" สำคัญยังไง ยังจำเป็นอยู่ไหม

การปลูกฝีเคยเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โรคฝีดาษ (Smallpox) เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์ วัคซีนป้องกันฝีดาษซึ่งเริ่มต้นจากการปลูกฝี ไม่เพียงช่วยลดการเสียชีวิตนับล้านคนทั่วโลก แต่ยังนำไปสู่การประกาศกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523  อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับการปลูกฝีเริ่มจางหายไปเมื่อวัคซีนนี้ไม่ได้เป็นที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาผู้อ่านย้อนรอยความสำคัญของการปลูกฝีในอดีต และพิจารณาว่าการปลูกฝียังมีความจำเป็นในยุคสมัยใหม่หรือไม่ [embed-health-tool-vaccination-tool] ปลูกฝี ในอดีตเป็นอย่างไร? การปลูกฝีเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1796 โดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ผู้ค้นพบว่าวัคซีนจาก Cowpox สามารถป้องกันโรคฝีดาษได้ ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ทั่วโลกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 20 จนนำไปสู่การประกาศว่าฝีดาษถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ในปี 1980 สำหรับประเทศไทย การปลูกฝีเริ่มต้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมักทิ้งรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บริเวณหัวไหล่ หลังจากการกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523 การปลูกฝีก็หยุดลง แต่กลับมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกครั้งในยุคที่โรคฝีดาษลิงระบาด โดยวัคซีนที่พัฒนาจากวัคซีน Smallpox เช่น JYNNEOS กำลังถูกศึกษาเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้ โรคฝีดาษลิงคืออะไร โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากไวรัสในตระกูล Orthopoxvirus ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคฝีดาษ (Smallpox) แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่โรคฝีดาษลิงมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อ ไวรัส Monkeypox ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกในลิงในปี ค.ศ. 1958 และตรวจพบในมนุษย์ครั้งแรกในปี […]

หมวดหมู่ สุขภาพ เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพ

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ทำความสะอาดแว่นสายตา ของคุณให้เหมือนใหม่อยู่เสมอ

แว่นสายตาถือเป็นสิ่งของจำเป็นสำหรับผู้ที่มีสายตาสั้น สายตายาว และสายตาที่ไม่ปกติต่าง ๆ นอกจากการถะนุถนอมไม่ให้แว่นเป็นรอยแล้ว การ ทำความสะอาดแว่นสายตา ก็เป็นอีกเรื่องที่ควรใส่ใจ เพราะถ้าทำความสะอาดไม่ถูกวิธีอาจทำให้เลนส์ของแว่นเป็นรอยได้ แต่จะทำความสะอาดอย่าไรถึงจะถูกวิธี ทาง Hello คุณหมอ มีเรื่องนี้มาฝากกัน วิธี ทำความสะอาดแว่นสายตา ให้เหมือนใหม่ การทำความสะแว่นสายตา คือการทำความสะอาดเลนส์และกรอบแว่น โดยที่ไม่เสี่ยงต่อการขูดขีดหรือทำให้เกิดความเสียหายต่อแว่นตา ซึ่งวิธีการ ทำความสะอาดแว่นสายตา สามารถทำได้ดังนี้ 1. ล้างมือให้สะอาดและเช็ดมือให้แห้ง ก่อนที่จะทำความสะอาดแว่นตาควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า มือของคุณปราศจากสิ่งสกปรก โลชั่น และสิ่งอื่น ๆ ที่สามารถไปโดนเลนส์แว่นได้ จากนั้นใช้สบู่หรือน้ำยาล้างจานทำความสะอาดมืออีกครั้งให้สะอาด 2. ล้างเลนส์ด้วยน้ำก๊อก วิธีนี้จะเป็นการช่วยกำจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกอื่น ๆ นอกจากนั้นยังช่วยหลีกเลี่ยงการขูดเลนส์เมื่อคุณทำความสะอาดอีกด้วย พยายามหลีกเลี่ยงน้ำร้อน เพราะมันอาจทำให้สิ่งที่เคลือบเลนส์แว่นอยู่เกิดความเสียหาย 3. ใช้น้ำยาล้างจานที่ไม่มีส่วนผสมของโลชั่นหยดลงบนเลนส์แต่ละข้างเพียง 1 หยด น้ำยาล้างจานส่วนใหญ่มีความเข้มข้นสูง ดังนั้น ควรใช้ในปริมาณที่เล็กน้อยเท่านั้น ใช้เพียง 1-2 หยด ก็เพียงพอแล้ว และต้องเลือกใช้น้ำยาล้างจานที่ไม่มีส่วนผสมของโลชั่นด้วย 4. ค่อยๆ ถูกเลนส์แต่ละข้างและส่วนต่างๆ ของกรอบแว่นเป็นเวลา 2-3 วินาที ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณทำความสะอาดทุกส่วน รวมถึงแผ่นรองจมูก และปลายของขาแว่นที่ต้องสัมผัสกับหลังหูอยู่ตลอด นอกจากนี้ควรทำความสะอาดบริเวณที่ของของเลนส์กับตรงกรอบแว่นด้วย เพราะส่วนนี้มักจะเป็นส่วนที่สัมผัสกับผิวซึ่งมีน้ำมันบ่อย […]


การทดสอบทางการแพทย์

มาจัดการปัญหาตัวบวม ด้วย อาหารที่ช่วยลดอาการบวมน้ำ เหล่านี้กันดีกว่า

อาการบวมน้ำ (Edema) คือภาวะที่มีของเหลวสะสมอยู่ในเซลล์ร่างกายมากเกินไป เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การนั่งหรือยืนนาน ๆ โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อน การตั้งครรภ์ การมีประจำเดือน ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง (เช่น โรคปอด โรคไต) อาการบวมน้ำนี้สังเกตได้ด้วยการใช้นิ้วกดบริเวณที่บวมค้างไว้ 10-15 วินาที หากบุ๋มเป็นรอยนิ้วแปลว่าบวมน้ำ คนที่มีภาวะบวมน้ำมักตัวบวม อึดอัด ไม่สบายตัว ทำกิจกรรมอะไรก็ไม่สะดวก แถมยังทำให้รู้สึกว่าน้ำหนักขึ้นจนเครียดได้ด้วย วันนี้เราเลยมี อาหารที่ช่วยลดอาการบวมน้ำ มาแนะนำ รับรองกินตามนี้ อาการตัวบวมน้ำของคุณจะดีขึ้นแน่นอน อาหารที่ช่วยลดอาการบวมน้ำ หน่อไม้ฝรั่ง หน่อไม้ฝรั่งหรือแอสพารากัส (Asparagus) คืออาหารที่ช่วยลดอาการบวมน้ำซึ่งคุณไม่ควรพลาด โดยศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ (University of Maryland Medical Center) ประเทศสหรัฐอเมริกาเผยว่า หน่อไม้ฝรั่งมีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติ กินแล้วช่วยขจัดของเหลวส่วนเกินออกจากร่างกายได้ แถมหน่อไม้ฝรั่งยังมีโซเดียม (Sodium)ต่ำด้วย จึงยิ่งเหมาะกับคนที่มีปัญหาตัวบวมน้ำ เพราะโซเดียมถือเป็นตัวการสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะบวมน้ำนี้ แดนดิไลออน แดนดิไลออน (Dandelion) หรือชื่อวิทยาศาสตร์คือ Taraxacum officinale เป็นพืชสมุนไพรที่นิยมนำมาใช้เป็นยาขับปัสสาวะมาช้านาน กินแล้วจะช่วยให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น จึงทำให้มีของเหลวสะสมอยู่ในร่างกายน้อยลง โดยผลงานศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้กลุ่มตัวอย่าง 17 คนกินสารสกัดจากใบแดนดิไลออนปริมาณ 3 โดส จากนั้นให้กลุ่มตัวอย่างสังเกตปริมาณของเหลวที่บริโภคเข้าไปและที่ปัสสาวะออกมา […]


อาการของโรค

รู้ให้ชัดถึงข้อแตกต่างระหว่าง อาการอ่อนเพลียจากความร้อน กับ โรคลมแดด

เมื่ออากาศเริ่มมีอุณหภูมิสูงขึ้น ร่างกายของใครหลาย ๆ คน อาจไม่สามารถปรับตัวได้ อีกทั้งด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ ทางด้านปัญหาสุขภาพ ทำให้การออกไปเผชิญกับแสงแดด หรืออยู่ในสถานที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา เช่น ในบางรายอาจมี อาการอ่อนเพลียจากความร้อน บางคนก็ถึงกับเป็นลมหมดสติ ซึ่งเรียกอีกอย่างได้ว่า โรคลมแดด แต่ทั้ง 2 อาการนี้จะแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้ของ Hello คุณหมอ มีคำตอบมาฝากทุกคนกันค่ะ อาการอ่อนเพลียจากความร้อน และ โรคลมแดด ต่างกันอย่างไร โรคลมแดด (Heat Stroke) โรคลมแดด มักเกิดขึ้นเมื่อร่างกายคุณมีอุณหภูมิความร้อนสูงเกินกว่า 103 ฟาเรนไฮต์ (39 องศาเซลเซียส) หรืออาจสังเกตได้จากผิวหนังภายนอกที่เริ่มแสบร้อน รอยแดงร่วมด้วย ซึ่งหากปล่อยไว้เป็นเวลานาน ก็อาจส่งผลเสียต่อระบบการทำงานอื่น ๆ ภายใน เช่น สมองและระบบประสาท ระบบไหลเวียนโลหิต ปอด ตับ ไต ช่องทางเดินอาหาร และอาจนำไปสู่การชักขั้นรุนแรง ดังนั้น หมั่นสังเกตตนเองยามคุณออกไปเผชิญความร้อนสม่ำเสมอ และถ้าพบอาการผิดปกติใด ๆ ให้รีบปฐมพยาบาล หรือเรียกรถพยาบาลฉุกเฉินได้ในทันที อาการอ่อนเพลียจากความร้อน (Heat exhaustion) ในส่วนของ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

พฤติกรรมที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร ทำง่าย สบายท้อง

ระบบย่อยอาหาร สามารถที่จะบ่งบอกถึงการมีสุขภาพที่ดีได้ หากระบบย่อยอาหารทำงานได้ปกติ ก็จะสามารถขับถ่ายได้สะดวก แต่ถ้าระบบย่อยอาหารมีปัญหา ก็จะเสี่ยงต่อปัญหาท้องผูก กรดไหลย้อน อาหารไม่ย่อย โรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้ตามมา ดังนั้น ถ้าคุณผู้อ่านต้องการที่จะมีระบบย่อยอาหารที่ดีล่ะก็ สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำ พฤติกรรมที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร ที่ Hello คุณหมอ นำมาฝากกันในวันนี้ค่ะ พฤติกรรมที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร มีอะไรบ้าง ไม่ละเลยไฟเบอร์ เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าไฟเบอร์นั้นเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดีต่อระบบขับถ่ายและแน่นอนว่า รวมถึง ระบบย่อยอาหาร ด้วย ซึ่งไฟเบอร์นั้นพบได้ในผัก ผลไม้ น้ำมันรำข้าว ข้าวโอ๊ต พืชตระกูลถั่ว ธัญพืชต่างๆ เป็นต้น โดยไฟเบอร์จะช่วยให้การลำเลียงอาหารในระบบย่อยอาหารให้เป็นไปได้โดยง่าย มีผลทำให้ไม่เกิดอาการท้องผูก และยังเป็นมิตรกับแบคทีเรียชนิดดีที่อยู่ในลำไส้ ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง ลดความเสี่ยงของลำไส้อักเสบ กินไขมันดี ระบบย่อยอาหาร ที่ดี ก็จำเป็นจะต้องมีไขมันอยู่ด้วย แต่ไขมันที่ว่าควรจะต้องเป็นไขมันชนิดดี ได้แก่ กรดไขมันโอเมก้า 3 เพราะอาหารที่มีสารโอเมก้า3 อย่าง ปลา หรือธัญพืช จะช่วยในการดูดซึมสารอาหาร ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคลำไส้ใหญ่ หรือลำไส้อักเสบ ดื่มน้ำให้เพียงพอและสม่ำเสมอ การไม่ค่อยดื่มน้ำ เสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการท้องผูก เพราะอาหารและกากใยต่างๆ ไม่สามารถจะลำเลียงไปยังลำไส้ใหญ่ได้อย่างสะดวก เนื่องจากร่างกายไม่มีน้ำที่เพียงพอต่อการลำเลียงใน ระบบย่อยอาหาร เพื่อที่จะลำเลียงไปถึงจุดสิ้นสุดคือลำไส้ใหญ่ ดังนั้น หากต้องการให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเยื่อพรหมจรรย์และการเสียพรหมจรรย์ ที่ต้องทำความเข้าใจกันใหม่ได้แล้ว

เรื่องของ เยื่อพรหมจารี หรือที่เรียกกันว่า เยื่อพรหมจรรย์ และการเสียพรหมจรรย์ เป็นที่พูดถึงกันอยู่หลายต่อหลายครั้ง และบางครั้งก็เกิดการส่งต่อความเข้าใจแบบผิดๆ ไปยังผู้อื่นอีกด้วย จนอาจส่งผลให้ผู้ที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจ หรือขาดประสบการณ์ เกิดความเข้าใจผิดต่อตนเองและผู้อื่นได้ วันนี้ Hello คุณหมอ มีสาระน่ารู้เกี่ยวกับ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเยื่อพรหมจรรย์และการเสียพรหมจรรย์ มาฝากค่ะ แต่จะเป็นอย่างไร และความจริงคืออะไร ไปติดตามกันที่บทความนี้เลยค่ะ [embed-health-tool-bmr] ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเยื่อพรหมจรรย์และการเสียพรหมจรรย์ มีอะไรบ้าง เยื่อพรหมจรรย์จะขาดทันทีที่มีเพศสัมพันธ์ในครั้งแรก สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้ก็คือ เยื่อพรหมจรรย์ สามารถที่จะยืดออกได้เมื่ออวัยวะเพศชายมีการสอดใส่เข้าไปยังช่องคลอด ซึ่งในขณะที่ยืดออกนั้นก็อาจจะมีผลทำให้เยื่อพรหมจรรย์เกิดการฉีกออกจนทำให้มีเลือดไหล แต่ก็ไม่ได้ขาดทันทีที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอย่างที่หลายคนเข้าใจ ถ้ามีเซ็กส์แล้วเลือดออก แปลว่าเสียพรหมจรรย์แล้ว หนึ่งในความเชื่อแบบผิดๆ เกี่ยวกับพรหมจรรย์นั่นก็คือ เยื่อพรหมจรรย์ ของผู้หญิงจะต้องขาดทันทีที่มีเพศสัมพันธ์และจะมีเลือดไหลออกมาเป็นที่บ่งชี้ว่าได้สูญเสียความบริสุทธิ์แล้ว แต่ในความเป็นจริงนั้น การมีเลือดออกหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ไม่ได้เป็นการการันตีว่าเยื่อพรหมจรรย์จะขาด การมีเลือดออกหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ อาจเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงจนทำให้เลือดไหลออกมา หรือเกิดจากการที่ผู้หญิงมีความกังวล กลัวว่าจะเจ็บเมื่อมีเซ็กส์ครั้งแรก จึงทำให้กล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอดไม่ผ่อนคลาย จึงส่งผลให้เมื่อมีเซ็กส์จะรู้สึกเจ็บ ปวด และมีเลือดไหลออกมา คุณหมอสามารถบอกได้ว่ายังพรหมจรรย์อยู่หรือเสียพรหมจรรย์ไปแล้ว โดยตรวจจากเยื่อพรหมจรรย์ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความเชื่อแบบผิดๆ เพราะในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าแพทย์สามารถที่จะมาตรวจเยื่อพรหมจรรย์แล้วการันตีได้ว่า คนนั้นยังเป็นสาวพรหมจรรย์ ส่วนคนนั้นเสียบริสุทธิ์แล้ว เพราะอย่างที่ได้กล่าวไปว่าเยื่อพรหมจรรย์สามารถที่จะยืดหยุ่นได้ และไม่ได้ขาดออกง่ายๆ ขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม ต่อให้ตรวจพบว่าเยื่อพรหมจรรย์ขาดแล้วจริงๆ ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้อยู่ดีว่าเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ เพราะ เยื่อพรหมจรรย์ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เคล็ดลับวิธี แก้อาการสะอึก วิถีพื้นบ้านที่เราสามารถรักษาเองได้

ในสมัยก่อนผู้หลักผู้ใหญ่มักใช้วิธีให้เราหายสะอึก ด้วยการแกล้งเราให้ตกใจ จนเราลืมเลือนอาการนี้ไป เพราะมัวแต่โฟกัสกับสิ่งที่กลัว หรือโดนหลอก แต่ในบางครั้งวิธีดังกล่าวอาจใช้ไม่ได้ผลสำหรับใครหลาย ๆ คน และยังสร้างผลเสียต่อสุขภาพหัวใจของเราได้อีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ จึงขอนำเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ถึงการ แก้อาการสะอึก แบบธรรมชาติ ที่คุณสามารถเลือกรักษาเองได้ตามที่คุณสะดวก มาฝากทุกคนกันค่ะ วิธี แก้อาการสะอึก ไม่ให้มารบกวนคุณ สาเหตุสำคัญประการนึงที่ทำให้คุณมีอาการสะอึก อาจเกิดมาจากการกระบังลมของคุณเกิดการหดตัวอย่างกะทันหัน จนทำให้คุณเกิดการหายใจเข้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งอากาศที่ผ่านเข้ามาจึงถูกขัดขวางโดยเส้นเสียงที่ปิดลงจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้คุณเกิดอาการสะอึกแบบมิได้ตั้งใจ แต่คุณสามารถนำวิธีเหล่านี้ ไปรักษาตนเองได้ เพื่อให้หายจากอาการสะอึก 1. กลืนน้ำตาล ตามรายงานวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ (New England Journal of Medicine; NEJM) ศึกษาถึงการใช้น้ำตาลที่มีโมเลกุลขนาดเล็กในปริมาณ 1 ช้อน ทำให้ผู้ที่มีอาการสะอึก 19 คนจาก 20 ราย มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เพราะพวกเขาเชื้อว่าเม็ดน้ำตาลสามารถเข้าไปกระตุ้นเส้นประสาท ที่นำไปสู่การรบกวนการสะอึก ให้เกิดปฏิกิริยาบางอย่าง จนอาการนี้ดีขึ้น 2. การกำหนดลมหายใจ อย่างแรกให้คุณล้มตัวลงนอน หรือนั่งตัวตรงในท่าที่สบาย จากนั้นหายใจเข้า และกลั้นหายใจไว้ประมาณ 10 […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ทำไมตื่นมากลางดึกทีไร รู้สึกกระหายน้ำทุกที

อาการกระหายน้ำ เป็นเรื่องที่สร้างความรำคาญใจให้กับคุณได้ เพราะความคอแห้ง กระหายน้ำ จึงทำให้คุณต้องลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อดื่มน้ำบ่อย ๆ ไม่ได้หลับยาวให้เต็มอิ่มสักที วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนไปไขข้อข้องใจว่า ทำไมถึงรู้สึก กระหายน้ำ กลางดึก บ่อย ๆ แล้วจะลดความกระหายนี้ได้อย่างไรดี [embed-health-tool-heart-rate] กระหายน้ำ กลางดึก เกิดจากอะไรได้บ้าง สถานที่นอน การนอนในห้องที่เย็น มีอุณภูมิประมาณ 21 องศาเซลเซียส เป็นอุณภูมิที่ช่วยให้หลับสบาย หลับสนิทได้ดีขึ้น แต่ว่าการนอนในห้องที่มีความเย็นนั้น อาจทำให้ความชื้นลดลง เมื่ออากาศในห้องมีความแห้งเกินไปก็จะทำให้คุณ หิวน้ำ ดังนั้นคุณจึงควรทำให้บ้านมีความชื้นระหว่างร้อยละ 30-50 ซึ่งเป็นความชื้นที่จะแห้งพอไม่เกิดเชื้อรา และยังไม่ใช่ให้ร่างกายเราแห้งไปด้วย วิธีนี้จึงเป็นอีกวิธีช่วยลดการกระหายน้ำได้ ร่างกายขาดน้ำ จนทำให้ หิวน้ำ โดยปกติแล้วร่างกายคนเราต้องการน้ำ 250 มิลลิตรต่อวัน แต่ว่าปริมาณนี้ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง หากคุณมีการออกกำลังกายอย่างหนัก อยู่ในที่ที่อากาศร้อน หรือมีการสูญเสียน้ำเป็นจำนวนมาก ที่มาจากอาการท้องเสีย มีไข้ ในวันนั้นร่างกายอาจมีความต้องการน้ำเพิ่มมากขึ้นเพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่ร่างกายสูญเสียไป ในช่วงนี้จึงอาจมีความกระหายน้ำอยู่บ่อย ผลข้างเคียงของยา ในการใช้ยาบางชนิด เพื่อรักษาอาการของโรคที่เป็นอยู่นั้นอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ อาการ หิวน้ำ ก็เป็นหนึ่งในผลข้างเคียงของยาบางชนิดเช่นกัน ดังนั้นเมื่อรับประทานยาเข้าไปจึงอาจทำให้เกิดอาการกระหายน้ำตอนกลางคืนได้ ดังนั้นหากมีความกระหายน้ำ คอแห้งมาก ๆ ควรปรึกษาแพทย์ว่าสามารถเปลี่ยนยาหรือมีวิธีในการจัดการได้อย่างไร เกิดจากอาการเมาค้าง เมื่อคุณดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปเป็นจำนวนมาก […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

โรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกัน (Hashimoto's Thyroiditis)

โรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกัน (Hashimoto’s Thyroiditis) เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำลายต่อมไทรอยด์ซึ่งเป็นต่อมเล็กๆ ทิ่อยู่ภายในลำคอ ต่อมไทรอยด์เป็นส่วนหนึ่งของของระบบไร้ท่อที่ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมน คำจำกัดความ โรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกัน คืออะไร โรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกัน (Hashimoto’s Thyroiditis) เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำลายต่อมไทรอยด์ ในระยะยาวร่างกายจะไม่สามารถผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะขาดไทรอยด์ได้ พบได้บ่อยเพียงใด อย่างไรก็ตามโรคดังกล่าวนี้พบได้ในทั้งเพศหญิงและเพศชายและในวัยเด็ก โดยเฉพาะในเพศหญิงวัยกลางคน   อาการอาการของโรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกัน อาการของโรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกันในระยะแรกของผู้ป่วยจะมีอาการบวมบริเวณด้านหน้าของคอ เนื่องจากต่อมไทรอยด์โต โดยผู้ป่วยจะมีอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้ รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ร่างกายรู้สึกหนาวเย็น ท้องผูก ใบหน้าบวม ลิ้นบวม เล็บเปราะบาง ผมร่วง น้ำหนักขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ อาการปวดข้อ ปวดบริเวณกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ควรไปพบหมอเมื่อใด หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใดๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีคำถาม โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ สาเหตุสาเหตุของโรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกัน สาเหตุของโรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกันนั้นยังไม่มีสาเหตุที่ทราบชัดเจน  เซลล์เม็ดเลือดขาวและระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำลายระบบภูมิคุ้มกันต่อมไทรอยด์ ส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ได้ต่ำกว่าปกติ ปัจจัยเสี่ยงปัจจัยเสี่ยงของโรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกัน โรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกันสามารถพบได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย แต่ส่วนใหญ่มักในเพศหญิงช่วงอายุวัยกลางคน  รวมถึงปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ดังนี้ เพศ โดยส่วนใหญ่มักพบในเพศหญิง อายุ โรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะในช่วงวัยกลางคน พันธุกรรม หากสมาชิกในครอบครัวเคยมีประวัติเป็นโรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกัน อาจส่งผลให้สมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวเป็นได้เช่นกัน โรคประจำตัวอื่นๆ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคไขข้ออักเสบ โรคเบาหวาน เป็นต้น การวินิจฉัยและการรักษาข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม การวินิจฉัยโรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกัน การวินิจฉัยโรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกันแพทย์อาจเริ่มจากการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมนต่อมไทรอยด์ในตัวคุณ ว่าอยู่ในระดับต่ำหรือไม่ และระดับฮอร์โมนที่ทำหน้าที่กระตุ้นต่อมไทรอยด์ในเลือด (Thyroid-stimulating Hormone; TSH) สูงขึ้นหรือไม่ หากระบบการทำงานของต่อมไทรอยด์ลดลง หมายความว่าระบบภายในร่างกายจะต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ให้มากกว่าเดิม นอกจากนี้แพทย์ยังตรวจ ฮอร์โมนไทรอยด์อื่นๆ วัดระดับคอเลสเตอรอล ตรวจภูมิต้านทานภายในร่างกาย เพื่อทำการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง การรักษาโรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกัน วิธีการรักษาโรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกัน แพทย์อาจจ่ายยาเลโวไทรอกซีน (Levothyroxine) ที่เป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ชนิดเม็ด […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ดื่มนม ก่อนนอน ดีจริงหรือเป็นเพียงภาพจำในละคร

ละครหลาย ๆ เรื่องที่มีเด็ก ฉากก่อนนอนที่ทุกคนมักจะเห็นบ่อย ๆ คือ แม่มักจะเดินถือแก้วนมขึ้นมาให้ลูกดื่มก่อนนอน พร้อมกำชับว่า ดื่มก่อนนอนจะได้หลับสบาย ซึ่งจริง ๆ แล้วการดื่มนมก่อนนอนเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพหรือไม่ วันนี้ Hello คุณหมอ มีบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับการ ดื่มนม ก่อนนอน ว่าดีต่อสุขภาพจริงหรือไม่ มาฝากกันค่ะ [embed-health-tool-bmr] ดื่มนม ก่อนนอน ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และหลับสบาย การดื่มนมอุ่น ๆ ก่อนนอนสักแก้วนั้น เป็นสิ่งที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย บรรเทาความวิตกกังวล และยังช่วยให้หลับสบายขึ้นได้ เพราะสารประกอบบางชนิดในนมโดยเฉพาะทริปโตเฟนและเมลาโทนิน (Melatonin) เป็นสารที่มีส่วนช่วยในการนอนหลับ ทริปโตเฟน (Tryptophan) เป็นกรดอะมิโน ที่พบได้ในอาหารที่มีโปรตีนสูง ซึ่งทริปโตเฟนเป็นสารที่มีบทบาทสำคัญในการผลิตสาร เซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย เบิกบานใจ ที่สำคัญสารเซโรโทนินยังเป็นสารที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความอยากอาหาร และการนอนหลับอีกด้วย นอกจากนี้สารทริปโตเฟนยังเป็นสารตั้งต้นในการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ถูกปล่อยออกมาจากสมอง มันจะช่วยควบคุมและเตรียมร่างกายให้เข้าสู่วงจรการนอนหลับ จากการศึกษาพบว่าการได้รับอาหารเสริมเมลาโทนินนั้นมีส่วนช่วยในการปรับปรุงการนอนหลับ ลดอาการวิตกกังวล และอาการซึมเศร้าได้ แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ แสดงให้เห็นว่านมหนึ่งแก้วนั้นมีทริปโตเฟรหรือเมลาโทนินในปริมาณที่จะส่งผลต่อการผลิตเมลาโทนินตามธรรมชาติได้ ดื่มนมอุ่นหรือนมเย็นก่อนนอนดีกว่ากัน การดื่มนมก่อนนอน เป็นตัวช่วยในการกระตุ้นการนอนหลับ แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าการดื่มนมอุ่นนั้นดีกว่านมเย็น แต่จากงานวิจัยส่วนใหญ่มีการประเมินพบว่า การดื่มนมอุ่น ส่งผลต่อประสิทธิภาพการนอนหลับได้ดีกว่า แม้ในปัจจุบันจะยังไม่มีการศึกษาเชิงเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิของนมทั้งสองแบบอย่างแน่ชัด แต่การดื่มนมอุ่นหรือเครื่องดื่มอุ่น ๆ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

รู้หรือไม่! การ กลั้นจาม อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้

เวลาออกไปข้างนอก หลายคนไม่ค่อยกล้าที่จะไอหรือจามออกมาดัง ๆ เพราะกลัวว่าคนอื่นจะรังเกียจ กลัวว่าเราติดเชื้อหรือป่วยเป็นโรคอะไรหรือเปล่า จึงต้องพยายามกลั้นไอและกลั้นจามอย่างสุดฤทธิ์ แต่คุณรู้หรือเปล่าคะว่า การกลั้นจามนั้นอาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ บทความนี้ Hello คุณหมอ ขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ อันตรายของการ กลั้นจาม ที่เป็นสาเหตุว่าทำไมคุณถึงไม่ควรกลั้นจามอย่างเด็ดขาด อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการ กลั้นจาม แก้วหูทะลุ ขณะที่เราจามนั้น จะเกิดแรงดันอากาศอย่างรุนแรงภายในระบบทางเดินหายใจ และเมื่อเรากลั้นจาม แรงดันอากาศที่ปล่อยออกมานั้นจะไม่มีที่ไป และตีกลับเข้าไปวนอยู่ภายในร่างกาย แรงดันอากาศบางส่วนอาจจะขึ้นไปสู่บริเวณท่อในหู ที่เชื่อมต่อกับหูชั้นกลางและแก้วหู ในบริเวณหูชั้นกลางและแก้วหูนั้นจะมีความบอบบางมาก และสามารถเกิดการเสียหายได้ แม้แต่จากการกระทบเพียงเล็กน้อย แรงดันอากาศที่มาจากการกลั้นจามนั้นอาจทำให้แก้วหูของคุณแตก หรือทำให้หูชั้นในและแก้วหูเกิดความเสียหาย จนทำให้คุณสูญเสียการได้ยินได้ แม้ว่าส่วนใหญ่แล้วอาการแก้วหูแตกนั้นจะสามารถฟื้นฟูกลับขึ้นมาได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ แต่บางกรณีก็อาจจะรุนแรงมาก และจำเป็นต้องรับการผ่าตัด ติดเชื้อในหูชั้นกลาง โดยปกติแล้วการจามนั้นเป็นปฏิกิริยาของร่างกาย เพื่อกำจัดเอาสิ่งแปลกปลอม เช่น เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อยู่ในทางเดินหายใจให้ออกไปจากร่างกาย ดังนั้นการกลั้นจามจึงอาจทำให้เสมหะ น้ำมูก และน้ำลายที่ปนเปื้อนเชื้อโรค ไหลกลับเข้าไปพร้อมกับแรงดันอากาศ และไปยังบริเวณหู ทำให้เกิดการติดเชื้อหรือการอักเสบที่หูได้ โดยเฉพาะอาการติดเชื้อในหูชั้นกลาง ที่ส่งผลกระทบต่อการได้ยิน และทำให้เกิดอาการปวดอย่างมาก ลมขึ้นสมอง ล่าสุดมีผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 85 ปี รายหนึ่ง เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการ พูดไม่ชัด หูอื้อ หน้าเบี้ยว และมีเสียงดัง เมื่อแพทย์ทำการตรวจด้วยการแสกน MRI […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน