สุขภาพ

สุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญ เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้นไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารสุขภาพ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป และอื่น ๆ อีกมากมาย หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยคุณได้แน่นอน

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพ

ทำความรู้จัก "ปลูกฝี" สำคัญยังไง ยังจำเป็นอยู่ไหม

การปลูกฝีเคยเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โรคฝีดาษ (Smallpox) เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์ วัคซีนป้องกันฝีดาษซึ่งเริ่มต้นจากการปลูกฝี ไม่เพียงช่วยลดการเสียชีวิตนับล้านคนทั่วโลก แต่ยังนำไปสู่การประกาศกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523  อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับการปลูกฝีเริ่มจางหายไปเมื่อวัคซีนนี้ไม่ได้เป็นที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาผู้อ่านย้อนรอยความสำคัญของการปลูกฝีในอดีต และพิจารณาว่าการปลูกฝียังมีความจำเป็นในยุคสมัยใหม่หรือไม่ [embed-health-tool-vaccination-tool] ปลูกฝี ในอดีตเป็นอย่างไร? การปลูกฝีเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1796 โดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ผู้ค้นพบว่าวัคซีนจาก Cowpox สามารถป้องกันโรคฝีดาษได้ ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ทั่วโลกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 20 จนนำไปสู่การประกาศว่าฝีดาษถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ในปี 1980 สำหรับประเทศไทย การปลูกฝีเริ่มต้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมักทิ้งรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บริเวณหัวไหล่ หลังจากการกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523 การปลูกฝีก็หยุดลง แต่กลับมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกครั้งในยุคที่โรคฝีดาษลิงระบาด โดยวัคซีนที่พัฒนาจากวัคซีน Smallpox เช่น JYNNEOS กำลังถูกศึกษาเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้ โรคฝีดาษลิงคืออะไร โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากไวรัสในตระกูล Orthopoxvirus ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคฝีดาษ (Smallpox) แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่โรคฝีดาษลิงมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อ ไวรัส Monkeypox ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกในลิงในปี ค.ศ. 1958 และตรวจพบในมนุษย์ครั้งแรกในปี […]

หมวดหมู่ สุขภาพ เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพ

ขั้นตอนทางการแพทย์และการผ่าตัด

ผ่าตัดกระเพาะอาหาร (Gastric Sleeve Surgery)

แน่นอนว่าวิธีการลดความอ้วนนั้นมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร ศัลยกรรม หรือแม้แต่วิธีทางการแพทย์อย่าง ผ่าตัดกระเพาะอาหาร (Gastric Sleeve Surgery) แต่ทั้งนี้สำหรับคนที่สนใจจะลดความอ้วนด้วย การผ่าตัดกระเพาะอาหาร ควรจะต้องศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ซึ่งทาง Hello คุณหมอ มีเรื่องนี้มาฝากกัน ข้อมูลพื้นฐานผ่าตัดกระเพาะอาหาร (Gastric Sleeve Surgery) คืออะไร การผ่าตัดกระเพาะอาหาร เป็นการผ่าตัดลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะการผ่าตัดกระเพาะอาหารนั้นจะทำให้ความจุของกระเพาะอาหารลดลงประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นการช่วยลดน้ำหนักในระยะยาว ทั้งยังลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งได้แก่ โรคกรดไหลย้อน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคเบาหวานประเภท 2 โดยปกติแล้วการ ผ่าตัดกระเพาะอาหาร จะทำหลังจากที่คุณพยายามลดน้ำหนักโดยการปรับพฤติกรรมการกินอาหารและปรับนิสัยของการออกกำลังกายแล้ว ความเสี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเมื่อคุณเข้ารับการ ผ่าตัดกระเพาะอาหาร แน่นอนว่าการผ่าตัดกระเพาะอาหาร ก็เหมือนกับการผ่าตัดใหญ่ทั่วๆ ไป ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ มีดังนี้ ความเสี่ยงระยะสั้น มีเลือดออกมากเกินไป การติดเชื้อ ปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ต่อการระงับความรู้สึก เลือดอุดตัน ปัญหาปอดหรือการหายใจ รอยรั่วจากส่วนที่ถูกตัดของกระเพาะอาหาร ความเสี่ยงระยะยาวและภาวะแทรกซ้อน ลำไส้อุดตัน (Gastrointestinal obstruction) ไส้เลื่อน กรดไหลย้อน น้ำตาลในเลือดต่ำ หรือภาวะน้ำตาลในเลือด ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ อาเจียน นอกจากนั้นบ่อยครั้งที่ภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัดกระเพาะอาหาร ยังอาจอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ขั้นตอนการผ่าตัดสำหรับใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะใช้วิธีการผ่าตัดกระเพาะอาหารในการช่วยลดน้ำหนัก ควรศึกษาข้อมูลต่างๆ ให้ดีเสียก่อน รวมไปถึงการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อขอรับคำแนะนำที่เหมาะสม การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดกระเพาะอาหาร ก่อนที่คุณจะเข้ารับการผ่าตัด ศัลยแพทย์จะทำการถามคำถามหลายข้อกับคุณ จากนั้นในห้องผ่าตัดคุณจะได้รับยาชาก่อนการผ่าตัด ซึ่งยาชาจะช่วยทำให้คุณหลับสบายระหว่างการผ่าตัด ขั้นตอนการ ผ่าตัดกระเพาะอาหาร ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการผ่าตัดกระเพาะอาหาร จะมีลักษณะเฉพาะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละบุคคลและการปฏิบัติของแพทย์ บางที่อาจจะใช้การผ่าตัดแบบดั้งเดิม ด้วยการผ่าตัดเปิดบริเวณช่องท้อง (Incisions) แต่โดยทั่วไปแล้วการผ่าตัดกระเพาะอาหารผ่านช่องท้องจะใช้วิธีการผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopically) ซึ่งเป็นการสอดเครื่องมือขนาดเล็ก ผ่านแผลขนาดเล็กเข้าไปยังช่องท้องด้านบน จากนั้นศัลยแพทย์จะทำการตัดกระเพาะบางส่วนออก เพื่อให้กระเพาะมีขนาดเล็กลง […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

6 วิธี ดีท็อกซ์ร่างกายแบบธรรมชาติ เพิ่มความสดชื่นจากภายในสู่ภายนอก

การ ดีท็อกซ์ร่างกายแบบธรรมชาติ ที่ Hello คุณหมอจะมาแนะนำให้ทุกคนได้ลองทำกันในวันนี้ เป็นการเสริมสร้างสุขภาพ และฟื้นฟูร่างกายของตนเองง่าย ๆ โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีอันตรายใด ๆ เพราะสำหรับบางคนนั้นมักนำ ยาระบาย ยากำจัดสารพิษ มาเป็นตัวช่วยในการชำระสารพิษภายใน ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ แต่วิธีที่จะกล่าวต่อไปนี้ คุณเองก็สามารถทำได้บ่อยครั้งที่บ้าน ตามวัน เวลาที่คุณสะดวก และอาจปลอดภัยกับใครหลาย ๆ คน ด้วยค่ะ 6 วิธี ดีท็อกซ์ร่างกายแบบธรรมชาติ ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน นอกจากจะช่วยในการดับกระหายแล้ว น้ำยังมีส่วนช่วยในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย และเป็นสิ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยงให้อาหารไหลลื่นจนเกิดการย่อยได้ง่าย อีกทั้งยังช่วยลำเลียงของเสียให้ขับออกมาในรูปแบบปัสสาวะ เหงื่อ โดยปริมาณน้ำที่คุณควรดื่มต่อวันอาจอยู่ที่ 125 ออนซ์ (3.7 ลิตร) สำหรับผู้ชาย และ 91 ออนซ์ (2.7 ลิตร ) สำหรับผู้หญิง ซึ่งการรับประทานน้ำในแต่ละวัน จะมาก หรือน้อยนั้น ยังขึ้นอยู่กับกิจกรรมต่าง ๆ ที่คุณทำอีกด้วย ฝึกการนอนหลับให้มีคุณภาพ ในแต่ละวันเรามักจะเผชิญวิกฤต หรือปัญหาต่าง ๆ มามากมาย ไม่ว่าจะกับ เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว ก่อให้เกิดความเครียดสะสมจนเกิดการนอนไม่หลับในยามค่ำคืน ดังนั้น […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

หม้อทอดไร้น้ำมัน เครื่องครัวยุคใหม่ ดีต่อสุขภาพจริงหรือ?

อาหารที่เรารับประทานเข้าไป โดยเฉพาะอาหารที่ผ่านกระบวนการทอด มักมีน้ำมันตกค้างอยู่ในอาหารเป็นอย่างมาก การรับประทานอาหารที่มีน้ำมันตกค้างหรือตะกรันน้ำมันจากภาชนะหรือบรรจุภัณฑ์เข้าไปเป็นเวลานาน ๆ อาจ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น การเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ อย่าง ไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคอ้วน ในปัจจุบันได้มีผู้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ในการปรุงอาหารให้สุกด้วยวิธีการทอดแบบไม่ต้องใช้น้ำมัน นอกจากนี้แล้ว เครื่องครัวยุคใหม่ชิ้นนี้ยังมีประสิทธิภาพในการขจัดน้ำมันส่วนเกินในอาหารได้อีก ถูกใจแม่บ้านหลายครัวเรือนเพราะ ประหยัดเวลา และช่วยลดความเสี่ยงของการโดนน้ำมันกระเด็นใส่ได้ดีทีเดียว บทความนี้ Hello คุณหมอ จึงขอพาทุกคนมาทราบถึงประโยชน์ของการใช้ หม้อทอดไร้น้ำมัน กันค่ะ หม้อทอดไร้น้ำมัน มีระบบการทำงานอย่างไร ปัจจุบันหม้อทอดไร้น้ำมันถือว่าเป็นเครื่องใช้ในครัวเรือนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก นอกจากจะมีขนาดที่เล็กไม่เปลืองพื้นที่ในการวางแล้ว ยังมีระบบการทำงานที่ค่อนข้างสะดวก ซึ่งการทำงานภายในตัวของอุปกรณ์นี้ ทำงานโดยพลังงานไฟฟ้ามาเปลี่ยนสภาพเป็น ลมร้อน ที่มีอุณหภูมิสูง ส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาบางอย่างที่เรียกว่า เมลลาร์ด (Maillard effect) เป็นปฏิกิริยาทางเคมีที่เกิดขึ้นระหว่างกรดอะมิโน และน้ำตาลรีดิวซ์ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของระดับความสุกของอาหาร และรสชาติของอาหาร ถือว่าเป็นการปรุงอาหารอีกแบบให้แก่ผู้รักสุขภาพที่อยากจะลดไขมัน  และแคลอรี่ได้ ประโยชน์ของการใช้ หม้อทอดไร้น้ำมันปรุงอาหาร เมื่อคุณนำมาหม้อทอดไร้น้ำมันมาใช้อย่างถูกต้องวิธีตามคำแนะนำบนคู่มือที่แนบมากับผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์นี้อาจสร้างประโยชน์ให้แก่สุขภาพร่างกายของคุณได้ ดังนี้ ดีต่อการลดน้ำหนัก อาหารทอดเป็นอาหารที่มีไขมันสูง และเป็นอาหารที่ทำให้น้ำหนักคุณเพิ่มจนเกินมาตรฐานได้ แถมยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน ดังนั้นจึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการทำอาหารอย่างการใช้น้ำมัน หรือกระทะที่สามารถทอดอาหารต่าง ๆ โดยปราศจากน้ำมันทดแทน กำจัดไขมันในอาหาร ผู้ผลิตบางรายเปิดเผยว่าการใช้หม้อทอดไร้น้ำมันสามารถลดปริมาณของไขมันในอาหารได้มากถึง 75% เนื่องจากเป็นการทอดโดยใช้ลมร้อน ไม่ใช้น้ำมันพืชเข้ามาช่วยทำให้อาหารไม่ดูดซึมน้ำมัน และพร้อมขจัดน้ำมันจากไขมันของอาหาร ลดการก่อตัวของสารอันตราย เนื่องด้วยการทอดอาหารสามารถสร้างสารประกอบของอะคริลาไมด์ (Acrylamide) […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

รวมเคล็ดลับ ลดน้ำหนักในที่ทำงาน สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย

สำหรับคนวัยทำงาน การจะต้องแบ่งเวลาทั้งเวลาในการทำงาน และเวลาในการใช้ชีวิต อาจจะเป็นเรื่องที่ลำบาก และจัดการยากได้ บางคนอาจจะไม่มีเวลาที่จะออกกำลังกาย จนปล่อยให้สุขภาพทรุดโทรม น้ำหนักขึ้น และนำไปสู่การเกิดโรคร้ายในที่สุด บทความนี้จะมาแนะนำ เคล็ดลับในการ ลดน้ำหนักในที่ทำงาน สำหรับคนวัยทำงาน ที่ไม่ค่อยจะมีเวลาออกกำลังกายกันค่ะ เคล็ดลับการ ลดน้ำหนักในที่ทำงาน ที่ควรรู้ เปลี่ยนจากขนมขบเคี้ยวมาเป็นโปรตีน ปกติแล้วขนมขบเคี้ยวที่เราจะมีติดโต๊ะทำงาน มักจะเป็นพวกขนมหรือของกินเล่นต่าง ๆ เช่น มันฝรั่งทอด ช็อกโกแลต หรือขนมหวานต่าง ๆ ซึ่งขนมขบเคี้ยวเหล่านี้จะเต็มไปด้วย โซเดียม ไขมัน และน้ำตาล ซึ่งเป็นตัวการร้ายที่ส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มกันทั้งสิ้น ดังนั้นคุณจึงควรเปลี่ยนจากการกินขนมขบเคี้ยวเหล่านั้น มาเป็นของทานเล่นที่อุดมไปด้วยโปรตีน เช่น ถั่ว ธัญพืช เมล็ดต่าง ๆ หรือแม้แต่ไข่ต้ม อาหารทานเล่นเหล่านี้ นอกจากจะอุดมไปด้วยโปรตีนที่ใช้เวลาในการย่อยนานกว่าคาร์โบไฮเดรต ทำให้เราอิ่มได้นานแล้ว ยังมีน้ำตาล ไขมัน และเกลือน้อยกว่าขนมขบเคี้ยวอื่น ๆ อีกด้วย ดื่มกาแฟดำ คนในวัยทำงานส่วนใหญ่มักจะต้องดื่มกาแฟทุกเช้า เพื่อช่วยให้ตื่นตัวและกระฉับกระเฉง แต่แทนที่จะดื่มกาแฟเย็นส่วนใหญ่ที่นิยมกันนั้นมักจะเป็นกาแฟนมที่ใส่ทั้งนมข้น น้ำตาล หรือครีมเทียม ที่มีคอเลสเตอรอลสูง เมื่อดื่มไปนาน ๆ เข้า อาจจะส่งผลให้กลายเป็นโรคอ้วนได้ ดังนั้นเราจึงควรหันมาเลือกดื่มกาแฟดำที่ไม่ใส่นมหรือครีมเทียม เพราะกาแฟดำนั้นจะมีแคลอรี่น้อยกว่านั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่พบว่า […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ประโยชน์ของ กรดไฮยาลูโรนิก ส่วนผสมยอดฮิตที่มีดีมากกว่าแค่เรื่องความงาม

เมื่อเอ่ยถึง กรดไฮยาลูโรนิก หลายคนคงนึกถึงประโยชน์ในด้านความสวยความงามเสียส่วนใหญ่ แต่ความจริงแล้ว สารชนิดนี้ยังมีประโยชน์เกี่ยวกับด้านสุขภาพอีกด้วย แต่ประโยชน์ของกรดไฮยารูโรนิก จะมีประโยชน์อะไรบ้างนั้น ทาง Hello คุณหมอ ได้นำเรื่องนี้มาฝากกัน ทำความรู้จักกับ กรดไฮยาลูโรนิก กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) เป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในผิวหนัง คุณสมบัติที่น่าสนใจเป็นอย่างมากก็คือ ความสามารถในการอุ้มน้ำ และช่วยกักเก็กน้ำ เพื่อทำให้ผิวหนังยังคงความสดชื่น รวมไปถึงช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่ เมื่ออายุมากขึ้นผิวก็จะแห้งลง เนื่องจากความสามารถในการกักเก็บน้ำของผิวหนังน้อยลง ส่งผลให้สูญเสียความกระชับและเกิดริ้วรอย ซึ่งคอลลาเจนส่วนใหญ่ทำจากน้ำ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผิวหนังดูอ่อนเยาว์ เมื่อนำกรดไฮยาลูโรนิกเข้ามาช่วย ก็จะคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและลดการปรากฏของริ้วรอยที่เหี่ยวย่นนั่นเอง นอกจากนั้นกรดไฮยาลูโรนิกยังมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ เพื่อปกป้องผิวจากสภาพแวดล้อม แสงแดด และสารเคมีที่รุนแรง ประโยชน์ของ กรดไฮยาลูโรนิก ที่มีมากกว่าแค่เรื่องความงาม สำหรับประโยชน์ของ กรดไฮยาลูโรนิก ที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ มีดังนี้ ส่งเสริมสุขภาพผิวให้ชุ่มชื้นและอ่อนนุ่มมากขึ้น กรดไฮยาลูโรนิกที่เป็นอาหารเสริมนั้น สามารถช่วยให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย ในร่างกายมีกรดไฮยาลูโรนิกอยู่ในผิวหนังประมาณครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่ในการกักเก็บน้ำ เพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้น แต่เมื่ออายุมากขึ้นและผิวหนังต้องสัมผัสกับสิ่งต่างๆ เช่น รังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ ควันบุหรี่ และมลพิษ ก็จะทำให้กรดไฮยาลูโรนิกในผิวหนังลดลง การรับประทานกรดไฮยาลูโรนิก อาจช่วยป้องกันการลดปริมาณของกรดไฮยาลูโรนิกในร่างกายได้ โดยการรับประทานกรดไฮยาลูโรนิกจะช่วยเข้าไปเพิ่มปริมาณของกรดไฮยาลูโรนิกในร่างกายและรวมเข้ากับผิวหนัง จากการศึกษาเกี่ยวกับ การทานอาหารเสริมกรดไฮยาลูโรนิกขนาด 120-240 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน พบว่า ร่างกายยังคงความชุ่มชื้นของผิวได้ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เดจาวู เหมือนเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นไปแล้ว มันมีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่

อยู่ ๆ คุณก็รู้สึกว่า การกระทำหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อสักครู่ เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นแล้ว ไม่รู้ว่าจำผิด หรือว่ามันเคยเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ แต่ก็จนปัญญาไม่สามารถนึกออกว่า ความจริงแล้วมันคืออะไรกันแน่ วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ เดจาวู มาฝาก ว่าจริง ๆ แล้วเหตุการณ์ที่เรียกว่าเดจาวูนั้น คืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่ ไปอ่านกันเลยค่ะ เดจาวู คืออะไรกันแน่! “Déjà vu” หรือ เดจาวูเป็นภาษาฝรั่งเศส ที่ใช้อธิบาย เหตุการณ์ที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ เป็นคำที่มีการใช้ครั้งแรกในหนังสือเรื่อง ลาเวอนีร์เดซีย็องส์ปซีชิก (L’Avenir des sciences psychiques) ของเอมีล บัวรัก (Emile Boirac) นอกจากนี้คำว่าเดจาวูยังใช้อธิบายความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่าง ที่คุณรู้สึกได้แม้ว่าเหตุการณ์นั้นอาจจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เช่น การได้เดินทางไปสถานที่ใหม่ๆ พบเจอผู้คนใหม่ มีต้นไม้ อาคารเรียงราย แต่คุณกลับรู้สึกว่าเคยเดินไปบนถนน เส้นทางที่มีอาคารที่ตั้งในรูปแบบนี้มาก่อนแล้ว ซึ่งไม่ใช่อาการที่ต้องน่ากังวล เพราะสามารถเกิดขึ้นได้บ่อยในบางคนที่มีโรคลมชัก ที่เกิดจากความผิดปกติของคลื่นสมองไฟฟ้าจากสมองส่วน temporal lobe […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

รู้หรือไม่? พักผ่อนให้เพียงพอ กับ ออกกำลังกาย สิ่งไหนสำคัญกว่ากัน

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เขาก็บอกว่าดีต่อร่างกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ผลการศึกษาและงานวิจัยก็บอกว่าดีต่อร่างกายเหมือนกัน แล้วถ้าหากเราต้องการจะเลือกทำแค่เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งล่ะ จะทำได้หรือไม่? แล้วกิจกรรมทั้งสองอย่างนี้ อันไหนมีความสำคัญต่อร่างกายมากกว่ากัน? หากคุณผู้อ่านมีความสงสัยในจุดนี้เช่นเดียวกันล่ะก็ Hello คุณหมอ มีคำตอบมาให้ทุกท่านแล้วค่ะ ว่าการ พักผ่อนให้เพียงพอ กับ การออกกำลังกาย อย่างไหนที่สำคัญกว่ากัน แล้วเราควรจะเลือกทำสิ่งใดมากกว่ากัน การออกกำลังกาย ดีอย่างไรต่อสุขภาพ? ข้อดีของการออกกำลังกายนั้น เราทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ ช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายเจริญเติบโต มีมวลกล้ามเนื้อและกระดูกที่แข็งแรง ช่วยกระตุ้นกระบวนการทำงานของระบบเผาผลาญ ช่วยในการควบคุมน้ำหนักและควบคุมโรคอ้วน ทั้งยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคต่างๆ ทั้งโรคเรื้อรัง และโรคที่ไม่เรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคมะเร็ง เป็นต้น การพักผ่อนอย่างเพียงพอ ดีอย่างไรต่อสุขภาพ? การนอนหลับพักผ่อน เป็นกิจกรรมสำคัญที่ร่างกายไม่สามารถขาดได้ การออกกำลังกายแม้ว่าจะไม่สามารถทำได้ทุกวัน ทำแค่เพียงบางวันก็ไม่เป็นไร แต่การนอนหลับนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่จำเป็นจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอในทุกวัน เพราะเรื่องของการนอนหลับพักผ่อนนั้นมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยตรง และมีผลต่อสมาธิในการจดจ่อกับการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันต่างๆ รวมถึงช่วยให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอและพร้อมต่อการทำกิจกรรมมากมายในวันถัดไป และที่สำคัญคือมีผลต่อการขึ้นลงของน้ำหนักด้วย  ระหว่าง พักผ่อนให้เพียงพอ กับ การออกกำลังกาย อย่างไหนดีกว่ากัน หากลองไล่เรียงดูแล้ว จะเห็นได้ว่ากิจกรรมทั้งสองอย่างนั้น ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญทั้งสิ้น การจะเลือกทำแค่เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น ผู้เชี่ยวชาญอย่างด็อกเตอร์ชาล์ส เชสเลอร์ (Dr. Charles Czeisler) […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ตะคริว ตอนกลางคืน สาเหตุและวิธีรับมือเมื่อมีอาการ

การเป็นตะคริวที่ขาในเวลากลางคืนเป็นอาการที่พบบ่อยในผู้หญิงและผู้สูงอายุ โดยอาการ ตะคริว สามารถเกิดขึ้นในขณะที่คุณตื่นหรือนอนหลับ และกล้ามเนื้อจะคลายตัวภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที แต่หลังจากเป็นตะคริวคุณอาจจะเจ็บกล้ามเนื้อขาในเวลาต่อมา การเป็นตะคริวในตอนกลางคืนบ่อยๆ ไม่ดีแน่ ถ้าความเจ็บปวดรบกวนการนอนหลับของคุณ วันนี้ Hello คุณหมอ มีวิธีการป้องกันไม่ให้ตะคริวไปรบกวนการพักผ่อนยามที่คุณหลับ และสาเหตุเบื้องต้นของอาการตะคริวมาฝากทุกคนกัน ตะคริว บริเวณขา สมาคมแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวของอเมริกา (American Family Physician) ให้ข้อมูลว่า การเป็นตะคริวบริเวณขาในเวลากลางคืนส่งผลต่อวัยผู้ใหญ่ 60% โดยอาการเป็นตะคริวสามารถเกิดขึ้น เมื่อกล้ามเนื้อบริเวณขาหดตัวโดยอัตโนมัติ ตะคริวที่ขามักจะมีผลต่อกล้ามเนื้อบริเวณน่องที่มีชื่อว่า Gastrocnemius ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังของขาแต่ละข้างจากบริเวณข้อเท้าถึงหัวเข่า แต่อย่างไรก็ตามการเป็นตะคริวก็ส่งผลต่อกล้ามเนื้อด้านหน้าของต้นขาแต่ละข้าง ที่มีชื่อว่า Quadriceps ด้วยเช่นกัน  รวมถึงกล้ามเนื้อ Hamstrings ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อด้านหลังของต้นขาแต่ละข้าง สาเหตุที่เป็นตะคริวที่ขาในเวลากลางคืน ผู้เชี่ยวชาญไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดตะคริวที่ขาในเวลากลางคืนแต่อย่างไรก็ตามมีปัจจัยที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นตะคริวในเวลากลางคืนได้ แต่ในกรณีส่วนใหญ่มักจะเป็นภาวะที่ไม่ทราบสาเหตุ การเป็นตะคริวในเวลากลางคืนอาจเกี่ยวข้องกับตำแหน่งของเท้า เรามักจะนอนในท่าที่เท้าและนิ้วเท้าอ้าออกจากร่างกาย หรือที่เรียกว่าท่า Plantar flexion หมายถึงการเคลื่อนไหวของเท้าหรือนิ้วเท้า ลงด้านล่างฝ่าเท้า ส่งผลให้กล้ามเนื้อส่วนน่องหดตัว จึงเกิดอาการตะคริวขึ้นมา ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดอาการตะคริวในเวลากลางคืน ได้แก่ การไม่เคลื่อนไหวร่างกาย หรือการอยู่นิ่งนานเกินไป เพราะกล้ามเนื้อต้องการ การยืดหยุ่นเป็นประจำ เพื่อทำงานอย่างเหมาะสม ดังนั้นการนั่งเป็นระยะเวลานานอาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณขาไม่มีเรี่ยวแรงส่งผลให้เกิดอาการตะคริว การออกกำลังกล้ามเนื้อมากเกินไป การออกกำลังกายมากเกินไปอาจทำให้กล้ามเนื้อทำงานหนัก และอาจเกี่ยวข้องกับการเกิดตะคริวที่กล้ามเนื้อ การนั่งในท่าที่ไม่เหมาะสม การนั่งไขว่ห้าง หรือปลายเท้าชี้เป็นระยะเวลานาน […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ธาราบำบัด อีกหนึ่งวิธีการทำกายภาพบำบัดโดยใช้น้ำ

หากคุณเคยประสบปัญหาเกี่ยวกับข้อ กระดูก หรือกล้ามเนื้อต่างๆ แล้วจำเป็นต้องเข้ารับการทำกายภาพบำบัด อาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับวิธีการทำ ธาราบำบัด โดยใช้น้ำเข้ามาเป็นส่วนประกอบ หลักการใช้น้ำเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายนั้นเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะกับผู้ที่จำเป็นต้องใช้น้ำเพื่อช่วยพยุงตัว บทความนี้จะมานำเสนอข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับการทำธาราบำบัด ธาราบำบัด คืออะไร ธาราบำบัด (Hydrotherapy) หรือวารีบำบัด เป็นหนึ่งในศาตร์การรักษา ที่ใช้น้ำมาเป็นส่วนประกอบสำคัญในการรักษา โดยอาศัยหลักการและคุณสมบัติหลักๆ คือ ความหนาแน่นของน้ำ ใช้เพื่อช่วยพยุงร่างกายของผู้ป่วย ทำให้ไม่ต้องรับภาวะจากแรงกระแทกของน้ำหนักตัว จึงมีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อ เข่า และกล้ามเนื้ออื่นๆ การแช่ตัวในน้ำจะทำให้ร่างกายต้องออกแรงมากขึ้นในการขยับตัวแต่ละครั้ง เพื่อต้านกับแรงต้านของน้ำ การไหลเวียนของน้ำ จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต และการทำงานของกล้ามเนื้อ ช่วยกระตุ้นสัมผัสของร่างกาย และช่วยขับเหงื่อ อุณหภูมิของน้ำ น้ำที่ใช้จะอยู่ในอุณหภูมิประมาณ 34-36 องศาเซลเซียส ความร้อนจากน้ำจะถูกส่งผ่านทางประสาทการรับรู้ไปยังสมอง และช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และส่งผลกระทบต่อการปลดปล่อยฮอร์โมนความเครียด ทั้งยังช่วยเพิ่มการทำงานของระบบย่อยอาหาร ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และช่วยลดความไวในการรับรู้ความปวด ความร้อนจะช่วยผ่อนคลายและทำให้ร่างกายสงบ และลดการทำงานของระบบอวัยวะภายใน ธาราบำบัดนั้นมีอยู่หลายรูปแบบ ทั้งแบบแช่ตัวลงไปในน้ำทั้งตัว หรือจุ่มเพียงแค่เฉพาะส่วนเท่านั้น และใช้อ่างน้ำชนิดพิเศษที่สามารถควบคุมอุณหภูมิและทิศทางการไหลเวียนของน้ำได้ นักกายภาพบำบัดจะเลือกรูปแบบของการทำธาราบำบัดที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เช่น การออกกำลังกายสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก ผู้ที่ตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ การบำบัดผู้ที่มีอาการข้อเข่าเสื่อม จนไม่สามารถออกกำลังกายด้วยรูปแบบปกติ ธาราบำบัดจะช่วยให้ผู้ที่มีความต้องการพิเศษเหล่านี้ สามารถออกกำลังกาย และฟื้นฟูสภาพร่างกายได้อย่างเหมาะสม ประโยชน์ของธาราบำบัด คุณสมบัติการลอยตัวของน้ำจะช่วยพยุงตัวของผู้ป่วย ทำให้ช่วยลดแรงกระแทกจากน้ำหนักตัวและแรงโน้มถ่วงของโลก โดยเฉพาะในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

รู้หรือไม่! เสพติดการเคี้ยวน้ำแข็งตลอดเวลา อาการแบบนี้เสี่ยงเป็น โรคติดน้ำแข็ง

สำหรับใครที่สังเกตว่าคนรอบข้าง หรือตนเอง กำลังเริ่มชอบนำน้ำแข็งมาเคี้ยวเล่นตลอดเวลาที่ปากว่าง และไม่สามารถลดละในการทานได้แม้แต่นาทีเดียว นั่นอาจหมายความว่าพวกเขาอาจเข้าข่ายอยู่ในภาวะที่เรียกว่า โรคติดน้ำแข็ง โรคที่เสพติดความเย็ดจัด แม้กระทั่งการดื่มน้ำเย็นก็ทดแทนกันไม่ได้ วันนี้ Hello คุณหมอ นำบทความดี ๆ เกี่ยวกับอาการแปลก ๆ นี้ มาให้ทุกคนได้ทราบกัน เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนบางอย่างเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายของคุณที่ควรเร่งรีบรักษาโดยด่วน โรคติดน้ำแข็ง (Pagophagia) คืออะไร ส่วนใหญ่โรคติดน้ำแข็ง (Pagophagia) มักเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในช่วงวัยเด็ก จนถึงวัยผู้ใหญ่ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากสาเหตุหลัก ๆ คือมีความเครียดจากปัญหาบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ และจิตใจ จนไปสู่อาการขบเคี้ยวเพื่อเป็นการผ่อนคลายตนเอง โดยบางคนอาจเป็นการเคี้ยวน้ำแข็ง กัดเล็บ ดึงเส้นผม เป็นต้น นอกจากนี้หากคุณ หรือคนรอบข้างของคุณยังไม่หยุด หรือปรับพฤติกรรม อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่าง การขาดแร่ธาตุอาหารได้ ในงานวิจัยชิ้นหนึ่งได้ทำการสรุปคำสัมภาษณ์เกี่ยวกับพฤติกรรมการรับประทานอาหารของผู้ที่ป่วยเป็นโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก จำนวน 81 คน ไว้ พวกเขาพบว่า 16%  คือผู้ที่ขาดแร่ธาตุอาหาร เช่น แคลเซียม ธาตุเหล็ก รวมทั้งสารอาหารรองอื่น ๆ ไปบำรุงร่างกาย จนทำให้ร่างกายอ่อนแอ และเกิดการเจ็บป่วยในที่สุด อาการเบื้องต้น ของโรคติดน้ำแข็ง ลักษณะอาการต่อไปนี้ คืออาการของผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคติดน้ำแข็ง และโรคโลหิตจางจากการขาดสารอาหาร […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน