สุขภาพ

สุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญ เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้นไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารสุขภาพ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป และอื่น ๆ อีกมากมาย หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยคุณได้แน่นอน

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพ

โรคไวรัสตับอักเสบบี คือโรคอะไร ใครควรได้รับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี

โรคไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) เป็นหนึ่งในไวรัสตับอักเสบ ซึ่งมีทั้งหมด 5 ชนิด ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบ เอ บี ซี ดี และอี โดยไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี เป็นชนิดที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และในปัจจุบันยังไม่มียารักษาโดยตรง มีเพียงยาที่ช่วยไม่ให้ตับถูกทำลาย โรคไวรัสตับอักเสบบี จึงเป็นโรคที่ควรตรวจคัดกรองเพื่อเข้ารับการรักษาโดยเร็ว และป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี  [embed-health-tool-vaccination-tool] โรคไวรัสตับอักเสบบี คืออะไร ไวรัสตับอักเสบบี เป็นโรคตับอักเสบชนิดหนึ่ง หรือเกิดจากการอักเสบของเซลล์ตับ สาเหตุจากการ ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBV) อาจทำให้เซลล์ตับตาย ความรุนแรงของโรคไวรัสตับอักเสบ บี เมื่อเป็นเรื้อรังจะเกิดพังผืด อาจกลายเป็นตับแข็ง นำสู่โรคมะเร็งตับได้  การติดต่อของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี  ส่วนใหญ่การติดต่อของโรคเกิดจากการถ่ายทอดจากแม่ที่ติดเชื้อสู่ทารก ไม่ติดต่อผ่านทางการสัมผัสภายนอก ไม่ติดต่อหลักทางน้ำลาย แต่ติดต่อได้ ดังนี้ สามารถเกิดได้จากการเจาะหรือสักผิวหนัง ด้วยเครื่องมือที่ไม่สะอาด ไม่ได้มาตรฐาน เชื้อเข้าทางบาดแผล หรือการใช้ยาเสพติด การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน  สัมผัสกับเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ที่ติดเชื้อ อาการของผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เชื้อไวรัสตับอักเสบบีจะไม่แสดงอาการในทันที แต่จะใช้เวลาฟักตัว 2-3 เดือน จึงเริ่มมีอาการ เช่น เกิดการอ่อนเพลียคล้ายกับโรคหวัด คลื่นไส้ อาเจียน จุกแน่นใต้ชายโครงขวาจากตับโต  สีปัสสาวะเข้มขึ้น […]

หมวดหมู่ สุขภาพ เพิ่มเติม

ประกันสุขภาพ

สำรวจ สุขภาพ

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เซลลูไลท์ (Cellulite)

เซลลูไลท์ (Cellulite) คืออาการที่มีผลกระทบต่อผิวหนังในบริเวณที่มีไขมันทับถมอยู่ภายใต้ผิวหนัง (ส่วนที่สังเกตเห็นได้ชัดคือบั้นท้ายและต้นขา) ทำให้ผิวดูเป็นรอยบุ๋ม ไม่เรียบ คำจำกัดความเซลลูไลท์ คืออะไร เซลลูไลท์ (Cellulite) บางคนอาจจะบอกคุณว่าเซลลูไลท์นั้นเป็นแค่ไขมันสั้น ๆ ง่าย ๆ อีกคนอาจจะบอกคุณว่าเซลลูไลท์เป็นการรวมกันของสารพิษที่ตกค้างและน้ำส่วนเกินใต้ผิวหนัง ซึ่งความจริงแล้วเซลลูไลท์คืออาการที่มีผลกระทบต่อผิวหนังในบริเวณที่มีไขมันทับถมอยู่ภายใต้ผิวหนัง (ส่วนที่สังเกตเห็นได้ชัดคือบั้นท้ายและต้นขา) ทำให้ผิวดูเป็นรอยบุ๋ม ไม่เรียบ พบได้บ่อยเพียงใด เซลลูไลท์พบได้บ่อยเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ในบริเวณดังต่อไปนี้ สะโพก หน้าท้องส่วนล่าง หน้าอก ก้น ต้นแขน อาการอาการของเซลลูไลท์ อาการทั่วไปของเซลลูไลท์  ได้แก่ เซลลูไลท์จะทำให้ผิวมีลักษณะเหี่ยว เป็นหลุมบ่อ คุณสามารถเห็นเซลลูไลท์อ่อน ๆ เมื่อคุณหยิกหรือบิดผิวบนร่างกายของคุณ เช่น ต้นขา ส่วนใหญ่มักพบเซลลูไลท์ในบริเวณต้นขาและก้น แต่ก็สามารถพบได้บนหน้าอก หน้าท้องส่วนล่าง และต้นแขน ควรไปพบหมอเมื่อใด อาจไม่มีความจำเป็นในการรักษามากนัก แต่ถ้าคุณรู้สึกกังวลเกี่ยวกับลักษณะผิวของคุณให้ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางผิวหนัง หรือหรือแพทย์ศัลยกรรม สาเหตุสาเหตุของเซลลูไลท์ สาเหตุของเซลลูไลท์ เกิดจาก การสะสมของไขมันที่มากเกินไปภายใต้ผิวหนัง เซลลูไลท์สามารถมองเห็นได้มากขึ้น เมื่อคุณมีอายุมากขึ้น เพราะผิวของคุณจะบางลง และสูญเสียความยืดหยุ่น โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ ฮอร์โมน การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ น้ำหนักมากขึ้น สตรีมีครรภ์ ขาดการออกกำลังกาย   ปัจจัยเสี่ยงปัจจัยเสี่ยงของเซลลูไลท์ มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการสำหรับเซลลูไลท์ เช่น พบได้บ่อยในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย น้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น สตรีมีครรภ์ อายุที่มากขึ้น พันธุกรรม การวินิจฉัยและการรักษาข้อมูลที่นำเสนอในที่นี้ ไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ ให้ปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม การรักษาเซลลูไลท์ แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญอาจใช้วิธีการรักษาและให้คำแนะนำที่แตกต่างกันออกไป ดังต่อไปนี้ การรักษาด้วยเลเซอร์และระบบคลื่นวิทยุ การรักษาด้วยการใช้พลังงานเลเซอร์ในการกำจัดเซลลูไลท์ด้วยการนวดเนื้อเยื่อผสมผสานระหว่างการใช้เทคดนโลยีคลื่นวิทยุและแสงอินฟาเรด เพื่อสลายพังผืดด้วยความร้อน ครีมสำหรับเซลลูไลท์ ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพและกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ การผ่าตัด  เป็นการตัดเส้นใยให้ไขมันใต้ผิวหนังเรียบเสมอกัน ช่วยลดปริมาณเซลลูไลท์ให้ลดลง ด้วยระบบเข็มที่เรียกว่า Cellfina การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการปฏิบัติตนขั้นพื้นฐานการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองที่ช่วยจัดการเซลลูไลท์ การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองดังต่อไปนี้ อาจช่วยจัดการเซลลูไลท์ได้  การออกกำลังกาย การออกกำลังกายสามารถช่วยลดไขมันในร่างกายซึ่งทำให้เซลลูไลท์ลดลงได้ ทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น กากกาแฟ ช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วกระตุ้นการเติบโตของเซลล์ใหม่กระชับผิวเพียงนำกากกาแฟผสมกับน้ำมันมะพร้าว […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

วิธี ออกกำลังกายสมอง เจ๋งๆ ที่ช่วยให้สมองทำงานดีขึ้น

สมอง เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญมาก ๆ ในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะทำกิจกรรมใด ๆ ก็จะต้องใช้สมองในการสั่งงาน และอวัยวะทุก ๆ ส่วนในร่างกายจำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแล แม้กระทั่งสมองเองก็ต้องการการดูแลเช่นกัน การ ออกกำลังกายสมอง เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มความทรงจำ มีสมาธิ และการทำงานในส่วนอื่นๆ ของร่างกายก็จะดีขึ้นตามไปด้วย การออกกำลังกายสมองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญต่อผู้คนทุกวัย ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไรก็สามารถออกกำลังกายสมองได้ วันนี้ Hello คุณหมอ จึงมีกิจกรรมสุดเจ๋ง แถมง่าย ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำเพื่อเป็นการออกกำลังกายสมองได้ มาฝากกันค่ะ การ ออกกำลังกายสมอง คืออะไร การออกกำลังกายสมอง คือการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ให้สมองได้ใช้งาน เพื่อพัฒนาสมองให้มีความแข็งแรง จากงานวิจัยพบว่ามีหลากหลายวิธีที่ช่วยทำให้สมองมีสุขภาพที่ดี การออกกำลังกายสมองนั้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเรื่องความทรงจำ การมีสมาธิ จดจ่อกับสิ่งที่ทำ สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ซึ่งการออกกำลังกายสมองนั้นสามารถทำได้ทุกช่วงอายุเลย ไม่จำเป็นว่าจะต้องพัฒนาสมองในวัยเด็กเท่านั้น เมื่ออายุมากขึ้นคุณก็สามารถมีสมองที่แข็งแรงได้ด้วยวิธีการออกกำลังกายสมอง วิธีการ ออกกำลังกายสมอง แบบต่างๆ ฝึกการจดจำหมายเลข เทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นได้มีการพัฒนาให้มนุษย์สามารถใช้ชีวิตได้อย่างง่ายและสะดวกสบายขึ้น เพียงแค่หยิบมือถือขึ้นมาก็สามารถติดต่อหาคนอื่น ๆ ได้แล้ว เพราะเราจะเคยบันทึกเบอร์โทรศัพท์นั้นลงเครื่องของเราไว้แล้ว จึงทำให้เราไม่จำเป็นที่จะต้องจดจำเบอร์โทรศัพท์หรือตัวเลขอีกต่อไป แต่การจดจำหมายเลขโทรศัพท์หรือตัวเลขต่าง ๆ นั้นเป็นสิ่งที่ดี ที่ช่วยในการพัฒนาทักษณะความจำ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

13 กิจวัตรประจำวันที่ทำร้ายสุขภาพ ที่คุณควรต้องเลี่ยงได้แล้ว

วิถีชีวิตความเป็นอยู่ กิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ที่เราทำจนเคยชินและมักจะมองกันว่าเป็นเรื่องปกตินั้น บางครั้งหากไม่เกิดการปรับและเปลี่ยนมุมมองที่มีอยู่ ท้ายที่สุดอาจส่งผลต่อสุขภาพโดยที่ไม่รู้ตัวได้ Hello คุณหมอ มี 13 กิจวัตรประจำวันที่ทำร้ายสุขภาพ ที่อาจถึงเวลาจะต้องหลีกเลี่ยงและเลิกทำได้แล้ว แต่จะมีอะไรบางนั้น ไปติดตามกันได้ที่บทความนี้เลย 13 กิจวัตรประจำวันที่ทำร้ายสุขภาพ มีอะไรบ้าง จมปลักอยู่กับความเครียด ความเครียด อาจจะเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกิจวัตรที่เราทุกคนต้องพบเจอ อาจเป็นการเครียดเพียงเล็กน้อยแล้วผ่านไป หรือเป็นความเครียดที่ใช้ระยะเวลายาวนานกว่าจะจบลง หรือเป็นความเครียดที่สะสมครั้งแล้วครั้งเล่า การจมปลักและไม่ยอมปล่อยวางกับความเครียดที่ไม่สามารถจะไปเปลี่ยนแปลงได้นั้น มีผลการศึกษาพบว่า ท้ายที่สุดความเครียดจะเป็นตัวการนำไปสู่โรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นอาการทางสุขภาพที่น่าเป็นกังวลในอนาคต ลดทอนคุณค่าของตนเอง การนั่งตำหนิตนเอง และบั่นทอนชีวิตด้วยการกล่าวโทษโชคชะตา เป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่จะนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าในอนาคตได้ ควรหันมาปรับเปลี่ยนมุมมอง ทัศนคติ และเปลี่ยนวิธีคิด และให้กำลังใจตนเองอยู่เสมอ เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เป็นบวก จะช่วยให้สุขภาพจิตสดใส ใช้เวลาอยู่กับสื่อโซเชียลมีเดียมากเกินไป แม้เราจะรู้จักคนมากหน้าหลายตาผ่านช่องทางออนไลน์และสื่อโซเชียลต่างๆ แต่นั่นไม่ได้ช่วยคลายความเหงาในจิตใจได้อย่างสมบูรณ์ เพราะยิ่งใช้เวลาอยู่ในโซเชียลมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเกิดการเปรียบเทียบ และรู้สึกว่าตนเองโดดเดี่ยวมากเท่านั้น และความรู้สึกเปรียบเทียบนี้เอง เป็นความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ ได้ การนอนดึกและตื่นสาย แทบจะเป็นกิจวัตรประจำวันของใครหลายคน ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยที่ต่างกัน ทั้งภาระหน้าที่ หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ จนล่วงเลยแก่เวลานอน แต่ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยใดก็ตาม การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ย่อมส่งผลต่อสุขภาพโดยตรงอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น ระบบขับถ่าย ระบบย่อยอาหาร ระบบเผาผลาญ รวมถึงพลังงานในการทำกิจกรรมของวันถัดไปก็จะลดลงตามไปด้วย การใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย การจับจ่ายใช้สอยทั้งที่ไปซื้อเอง หรือซื้อสินค้าออนไลน์อย่างสิ้นเปลืองและสุรุ่ยสุร่าย มีการวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่ลงใน […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความเสี่ยงของศัลยกรรม ที่คุณควรรู้ก่อนเสริมความสวย

ปัจจุบันนี้การทำศัลยกรรม นอกจากจะทำให้เกิดความสวยงามแล้ว ยังช่วยแก้ไขข้อบกพร่องหรือความผิดปรกติบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นกับแต่ละบุคคลได้อีกด้วย แต่ก่อนจะตัดสินใจทำศัลยกรรม นอกจากการศึกษาละเอียดแล้ว การรู้ถึง ความเสี่ยงของศัลยกรรม ก่อนที่จะเข้ารับการศัลยกรรม ก็ถือเป็นเรื่องที่ควรจะต้องรู้เอาไว้ ซึ่งทาง Hello คุณหมอ มีเรื่องนี้มาฝากกัน ประเภทของศัลยกรรม ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ เป้าหมายหลักของการศัลยกรรมเสริมความงาม ก็คือ การปรับปรุงรูปลักษณ์ของแต่ละบุคคล ซึ่งมันสามรถช่วยเพิ่มความนับถือตัวเอง และความมั่นใจในตัวเองให้แต่ละบุคคลได้อีกด้วย ซึ่งการทำศัลยกรรมความงามนั้น สามารถทำได้ทุกส่วนบนใบหน้าและร่างกาย ซึ่งประเภทศัลยกรรม สามารถแบ่งได้ดังนี้ ประเภทของการศัลยกรรมเสริมความงามสำหรับใบหน้า โบท็อกซ์ ยกแก้ม (Cheek lift) การลอกหน้าด้วยสารเคมี (Chemical peeling) ศัลยกรรมคาง ทันตกรรมความงาม การขัดผิวหนังเพื่อรักษาแผลเป็น (Dermabrasion) ยกกระชับคิ้ว หรือยกกระชับหน้าผาก ตัดปีกจมูก ผ่าตัดเปลือกตา ยกกระชับใบหน้า (Face-lift) ปรับเปลี่ยนโครงใบหน้า (Facial contouring) เติมฟิลเลอร์บนใบหน้า รักษาริ้วรอยบนใบหน้า กำจัดขนด้วยเลเซอร์ ผลัดเซลล์ผิวด้วยเลเซอร์ ยกกระชับผิวบริเวณคอ ผ่าตัดหูเพื่อปรับแก้ตำแหน่ง ผ่าตัดเสริมจมูก แก้ไขปัญหาผิว เช่น สิว ริ้วรอย รอยแผลเป็น กำจัดรอยสัก รักษาริ้วรอยต่าง ๆ ประเภทของการศัลยกรรมเสริมความงามสำหรับร่างกาย ลดหน้าท้อง ยกกระชับแขน ดูดไขมัน เสริมหน้าอก ยกกระชับหน้าอก ลดขนาดหน้าอก ยกสะโพก กำจัดขนด้วยเลเซอร์ ยกกระชับต้นขาด้านใน ยกกระชับลำตัว ความเสี่ยงของศัลยกรรม ที่อาจขึ้นกับคุณมีอะไรบ้าง แน่นอนว่าแม้ศัลยกรรมต่าง ๆ จะทำให้คุณสวยขึ้นหลังจากการทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่บางครั้งมันก็อาจจะมาพร้อมกับความเสี่ยง ซึ่งคุณอาจจะจำเป็นต้องรู้ก่อนจะเข้ารับการทำศัลยกรรม เพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งความเสี่ยงที่สามารถเกิดขึ้นได้มีดังนี้ ห้อเลือด ห้อเลือด เป็นเลือดที่มีลักษณะคล้ายรอยช้ำขนาดใหญ่ ทั้งยังทำให้รู้สึกเจ็บปวดอีกด้วย ความจริงแล้วมันจะเกิดขึ้นได้เพียง 1% เท่านั้น ในขั้นตอนของการเสริมหน้าอก นอกจากนี้มันยังเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยสุดหลังจากได้รับการศัลยกรรมไปแล้ว โดยมีผู้ป่วยเฉลี่ย 1% โดยมักจะเกิดขึ้นในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ความจริงแล้ว ห้อเลือดถือเป็นความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในการผ่าตัดทั้งหมด […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

วิธี ลดขยะอาหาร ในครัวเรือนง่ายๆ เพื่อช่วยคุณและช่วยโลก

เวลาที่เราซื้อวัตถุดิบในการประกอบอาหาร หรืออาหารปรุงสำเร็จมาแล้วกินไม่หมด อาหารเหล่านั้นก็จะกลายเป็นขยะอาหารที่ถูกทิ้งไปอย่างไร้ประโยชน์ ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณสูญเงินโดยใช่เหตุแล้ว ขยะอาหารที่เราทิ้งยังทำให้เกิดแก๊สมีเทน (Methane) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดก๊าซเรือนกระจกที่พบได้มากเป็นอันดับสองเลยทีเดียว นั่นแปลว่า ยิ่งมีขยะอาหารมากเท่าไหร่ อาจจะทำให้อุณหภูมิของโลกก็จะยิ่งเปลี่ยนแปลงจากภาวะโลกร้อนรุนแรงขึ้นมากเท่านั้น วันนี้ เราเลยมีวิธี ลดขยะอาหาร ในครัวเรือน มาฝาก หากคุณทำได้ รับรองว่าจะเซฟเงินในการซื้ออาหารมาบริโภคได้อีกเยอะ แถมคุณและครอบครัวยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดภาวะโลกร้อนด้วย วิธี ลดขยะอาหาร ในครัวเรือน เลือกซื้ออาหารอย่างชาญฉลาด คนเรามักซื้อวัตถุดิบในการประกอบอาหาร หรืออาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานมากเกินจำเป็น โดยเฉพาะเวลาที่เราหิว หรือเวลาที่มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมมาล่อตาล่อใจ และบางห้างร้านก็มักมีโปรโมชั่นยิ่งซื้อเยอะยิ่งจ่ายถูก ทำให้คุณซื้ออาหารมาตุนไว้ และมักจะบริโภคไม่ทัน จนสุดท้ายก็กลายเป็นขยะอาหารที่ต้องทิ้งไป ฉะนั้น หากคุณอยากลดขยะอาหาร เราแนะนำให้ไปซื้อวัตถุดิบประเภทของสด เช่น เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ เข้าบ้านอาทิตย์ละ 2 ครั้ง หากเป็นของที่เก็บได้นาน ก็อาจซื้ออาทิตย์ละ 1 ครั้ง และต้องบริโภคของที่ซื้อมาให้หมดก่อนจึงค่อยไปซื้อของใหม่ และต้องเลือกซื้อของตามลิสต์รายการของที่ต้องการด้วย จะได้ตัดปัญหาซื้ออาหารมาเกินจำเป็น เก็บอาหารให้ถูกวิธี การเก็บรักษาวัตถุดิบในการประกอบอาหาร รวมถึงอาหารสำเร็จรูปอย่างถูกวิธี จะช่วยลดปัญหาอาหารเน่าเสียจนต้องทิ้งเป็นขยะอาหาร ยกตัวอย่างเช่น มะเขือเทศ มันฝรั่ง กระเทียม แตงกวา คุณควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ไม่ต้องแช่ตู้เย็น และหากเป็นอาหารที่สามารถปล่อยก๊าซเอทิลีน (ethylene gas) ได้มาก […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

น้ำมันปลา กับ น้ำมันตับปลา ชื่อเกือบคล้ายกัน แต่ความจริงต่างกันมากนะ

เรามักจะต้องเคยได้ยินทั้ง น้ำมันปลา กับ น้ำมันตับปลา กันบ่อย ๆ อยู่แล้ว แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า น้ำมันปลากับน้ำมันตับปลานั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร ให้สรรพคุณที่เหมือนกันหรือไม่ แล้วอาหารเสริมทั้งสองอย่างนี้ อย่างไหนดีกว่ากัน ถ้าอยากรู้ล่ะก็ ไปติดตามที่บทความนี้กันได้เลย เพราะ Hello คุณหมอ มีข้อมูลความแตกต่างของน้ำมันปลาและน้ำมันตับปลามาฝากแล้วค่ะ [embed-health-tool-bmr] น้ำมันปลา คืออะไร น้ำมันปลา (Fish Oil) คือ อาหารเสริมที่ได้รับการสกัดมาจากอวัยวะของปลา โดยสกัดจากบริเวณหนังปลา หัวปลา เนื้อปลา และหางปลา ซึ่งมักจะสกัดจากปลาจำพวก ปลาแมคเคอรอล ปลาแฮร์ริ่ง ปลาแอนโชวี่ ปลาทูน่า เป็นต้น สารอาหารสำคัญของน้ำมันปลานั่นก็คือ สารโอเมก้า 3 ที่มีส่วนช่วยในการป้องกันความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ และโอเมก้า 3 ที่ได้จากปลาและน้ำมันปลา ยังถือว่าเป็นโอเมก้า 3 ที่ดีกว่าการกินผักและผลไม้อีกด้วย ประเภทของโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา ประกอบไปด้วย กรดอีโคซะเพนตะอีโนอิก (Eicosapentaenoic acid) หรือ EPA กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

การบำบัดด้วยการลอยตัวในน้ำเกลือ ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ไม่ชอบการนวด

ในปัจจุบัน เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนเราเป็นอย่างมาก ก่อให้เกิดนวัตกรรมด้านต่าง ๆ มากมายที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อการเอื้ออำนวยความสะดวกให้แก่เรา แม้กระทั่งการทำสปาก็เช่นเดียวกัน ที่แต่เดิมเราจะคุ้นเคยเพียงแค่การนวดน้ำมัน ขัดตัว เท่านั้น แต่เมื่อลองศึกษาให้มากขึ้นจะพบว่ามีการทำสปา หรือการบำบัดร่างกาย ในรูปแบบใหม่ ๆ ให้เราได้ลองอยู่เสมอ บทความนี้ Hello คุณหมอ ขอพาทุกคนมารู้จักกับ การบำบัดด้วยการลอยตัวในน้ำเกลือ หรือ การทำสปาลอยตัวในน้ำเกลือ ที่คุณจะรู้สึกถึงความสบาย และสดชื่นตลอดเวลา จนคุณไม่อยากจะลืมตาตื่นขึ้นมาเลยทีเดียว ทำความรู้จักกับ การบำบัดด้วยการลอยตัวในน้ำเกลือ การทำสปาลอยตัวในน้ำเกลือ หรือ การบำบัดด้วยการลอยตัวในน้ำเกลือ เรียกอีกอย่างได้ว่า โฟลเทชัน เทอราพี (Floatation Therapy) เป็นการลอยตัวในเครื่องลอยตัว (Float Tank) ที่ดูเหมือนแคปซูลเต็มไปด้วยน้ำที่ประกอบด้วยดีเกลือฝรั่ง อยู่ภายในประมาณครึ่งฟุต ซึ่งเป็นเครื่องที่ถูกผลิตขึ้นมาสำรับการทำสปานี้โดยเฉพาะ โดยทั่วไปแล้วการแช่ร่างกายในน้ำอาจใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยไม่มีสิ่งรบกวนจากภายนอกแม้กระทั่งเสียงผู้คน ถือได้ว่าเป็นอ่างแช่ส่วนตัวที่ทำให้คุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เลยทีเดียว ประโยชน์ของการใช้บริการ การบำบัดด้วยการลอยตัวในน้ำเกลือ ถึงแม้จะเป็นการทำบำบัดที่ค่อนข้างแปลกใหม่ และเชื่อว่าหลายคนคงจะสงสัยกันอยู่เป็นแน่ว่า แค่ลอยตัวในน้ำจะสามารถช่วยบำบัดร่างกายของเราได้อย่างไร หากเมื่ออ่านคุณประโยชน์ด้านล่างนี้ที่กำลังจะกล่าวถึงแล้วละก็ อาจทำให้คุณอยากลองเข้ารับการบำบัดด้วยวิธีนี้ก็เป็นได้ ลดอาการปวดเมื่อยตัว เพื่อปรับปรุงการนอนหลับ บางครั้งที่เราเหน็ดเหนื่อยจากการนั่งทำงานทั้งวัน ทำให้เกิดมีอาการปวดเมื่อยตัว จนนำไปสู่การนอนไม่ค่อยหลับ หรือหลับไม่สนิท บางรายอาจมีตะคริวร่วมจนไปรบกวนเวลาการพักผ่อน ซึ่งการทำบำบัดแบบลอยตัวในน้ำนี้ อาจทำให้คุณรู้สึกถึงความสบาย […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

การบำบัดด้วยความเย็น เทรนด์ใหม่มาแรง ที่อาจช่วยฟื้นฟูร่างกาย

การออกกำลังกายถือว่าเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวันที่มีความสำคัญเช่นกัน เพราะสามารถช่วยให้ระบบการทำงานภายในของเราแข็งแรงขึ้น แต่ถ้าหากคุณหักโหมจนเกินไป ก็อาจทำให้สุขภาพร่างกายของเรานั้นแย่ลงได้ ยกตัวอย่างเช่น อาการกล้ามเนื้ออักเสบ การเจ็บปวดเรื้อรังของกล้ามเนื้อ จนกระทั่งนำไปสู่การเคลื่อนไหวที่ยากลำบาก ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องใช้วิธีการนวดคลายเส้น หรือการรับประทานยาคลายกล้ามเนื้อเข้าช่วย แต่ยังมีอีกเทคนิคหนึ่งที่ วันนี้ Hello คุณหมอ ได้นำมาฝากให้ทุกคนลองอ่านกัน นั่นก็คือ การบำบัดด้วยความเย็น หรือ ไครโอเทอราพี ที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่สำหรับคนที่ไม่ชอบการทานยา หรือการกดเส้นที่เจ็บปวด นับได้ว่าเป็นตัวช่วยดี ๆ อีกวิธีที่อาจเหมาะกับคุณกว่าการรักษาแบบอื่นก็เป็นได้ การบำบัดด้วยความเย็น (Cryotherapy) คืออะไร การฟื้นฟูสมรรถภาพการเคลื่อนไหวของร่างกายด้วยความเย็น หรือเรียกอีกอย่างได้ว่า ไครโอเทอราพี (Cryotherapy) เป็นการรักษากล้ามเนื้อของร่างกายด้วยการนำตัวคุณเข้าไปในตู้ หรืออ่างแช่เย็น ที่มีอุณหภูมิ -200 ถึง -300 องศา เป็นเวลา 2-5 นาที หรืออาจมากกว่านั้นตามการประเมินร่างกายโดยนักบำบัด ในช่วงปลายปี 1970 ประเทศญี่ปุ่นนิยมใช้ความเย็นนี้มาเป็นตัวช่วยในการรักษาอาการบางอย่างทางการแพทย์ เช่น โรคไขข้ออักเสบ และบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อให้แก่นักกีฬา เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันคุณก็ยังคงพบกับวิธีเช่นนี้อยู่ เป็นการรักษาแบบวิธีพื้นบ้านที่นำน้ำแข็งมาใส่ในอ่างแช่น้ำก่อนนำร่างกายคุณลงไปแช่ตาม แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาตามยุคสมัย ปัจจุบันได้เกิดการพัฒนาเป็นเครื่องแช่ที่มาพร้อมกับไอเย็น และมีขนาดพอดีกับร่างกาย พร้อมทั้งยังสามารถควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่พอดีเหมาะแก่อาการของผู้ใช้บริการแต่ละบุคคลได้ การบำบัดด้วยความเย็น ดีต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ไครโอเทอราพี นอกจากจะลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อแล้ว […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

5 ประโยชน์ของเสียงดนตรี ที่ฟังเมื่อไหร่ ก็ทำให้คุณยิ้มได้ทันที

สงสัยกันไหม ว่าทำไมเวลาที่เรามีเรื่องไม่สบายใจ หรือมีความรู้สึกไม่สบอารมณ์ พอได้ฟังเสียงดนตรีแล้ว กลับทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาได้ทันที และยังเกิดความเพลิดเพลินอินไปกับเพลงที่เราชื่นชอบ ทำให้จิตใจพร้อมที่จะเริ่มกิจกรรมดี ๆ ได้ตลอดทั้งวัน นอกจากข้อดีข้างต้นแล้ว วันนี้ Hello คุณหมอ ก็ได้นำ ประโยชน์ของเสียงดนตรี ด้านอื่น ๆ มาฝากอีกด้วย เพื่อให้ทุกคนลองหันมาปรับอารมณ์ด้วยการฟังเสียงเพลงแทนการทำลายสิ่งของ จนอาจทำไปสู่การทำร้ายตนเอง หรือคนรอบข้างได้ ประโยชน์ของเสียงดนตรี ที่อาจเสริมสร้างจิตใจ และร่างกายให้ดีขึ้น จากการวิจัยล่าสุดในวารสารจิตเวชศาสตร์ พบว่าดนตรีสามารถใช้เป็นการรักษาบำบัดผู้ป่วยที่มีความผิดปกติในการควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังปรับปรุงการทำงานของสมองของผู้ป่วยพาร์กินสัน สมองเสื่อม โรคหลอดเลือดในสมอง และเส้นเลือดตีบในสมองอีกด้วย ซึ่งการทดลองนี้นักวิจัยได้ทำการทดลองกับผู้เข้าร่วมการศึกษาทั้งหมด 25 ครั้ง ด้วยกัน จึงจะได้ข้อสรุปว่าการใช้ดนตรีบำบัด หรือการฟังเสียงเพลงช่วยลดความเศร้าในจิตใจ และความวิตกกังวลได้ ส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีของผู้ป่วยนั้นดีขึ้น แต่นอกจากการวิจัยข้างต้นแล้ว การฟังเสียงดนตรีที่เราชื่นชอบยังให้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ได้อีกดังนี้ 1.ลดความเครียด ในการศึกษาปี 2013 ผู้เข้าร่วมการทดสอบที่นักวิจัยได้คัดมาส่วนใหญ่มักมีภาวะความเครียดจากสิ่งรอบข้างในสังคม แต่เมื่อได้รับการฟังเสียงเพลง เนื้อหา ทำนอง หรือจังหวะ คลื่นเสียงคุณได้ยินนั้น จะถูกส่งเข้าสู่ระบบประสาทอัตโนมัติ จึงทำให้ผู้ทดสอบเริ่มผ่อนคลายตนเองจากความเครียดได้ค่อนข้างรวดเร็ว 2.ปรับปรุงหน่วยความจำ เพราะการฟังเพลงเป็นประจำ ทำให้เกิดความคิดในเชิงบวก ปรับอารมณ์ให้อยู่ในระดับดีได้เสมอ จึงไม่เกิดการขัดขวางการทำงานของหน่วยความจำ และยังพบการศึกษาชิ้นหนึ่งสรุปผลออกมาได้ว่า ผู้ที่รักเสียงดนตรีเรียนรู้ภาษา และความหมายจากเพลงนั้น ๆ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เอ๊ะ? ตกลง เราเป็น ภูมิแพ้ หรือ ไข้หวัด กันแน่นะ

เมื่อมีอาการน้ำมูกไหล คัดจมูก ไอ จาม คุณอาจจะคิดว่าเป็นไข้หวัด แต่อาการต่าง ๆ เหล่านี้ก็เป็นสัญญาณของภูมิแพ้ได้เช่นกัน แม้ว่าทั้งภูมิแพ้และไขหวัดนั้น จะมีอาการที่คล้ายคลึงกันมาก จนบางครั้งก็ไม่สามารถแยกได้ แต่ว่าวิธีการรักษาทั้ง 2 ก็มีความต่างกัน หากสามารถแยกได้ว่าเราเป็น ภูมิแพ้ หรือ ไขหวัด ก็จะช่วยให้ใช้ยาได้อย่างถูกประเภท Hello คุณหมอ จึงมีข้อมูลดีๆ ที่จะเป็นตัวช่วยว่าตกลงเราเป็น ภูมิแพ้ หรือ ไข้หวัด กันแน่ [embed-health-tool-bmi] ไข้หวัด คืออะไร                     ไข้หวัด เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งเชื้อไวรัสหลายๆ  ชนิดก็มีส่วนทำให้เกิดไข้หวัด ซึ่งจะมีอาการและความรุนแรงที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะมีอาการพื้นฐานคล้ายๆ กัน ซึ่งไข้หวัดใหญ่มักจะมีลักษณะ ดังนี้ แพร่กระจายผ่านสารคัดหลั่ง เมื่อไอหรือจามอย่างรุนแรง จะทำให้เกิดอาการเจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล เมื่อไข้หวัดรุนแรงจะทำให้เกิดอาการปวดหัว ไข้ขึ้น และมีอาการปวดเมื่อยตามตัว โดยปกติแล้ว ไข้หวัดจะหายได้เร็ว ภายใน 7-10 วัน หากมีอาการเรื้อรังนานกว่า 1หรือ2 สัปดาห์อาจทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง เช่น ติดเชื้อไซนัส ปอดอักเสบ ภูมิแพ้ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน