สุขภาพ

สุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญ เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้นไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารสุขภาพ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป และอื่น ๆ อีกมากมาย หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยคุณได้แน่นอน

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพ

ทำความรู้จัก "ปลูกฝี" สำคัญยังไง ยังจำเป็นอยู่ไหม

การปลูกฝีเคยเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โรคฝีดาษ (Smallpox) เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์ วัคซีนป้องกันฝีดาษซึ่งเริ่มต้นจากการปลูกฝี ไม่เพียงช่วยลดการเสียชีวิตนับล้านคนทั่วโลก แต่ยังนำไปสู่การประกาศกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523  อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับการปลูกฝีเริ่มจางหายไปเมื่อวัคซีนนี้ไม่ได้เป็นที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาผู้อ่านย้อนรอยความสำคัญของการปลูกฝีในอดีต และพิจารณาว่าการปลูกฝียังมีความจำเป็นในยุคสมัยใหม่หรือไม่ [embed-health-tool-vaccination-tool] ปลูกฝี ในอดีตเป็นอย่างไร? การปลูกฝีเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1796 โดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ผู้ค้นพบว่าวัคซีนจาก Cowpox สามารถป้องกันโรคฝีดาษได้ ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ทั่วโลกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 20 จนนำไปสู่การประกาศว่าฝีดาษถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ในปี 1980 สำหรับประเทศไทย การปลูกฝีเริ่มต้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมักทิ้งรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บริเวณหัวไหล่ หลังจากการกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523 การปลูกฝีก็หยุดลง แต่กลับมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกครั้งในยุคที่โรคฝีดาษลิงระบาด โดยวัคซีนที่พัฒนาจากวัคซีน Smallpox เช่น JYNNEOS กำลังถูกศึกษาเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้ โรคฝีดาษลิงคืออะไร โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากไวรัสในตระกูล Orthopoxvirus ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคฝีดาษ (Smallpox) แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่โรคฝีดาษลิงมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อ ไวรัส Monkeypox ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกในลิงในปี ค.ศ. 1958 และตรวจพบในมนุษย์ครั้งแรกในปี […]

หมวดหมู่ สุขภาพ เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพ

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เบื่ออาหารหลังฉายรังสี ควรแก้ไขอย่างไรดี เพื่อสุขภาพของคุณ

สำหรับผู้ที่เป็นโรคมะเร็งและรับการรักษาด้วยการฉายรังสีนั้น มักจะมีผลกระทบที่ตามมาก็คือ อาการ เบื่ออาหารหลังฉายรังสี ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง หรือบางคนอาจจะถึงขั้นไม่อยากทานอะไรเลยก็เป็นได้ แต่เมื่อเป็นเช่นนั้นมันก็จะทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร และระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ก็อาจจะอ่อนแอลงตามไปด้วย แล้วจะทำอย่างไรกับอาการเบื่ออาหารที่เกิดขึ้นนี้ ทาง Hello คุณหมอ มีเรื่องนี้มาฝากกัน เบื่ออาหารหลังฉายรังสี เกิดขึ้นได้อย่างไร หลายคนที่เป็นมะเร็ง และรักษาด้วยการฉายรังสี อาจเกิดอาการเบื่ออาหาร เนื่องจากการรักษาโรคมะเร็งด้วยการฉายรังสีนั้น สามารถส่งผลกระทบต่อการทานอาหาร โดยทำให้คุณรู้สึกเบื่ออาหาร เมื่อเกิดอาหารเบื่ออาหารขึ้นมาก็จะทำให้คุณทานอาหารได้ไม่มากเพียงพอ จึงส่งผลให้คุณน้ำหนักลดลง โดยน้ำหนักลดลงถือเป็นหนึ่งในผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดของการรักษาโรคมะเร็ง เมื่อคุณทานอาหารได้ไม่เพียงพออาจส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ซึ่งส่งผลต่อการรักษาแผล ทั้งยังทำให้เหนื่อยล้าและไม่สบายตัว ดังนั้น ในระหว่างการรักษาโรคมะเร็ง คุณควรจะต้องได้รับการบำรุงอย่างดี ควรรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและสมดุล เพื่อให้อาหารเหล่านั้นเป็นพลังงานและเชื้อเพลิงให้กับร่างกาย ในการต่อสู้กับการติดเชื้อ และการพักฟื้น ในขณะที่คุณต้องเข้ารับการรักษาด้วยการฉายรังสี และการได้รับประทานอาหารอ่อนๆ จะเป็นการดีต่อร่างกายของผู้พักฟื้นเป็นอย่างมาก สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดอาการ เบื่ออาหารหลังฉายรังสี อาการเบื่ออาหารหลังฉายรังสีนั้น มันอาจรวมถึงการรักษาที่ต้องใช้เคมีบำบัด และการผ่าตัดด้วย หลังจากฉายรังสีแล้ว อาจจะทำให้เกิดอาการต่างๆ ซึ่งมันจึงกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณเกิดอาการเบื่อหลังฉายรังสี ซึ่งอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น มีดังนี้ คลื่นไส้และอาเจียน ท้องผูก โรคท้องร่วง เจ็บปาก ปากแห้ง เคี้ยวหรือกลืนลำบาก รสชาติและกลิ่นที่ได้รับมีการเปลี่ยนแปลง เกิดความเมื่อยล้า จำนวนเม็ดเลือดแดงต่ำ หรือโลหิตจาง ติดเชื้อ มีความกระตือรือร้นน้อยลง หายใจลำบาก วิตกกังวล หรือหดหู่ เกิดความรู้สึกแน่น เนื่องจากการสะสมของเหลวในช่องท้อง หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า น้ำในช่องท้อง แก้ไขอาการ เบื่ออาหารหลังฉายรังสี อย่างไรถึงจะดี สำหรับผู้ที่เป็นโรคมะเร็ง การรักษาน้ำหนักเอาไว้ถือเป็นเร่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก แม้จะเกิดอาการเบื่ออาหารระหว่างการรักษา หรือหลังจากฉายรังสีก็ตาม […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

อนุมูลอิสระ คืออะไรกันแน่ ทำไมเราถึงต้องการสารต้านอนุมูลอิสระ

คาดว่าหลายๆ คนคงจะเคยได้ยินสรรพคุณของเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว อาหารเสริม หรือแม้แต่อาหารต่างๆ ว่าตัวเองมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มากพร้อมมาด้วยประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชะลอการเกิดริ้วรอย ลดการอักเสบ และประโยชน์ต่อสุขภาพอื่นๆ จนอาจจะฉุกคิดขึ้นมาไม่ได้ว่า แล้ว อนุมูลอิสระ ที่ว่านี่มันคืออะไรกัน แล้วทำไมเราถึงต้องคอยต่อต้านอนุมูลอิสระนี้ หาคำตอบได้จากบทความนี้ อนุมูลอิสระ คืออะไร อนุมูลอิสระ (Free Radicals) หมายถึงโมเลกุล หรืออะตอมที่ไม่เสถียรเนื่องจากการขาด อิเล็กตรอน ที่อยู่รอบนอกสุดของอะตอม อนุมูลอิสระนี้มีช่วงอายุสั้นเพียงแค่ไม่กี่เสี้ยววินาที แต่สามารถสร้างความเสียหายต่อ DNA ด้วยการแย่งจับอิเล็กตรอนของเซลล์อื่นในร่างกาย ที่เรียกว่าภาวะเครียดที่เกิดจากออกซิเดชัน (oxidative stress) ทำให้โมเลกุลของร่างกายไม่เสถียร เกิดความเสียหาย นำไปสู่การเกิดโรคและริ้วรอยบนร่างกาย และอาจเกิดการกลายพันธุ์จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ในภายหลัง เราจึงมักจะต้องการสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยทำให้โมเลกุลที่ไม่เสถียรนี้มีความเป็นกลาง และช่วยปกป้องร่างกายจากการเสื่อมโทรมของเซลล์เหล่านี้ อนุมูลอิสระได้มาจากไหน แม้ว่าตามปกติแล้ว สารอนุมูลอิสระจะสามารถเกิดขึ้นได้เองภายในร่างกายของเรา ในระหว่างกระบวนการเผาผลาญพลังงานตามปกติของร่างกาย แต่ในบางครั้ง ปัจจัยอื่นๆ อย่างเช่น ลักษณะไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ก็อาจส่งผลต่อการสร้างสารอนุมูลอิสระขึ้นภายในร่างกายได้เช่นกัน ปัจจัยที่อาจทำให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระมีดังต่อไปนี้ มลภาวะทางอากาศ การสูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารทอด การอักเสบ การออกกำลังกาย การฉายรังสี ยาและสารเคมีบางชนิด ไวรัสบางชนิด อนุมูลอิสระทำให้เกิดโรคมะเร็งได้จริงเหรอ โรคมะเร็งนั้นมักจะเกิดขึ้นจากการกลายพันธุ์ของเซลล์ในร่างกาย ที่เกิดการเจริญเติบโตอย่างไม่สามารถควบคุมได้ของเซลล์ อนุมูลอิสระนั้นจะทำให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์ DNA และส่งผลให้เกิดยีนที่สร้างโปรตีนที่ไม่สามารถใช้งานได้ขึ้นมา หลังจากนั้น ร่างกายก็จะเกิดการสร้างยีนที่ทำหน้าที่ในการซ่อมแซม DNA ที่เสียหายเกินกว่าจะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้จากกระบวนการการตายของเซลล์ ยีนเหล่านี้จะช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตของเซลล์ จนอาจนำไปสู่การเกิดเซลล์มะเร็งได้ในที่สุด เราสามารถปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระได้อย่างไร สิ่งสำคัญที่จะช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ ก็คือสารต้านอนุมูลอิสระที่เราสามารถพบได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นในอาหาร เครื่องสำอาง หรืออาหารเสริมต่างๆ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เรียนรู้ เทคนิคหายใจแบบ 4-7-8 ทำแล้วผ่อนคลาย ช่วยให้หลับง่ายขึ้น

เชื่อหรือไม่ว่า วิธีการหายใจก็สามารถส่งผลต่อสุขภาพของเราได้ วันนี้ Hello คุณหมอ จึงมีรูปแบบการหายใจที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ อย่างการหายใจแบบ 4-7-8 ซึ่งเป็นวิธีหายใจเพื่อการผ่อนคลายมานำเสนอ หากคุณทำได้ รับรองเลยว่าสุขภาพโดยรวมของคุณจะดีขึ้น ยิ่งหากคุณมีปัญหาเรื่องความเครียด ความดัน อาการวิตกกังวล หรือนอนหลับยาก เทคนิคหายใจแบบ 4-7-8 นี่แหละเหมาะกับคุณที่สุด เทคนิคหายใจแบบ 4-7-8 คืออะไร เทคนิคหายใจแบบ 4-7-8 เป็นรูปแบบการหายใจที่คิดค้นโดย ดร. แอนดรู เวล (Dr. Andrew Weil) นายแพทย์ชื่อดังจากประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์บูรณาการ (Integrative Medicine) โดยเทคนิคหายใจแบบ 4-7-8 นี้ เป็นหนึ่งในเทคนิคหายใจลึกๆ ที่มีพื้นฐานมาจากศาสตร์โยคะโบราณที่เรียกว่า ปราณายามะ (Pranayama) ซึ่งเป็นการฝึกควบคุมลมหายใจให้ช้าลง จนผู้ฝึกมีความคุ้นเคยและชำนาญขึ้น สามารถอยู่ในสภาวะที่หายใจช้า หรือไม่หายใจได้ ฉะนั้น เมื่อคุณฝึกหายใจแบบ 4-7-8 ก็จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมลมหายใจของตัวเองได้เป็นอย่างดี และหากฝึกเป็นประจำ ก็อาจช่วยให้นอนหลับได้ในเวลาอันสั้นด้วย วิธีฝึกหายใจแบบ 4-7-8 เริ่มจากนั่งแบบผ่อนคลาย ไม่เกร็งหลังหรือหลังค่อม หากคุณอยากฝึกเทคนิคหายใจแบบ 4-7-8 เพื่อให้หลับง่ายขึ้น แนะนำให้นอนหงายสบายๆ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

กลิ่นตัวเหม็นคลุ้ง เหมือนกลิ่นคาวปลา สัญญาณสำคัญของ โรคกลิ่นตัวเหม็น

เราต่างก็มีกลิ่นตัวกันทุกคน จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่การดูแลและปัจจัยแวดล้อม หากอยู่ในที่อากาศร้อนอบอ้าว หรือเล่นกีฬา ออกกำลังกาย ก็ไม่แปลกที่เหงื่อออกมากและกลิ่นตัวแรงกว่าปกติ แต่หากคุณนั่งอยู่ในห้องแอร์แทบจะตลอดทั้งวัน แถมรักษาความสะอาดบริเวณใต้วงแขน และใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายอย่างดีแล้ว ก็ยังมีกลิ่นตัวเหม็นคลุ้ง คล้ายกลิ่นคาวปลา ทำยังไงก็ไม่หาย จนเสียความมั่นใจ นี่อาจเป็นสัญญาณว่า คุณเป็น โรคกลิ่นตัวเหม็น ก็ได้นะ [embed-health-tool-bmi] โรคกลิ่นตัวเหม็น… โรคที่หลายคนขยาด โรคกลิ่นตัวเหม็น หรือโรคกลิ่นตัวเหม็นเน่า (Trimethylaminuria หรือ Fish Odor Syndrome) จัดอยู่ในกลุ่มโรคเมตาบอลิก (Metabolic Syndrome) ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวเนื่องมาจากการเผาผลาญที่ผิดปกติ ในกรณีของโรคกลิ่นตัวเหม็นนี้ เกิดจากร่างกายไม่สามารถสลายสารเคมีที่มีไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบ อย่างไตรเมทิลามีน (Trimethylamine) ได้ดีเท่าที่ควร โดยไตรเมทิลามีนเป็นสารเคมีที่มีกลิ่นเหม็นคล้ายปลาเน่า ถูกผลิตขึ้นในลำไส้เนื่องจากการย่อยอาหารบางชนิด เช่น ไข่ ตับสัตว์ พืชตระกูลถั่ว ปลา ผักบางชนิด เมื่อร่างกายทำลายไตรเมทิลามีนได้ไม่ดี จึงทำให้มีไตรเมทิลามีนจำนวนมากสะสมอยู่ในร่างกาย และถูกปล่อยออกมาพร้อมเหงื่อ ปัสสาวะ ของเหลวในระบบสืบพันธุ์ (อสุจิ สารคัดหลั่งในช่องคลอด) แม้กระทั่งลมหายใจ แม้กลิ่นเหม็นคลุ้งคล้ายกลิ่นคาวปลาที่ปล่อยออกมาจากร่างกายของผู้ที่เป็นโรคกลิ่นตัวเหม็นจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ แต่ก็สามารถทำให้ผู้ที่เป็นโรคนี้มีปัญหาด้านการเข้าสังคมหรือเสียสุขภาพจิตได้ โรคกลิ่นตัวเหม็นนี้มักเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานว่าฮอร์โมนเพศหญิง เช่น โปรเจสเตอโรน เอสโตรเจน […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ประโยชน์หลากหลายของ แอลกอฮอล์ล้างแผล ที่จำเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบัน

ในปัจจุบันแอลกอฮอล์ยังคงเป็นความต้องการต่อหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะคนทั่วไป หรือในวงการแพทย์ เพราะแอลกอฮอล์ล้างแผลนั้นเป็นสิ่งที่สามารถกำจัดเชื้อโรคบางชนิดที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา ซึ่งมีโมเลกุลค่อนข้างเล็กไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ และที่สำคัญยังเป็นส่วนประกอบหลักในการทำเจลล้างมือเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่กำลังเป็นภาวะวิกฤติระดับโลกอีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอจะพาทุกคนมารู้จักกับประโยชน์ของ แอลกอฮอล์ล้างแผล นี้ ว่าสามารถทำอะไรได้อีกบ้าง เป็นความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่ได้นำมาฝากกันค่ะ รู้จักกับ แอลกอฮอล์ล้างแผลให้มากขึ้น ก่อนนำไปใช้ “เกรดไอพีเอ” หรือชื่อเต็มที่ทางการแพทย์ และนักวิจัยเรียกกันว่า ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ (Isopropyl alcohol ; IPA) หรือ “แอลกอฮอล์ล้างแผล” ที่เป็นยาใช้ในการฆ่าเชื้อภายนอกได้เพียงอย่างเดียว ซึ่งมักจะผลิตในระดับความเข้มข้น 70% และ 99% เท่านั้น ในส่วนความแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 70% นั้นจะมีประสิทธิภาพ และนิยมใช้ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขณะเดียวกันในรูปแบบของ 99%  ก็มักนำมาเป็นตัวทำความสะอาดภายในโรงงานอุตสาหกรรมเสียมากกว่า เช่น อุปกรณอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ที่สำคัญมีราคาถูกกว่า แต่ก็มีกลิ่นฉุนกว่า เช่นเดียวกัน ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้ทำแอลกอฮอล์ล้างมือแบบเปล่าๆ ที่ใช้เพียงสารชนิดเดียว เพราะเป็นเกรดที่กินไม่ได้ เมื่อล้างมือแล้วไปหยิบจับอาหารเข้าปากก็จะมีผลกระทบกับร่างกาย แต่ถ้าอยากอยากนำมาทำเป็นเจลล้างมือใช้เอง ก็สามารถใช้ ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เรกิ (Reiki) การบำบัดฟื้นฟูพลังชีวิตจากธรรมชาติ

การบำบัดมีด้วยกันหลายทางเลือก หนึ่งในนั้นคือการบำบัดที่เรียกว่า เรกิ ซึ่งเป็นทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เรกินั้นเป็นการบำบัดทางเลือกที่ช่วยให้ผู้ที่ได้รับการรักษารู้สึกผ่อนคลายอย่างลึกซึ้ง โดยใช้เพียงฝ่ามือในการบำบัดเท่านั้น แต่สำหรับคนที่อยากรู้จักเรกิให้ดีขึ้น ลองมาติดตามบทความของ Hello คุณหมอ กันดูค่ะ [embed-health-tool-bmi] เรกิ (Reiki) คืออะไร? เรกิ เป็นรูปแบบการบำบัดทางเลือก โดยทั่วไปเรียกว่าการรักษาพลังงาน ซึ่งการบำบัดแบบนี้เกิดขึ้นในญี่ปุ่นช่วงปลายปี 1800 และได้รับการกล่าวขานว่า มีความเกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนพลังงานจากฝ่ามือของผู้รักษาโลกไปยังผู้ป่วย โดยเรื่องการรักษาพลังงานงั้นถูกใช้มาหลายศตวรรษในรูปแบบต่างๆ แต่ก็มีการโต้เถียงเกี่ยวกับเรกิเกิดขึ้น เพราะถือเป็นการยากที่จะพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ว่า การบำบัดแบบเรกินั้น มีประสิทธิภาพในการรักษาจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามหลายคนที่ได้รับการรักษาจากเรกิต่างบอกว่ามันได้ผล จนมันได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งหากลองเอาคำว่า Reiki ไปค้นหาในกูเกิลจะพบว่า มีผลลัพธ์ปรากฏให้เห็นอย่างน้อย 68,900,000 ผลลัพธ์ นอกจากนี้ การสำรวจในปี 2007 แสดงให้เห็นว่า ในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ใหญ่ประมาณ 1.2 ล้านคน พยายามทดลองใช้เรกิหรือการบำบัดที่คล้ายกันอย่างน้อย 1 ครั้งในปี 2006 แล้ว เชื่อกันว่าโรงพยาบาลกว่า 60 แห่ง ให้บริการเรกิเรกิแก่ผู้ป่วย ข้อเท็จจริงที่ควรรู้เกี่ยวกับการบำบัดแบบเรกิ สำหรับสิ่งสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับเรกิ มีดังต่อไปนี้ เรกิ เป็นรูปแบบหนึ่งของการบำบัดด้วยพลังงาน แม้จะมีข้อกังขาในบางวงการ แต่ก็การบำบัดแบบเรกินั้นกลับได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เรกิเกี่ยวข้อกับการถ่ายโอนพลังงานโดยการส่งพลังงานจากฝ่ามือ ผู้สนับสนุนเรกิ กล่าวว่า […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เกมลับสมอง ช่วยบริหารสมองของคุณ ให้ดีขึ้นได้

เกม เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้เล่นเกม สมองก็จะปลอดโปร่ง ผ่อนคลายมากขึ้น วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจ สำหรับ เกมลับสมอง หากใครสงสัยว่า มีเกมแบบใดบ้างที่ช่วยบริหารสมองให้สุขภาพดีได้ ตามไปดูกันเลยค่ะ เกมลับสมอง มีอะไรบ้างนะ ปัญหาความทรงจำ เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นเมื่อคุณมีอายุมากขึ้น ทั้งหลงๆ ลืมๆ จำเรื่องราวบางเรื่องไม่ได้ ทำให้ผู้สูงอายุหลายคนพยายามที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของความทรงจำ และช่วยป้องกันสมองไม่ให้แก่เร็ว ซึ่งเกมปริศนา มีส่วนช่วยเพิ่มความจำ จากงานวิจัยพบว่า ผู้ที่เล่นเกมซูโดกุและครอสเวิร์ด นั้นจะมีการพัฒนาสมองที่มากกว่า ซึ่งเกมเหล่านี้ช่วยบำรุงสมองได้ ซูโดกุ (Sudoku) ซูโดกุเป็นเกมหาตัวเลข ที่ต้องมีการอาศัยความจำในการเอาชนะเกม ซึ่งปริศนาที่เกมซูโดกุวางไว้นั้น เราจะต้องค้นหาและมองว่าควรใส่ตัวเลขใดลงในตาราง เพื่อให้ตัวเลขไม่ซ้ำกันในแถว ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ซึ่งการเล่นซูโดกุนั้นจะต้องอาศัยความจำเป็นอย่างมาก ซึ่งการที่ต้องวางแผนเช่นนี้ มีส่วนในการช่วยเพิ่มความจำระยะสั้นและช่วยให้มีสมาธิมากขึ้น ครอสเวิร์ด (Crosswords) ครอสเวิร์ดเป็น เกมฝึกสมอง รูปแบบหนึ่ง ที่ถูกเล่นมานาน และรู้จักกันทั่วไป ซึ่งการเล่นครอสเวิร์ดนั้นไม่เพียงแต่ต้องใช้ความรู้ด้านภาษาเท่านั้น แต่ยังต้องใช้ทักษะในด้านอื่นๆ อีกด้วย เช่น ความทรงจำ ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้า รูปแบบการเล่นก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของในหนังสือ หรือเล่นออนไลน์ในมือถือ แทบเล็ต ก็ได้ เกมกระตุ้นสมอง จะช่วยให้สมองมีความสมดุล ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความทรงจำ เช่น เป็นอัลไซเมอร์ […]


ขั้นตอนทางการแพทย์และการผ่าตัด

เรื่องน่ารู้ของ เลเซอร์กำจัดแผลเป็น เทคนิคลบรอยแผลให้แลดูจางลงอย่างรวดเร็ว

เมื่อผิวหนังได้รับความเสียหาย ไม่ว่าต้นเหตุจะมาอะไรก็สามารถทำให้ทิ้งร่องรอยแผลเป็นเอาไว้ทั้งนั้น โดยเฉพาะกรณีที่คุณประสบอุบัติเหตุจนได้รับรอยแผลจากการบาดเจ็บในเหตุการณ์รุนแรงมา พอเหลือบมองทีไร ก็อาจทำให้คุณนึกถึงเหตุการณ์ไม่ดีที่เคยเกิด ซึ่งส่งผลกระทบต่อจิตใจเพิ่มเติมได้อีกเช่นกัน วันนี้ Hello คุณหมอ ได้รวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวการใช้ เลเซอร์กำจัดแผลเป็น ที่ช่วยกำจัดรอยนูนอย่างรวดเร็ว มาให้ทุกคนได้ศึกษาไว้ประกอบการตัดสินใจกันค่ะ ขั้นตอนการทำงานของ เลเซอร์กำจัดแผลเป็น การรักษารอยแผลเป็นด้วยเลเซอร์นี้ อาจไม่ได้ทำให้แผลเป็นที่ปรากฏบนผิวร่างกายของคุณถูกลบไปได้ 100 % แต่สามารถทำให้สี และรอยนูนดูจางลง พร้อมขนาดที่เล็กลง หรือตื้นขึ้น และเห็นผลเร็วกว่าการใช้ยาทา เพราะแสงที่ออกมาจากเครื่องเลเซอร์จะไปกำจัดพื้นผิวที่ได้รับความเสียหาย และทำการซ่อมแซมชั้นผิว เพื่อสร้างผิวใหม่ที่แข็งแรงกว่าขึ้นมา โดยมีขั้นตอนที่แตกต่างออกไปของแต่ละลักษณะรอยแผลเป็น ตามการพิจารณาของแพทย์เฉพาะทางที่จะทำการรักษา ดังนี้ เลเซอร์โดยการทำให้ผิวหนังลอก (Ablative or laser resurfacing) เป็นการใช้ คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ (Carbondioxide laser : CO2 Laser) เป็นการลอกชั้นผิวด้านบนของเลเซอร์ออก เพื่อกำจัดรอยแผลเป็นด้านในที่มีลักษณะค่อนข้างหนา และลึก รวมทั้งยังสามารถรักษารอยเหี่ยวย่นของผิวหนังได้อีกด้วย เลเซอร์ผิวหนังเฉพาะส่วน (Fractionated laser resurfacing) ขั้นตอนนี้สามารถยิงเลเซอร์เข้าไปในชั้นเซลล์ผิวที่ลึกลงไปอีกได้ เพื่อลดเลือนร่องรอยความหมองคล้ำของแผลเป็น และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อผลัดเซลล์ผิวใหม่มาซ่อมแซมให้ขนาดของแผลเป็นเล็กลง เลเซอร์ที่ไม่ทำให้เกิดผิวลอก (Non-ablative laser resurfacing) คือการรักษาโดยใช้ความร้อนอินฟาเรดยิงไปที่บริเวณผิวหนังชั้นใน ความร้อนนี้จะนำไปสู้การกระตุ้นผลิตคอลลาเจนขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย แต่ละขั้นตอนนั้นอาจมีความเจ็บปวด และใช้ระยะเวลาการรักษาที่แตกต่างกัน […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

คีเลชั่นบำบัด อีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่อยาก กำจัดสารพิษ

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมล้างสารพิษ หรือ ดีท็อกซ์ ที่คนส่วนใหญ่มักนิยมหาซื้อมาบริโภคตามโฆษณาชวนเชื่อ แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะมีความปลอดภัย และล้างสารพิษในร่างกายของเราได้จริง วันนี้ Hello คุณหมอได้มีความรู้มากฝากทุกคน เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางแพทย์ที่บางคนอาจยังไม่รู้จัก อย่างการทำ คีเลชั่นบำบัด มาเป็นอีกตัวเลือกเสริมสำหรับผู้ที่อยากกำจัดสารพิษกันค่ะ ทำความรู้จักกับ คีเลชั่นบำบัด กันเถอะ คีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy) คือ การบำบัดเพื่อกำจัดสารพิษ เช่น ตะกั่ว ปรอท เหล็ก สารหนู ทองแดง นิกเกิล หรือโลหะที่อยู่ในร่างกายคุณในปริมาณมากออกไป โดยการฉีดสารผ่านทางหลอดเลือดดำ จากนั้นจะทำการจับโมเลกุลของสารพิษเหล่านี้ ให้ขับออกมาในรูปแบบของปัสสาวะ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ค่อนข้างปลอดภัย แถมยังทำให้คุณพ้นจากอาการป่วยต่างๆ ได้ ในบางครั้งแพทย์อาจใช้วิธีนี้ ในการรักษาโรคประจำตัวต่างๆ ที่ก่อให้เกิดผลเสียสุขภาพ ดังต่อไปนี้ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดตีบ โรคไขข้ออักเสบ โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน ลดระดับคอเลสเตอรอล โรคธาลัสซีเมีย ประโยชน์ของการล้างสารพิษ จากคีเลชั่นบำบัด ถึงแม้จะยังไม่เป็นที่พิสูจน์ได้ว่าการใช้คีเลชั่นบำบัด จะสามารถรักษาโรคประจำตัวของคุณได้อย่างหายขาด แต่สามารถช่วยลดความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดโรค  หรือบรรเทาอาการของโรคให้ทุเลาลงได้ ดังนี้ โรคหัวใจ ผู้คนบางกลุ่มได้มีการสนับสนุนให้ใช้คีเลชั่นบำบัด เพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์ โลหะ ที่สะสมอยู่ภายในหลอดเลือด เพราะหากทิ้งไว้เป็นระยะเวลานานอาจนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจ แต่ในขณะบางกลุ่มกล่าวถึงหลักฐานในการรักษาที่ยังคงไม่เพียงพอมากนัก จึงทำให้จำเป็นต้องมีการศึกษาค้นคว้า และทดลองต่อไปในอนาคต ออทิสติก สาเหตุที่อาจทำให้ลูกรักของคุณเป็นออทิสติกตั้งแต่อยู่ในครรภ์นั่นก็คือการได้รับสารพิษมากเกินไปอย่างสารปรอท และการใช้คีเลชั่นบำบัดรักษา เป็นเทคนิคที่ค่อนข้างเหมาะสมสำหรับกรณีนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงมีความอันตรายอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ก่อนการรักษาโปรดปรึกษาแพทย์ เพื่อรับวิธีการรักษาที่สามารถตอบสนองต่ออาการของผู้ป่วยออทิสติกอย่างละเอียด และรอบคอบเสียก่อน โรคอัลไซเมอร์ นักวิจัยบางคนเชื่อว่าการสะสมของสารพิษเช่น โลหะ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ช้ำรักยังพอทน แต่ผิวมี รอยฟกช้ำ ฉันทนไม่ได้

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่มีใจรักในการออกกำลังกาย คุณก็ต้องระมัดระวังเรื่องการได้รับการบาดเจ็บจนเกิดเป็น รอยฟกช้ำ ที่ผิวหนังด้วยนะคะ วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาคุณไปทำความรู้จักกับอาการฟกช้ำ และวิธีดูแลรอยฟกช้ำให้บรรเทาลงได้ ว่าแต่รอยฟกช้ำจะมีลักษณะอาการอย่างไร และมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง Hello คุณหมอ จะพาไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลยค่ะ รอยฟกช้ำ… อาการบาดเจ็บบริเวณผิวหนัง รอยฟกช้ำ (Bruise) เกิดขึ้นเมื่อผิวหนังได้รับบาดเจ็บ ทำให้เส้นเลือดเล็ก ๆ ที่เรียกว่า เส้นเลือดฝอย แตกจนมีเลือดไหลออกมาจากเส้นเลือดฝอย และสะสมอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีสีแดงอมน้ำตาล เกิดเป็นรอยฟกช้ำ รอยช้ำสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย บางท่านอาจจะยังไม่ทันสังเกตเห็นเมื่อมีรอยช้ำเพียงเล็กน้อย แต่หากมีรอยฟกช้ำรุนแรงควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม ออกกำลังกายหนักเกินไป เป็นสาเหตุให้เกิดรอยฟกช้ำ การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา เช่น การยกน้ำหนัก การว่ายน้ำ การวิ่ง เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังเกิด ฟกช้ำ แต่ปัจจัยอื่น ๆ ต่อไปนี้ ก็สามารถทำให้เกิดรอย ฟกช้ำ ได้เช่นกัน ได้รับบาดเจ็บ เช่น ข้อเท้าแพลง การกระแทกของแข็ง การหกล้ม ก็ทำให้ผิวหนังเกิดรอยช้ำได้ การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน (Aspirin) ยาต้านการแข็งตัวของเลือด อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง อย่างรอยช้ำที่ผิวหนังได้ ผิวเสื่อมตามวัย เมื่ออายุมากขึ้น […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน