สุขภาพ

สุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญ เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้นไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารสุขภาพ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป และอื่น ๆ อีกมากมาย หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยคุณได้แน่นอน

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพ

ทำความรู้จัก "ปลูกฝี" สำคัญยังไง ยังจำเป็นอยู่ไหม

การปลูกฝีเคยเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โรคฝีดาษ (Smallpox) เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์ วัคซีนป้องกันฝีดาษซึ่งเริ่มต้นจากการปลูกฝี ไม่เพียงช่วยลดการเสียชีวิตนับล้านคนทั่วโลก แต่ยังนำไปสู่การประกาศกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523  อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับการปลูกฝีเริ่มจางหายไปเมื่อวัคซีนนี้ไม่ได้เป็นที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาผู้อ่านย้อนรอยความสำคัญของการปลูกฝีในอดีต และพิจารณาว่าการปลูกฝียังมีความจำเป็นในยุคสมัยใหม่หรือไม่ [embed-health-tool-vaccination-tool] ปลูกฝี ในอดีตเป็นอย่างไร? การปลูกฝีเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1796 โดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ผู้ค้นพบว่าวัคซีนจาก Cowpox สามารถป้องกันโรคฝีดาษได้ ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ทั่วโลกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 20 จนนำไปสู่การประกาศว่าฝีดาษถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ในปี 1980 สำหรับประเทศไทย การปลูกฝีเริ่มต้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมักทิ้งรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บริเวณหัวไหล่ หลังจากการกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523 การปลูกฝีก็หยุดลง แต่กลับมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกครั้งในยุคที่โรคฝีดาษลิงระบาด โดยวัคซีนที่พัฒนาจากวัคซีน Smallpox เช่น JYNNEOS กำลังถูกศึกษาเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้ โรคฝีดาษลิงคืออะไร โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากไวรัสในตระกูล Orthopoxvirus ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคฝีดาษ (Smallpox) แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่โรคฝีดาษลิงมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อ ไวรัส Monkeypox ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกในลิงในปี ค.ศ. 1958 และตรวจพบในมนุษย์ครั้งแรกในปี […]

หมวดหมู่ สุขภาพ เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพ

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ไขข้อสงสัย ทำไมเราถึงชอบโดน ยุงกัด มากกว่าคนอื่น

คุณเคยบ้างไหม นั่งอยู่ในห้องรวมกันตั้งหลายคน แต่กลับมีคุณอยู่คนเดียวที่โดนยุงกัด จนอดสงสัยไม่ได้ว่า อะไรที่ทำให้บางคนมักจะชอบโดน ยุงกัด มากกว่าคนอื่น ยุงเลือกกัดเรา เพราะเลือดเราอร่อยกว่าคนอื่นจริง ๆ เหรอ มาร่วมหาคำตอบในเรื่องนี้พร้อมกับ Hello คุณหมอ เลยดีกว่า ปัจจัยที่ทำมักทำให้โดน ยุงกัด มากกว่าคนอื่น คาร์บอนไดออกไซด์ ยุงสามารถตรวจจับความเปลี่ยนแปลงของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ งานวิจัยพบว่า ยุงแต่ละชนิด อาจมีการตอบสนองต่อก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แตกต่างกัน เมื่อเราหายใจออก ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็จะออกมาพร้อมกับลมหายใจของเรา และยิ่งเราออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่อาจทำให้หายใจเร็วขึ้น ก็จะทำให้เราผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นนี้ อาจกลายเป็นตัวกระตุ้นที่ล่อให้ยุงมาชุมนุมในบริเวณนั้นมากขึ้นตามไปด้วย กลิ่นตัว ยุงจะถูกดึงดูดได้ด้วยสารประกอบบางอย่างที่พบได้ในผิวหนังและเหงื่อของมนุษย์ สารประกอบเหล่านี้จะมีกลิ่นที่เฉพาะตัว ที่สามารถดึงดูดยุงให้เข้ามาได้ สารประกอบที่ว่านี้มีอยู่มากมายหลายชนิด หนึ่งในนั้นก็คือ แอมโมเนีย (Ammonia) และกรดแลคติก (Lactic acid) บรรดานักวิจัยยังคงทำการศึกษาเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้กลิ่นตัวของคนบางคนสามารถดึงดูดยุงได้มากกว่าคนอื่น และสันนิษฐานว่าอาจมีสาเหตุมาจาก พันธุกรรม แบคทีเรียบางชนิดบนผิวหนัง หรือปัจจัยทั้งสองนี้รวมเข้าด้วยกัน พันธุกรรมสามารถส่งผลกระทบกับกลิ่นตัวได้ ดังนั้น หากคนในครอบครัวของคุณมักจะโดนยุงกัดเป็นประจำ คุณก็อาจมีโอกาสที่จะโดนยุงกัดเป็นประจำด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ แบคทีเรียบนผิวหนังก็มีส่วนสำคัญในการเกิดกลิ่นตัว และส่งผลกระทบต่อการดึงดูดยุงเช่นกัน งานวิจัยในปี 2011 พบว่า ผู้ที่มีแบคทีเรียบนผิวหลากชนิดกว่ามีโอกาสดึงดูดยุงน้อยกว่า เมื่อเทียบกับผู้ที่มีแบคทีเรียบนผิวหนังไม่กี่ชนิด สี งานวิจัยพบว่า ยุงมักจะดึงดูดต่อสีเข้ม ๆ เช่น สีดำ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ติดซีรีส์ ชอบดูทีวีไม่ใช่เรื่องผิด แต่ระวัง! น้ำหนักขึ้นแบบไม่รู้ตัว

การดูซีรีส์ หรือดูทีวี น่าจะเป็นกิจกรรมคลายเครียดสุดโปรดของใครหลายๆ คน บางคนมีเวลาว่างเมื่อไหร่ เป็นต้องรีบเปิดแอปพลิเคชันเพื่อดูทีวีหรือซีรีส์เรื่องโปรดทันที หรือบางคนอาจถึงขั้น ติดซีรีส์ จนนั่งดูหามรุ่งหามค่ำ ตาคล้ำเป็นแพนด้า แม้การติดซีรีส์ หรือชอบดูทีวีจะเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำกัน แต่คุณก็ควรดูซีรีส์ หรือดูทีวีแค่พอเหมาะ เพราะหากคุณอยู่แต่หน้าทีวี หรือติดซีรีส์มากไป อาจน้ำหนักอาจขึ้น และสุขภาพพังแบบไม่รู้ตัว  วันนี้ Hello คุณหมอ นำผลเสียของการติดซีรีส์ ติดทีวี และวิธีการแก้ไขปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาฝากกันค่ะ เพื่อสุขภาพที่ดีของเรา จะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ติดตามอ่านได้ในบทความนี้ค่ะ ทำไมการติดซีรีส์ ติดทีวี ถึงทำคุณอ้วนขึ้นได้ ปัจจุบันเรามีรายการทีวีให้ดูตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งยังมีบริการวิดีโอสตรีมมิ่งอีกมากมาย ที่คุณสามารถเลือกรับชมได้ทุกเมื่อตามที่ต้องการ ใครอยากดูรายการทีวี คลิปวิดีโอออนไลน์ หรือซีรีส์เรื่องไหน ก็สามารถหาดูได้อย่างง่ายดาย และคนส่วนใหญ่เมื่อได้นั่งหรือนอนดูซีรีส์สักเรื่องแล้ว ก็มักจะนั่งดูไปได้เรื่อยๆ จนไม่หลับไม่นอน เรียกได้ว่า ซีรีส์ความยาว 16 ตอน บางคนสามารถดูจบได้ภายในเวลา 2-3 วันเท่านั้น การที่เราติดซีรีส์ หรือติดทีวีมากจนนั่งดูได้แบบมาราธอนไม่ยอมทำอะไรนี่แหละ ที่เป็นเหตุให้เราอ้วนขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว เนื่องจากในระหว่างดูทีวีหรือดูซีรีส์ เรามักจะไม่ได้ขยับเขยื้อนร่างกายเลย และคนส่วนใหญ่ก็ชอบกินขนมหรือของว่างเวลาดูทีวี หรือดูซีรีส์ โดยเฉพาะพวกขนมที่แคลอรี่สูง […]


อาการของโรค

มือสั่น บ่อยๆ อาจเป็นหนึ่งสัญญาณของโรคร้ายที่คุณไม่เคยรู้

มือสั่น ถือว่าเป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน หากต้องอยู่ในสถานการณ์คับขันหรืออาจจะรู้สึกตึงเครียด ตื่นเต้น กังวล รวมถึงการดื่มเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน (Caffeine) แต่ถ้าอาการมือสั่นนี้เป็นมากขึ้นอย่างรุนแรง ก็น่าจะไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว โดยสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นโรคมือสั่นนั่นเอง วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาไปทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้นกันค่ะ ใครเป็นบ้าง? อยู่ ๆ มือก็สั่นแบบไม่ทราบสาเหตุ (Essential Tremor) อาการโรคมือสั่นแบบไม่ทราบสาเหตุเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาทที่มักจะเกิดขึ้นกับวัยผู้ใหญ่ ซึ่งมีอาการเริ่มต้นเป็นที่มือแล้วมีอาการสั่นขยับขึ้นลงอยู่บ่อยๆ โดยไม่สามารถบังคับตนเองได้ ในทางการแพทย์คาดว่าน่าจะเป็นอาการที่เกิดจากสมองส่วนซีรีเบลลัม (Celebellum) นั้นทำงานผิดปกติหรือหยุดทำงาน สาเหตุของอาการมือสั่นอาจเกิดจากโรคร้าย กล่าวกันว่าอาการมือสั่นเป็นอาการเบื้องต้นของโรคบางโรค โดยเฉพาะโรคพาร์กินสันที่จะสังเกตผู้ป่วยได้ชัดเจนว่ามีอาการมือสั่นข้างเดียวและจะสั่นเมื่อมืออยู่เฉยๆ ส่วนอาการของโรคมือสั่น (Essential Tremor) จะมีอาการมือสั่นทั้งสองข้าง ซึ่งจะแสดงอาการให้เห็นชัดเมื่อต้องเขียนหนังสือหรือจับช้อน แต่ก็อาจจะมีอาการสั่นบริเวณอื่นร่วมด้วยอย่างเช่นศีรษะสั่นหรือพูดเสียงสั่น เป็นต้น นอกจากนี้ยังสันนิษฐานถึงสาเหตุที่ทำให้มีอาการ มือสั่น ได้ก็คือ พันธุกรรม เพราะพบว่าโรคนี้สามารถถ่ายทอดได้แบบยีนเด่น และอีกสาเหตุหนึ่งคือ สิ่งแวดล้อม เนื่องจากอาหารบางชนิดก็ต้นเหตุที่ทำให้มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน มือสั่นบ่อยๆ ควรรักษาอย่างไร รักษาโดยการใช้ยา แพทย์จะเริ่มต้นการใช้ยาโพรพราโนลอล (Propanolol) ในปริมาณที่น้อยๆ ถ้าไม่มีผลข้างเคียงจึงจะปรับขนาดยาเพิ่มขึ้น แต่มีข้อควรระวังในการใช้กับผู้ป่วยโรคปอดและโรคหัวใจที่อาจจะต้องเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่น รักษาโดยใช้อัลตร้าซาวด์ ด้วยเครื่อง MRI ที่สามารถระบุตำแหน่งของสมองส่วน ธาลามัส (Talamus) อันเป็นจุดกำเนิดของการสั่น แล้วใช้คลื่นเสียงส่งผ่านเข้าไปบริเวณนี้เพื่อช่วยหยุดอาการมือสั่น ซึ่งมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องผ่าตัดสมองนั่นเอง รักษาโดยการผ่าตัด  แพทย์จะใช้เครื่องมือที่มีความแม่นยำในการฝังขั้วไฟฟ้าที่สมองส่วนธาลามัส โดยใช้วิธีควบคุมไฟฟ้าจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งบริเวณชั้นใต้ผิวหนังส่วนหน้าอกของผู้ป่วย วิธีการป้องกันเบื้องต้น ใช้อุปกรณ์หรือสิ่งของที่มีน้ำหนักมากขึ้น […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

น้ำแข็งแห้ง อันตรายใกล้ตัว ที่เราอาจจะคาดไม่ถึง

น้ำแข็งแห้ง เป็นสิ่งที่คนนิยมนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น การถนอมอาหาร การแช่แข็ง การขนส่ง รวมไปถึงอาจใช้เพื่อสร้างหมอกควันเพื่อประกอบการแสดงต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม น้ำแข็งแห้งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ดังนั้น จึงควรศึกษาเกี่ยวกับอันตรายของ น้ำแข็งแห้ง และวิธีการจัดการและเก็บรักษาน้ำแข็งแห้งอย่างปลอดภัยมาฝากกัน [embed-health-tool-heart-rate] น้ำแข็งแห้ง คืออะไร น้ำแข็งแห้ง คือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่แข็งตัว ได้มาจากการใช้แรงดันทำให้ทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิดความเย็น จนควบแน่นกลายเป็นของเหลว และกลายเป็นน้ำแข็งในที่สุด น้ำแข็งแห้งนั้นอาจมีอุณหภูมิติดลบถึง -78.5 องศาเซลเซียส หรือน้อยกว่านั้น ในขณะที่น้ำแข็งปกติจะอยู่ที่อุณหภูมิประมาณ 0 องศาเซลเซียส และเมื่อน้ำแข็งแห้งจะระเหิดกลับคืนสู่รูปของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยไม่มีการละลายกลายเป็นของเหลว น้ำแข็งแห้งได้มีการนำมาใช้ประโยชน์ในทางด้านต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมอาหาร เช่น ไอศกรีม อาหารแช่แข็ง หรืออาหารแปรรูปต่างๆ ทั้งยังใช้เพื่อถนอมอาหารและแช่ฟรีสผักผลไม้ต่างๆ ในระหว่างการขนส่งในระยะทางไกล น้ำแข็งแห้งนั้นยังอาจนำมาใช้ทำเป็นหมอกควัน เพื่อใช้ในการแสดงต่างๆ หรือในทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ เช่น แช่เย็นยา และสารเคมีบางชนิด เป็นต้น อันตรายของการใช้น้ำแข็งแห้ง แม้ว่า น้ำแข็งแห้ง นั้นอาจจะมีประโยชน์ในทางด้านต่างๆ มากมาย แต่น้ำแข็งแห้งก็มีอันตรายมากเช่นกัน โดยเฉพาะหากใช้โดยขาดความรู้ความเข้าใจ และไม่ระมัดระวังให้ดีพอ อันตรายจากน้ำแข็งแห้งอาจมีดังต่อไปนี้ อันตรายจากการสัมผัส น้ำแข็งแห้งนั้นมีอุณหภูมิที่เย็นจัด ถึง […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

อาการ เพลงหลอนติดหู (Earworm) ร้องวนไปมาท่อนเดียวไม่หยุด จะแก้ยังไงดี

ไม่ว่าใครต่างก็คงจะมีเพลงที่ติดอยู่ในหัว ร้องท่อนเดิมซ้ำไปซ้ำมาไม่ยอมหยุด จะทำอย่างไรก็สลัดเพลงนี้ออกจากหัวไม่ได้สักทีกันคนละเพลงสองเพลง อาการ เพลงหลอนติดหู แบบนี้ เป็นอาการที่พบบ่อย และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้ว่าอาการนี้อาจจะดูไม่เป็นอันตรายใดๆ ต่อร่างกาย แต่ก็อาจทำให้ใครหลายคนหงุดหงิดและเสียสมาธิได้ ดังนั้น วันนี้ Hello คุณหมอ จะมาแนะนำวิธีดี ๆ ในการแก้ไขอาการ เพลงหลอนติดหู เพื่อสลัดเพลงท่อนเดิมให้ออกไปจากหัวเสียที เพลงหลอนติดหู เป็นอย่างไร อาการเพลงหลอนติดหู หรือที่เรียกว่า Earworm เป็นอาการที่เราจะนึกถึงเพลง หรือร้องเพลงท่อนเดิมอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมา ไม่ว่าจะเป็นเพลงที่เราชอบฟังหรือไม่ก็ตาม อาการนี้อาจเกิดได้กับทุกคน แต่หลายๆ คนที่มีอาการนี้ อาจจะไม่รู้สึกหงุดหงิด หรือมีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม มีบางคนที่อาจจะรู้สึกรำคาญ เวลาที่ไม่สามารถสลัดเพลงท่อนเดิมให้ออกไปจากหัวได้ จนรู้สึกไม่สงบใจในที่สุด นักวิจัยได้พยายามศึกษาค้นคว้า เพื่อหาว่าอะไรคือคุณสมบัติที่ทำให้เพลงเพลงหนึ่ง สามารถหลอนติดหูเราได้ นักวิจัยได้ทำการสอบถามคนกว่า 3,000 คน ในช่วงปีระหว่าง 2010-2013 เกี่ยวกับเพลงที่มักจะหลอนติดหู และได้สร้างรายการรวมชื่อเพลงกว่า 100 เพลง ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในระหว่างการทำแบบสอบถามนี้ หลังจากนั้นจึงได้ทำการเปรียบเทียบระหว่างองค์ประกอบของเพลงเหล่านี้ กับเพลงที่ได้รับความนิยม แต่ไม่ถูกพูดถึง จากการเปรียบเทียบ พบว่า เพลงที่มักจะติดหูเรามากที่สุด มักจะเป็นเพลงที่มี “รูปร่างของการดำเนินทำนองเพลง” (melodic […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

แก้ปัญหาริมฝีปากดำคล้ำ ด้วยการ สักปาก อมชมพูแลดูสุขภาพดี

สักปาก ในปัจจุบันเป็นการเสริมความงามอีกสิ่งที่สาวๆ นิยมใช้บริการอย่างมาก เพราะมีเฉดสีให้เลือกตามความชอบของตน และยังทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งลิปสติกอีกต่อไป แค่เพียงตื่นขึ้นมาก็มีริมฝีปากที่แลดูสุขภาพดี อิ่มฟู หากสาวๆ คนไหนกำลังตัดสินใจ หรือศึกษาอยู่ละก็ ลองอ่านในบทความนี้ของ Hello คุณหมอ ที่ได้นำเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ มาฝากทุกคนกัน รู้จักกับการ สักปาก อย่างละเอียดก่อนใช้บริการกันเถอะ การสักปาก หรือ สักริมฝีปาก เป็นการสักโดยระดับมืออาชีพเฉพาะทาง ที่ผ่านการฝึกฝน และมีใบผ่านการรับรองมาตรฐานเท่านั้น พร้อมอุปกรณ์เครื่องสักที่มีเข็มขนาดเล็ก และยังสามารถเลือกเฉดสีที่ต้องการ ซึ่งเป็นเทคนิคการฝังเม็ดสีนลงไปบนขอบริมฝีปาก หรือภายในของริมฝีปากคุณให้สวยงาม อาจมีความเจ็บปวดเล็กน้อย ผู้ที่จะตัดสินใจใช้บริการนี้ควรศึกษาร้าน และช่างให้ดีเสียก่อน เพราะถ้าหากไม่ทำการตรวจสอบแต่เบื้องต้น อาจทำให้สาวๆ เสี่ยงติดเชื้อบางชนิดได้ ผลข้างเคียงหลังจากได้รับจากการ สักปาก ก่อนที่ทุกคนจะตัดสินใจไปเพิ่มสีสันบนริมฝีปาก ควรพิจารณาจากผลข้างเคียง ดังต่อไปนี้ ที่อาจเกิดขึ้นหลังใช้บริการ ริมฝีปากมีอาการบวม ด้วยเข็มสักที่จิ้มลงไปในจำนวนที่ค่อนข้างหลายครั้ง อาจมีอาการบวม และปวด ซึ่งจริงๆ เป็นเรื่องที่ค้นพบได้ทั่วไปทุกกรณี และจะบรรเทาลงจนอาการบวมหายไปได้เอง เมื่อดูแลอย่างถูกต้องตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ การติดเชื้อ หลังจากการสักเสร็จสิ้น หากมีอาการที่ผิดปกติบริเวณริมฝีปาก อาจมาจากการติดเชื้อที่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยพฤติกรรมของคุณเอง เช่น การใช้น้ำยาบ้วนปาก หรือ การเลียริมฝีปากอยู่บ่อยๆ รวมทั้งได้รับการสักจากอุปกรณ์ที่ไม่ผ่านมาตรฐาน และการฆ่าเชื้อก่อนสัก ทำให้เกิดการติดเชื้อ จากแบคทีเรีย ดังนั้นคุณควรรีบปรึกษาแพทย์โดยทันทีถึงวิธีการรักษาอย่างถูกต้อง แผลเป็น เมื่อคุณบกพร่องในการดูแลแผลจากการสักปาก อาจทำให้เกิดร่องรอยแผลเป็นบนริมฝีปากของคุณได้ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ไขความลับ น้ำปัสสาวะ ยารักษาโรคสมัยพุทธกาล

หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับ การดื่ม น้ำปัสสาวะ เพื่อรักษาโรคต่างๆ กันมาบ้างใช่ไหมคะ โดยมีคำกล่าวอ้างว่าเป็นยาอายุวัฒนะใช้ในการรักษามาตั้งแต่สมัยพุทธกาล นำมาล้างแผล บ้วนปากป้องกันฟันเหลือง ทาหน้าเพื่อบำรุงผิวพรรณ รวมถึงนำมาหยอดตาและดื่มเพื่อบำบัดโรคต่างๆได้อีกด้วย ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีการถกเถียงกันออกเป็นสองฝ่าย บ้างก็ว่าหลังจากปัสสาวะเสร็จสามารถนำมาดื่มได้โดยไม่เกิดอันตรายใดๆ บ้างก็กล่าวว่าการนำปัสสาวะมาใช้นั้นจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากมาย วันนี้ Hello คุณหมอ มีคำตอบมาให้คุณค่ะ [embed-health-tool-bmr] เปิดพระธรรมวินัย ไขความลับ  น้ำปัสสาวะ ยารักษาโรคสมัยพุทธกาล ตั้งแต่สมัยพุทธกาลพระธรรมวินัยได้มีการกล่าวถึงการใช้ น้ำปัสสาวะ หรือ “น้ำมูตรเน่า” ในการบำบัดโรค โดยน้ำมูตรเน่านี้พระพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติให้พระภิกษุได้ทราบถึงวัตถุประสงค์ของน้ำมูตรเน่าไว้ 2 นัย ได้แก่ น้ำปัสสาวะของมนุษย์และน้ำปัสสาวะของโคที่พึ่งออกมาจากร่างกายใหม่ๆ อย่างไรก็ตามมีระบุไว้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ดื่มยาผลสมอดองน้ำมูตร” นอกจากนี้ยังมีคำกล่าวจากอรรถกถาระบุไว้ว่า “ตัวยาต่างๆ คือ ด้วยยานานาชนิดมีสมอและมะขามป้อม” จากคำกล่าวข้างต้นสรุปได้ว่า น้ำมูตรเน่าคือ น้ำปัสสาวะของมนุษย์และโคที่ผ่านการหมักดองด้วยลูกสมอและมะขามป้อม ไม่มีคำกล่าวใดที่เอ่ยถึงการใช้น้ำปัสสาวะเพียวๆเพื่อบำบัดโรค หากแต่ต้องผ่านการดองเพื่อให้ตัวยาในสมุนไพรออกฤทธิ์ร่วมกับน้ำปัสสาวะ จึงจะสามารถนำมาเป็นยาโบราณตามที่ระบุไว้ข้างต้น น้ำปัสสาวะโอสถวิเศษจริงหรือ? บางคนใช้น้ำปัสสาวะในกรณีที่อยู่ในกรณีฉุกเฉินจริงๆ  เช่น การเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือเรืออับปาง ขาดแคลนน้ำ  ในปี ค.ศ. 1944 จอห์น อาร์มสตรอง อ้างว่าการดื่มปัสสาวะเป็น “ยาที่สมบูรณ์แบบ” โดยสามารถบำบัดโรคต่างๆ ได้ดังนี้ สมานแผลในปาก บำรุงสายตา […]


ขั้นตอนทางการแพทย์และการผ่าตัด

เมโสเธอราพี (Mesotherapy) อีกหนึ่งทางเลือกในการกำจัดไขมัน

วิธีสลายไขมันมักมีหลายรูปแบบแตกต่างกันไปตามความชอบ ความสะดวก และกำลังทรัพย์ของแต่ละคน บางครั้งก็สามารถทำได้ด้วยวิธีธรรมชาติ อย่างการเลือกรับประทานอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ หรือการออกกำลังกาย แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้เวลา และความอดทนอยู่พอสมควร แต่ในผู้คนบางกลุ่มมักใช้เทคโนโลยีของการแพทย์ด้านความงามเข้าช่วย เพราะทำให้ประหยัดเวลาได้มากขึ้น อย่างการฉีด เมโสเธอราพี วันนี้ Hello คุณหมอ ความรู้มาให้สาวๆ หนุ่มๆ ที่อยากจะมีหุ่นฟิตแอนด์เฟิร์ม นำไปประกอบการตัดสินใจกัน เมโสเธอราพี (Mesotherapy) คืออะไร เมโสเธอราพี หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากสั้นๆ ว่า “เมโส” เป็นการรวบรวมวิตามิน เอนไซม์ ฮอร์โมน และสารสกัดจากพืชบางชนิดเพื่อฉีดฟื้นฟูสภาพผิวให้ดูกระชับขึ้น รวมถึงการกำจัดไขมันส่วนเกิน ถูกคิดค้นขึ้นในปีค.ศ. 1952 โดยนายแพทย์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ Michel Pistor และนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน การทำเมโสเธอราพี นอกจากจะช่วยขจัดไขมันแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ในด้านการเสริมความงาม และปรับปรุงสุขภาพผิวได้อีก ดังนี้ ลดเลือนริ้วรอย ปรับสภาพสีผิว ลดเซลลูไลท์ รักษาอาการผมร่วง ฟื้นฟูผิวหน้าให้กระชับ ข้อเปรียบเทียบของ การดูดไขมัน Vs ฉีดเมโสเธอราพี ก่อนการตัดสินใจ การดูดไขมันส่วนเกิน มักจะดูดในบริเวณส่วนของด้านหลัง ต้นขา และหน้าท้อง โดยการให้คุณดมยาสลบเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยสอดหลอดดูดผ่านผิวหนัง หรือใต้ผิวหนังที่แพทย์ศัลยกรรมด้านความงามได้กำหนดตำแหน่งไว้ แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผิวหนังของคุณมีสีที่ไม่สม่ำเสมอกัน และอาจสร้างความเสียหายแก่หลอดเลือด รวมถึงไขมันอาจมีการก่อตัวขึ้นมาใหม่ได้ หากละเลยการดูแลสุขภาพ ส่วนการใช้เมโสเธอราพี นั้น […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ภาวะมือชา สัญญาณเตือนของ โรคเรเนาด์ ที่กำลังคุกคามร่างกายคุณ

นอกจากจะมือชา เท้าชาแล้วนั้น อาจมีอาการมือเท้าเย็นแข็งประปรายร่วม จนทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดรุนแรง เคลื่อนไหวร่างกายได้ไม่สะดวกเช่นเดิม จะทำกิจกรรมอะไรก็ยากลำบาก ทางการแพทย์เรียกอาการนี้ว่า โรคเรเนาด์ ที่วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนมาทำความรู้จัก พร้อมวิธีดูแลสุขภาพของคุณ ก่อนจะมีผลเสียตามมา โรคเรเนาด์ (Raynaud’s disease) คืออะไร โรคเรเนาด์ (Raynaud’s disease) ป็นอาการอย่างหนึ่งที่ทำให้บางส่วนของร่างกายคุณเย็นแข็ง เช่น นิ้วมือ นิ้วเท้า จนรู้สึกถึงความด้านชา โรคเรเนาด์นี้สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภทหลักๆ คือ โรคเรเนาด์แบบปฐมภูมิ คืออาการที่เกิดขึ้นได้เอง โดยไม่มีปัจจัยของโรคประจำตัวมาเกี่ยวข้อง และยังพบได้บ่อย ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมากนัก ซึ่งอาการจะบรรเทาลงได้เองตามลำดับ โรคเรเนาด์แบบทุติยภูมิ อาจมีสาเหตุมาจากโรคประจำตัวของคุณที่มีผลกระทบ หรือผลข้างเคียงจากโรคที่ทำให้เนื้อเยื่อในร่างกายของคุณเกิดปัญหาบางอย่าง นับว่าเป็นอาการรุนแรง จนอาจทำให้ผู้ป่วยถึงขั้นเสียชีวิตได้ ถึงแม้โรคเรเนาด์ยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดมากนัด แต่ยังคงมีโรค และอาการบางอย่างที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก่อให้เกิดอุณหภูมิในร่างกายที่ลดลง จนมือ และเท้าเย็นชา ดังนี้ โรคของหลอดเลือด เกิดจากการสะสมของคราบจุลินทรีย์ ทำให้หลอดเลือดบริเวณมือ และเท้าอักเสบ และยังสามารถทำให้คุณมีความดันโลหิตสูงขึ้นอีกด้วย โรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เป็นโรคที่ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก และสามารถทำให้ผิวหนังของเราเกิดแข็งตัวคล้ายแผลเป็น และยังเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคลูปัส และไขข้ออักเสบเพิ่มเติมได้ โรคกดทับเส้นประสาทในโพรงข้อมือ เกี่ยวกับการถูกกดทับกลุ่มเส้นประสาท เช่น นอนทับมือเป็นเวลานาน จนทำให้เกิดอาการชา […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

แผลเป็นคีลอยด์ที่หู สิ่งไม่ต้องการที่มาพร้อมกับการเจาะหู

หลายๆ คนอาจจะรู้จักแผลเป็นคีลอยด์กันมาบ้างแล้ว ว่าคืออะไร แต่หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า แผลเป็นคีลอยด์ที่หู คืออะไร วันนี้ Hello คุณหมอ มีบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับแผลเป็นคีลอยด์ที่ปูดนูนออกมาจากหูเมื่อมีการเจาะหู ว่าเกิดจากอะไร ทำไมบางคนถึงมีแผลเป็นคีลอยด์นี้ แผลเป็นคีลอยด์คืออะไร คีลอยด์ เป็นแผลเป็นที่นูนสูงขึ้นมา ซึ่งแผลเป็นคีลอยด์นั้นจะโต และใหญ่ขึ้นมากกว่าบริเวณที่เกิดแผล แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแผลจะแผลเป็นคีลอยด์ บางครั้งแผลเป็นคีลอยด์อาจเกิดจากแผลที่เกิดจากการโดนบาด แผลไฟไหม้ หรือแม้กระทั่งเกิดจากรอยสิว สำหรับบางคนคีลอยด์อาจเกิดขึ้นจากการไปเจาะหูหรือการสัก บางครั้งแผลเป็นจากการผ่าตัดก็ทำให้เกิดคีลอยด์ได้ แผลเป็นคีลอยด์เป็นแผลเป็นที่ต้องใช้เวลาในการเกิดขึ้น โดยใช้เวลาเป็นเดือน ๆ ในการเกิด ซึ่งขนาดและรูปร่างของแผลเป็นคีลอยด์จะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ มากมาย แผลเป็นคีลอยด์ที่หู เกิดได้อย่างไร แผลเป็นคีลอยด์นั้น อาจเกิดขึ้นได้จากการเจาะหู แผลเป็นคีลอยด์จะมีสีตั้งแต่น้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้มซึ่งขึ้นอยู่กับสีผิวหนังของแต่ละคน การเจาะหูนั้น โดยทั่วไปแล้วจะไม่ได้รับอันตรายหรือการบาดเจ็บที่ร้ายแรงอะไร ในช่วงเวลาที่แผลจากการเจาะหูกำลังรักษานั้น ร่างกายอาจสร้างเนื้อเยื่อสำหรับการรักษาแผลมากเกินไปจนแผลเป็นนั้นนูนสูงขึ้น จนเกิดเป็นคีลอยด์ขึ้นมา ซึ่งเนื้อเยื่อเหล่านี้จะแผลกระจายไปเกิดกว่าบริเวณที่เป็นแผล จนทำให้แผลเป็นคีลอยด์ ที่มีความใหญ่กว่าแผลเป็นปกติทั่วไป ซึ่งการเจาะหูก็จะมีแผลแค่บริเวณรูที่เจาะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากเกิดเป็นคีลอยด์ขึ้นมาก็จะทำมีเนื้อนูนออกมาจากรูที่เจาะหู สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดแผลเป็นคีลอยด์ สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดแผลเป็นคีลอยด์นั้น เกิดได้จากการได้รับการบาดเจ็บของผิวหนัง เช่น แผลเป็นจากการผ่าตัด สิว แมลงกัด ต่อย การสัก โรคอีสุกอีใส การป้องกันการเกิดแผลเป็นคีลอยด์ที่หู จริงๆ แล้วแผลเป็นคีลอยด์นั้นเป็นสิ่งที่รักษาได้ยาก แต่คุณสามารถป้องกันการเกิดแผลเป็นคีลอยด์ขึ้นมาใหม่ได้ ดังนี้ หากรู้สึกว่าบริเวณที่เจาะหูมานั้น มีความหนาขึ้นจนผิดปกติ ให้ถอดต่างหูออกทันที และเข้าพบคุณหมอเพื่อใส่ต่างหูแรงดัน (pressure earring) ซึ่งเป็นต่างหูที่ใช้ในทางการแพทย์ หากคุณเคยเป็นแผลเป็นคีลอยด์ ที่เกิดจากการเจาะหูมาแล้ว […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน