สุขภาพ

สุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญ เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้นไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารสุขภาพ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป และอื่น ๆ อีกมากมาย หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยคุณได้แน่นอน

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพ

ทำความรู้จัก "ปลูกฝี" สำคัญยังไง ยังจำเป็นอยู่ไหม

การปลูกฝีเคยเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โรคฝีดาษ (Smallpox) เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์ วัคซีนป้องกันฝีดาษซึ่งเริ่มต้นจากการปลูกฝี ไม่เพียงช่วยลดการเสียชีวิตนับล้านคนทั่วโลก แต่ยังนำไปสู่การประกาศกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523  อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับการปลูกฝีเริ่มจางหายไปเมื่อวัคซีนนี้ไม่ได้เป็นที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาผู้อ่านย้อนรอยความสำคัญของการปลูกฝีในอดีต และพิจารณาว่าการปลูกฝียังมีความจำเป็นในยุคสมัยใหม่หรือไม่ [embed-health-tool-vaccination-tool] ปลูกฝี ในอดีตเป็นอย่างไร? การปลูกฝีเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1796 โดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ผู้ค้นพบว่าวัคซีนจาก Cowpox สามารถป้องกันโรคฝีดาษได้ ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ทั่วโลกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 20 จนนำไปสู่การประกาศว่าฝีดาษถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ในปี 1980 สำหรับประเทศไทย การปลูกฝีเริ่มต้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมักทิ้งรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บริเวณหัวไหล่ หลังจากการกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523 การปลูกฝีก็หยุดลง แต่กลับมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกครั้งในยุคที่โรคฝีดาษลิงระบาด โดยวัคซีนที่พัฒนาจากวัคซีน Smallpox เช่น JYNNEOS กำลังถูกศึกษาเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้ โรคฝีดาษลิงคืออะไร โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากไวรัสในตระกูล Orthopoxvirus ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคฝีดาษ (Smallpox) แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่โรคฝีดาษลิงมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อ ไวรัส Monkeypox ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกในลิงในปี ค.ศ. 1958 และตรวจพบในมนุษย์ครั้งแรกในปี […]

หมวดหมู่ สุขภาพ เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพ

ขั้นตอนทางการแพทย์และการผ่าตัด

ตัดแขนขา (Amputation)

การ ตัดแขนขา เป็นการผ่าตัดเอาอวัยวะ เช่น แขน ขา มือ เท้า ส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดออกจากร่างกาย เนื่องจากผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บรุนแรง หรือมีสภาวะทางการแพทย์ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ข้อมูลพื้นฐานการตัดแขนขาคืออะไร การตัดแขนขา (Amputation) เป็นการผ่าตัดเอาแขน ขา เท้า มือ นิ้วเท้า หรือนิ้วมือ บางส่วนหรือทั้งหมดออก จัดเป็นตัวเลือกสุดท้ายในการรักษาอาการบาดเจ็บ โรค อาการติดเชื้อ หรือนำเนื้องอกออกจากกระดูกและกล้ามเนื้อ การตัดแขนขาจะมีโอกาสเกิดกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และส่วนใหญ่เป็นผู้ชายอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแทรกซ้อนหรือปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดปรึกษาแพทย์ ความจำเป็นในการ ตัดแขนขา โดยทั่วไปแล้ว แพทย์อาจต้องมีการตัดแขน ขา เท้า มือ นิ้วเท้าหรือนิ้วมือออก เนื่องจากสาเหตุต่อไปนี้ อาการติดเชื้อ หรือเสียเลือดขั้นรุนแรง อาการติดเชื้อหลังผ่าตัด เบาหวานชนิดที่ 1 และเบาหวานชนิดที่ 2 (ระดับน้ำตาลในเลือดสูงทำลายเส้นเลือด ทำให้เลือดไม่สามารถไหลได้อย่างปกติ) ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) อาการบาดเจ็บร้ายแรง เช่น อุบัติเหตุ บาดแผลไฟไหม้ เนื้องอกหรือมะเร็งในกระดูกและกล้ามเนื้อของส่วนแขนหรือขา อาการติดเชื้อร้ายแรงซึ่งทำให้ยาปฏิชีวนะ หรือการรักษามีประสิทธิภาพที่ไม่เต็มที่ เนื้องอกของเส้นประสาท (Neuroma) เนื้อเยื่อถูกทำลายเพราะความเย็นจัด (Frostbite) ปัญหาสุขภาพหัวใจ เช่น หัวใจวาย หัวใจล้มเหลว ภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน โรคปอดบวม (Pneumonia) อาจมีอาการอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ข้างต้น หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการดังกล่าว […]


ข่าวสารสุขภาพทั่วไป

กระแส ธุรกิจด้านสุขภาพ ในยุคที่ทุกคนหันมารักตัวเองมากขึ้น

ปัจจุบันแนวโน้มเรื่องการออกกำลังกาย การรักสุขภาพ และการหันมาดูแลตนเอง กำลังได้รับความนิยมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ หันมาลงทุนกับเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น มาติดตามเรื่องราวของ ธุรกิจด้านสุขภาพ กับบทความนี้จาก Hello คุณหมอค่ะ แนวโน้มความสนใจเรื่องสุขภาพในปัจจุบัน กระแสนิยมต่างๆ ในโลกใบนี้ ล้วนแล้วแต่เปลี่ยนกลับไปกลับมา ไม่มีกระแสใดที่ยืนยงและไม่มีกระแสใดที่สาบสูญ แต่ในยุคปัจจุบันนี้อาจกล่าวได้ว่ากระแสการดูแลสุขภาพนั้นเป็นกระแสที่แรงไม่เคยตก ดังจะเห็นได้จากการโฆษณาถึงสรรพคุณของสินค้าชนิดต่างๆ ในเชิงที่ว่า สินค้าตัวนี้ทำมาจากธรรมชาติ ให้ผลดีต่อสุขภาพ หรือกระแสของอาหารเพื่อสุขภาพ หรืออาหารคลีน ธุรกิจฟิตเนส เช่นเดียวกันกับกระแสการเป็นฟิตเนสเทรนเนอร์ที่มากขึ้นไปตามๆ กัน และอาจจะมากกว่าจำนวนฟิตเนสที่มีอยู่เสียด้วยซ้ำ ผู้คนเริ่มหันมาดูแลตัวเอง และออกกำลังกายกันมากขึ้น ในส่วนของประเทศไทยนั้น ที่เห็นได้ชัดเลยว่าเทรนด์รักสุขภาพกำลังเติบโตก็คือ การที่เราเห็นกระแสของการวิ่งมาราธอนพร้อมกับจำนวนคนที่สนใจการออกกำลังกายด้วยการวิ่งประเภทนี้เพิ่มมากขึ้นในทุกปี ทำไม ธุรกิจด้านสุขภาพ ถึงกลายมาเป็นกระแสนิยมในยุคปัจจุบัน แน่นอนว่าอุปสงค์และอุปทานนั้นต้องควบคู่กันไป เมื่อผู้คนสนใจในการดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ก็เป็นโอกาสในการจับเอาไอเดียต่างๆ มาทำเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์กับกลุ่มคนรักสุขภาพที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในแต่ละวัน รวมถึงสร้างแรงจูงใจให้คนอื่นๆ หันมาดูแลสุขภาพตามไปด้วย และจากการที่มีตัวเลือกของอาหารและบริการเพื่อสุขภาพที่มากขึ้น ก็ทำให้การดูแลสุขภาพไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ธุรกิจด้านสุขภาพก็สามารถที่จะดำเนินกิจการและเติบโตต่อไปได้เช่นกัน ธุรกิจด้านสุขภาพที่กำลังมาแรงในประเทศไทย มีอะไรบ้าง สำหรับในประเทศไทยนั้น เรียกว่ากระแสรักสุขภาพนั้นมีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะเห็นธุรกิจ หรือห้างร้านต่างๆ เปิดตัวอาหารและบริการที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพ สร้างผลกำไรเป็นกอบเป็นกำ ขณะเดียวกันกลุ่มคนรักสุขภาพ ก็มีตัวเลือกในการดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้นตามไปด้วย สำหรับประเทศไทยนั้น ธุรกิจออนไลน์เป็นที่น่าจับตามองและเติบโตขึ้นเสมอ เราจึงมักจะพบเห็นโฆษณาอาหารคลีน โปรโมชั่นฟิตเนส บริการตรวจสุขภาพ หรือตารางงานวิ่งมาราธอนประจำปีเด้งขึ้นมาในฟีดของโซเชียลมีเดียเสมอ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

กินผิด ชีวิตเปลี่ยน!! รู้ให้ชัวร์ วิธีกินยาคลายกล้ามเนื้อ ให้ถูกวิธี

อาการปวดเมื่อย ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในวัยผู้สูงอายุเท่านั้นนะคะ แต่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัน โดยเฉพาะกิจกรรมที่เราใช้กล้ามเนื้อมากจนเกินไป หรือ กิจกรรมที่เราใช้กล้ามเนื้อทำท่าแบบเดิมๆ ซ้ำๆ โดยส่วนใหญ่เมื่อเราเริ่มรู้สึกปวดเมื่อยก็มักจะไปซื้อยาที่ร้านขายยามารับประทานยาเองเพื่อบรรเทาอาการปวด แต่หารู้ไม่ว่าการกินยาโดยไม่ศึกษาข้อมูลให้ระเอียดแน่นอนนั้นจะส่งผลเสียต่อสุขภาพตามมา ถึงแม้ว่ายาคลายกล้ามเนื้อ (Muscle Relaxant) จะหาซื้อได้ง่าย แต่เราต้องกินให้ถูกโรค ถูกอาการ จึงจะถูกต้องและปลอดภัยต่อสุขภาพ วันนี้  Hello คุณหมอนำ วิธีกินยาคลายกล้ามเนื้อ มาฝาก ลองศึกษารายละเอียดให้ถูกต้อง ก่อนรับประทานยา เพื่อสุขภาพที่ดีของเรากันนะคะ [embed-health-tool-bmr] ข้อบ่งใช้ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาคลายกล้ามเนื้อ (Muscle Relaxant) คือ กลุ่มยาที่ใช้บรรเทาอาการปวดที่เกิดจากการตึงของกล้ามเนื้อ มีผลต่อการทำงานของระบบประสาทในสมองส่วนกลาง กล่อมประสาท ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ปัจจุบันในการรักษาอาการทางกล้ามเนื้อมีหลากหลายวิธีมากเลยค่ะ โดยอาการของแต่ละบุคคลจะขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ว่าเหมาะสมกับการรักษาแบบใด ผลข้างเคียง ยาคลายกล้ามเนื้อ ส่วนใหญ่จะมีผลข้างเคียงหลังการใช้ยา ดังนี้ วิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย เมื่อยล้า มีผื่นคัน ผดผื่นแดง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ปากแห้ง คอแห้ง ใจสั่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง วิธีกินยาคลายกล้ามเนื้อ (Muscle Relaxant) ยาคลายกล้ามเนื้อ (Muscle Relaxant) มีทั้งในรูปแบบเม็ด 10 และ […]


การทดสอบทางการแพทย์

ตรวจซี-รีแอคทีฟ โปรตีน (C-Reactive Protein Test)

ตรวจซี-รีแอคทีฟ โปรตีน (C-reactive Protein Test) เป็นการตรวจเลือดเพื่อวัดปริมาณโปรตีนที่เรียกว่า ซี-รีแอคทีฟ โปรตีน (C-reactive protein) หรือ CRP ในเลือด ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ระดับการติดเชื้อทั่วไปในร่างกาย [embed-health-tool-bmi] ข้อมูลพื้นฐาน การตรวจซี-รีแอคทีฟ โปรตีนคืออะไร การตรวจซี-รีแอคทีฟ โปรตีน (C-reactive Protein Test) เป็นการตรวจเลือดเพื่อวัดปริมาณโปรตีนที่เรียกว่า ซี-รีแอคทีฟ โปรตีน (C-reactive protein) หรือ CRP ในเลือด ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ระดับการติดเชื้อทั่วไปในร่างกาย ระดับ CRP ที่สูงเกิดจากการติดเชื้อและโรคเรื้อรังหลายชนิด แต่การตรวจซี-รีแอคทีฟ โปรตีนเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถแสดงให้เห็นบริเวณและสาเหตุของการติดเชื้อ จึงต้องการมีการตรวจอื่นๆ ร่วมด้วยเพื่อหาสาเหตุและบริเวณที่มีการติดเชื้อต่อไป ความจำเป็นในการ ตรวจซี-รีแอคทีฟ โปรตีน การตรวจซี-รีแอคทีฟ โปรตีนเป็นการตรวจทั่วไปเพื่อหาการติดเชื้อในร่างกาย จึงไม่ใช่การตรวจเฉพาะ นั่นหมายความว่า การตรวจนี้สามารถแสดงให้เห็นว่ามีการติดเชื้อในบางบริเวณในร่างกาย แต่ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนได้ โดยแพทย์อาจให้มีการทดสอบนี้เพื่อ ตรวจหาการกำเริบของโรคติดเชื้อ เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis) โรคลูปัส (lupus) หรือหลอดเลือดอักเสบ (vasculitis) ตรวจดูว่ายาต้านการอักเสบมีการออกฤทธิ์เพื่อรักษาโรคหรือภาวะต่างๆ หรือไม่ ข้อควรรู้ก่อนตรวจ ข้อควรรู้ก่อนการ ตรวจ ซี-รีแอคทีฟ […]


การทดสอบทางการแพทย์

กลุ่มอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง (Chronic Fatigue Syndrome)

คำจำกัดความกลุ่มอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง คืออะไร กลุ่มอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง หรือ Chronic Fatigue Syndrome : CFS คือ ความผิดปกติที่ซับซ้อนที่บ่งชี้ได้จากความเหนื่อยล้ารุนแรง ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ด้วยอาการอื่นๆ โดยความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียนี้อาจทำให้กิจกรรมทางกายและจิตย่ำแย่ลง และคงอยู่เป็นระยะเวลานาน พักผ่อนแล้วก็ยังไม่หายไป ซึ่งจำกัดความสามารถในการทำกิจกรรมทั่วไปในชีวิตประจำวัน กลุ่มอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง หรือสามารถอ้างอิงถึงในชื่อ อาการปวดกล้ามเนื้อเหตุสมองและไขสันหลังอักเสบ (Myalgic Encephalomyelitis : ME) หรือ Systemic exertion intolerance disease (SEID) ถึงแม้ว่า CFS และ ME และ SEID จะมีอาการร่วมกัน คือ อาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง แต่ก็มีความหลากหลายในนิยามของความผิดปกติ โดยอาการเหนื่อยล้าเรื้อรังนี้อาจเป็นผลจากหลายสาเหตุ สาเหตุของกลุ่มอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด และมีทฤษฏีเกี่ยวกับสาเหตุของโรคนี้มากมาย ตั้งแต่การติดเชื้อไวรัส ไปจนถึงความเครียดทางจิตใจ ผู้เชี่ยวชาญบางท่านเชื่อว่า กลุ่มอาการอ่อนเพลียเรื้อรังนั้นเกิดจากปัจจัยหลายอย่างรวมกัน ในปัจจุบันยังไม่มีการวินิจฉัย เฉพาะสำหรับกลุ่มอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง คุณอาจต้องเข้ารับการตรวจทางการแพทย์หลายประเภทเพื่อค้นหาความผิดปกติอื่นๆที่มีอาการคล้ายคลึงกัน กลุ่มอาการอ่อนเพลียเรื้อรังพบได้บ่อยแค่ไหน โดยทั่วไปกลุ่มอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยสามารถส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยในทุกช่วงอายุ แต่สามารถจัดการได้โดยการลดปัจจัยเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อาการอาการของกลุ่มอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง สัญญาณและอาการที่เกี่ยวข้องโดยทั่วไป มีดังนี้ ความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย การสูญเสียความทรงจำและสมาธิ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลือง บริเวณคอหรือใต้รักแร้โต ปวดกล้ามเนื้อ แบบไม่ทราบสาเหตุ ความเจ็บปวดย้ายจากข้อบริเวณหนึ่ง ไปยังข้ออีกบริเวณหนึ่งโดยไม่มีการบวมหรือแดง ปวดศีรษะ นอนไม่เต็มอิ่ม อ่อนเพลียแบบรุนแรงเป็นเวลามากกว่า […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ยาดม ภัยเงียบที่มาพร้อมกับความสดชื่น

ในสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวของบ้านเรานั้น หากมีตัวช่วยดีๆ ที่ช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้น ท่ามกลางอากาศร้อนระอุได้ ก็คงจะดีไม่น้อย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ยาดม จึงเป็นสิ่งที่ครองใจคนไทยแทบจะทุกคน บางคนพกยาดมติดตัวตลอดเวลา และดมยาดมแทบจะทั้งวัน จากวัตถุประสงค์ในการเพิ่มความสดชื่น แต่หากดมมากเกินไป ร่างกายอาจพบกับอันตรายได้ชนิดที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว เรามาเรียนรู้ถึงอันตรายของยาดมในบทความนี้ของ Hello คุณหมอ กันค่ะ สารประกอบใน ยาดม สารประกอบหลักๆ ในยาดม ประกอบไปด้วย เมนทอล การบูร พิมเสน น้ำมันหอมระเหย เมนทอล (Menthol) หรืออีกชื่อหนึ่งที่เรียกกัน คือ เกล็ดสะระแหน่ มีลักษณะเป็นผลึกเล็ก ๆ มีสีขาว เมนทอลใช้สำหรับรักษาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อต่อ (เช่น โรคข้ออักเสบ ปวดหลัง เคล็ดขัดยอก) เมนทอลมีกลิ่นหอม และให้ความรู้สึกเย็น ช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ คัดจมูก ลดอาการปวด บวม และยังช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ได้อีกด้วย การบูร (Camphor) คือ ผลึกที่พบในเนื้อไม้ของต้นการบูร การบูรมีสรรพคุณที่คล้ายกับเมนทอล มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และต้านการอักเสบ และยังช่วยในการทำงานของระบบทางเดินหายใจ บรรเทาอาการปวด พิมเสน (Patchouli) มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด […]


ข่าวสารสุขภาพทั่วไป

โคลนนิ่งมนุษย์ เป็นจริงได้ หรือไร้ความหวัง

คุณผู้อ่านหลายท่านอาจเคยได้ยินเรื่องราวของการโคลนนิ่ง ทั้งการโคลนนิ่งพืช หรือการโคลนนิ่งสัตว์ ตลอดจนความพยายามในการโคลนนิ่งสัตว์ที่ได้สูญพันธ์ุลงไปแล้วกันมาบ้าง หลายครั้งที่เราจะได้ข่าวว่ามีการโคลนนิ่งพืชหรือสัตว์แล้วประสบความสำเร็จ จนเป็นประโยชน์ต่อวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษากันต่อไป หากแต่คำว่า “โคลนนิ่งมนุษย์” ที่ดูน่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า เพราะมีทั้งดีเอ็นเอ และระบบโครงสร้างต่างๆ ที่สามารถจะเอื้อให้การทดลองนี้สำเร็จได้ แต่ทำไมเราถึงไม่เคยได้ยินข่าวคราวของความสำเร็จในการโคลนนิ่งมนุษย์เลย Hello คุณหมอ มีเรื่องที่น่ารู้เกี่ยวกับการโคลนนิ่งมนุษย์มาฝากกันค่ะ การโคลนนิ่ง คืออะไร การโคลนนิ่ง หรือ การโคลน (Cloning) คือกระบวนการสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาใหม่ โดยการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ หรือก็คือการสืบพันธุ์ที่ไม่ผ่านการปฏิสนธิด้วยสเปิร์มและไข่ ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้นจะมีลักษณะเหมือนกันกับสิ่งมีชีวิตต้นแบบทุกประการ แม้จะฟังดูเป็นการทดลองในห้องแล็บ หากแต่การโคลนตามธรรมชาตินั้นอาจพบได้ในสิ่งมีชีวิตจำพวกแบคทีเรียหรือพืชบางชนิด ที่มีการแบ่งเซลล์ใหม่ออกมาได้เหมือนกันกับเซลล์ต้นแบบทุกประการ  เคยมีการโคลนนิ่งที่ประสบความสำเร็จหรือไม่ มีการโคลนนิ่งเกิดขึ้นมาในประวัติศาสตร์โลกหลายครั้ง แต่การโคลนนิ่งที่โด่งดังและประสบความสำเร็จอย่างมากก็คือ การโคลนนิ่งแกะที่ชื่อดอลลี่ ในปี ค.ศ.1990 ซึ่งเป็นผลงานของ เอียน วิลมัธ (Ian Wilmut) กับ เคธ แคมป์เบล (Keith Campbell) และทีม แห่งสถาบัน Roslin Institute แห่ง University of Edinburgh และบริษัท PPL Therapeutics  โดยแกะที่ชื่อดอลลี่แม้จะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตตัวเเรกของโลกที่เกิดขึ้นมาจากการโคลน แต่เป็นผลงานที่เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงมากและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย แกะดอลลี่เกิดจากการโคลน โดยใช้เซลล์โซมาติกของแกะที่โตเต็มวัยมาเป็นเซลล์ต้นแบบ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

การกระทบกระเทือนทางศีรษะ (Concussion)

การกระทบกระเทือนทางศีรษะ (Concussion)  คือ การได้รับการกระทบกระเทือนที่ส่งผลต่อศีรษะของคุณโดยตรง  ทำให้บริเวณนั้นเกิดการอักเสบ ฟกช้ำ ส่งผลให้ผู้ป่วย มีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้และอาเจียน มองเห็นภาพซ้อน สูญเสียความทรงจำ  โดยการักษานั้นจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละบุคคล   การกระทบกระเทือนทางศีรษะ คืออะไรการกระทบกระเทือนทางศีรษะ (Concussion) คืออะไร การกระทบกระเทือนทางศีรษะ (Concussion)  คือ การได้รับการกระทบกระเทือนที่ส่งผลต่อศีรษะของคุณโดยตรง  ทำให้บริเวณนั้นเกิดการอักเสบ ฟกช้ำ ส่งผลให้ผู้ป่วย มีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้และอาเจียน มองเห็นภาพซ้อน สูญเสียความทรงจำ  โดยการักษานั้นจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละบุคคล ถือเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายบาดเจ็บแล้ว ยังสามารถส่งผลไปยังสมอง จนถึงขั้นอาจทำให้เสียชีวิตได้ พบได้บ่อยเพียงใด สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย  โดยเฉพาะในวันทารกและวัยเด็ก อาการอาการกระทบกระเทือนทางศีรษะ สัญญาณและอาการของการกระทบกระเทือนมีอยู่หลายประเภท ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของบาดแผล และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ได้รับการกระทบกระเทือนทางศีรษะจะส่งผลต่อทั้งทางด้านร่างกายและสภาพจิตใจ โดยมีอาการดังต่อไปนี้ สูญเสียความทรงจำ สับสน มึนงง ซึม หรือ อาการซึมเศร้า วิงเวียนศรีษะ  ปวดศีรษะ เห็นภาพซ้อน คลื่นไส้ อาเจียน ปัญหาด้านความสมดุล ปฏิกิริยาตอบโต้ต่อสิ่งเร้าช้ากว่าปกติ ช่วงระยะเวลาที่กำลังพักฟื้นหลังจากได้รับการกระทบกระเทือนศีรษะนั้น คุณอาจมีอาการดังต่อไปนี้ หงุดหงิด อ่อนไหวต่อแสงและเสียงดัง ไม่มีสมาธิ ปวดศีรษะ ควรไปพบหมอเมื่อใด หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใด ๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีคำถาม โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ สาเหตุสาเหตุของการกระทบกระเทือนทางศีรษะ สาเหตุส่วนใหญ่ของการถูกกระทบกระเทือนทางศีรษะเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น การได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์  การถูกทำร้ายร่างกาย ปัจจัยเสี่ยงของการกระทบกระเทือนทางศีรษะ มีหลายปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อสุขภาพร่างกายของเรา อย่างเช่น การเล่นกีฬาที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะหากมีอุปกรณ์ในการเล่นที่ไม่ปลอดภัย อยู่ในสถานการณ์เกิดอุบัติเหตุทางเท้าหรือจักรยาน เป็นทหารอยู่ในสนามรบ ตกเป็นเหยื่อในการทารุณกรรมทางร่างกาย หกล้ม หรือถูกกระแทก เกิดขึ้นได้ในเด็กและผู้สูงอายุ เคยถูกกระแทกมาแล้วก่อนหน้านี้ การวินิจฉัยและการรักษาข้อมูลที่ได้รับไปนั้นไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ควรไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงจะดีกว่า การวินิจฉัยการกระทบกระเทือนทางศีรษะ ในเบื้องต้นแพทย์จะทำการสอบถามประวัติและประเมินอาการ นอกจากนี้ยังทำการทดสอบอื่น ๆ […]


อาการของโรค

สัญญาณและอาการของโรคอารมณ์สองขั้วหรือ โรคไบโพลาร์ในเด็ก

หากเอ่ยถึงโรคอารมณ์สองขั้ว หรือไบโพลาร์ (Bipolar disorder) ผู้อ่านหลายคนมักจะคิดว่าโรคนี้จะต้องเป็นในผู้ใหญ่ วัยรุ่น หรือเด็กที่โตแล้วเท่านั้น แต่ความเป็นจริงแล้วโรคไบโพลาร์สามารถพบได้กับเด็กทุกๆ ช่วงวัย โรคไบโพลาร์ในเด็กสามารถทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวนในระดับที่รุนแรง สมาธิสั้น เรื่อยไปจนถึงระดับที่ต่ำสุดของภาวะซึมเศร้า Hello คุณหมอ จึงได้นำข้อมูลที่น่ารู้เกี่ยวกับสัญญาณต่างๆ เกี่ยวกับอาการ โรคไบโพลาร์ในเด็ก มาฝากทุกท่าน สังเกตลักษณะอาการและสัญญานของ โรคไบโพลาร์ในเด็ก เด็กทุกคนมีช่วงเวลาที่จะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว หยาบคาย  ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะแสดงความรู้สึกหงุดหงิด โกรธ โมโห หรือไม่พอใจ แต่ในบางครั้งอาจจะแสดงออกมากกว่าปกติ หรือทำตัวเป็นกบฏมากขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตามหากอาการของลูกมีความรุนแรงต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาภายหลังจนยากจะแก้ไขได้ โดยพ่อแม่สามารถสังเกตอาการ หรือพฤติกรรมที่แปลกไปของลูกได้ ว่ามีความใกล้เคียง คล้าย หรือเสี่ยงต่อการเป็นโรคไบโพลาร์หรือไม่ ดังนี้ อารมณ์แปรปรวนรุนแรง ผิดไปจากอารมณ์แปรปรวนตามปกติที่เคยเป็น มีพฤติกรรมที่แสดงออกไปในเชิงก้าวร้าวหรือไม่เหมาะสม มีลักษณะของการสูญเสียตัวตน เช่นมีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้ง หรือมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน ดื่มสุราหรือเสพยาเสพติด หรือการใช้จ่ายเงินอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งในข้อนี้จะพบในเด็กที่โตแล้ว หรือเด็กวัยรุ่น มีอาการนอนไม่หลับหรือความต้องการการนอนลดลง โดยถึงแม้ว่าจะนอนน้อยแต่ก็ไม่รู้สึกเพลีย มีอารมณ์หดหู่ หรือหงุดหงิดง่ายเกือบทั้งวันและแทบทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงที่มีอาการซึมเศร้า มีความขี้อวด มองการณ์ไกล เริ่มทะนงความสามารถของตัวเอง มีความคิดหรือพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น สาเหตุของอาการไบโพลาร์ในเด็ก อาการไบโพลาร์ในเด็กๆนั้นค่อนข้างมีความคลุมเครือ เพราะเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจเกิดมาจากที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือปัญหาชีวิตอื่นๆ เช่น พันธุกรรม อาจมาจากการที่สมาชิกในครอบครัวมีประวัติของโรคไบโพลาร์ ซึ่งในข้อนี้น่าจะเป็นความเสี่ยงเดียวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สาเหตุทางระบบประสาท เกิดจากความแตกต่างในโครงสร้างทางสมอง หรือการทำงาน ซึ่งจะทำให้เด็กมีความเสี่ยงต่อโรคไบโพลาร์ สภาพแวดล้อม เด็กๆหลายคนอาจอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคไบโพลาร์ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ลำไส้ใหญ่ ทำหน้าที่อะไรในร่างกายของเรากันแน่

ระหว่างกระบวนการย่อยอาหาร ร่างกายต้องดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นจากอาหารที่รับประทานเข้าไป แต่คุณอาจไม่ทราบว่าร่างกายยังจำเป็นต้องขับถ่ายของเสียที่เป็นพิษออกไปด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมลำไส้ใหญ่จึงมีความสำคัญ วันนี้ Hello คุณหมอ เลยอยากนำเสนอบทความเกี่ยวกับ ลำไส้ใหญ่ เพื่อให้คุณรู้จักอวัยวะสำคัญนี้ดีขึ้น [embed-health-tool-bmi] หน้าที่ของ ลำไส้ใหญ่ ลำไส้ใหญ่ เป็นท่อกล้ามเนื้อขนาดประมาณ 1.6 เมตรและมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 เซนติเมตร มีขนาดกว้างแต่สั้นกว่าลำไส้เล็ก โดยลำไส้ใหญ่เป็นส่วนสุดท้ายของระบบทางเดินอาหาร หน้าที่ของลำไส้ใหญ่คือ ดูดกลับน้ำ ดูดซึมวิตามินเค กำจัดกากของเสียและสารพิษจากลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่แบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ ลำไส้ใหญ่ส่วนทอดบน ลำไส้ใหญ่ส่วนขวาง ลำไส้ใหญ่ส่วนทอดลงล่าง ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ลำไส้ใหญ่กินพื้นที่บริเวณท้องส่วนล่างด้านขวา ซึ่งเป็นบริเวณที่ลำไส้เล็กขับสารอาหารเข้าสู่ส่วนแรกของลำไส้ใหญ่ที่เรียกว่า ซีกั้ม (cecum) ลำไส้ใหญ่ส่วนทอดบนเริ่มจากส่วนซีกั้มจนถึงระดับของตับ จากนั้นลำไส้จะขดไปทางซ้ายและพาดผ่านช่วงท้องที่เรียกว่าลำไส้ใหญ่ส่วนขวาง ลำไส้ใหญ่ส่วนทอดปลายเริ่มจากส่วนท้องด้านซ้ายไปจนถึงเชิงกรานที่บริเวณตำแหน่งม้าม เรียกว่า ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย และสิ้นสุดที่ลำไส้ตรง ซึ่งเป็นบริเวณที่ของเสียถูกขับออกจากร่างกาย ในช่วงแรก เมื่ออาหารผ่านเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ จะถูกเปลี่ยนเป็นกากอาหารหรืออุจจาระ และถูกลำเลียงไปกักเก็บไว้ที่ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ของเสียจะถูกส่งเข้าสู่ไส้ตรงเมื่อมีการขับถ่ายอุจจาระซึ่งเกิดขึ้น 1-2 ครั้งต่อวัน ลำไส้ใหญ่ดูดซึมน้ำและแร่ธาตุและสร้างของเสียเพื่อขับออกจากร่างกายในรูปแบบของอุจจาระ ในลำไส้ใหญ่มีแบคทีเรียมากกว่า 400 ชนิดซึ่งหน้าที่หลักคือแบคทีเรียเหล่านี้คือ ช่วยย่อยอาหาร กระตุ้นการผลิตสารอาหารที่สำคัญ เช่น วิตามินเค วิตามินบีหลายชนิด สร้างสมดุลของกรดและด่าง รวมถึงป้องกันการแพร่กระจายของแบคทีเรียที่เป็นอันตราย ผู้ที่มีสุขภาพลำไส้ใหญ่ดีควรขับถ่ายได้ง่ายและอุจจาระออกหมด และอุจจาระควรมีสีอ่อน […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน