นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยอีกหนึ่งชิ้น ศึกษาเกี่ยวกับการขาดไบโอตินในผู้ป่วยที่มีอาการผมร่วงและศีรษะล้าน ตีพิมพ์ในวารสาร The Journal of Pediatrics พ.ศ. 2528 ทำการทดลองโดยให้กลุ่มตัวอย่างที่มีอาการผมร่วงและศีรษะล้านบริโภคอาหารเสริมไบโอตินจำนวน 100 ไมโครกรัม/วัน และเพิ่มปริมาณเป็น 1 มิลลิกรัม/วัน เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ และเพิ่มปริมาณเป็น 10 มิลลิกรัม/วัน เป็นระยะเวลา 7 สัปดาห์ เมื่อการทดลองสิ้นสุดลง พบว่า ไบโอตินอาจมีส่วนช่วยให้อาการผมร่วงและศีรษะล้านดีขึ้น ทั้งยังอาจทำให้โรคผิวหนังอักเสบและอาการผื่นขึ้นเป็นสะเก็ดบริเวณแก้มและหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยดีขึ้นด้วย
-
อาจช่วยส่งเสริมสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์และทารกในครรถ์
biotin เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ โดยคุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับไบโอติน 30-35 ไมโครกรัม/วัน นอกจากนี้ ไบโอตินยังอาจช่วยลดความเสี่ยงในการคลอดก่อนกำหนดและช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ให้สมบูรณ์แข็งแรง
งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับระดับไบโอตินระหว่างตั้งครรภ์และการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์และการคลอดก่อนกำหนด ตีพิมพ์ในวารสาร The Journal of Medical Investigation พ.ศ. 2563 โดยทำการสำรวจร่างกายคุณแม่ตั้งครรภ์ 35 ราย ที่คลอดก่อนกำหนด และร่างกายคุณแม่ตั้งครรภ์ 24 ราย ที่คลอดทารกแรกเกิดน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ พบว่า ปริมาณไบโอตินในกระแสเลือดมีระดับต่ำตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนถึงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า การขาดไบโอตินในคุณแม่ตั้งครรภ์อาจทำให้เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดหรือชะลอการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
ปัญหาที่พบหากร่างกายขาด biotin
การขาดไบโอตินอาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพ ดังนี้
- ผมร่วง ผมบาง ผื่นแดง เล็บเปราะ
- ผิวเป็นสะเก็ดรอบดวงตา จมูก ปากและอวัยวะเพศ
- อาการทางระบบประสาท เช่น อาการซึมเศร้า ง่วงซึม ภาพหลอน ชา ความรู้สึกเสียวซ่าที่แขนขา อาการชัก
ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นจากการขาดไบโอติน จึงควรได้รับไบโอตินในประมาณที่เหมาะสม ดังนี้
- เด็กแรกเกิดถึง 6 เดือน ควรได้รับไบโอติน 5 ไมโครกรัม/วัน
- ทารกอายุ 7-12 เดือน ควรได้รับไบโอติน 6 ไมโครกรัม/วัน
- เด็กอายุ 1-3 ปี ควรได้รับไบโอติน 8 ไมโครกรัม/วัน
- เด็กอายุ 4-8 ปี ควรได้รับไบโอติน 12 ไมโครกรัม/วัน
- เด็กอายุ 9-13 ปี ควรได้รับไบโอติน 20 ไมโครกรัม/วัน
- ผู้หญิงและผู้ชายอายุ 14-18 ปี ควรได้รับไบโอติน 25 ไมโครกรัม/วัน
- ผู้หญิงและผู้ชายอายุ 19 ปีขึ้นไป ควรได้รับไบโอติน 30 ไมโครกรัม/วัน
- หญิงตั้งครรภ์ทุกวัย ควรได้รับไบโอติน 30 ไมโครกรัม/วัน
- หญิงให้นมบุตรทุกวัย ควรได้รับไบโอติน 35 ไมโครกรัม/วัน
โดยแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยไบโอติน ได้แก่ เนื้อสัตว์ ตับ ไข่สุก แซลมอน อะโวคาโด มันเทศ พืชตระกูลถั่ว ถั่วเหลือง ถั่วลิสง เมล็ดพืช ธัญพืช ปลา ผักใบเขียว เห็ด ชีส กะหล่ำ เนยถั่ว
ข้อควรระวังในการบริโภค biotin
biotin เป็นวิตามินบีที่ละลายน้ำได้จึงอาจมีความเสี่ยงน้อยที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ และยังไม่พบหลักฐานที่แน่ชัดว่าไบโอตินเป็นอันตรายต่อสุขภาพแม้ว่าจะรับประทานสูงถึง 300 มิลลิกรัม/วัน อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารเสริมไบโอติน ควรต้องแจ้งให้คุณหมอทราบก่อนเข้ารับการตรวจเลือด เนื่องจากปริมาณไบโอตินในเลือดสูงอาจทำให้การวินิจฉัยโรคผิดพลาดได้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย