ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
เผือกมีวิตามินซีสูง ซึ่งวิตามินซีช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้างเม็ดเลือดขาว ที่คอยทำหน้าที่ป้องกันร่างกายจากเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม อีกทั้งวิตามินซียังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ได้ด้วย
เผือก… มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง
เผือกมีสารที่เรียกว่า โพลีฟีนอล (Polyphenols) ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพนานัปการ รวมถึงมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง หรือช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งด้วย โดยโพลิฟินอลที่พบในเผือกมีชื่อว่า เควอซิทิน (Quercetin) ซึ่งผลจากการศึกษาวิจัยในหลอดทดลองและในสัตว์ทดลองหลายชิ้นพบว่า เควอซิทินสามารถกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งตาย และชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้หลายชนิด นอกจากนี้ ในเผือกยังมีสารประกอบอีกมากมายที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเผยว่ามีส่วนทำให้เกิดมะเร็งได้
ช่วยบำรุงสายตา
เผือกมีสารประกอบที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย รวมถึงเบต้าแคโรทีนและคริปโตแซนทีน (Cryptoxanthin) ที่ขึ้นชื่อเรื่องช่วยบำรุงสายตา โดยการป้องกันไม่ให้อนุมูลอิสระทำร้ายเซลล์ หรือก่อให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม หรือต้อกระจก
ช่วยในการลดน้ำหนัก
เมื่อพูดถึงเผือกแล้ว หลายคนก็ต้องคิดว่าเผือกเป็นพืชที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง คงไม่เหมาะนำมาบริโภคช่วงลดหรือควบคุมน้ำหนัก แต่ความจริงแล้ว เผือกนั้นเหมาะกับการลดน้ำหนักมาก เนื่องจากมีไฟเบอร์สูง ซึ่งผลการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า คนที่กินไฟเบอร์เยอะ ส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักตัวและปริมาณไขมันในร่างกายน้อยกว่าคนที่ไม่ค่อยกินไฟเบอร์ นั่นอาจเป็นเพราะไฟเบอร์ช่วยทำให้อิ่มเร็วและอยู่ท้อง ส่งผลให้คุณไม่หิวบ่อย จึงกินได้น้อยลง และได้รับปริมาณแคลอรี่น้อยลงด้วย แต่ทั้งนี้ คุณก็ไม่ควรกินแต่เผือกอย่างเดียว หรือกินเผือกมากเกินไป เพราะอาจกลายเป็นได้ปริมาณแคลอรี่สูงกว่าเดิมได้
ดีต่อสุขภาพลำไส้
อย่างที่บอกไปแล้วว่าไฟเบอร์และแป้งทนการย่อย ไม่สามารถถูกย่อยด้วยเอนไซม์และไม่ถูกดูดซึมในลำไส้เล็กของเราได้ จึงผ่านเข้าไปถึงลำไส้ใหญ่และกลายเป็นอาหารของจุลินทรีย์ในลำไส้ และช่วยเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ด้วย เมื่อลำไส้มีแบคทีเรียชนิดดีในปริมาณมากพอ ก็จะก่อให้เกิดกรดไขมันชนิดสายสั้นที่ดีต่อเซลล์ในลำไส้ และช่วยให้ลำไส้แข็งแรง ความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้และโรคลำไส้อักเสบจึงลดลง
กินเผือกยังไงให้ปลอดภัย ไม่คันคอ
หลายคนอาจไม่ชอบกินเผือก เพราะกินเผือกแล้วรู้สึกคันคอ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าในเผือกดิบมีกรดออกซาลิก (Oxalic Acid) และแคลเซียมออกซาเลต (Calcium Oxalate) ที่อยู่ในรูปแบบของผลึกรูปเข็มที่สามารถทิ่มแทงผิวหนังและเนื้อเยื่อในปากและคอของเรา จนทำให้เรารู้สึกคันได้
ฉะนั้น หากคุณอยากกินเผือกแบบสบายใจไม่คันคอ คุณก็ต้องกำจัดกรดออกซาลิกและแคลเซียมออกซาเลตในเผือกออกให้หมดก่อนกิน เริ่มจาก…
- สวมถุงมือยาง ป้องกันคันมือ
- ล้างหัวเผือกในน้ำไหลผ่าน โดยต้องล้างให้สะอาด เอายางออกให้หมด เพราะในยางเผือกนั้นมีแคลเซียมออกซาเลตอยู่มาก
- หากยังไม่สะอาด สามารถขัดล้างหัวเผือกในน้ำเย็นอีกครั้งได้
- ปอกเปลือกเผือกให้เกลี้ยงจะได้ไม่มีสารแคลเซียมออกซาเลตตกค้างอยู่
ส่วนกรดออกซาลิกนั้น คุณสามารถกำจัดออกได้ด้วยการต้มเผือกให้สุกเต็มที่ จากนั้นก็สามารถนำเผือกไปเชื่อม ผัด แกง ทอด ได้ตามต้องการ เพียงแค่นี้คุณก็สามารถดื่มด่ำกับเมนูเผือกสุดโปรดได้โดยไม่มีอาการคันคอ หรืออาจหลงเหลืออาการคันคอเพราะเผือกอยู่ได้บ้าง แต่ก็น้อยมากจนคุณแทบไม่รู้สึกด้วยซ้ำ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย