หญ้าหนวดแมวมีสารประกอบเมทานอลที่อาจใช้เป็นยาขับปัสสาวะและลดกรดยูริกส่วนเกินได้ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน Journal of Ethnopharmacology เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2551 ศึกษาเกี่ยวกับฤทธิ์ขับปัสสาวะและฤทธิ์ในการลดกรดยูริกของสารสกัดเมทานอลจากหญ้าหนวดแมว พบว่า หญ้าหนวดแมวเป็นยาพื้นบ้านที่ใช้ในการรักษาโรคไต โรคเกาต์ และเป็นยาขับปัสสาวะ ทั้งยังช่วยในการขับโซเดียมและโพแทสเซียมทางปัสสาวะเพิ่มขึ้น จึงอาจเป็นไปได้ว่าการผสมสารสกัดเมทานอลจากหญ้าหนวดแมวกับน้ำในอัตราส่วน 1:1 มีต่อผลขับปัสสาวะและลดภาวะกรดยูริกเกินได้ ทั้งนี้เป็นเพียงการทดลองในสัตว์ ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
-
มีฤทธิ์ช่วยต้านจุลชีพ
หญ้าหนวดแมวมีสารพฤษเคมีหลายชนิด เช่น คลอโรฟอร์ม (Chloroform) เมทานอล (Methanol) เอทิลอะซิเตท (Ethyl Acetate) ที่อาจมีฤทธิ์ช่วยต้านจุลชีพที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน Saudi Journal of Biological Sciences เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 ศึกษาเกี่ยวกับสารต้านอนุมูลอิสระและต้านจุลชีพที่พบในสารสกัดของหญ้าหนวดแมว แป๊ะตำปึง (Gynura Procumbens) และไทรใบโพธิ์หัวกลับ (Ficus Deltoidea) พบว่า สารสกัดคลอโรฟอร์ม เมทานอล และเอทิลอะซิเตท ที่พบในหญ้าหนวดแมวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านจุลชีพ เช่น เชื้อแบคทีเรียสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus Aureus) ที่ดื้อต่อยาเพนนิซิลิน (Penicillin) ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย
ข้อควรระวังในการบริโภคหญ้าหนวดแมว
หญ้าหนวดแมวมีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะหากใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ คือ แบบสดประมาณ 90-120 กรัม หรือแบบแห้งประมาณ 40-50 กรัม อาจส่งผลดีต่อสุขภาพและใช้เป็นยารักษาโรคได้ อย่างไรก็ตาม ควรอยู่ในการควบคุมของคุณหมอ หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้มีอาการปัสสาวะมากกว่าปกติ เกิดภาวะขาดแร่ธาตุบางชนิด ร่างกายสูญเสียน้ำ ระดับโซเดียมในเลือดต่ำจนเกิดการสะสมของโพแทสเซียม ทั้งยังอาจทำให้มีอาการวิงเวียนศีรษะและปวดศีรษะได้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย