สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ

ปลาทู เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูยอดนิยมที่อยู่คู่กับคนไทยมาทุกยุคทุกสมัย ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างจากปลาชนิดอื่น ๆ  นอกจากความอร่อยแล้วยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย บทความนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับประโยชน์ของปลาทูให้มากขึ้นกันค่ะ ปลาทู อร่อยดี มีโอเมก้าสูง เชื่อว่า ปลาทู (Mackerel) คงเป็นอีกหนึ่งเมนูโปรดสำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะนอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยแล้ว ยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูไม่ว่าจะเมนูทอด หรือต้ม เช่น ปลาทูทอด ปลาทอดนึ่ง ฉู่ฉี่ปลาทู ยำปลาทู ต้มยำปลาทู เป็นต้น และคุณประโยชน์อีกมากมายที่คุณอาจคาดไม่ถึง เช่น บำรุงหัวใจ บำรุงสายตา ข้อมูลโภชนาการ ปริมาณเนื้อปลาทู 100 กรัม มีข้อมูลโภชนาการ ดังนี้ พลังงาน 262 กิโลแคลอรี โปรตีน 24 กรัม ไขมันรวม 18 กรัม คอเลสเตอรอล 75 มิลลิกรัม โซเดียม 83 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 401 มิลลิกรัม วิตามินเอ 3.6%  ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน วิตามินซี 0.7%   ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน แคลเซียม 1.2%   ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน ธาตุเหล็ก 8.7% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน 5 คุณประโยชน์ดี ๆ จากปลาทู ปลาทูเป็นอีกหนึ่งปลาชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพไม่แพ้ปลาชนิดอื่น ๆ เรามาดูประโยชน์ของปลาทูกันดีกว่าค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง บำรุงสุขภาพหัวใจ ปลาทูอุดมด้วยไปด้วยโอเมก้า 3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อการบำรุงสุขภาพหัวใจ […]

นอกจากว่านหางจระเข้จะสามารถนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อบำรุงผิวพรรณภายนอกของเราได้แล้ว แต่ถึงอย่างไรการดูแลสุขภาพภายในก็ย่อมเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันที่เราควรพึงกระทำเช่น การออกกำลังกาย หรือการเลือกรับประทานสารอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งวันนี้ Hello คุณหมอ จึงขอนำ สูตรน้ำว่านหางจระเข้ เครื่องดื่มสมุนไพรพื้นบ้านบำรุงสุขภาพที่คุณทำเองได้ง่าย ๆ มาฝากทุกคนกันค่ะ มารู้จักกับประโยชน์ของ น้ำว่านหางจระเข้ กันเถอะ ว่านหางจระเข้ หรือ อโลเวร่า (Aloe Vera) เป็นพืชที่มักเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่เขตร้อน และถูกใช้เป็นสมุนไพรรักษาสุขภาพมานานร่วมหลายศตวรรษ ไม่ว่าจะนำมาใช้ทาผิวหนังเพิ่มความชุ่มชื้น รักษาผิวหนังไหม้ รวมถึงการทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อนำไปบำรุงภายในให้เกิดผลดีแก่สุขภาพของเรา ดังต่อไปนี้ ได้อีกด้วย เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับ การดื่มน้ำว่านหางจระเข้อาจเป็นวิธีที่ดี และค่อนข้างสะดวกที่สุดในการช่วยดีท็อกซ์สารพิษในตับ เพื่อเพิ่มระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากว่านหางจระเข้มีสารที่คอยให้ความชุ่มชื้น และอุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ ดังนั้นการดื่มน้ำว่านหางจระเข้จึงค่อนข้างให้ประโยชน์แก่การทำงานของตับได้อย่างมากเลยทีเดียว แก้ปัญหาอาการท้องผูก เนื่องจากว่านหางจระเข้ประกอบไปด้วยน้ำเป็นส่วนมาก จึงทำให้ผู้ที่ได้รับประทานน้ำว่านหางจระเข้ได้รับน้ำเข้าไปในร่างกาย และช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนี้เข้าไปหล่อเลี้ยงในลำไส้ ทำให้เกิดการขับถ่ายได้คล่องขึ้น อีกทั้งยังอาจช่วยสลายน้ำตาล ไขมัน ในกระเพาะอาหารให้เกิดการย่อยอาหารได้ง่าย พร้อมลดอาการระคายเคืองป้องกันอาการลำไส้แปรปรวน และลำไส้อักเสบร่วมด้วย บำรุงผิวพรรณ วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระในน้ำว่านหางจระเข้ อาจสามารถส่งผลให้ระบบการทำงานภายในดีขึ้น จนนำมาสู่การเผยผิวพรรณเรียบเนียน และกระจ่างใสถึงภายนอกได้ เพราะสารประกอบบางอย่างในว่านหางจระเข้มักมีส่วนช่วยซ่อมซอมเซลล์ผิวที่ได้รับความเสียหาย และช่วยต่อต้านริ้วรอยก่อนวัย สูตรน้ำว่านหางจระเข้ วัตถุดิบในการทำน้ำว่านหางจระเข้ ใบของว่านหางจระเข้ 1 ใบใหญ่ น้ำดื่มสะอาด 3 ถ้วย อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำน้ำว่านหางจระเข้ มีด ช้อน ภาชนะขนาดเล็ก เช่น ชาม แก้ว เครื่องปั่น วิธีทำน้ำว่านหางจระเข้ ใช้มีดตัดบริเวณด้านข้าง หรือส่วนที่มีหนามอย่างระวังออก […]

อาหารไทยแต่ละภาคล้วนมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างอาหารปักษ์ใต้ก็เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีรสชาติเข้มข้น จัดจ้าน และกลมกล่อม นอกจากแกงไตปลา แกงเหลือง คั่วกลิ้ง ผัดสะตอ ใบเหลียงผัดไข่ ที่หลายคนน่าจะเคยลิ้มลองกันมาบ้างแล้วนั้น ก็ยังมีอาหารใต้อีกหนึ่งเมนูที่รสชาติเด็ดไม่แพ้เมนูไหน ๆ แถมยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการจากผักและสมุนไพรนานาชนิด รับรองเลยว่า สูตรข้าวยำปักษ์ใต้ สูตรนี้ ใครได้กินก็ต้องติดใจแน่นอน Hello คุณหมอ นำมาฝากกัน สูตรข้าวยำปักษ์ใต้ ส่วนผสมสำหรับ ข้าวยำปักษ์ใต้ (สำหรับ 2 ที่) ข้าวสวยหุงด้วยน้ำดอกอัญชัน 2 ถ้วย ตะไคร้อ่อนหั่นฝอย (ล้างน้ำผสมมะนาว) 1 ถ้วย ถั่วงอกเด็ดราก 1 ถ้วย ใบชะพลูซอย ½ ถ้วย ใบมะกรูดซอย 2 ช้อนโต๊ะ ส้มโอแกะเนื้อฉีกเป็นฝอย 1 ถ้วย เมล็ดกระถินแก่หรือสะตอซอย 1 ถ้วย ดอกดาหลาซอย ½ ถ้วย ถั่วฝักยาวซอย 1 ถ้วย มะพร้าวคั่วเหลืองกรอบ ¾ ถ้วย งาขาวคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ งาดำคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ¼ ถ้วย พริกขี้หนูแห้งคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมน้ำบูดู กะปิ ½ ถ้วย ปลาร้า ½ ถ้วย ตะไคร้ทุบหั่นเป็นท่อน 2 ต้น หอมเล็ก 4 หัว ใบมะกรูดฉีกเส้นกลางออก 6 ใบ ข่าอ่อนซอยเป็นแว่น 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะขามเปียกข้น ๆ 1-2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ ¼ ถ้วย น้ำเปล่า ½ ถ้วย น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ข้าวยำปักษ์ใต้ เริ่มจากทำน้ำบูดู ตามขั้นตอนต่อไปนี้ ละลายกะปิ และปลาร้าในน้ำให้พอเข้ากันดี เสร็จแล้วยกขึ้นตั้งไฟอ่อน พอเดือดใส่ตะไคร้ […]

ถั่วลูกไก่ อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ทั้งโปรตีน ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม (Magnesium) ถั่วลูกไก่เป็นถั่วที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด วันนี้ Hello คุณหมอ มี สูตรแกงกะหรี่ถั่วลูกไก่ แกงเนื้อเนียน หอมผงกระหรี่ แถมยังได้ประโยชน์จากถั่วลูกไก่อีกด้วย ว่าแล้ว ตามไปจดสูตรกันได้เลยค่ะ สูตรแกงกะหรี่ถั่วลูกไก่ ส่วนผสมแกงกะหรี่ถั่วลูกไก่ ส่วนผสม ปริมาณ ถั่วลูกไก่ 200 กรัม ผงกะหรี่ 1 ช้อนโต๊ะ ยี่หร่ากับเม็ดผักชีคั่วบดละเอียดผสม 1 ช้อนชา หอมแดงแขกสับหยาบ 1 หัว ขิงบด 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียมบด 1 ช้อนโต๊ะ มะเขือเทศสับหยาบ 2 ลูก ผักชีสับหยาบ พริกชี้ฟ้าเขียวสับหยาบ 2-3 เม็ด เนยเล็กน้อย วิธีทำแกงกะหรี่ถั่วลูกไก่ แช่ถั่วลูกไก่ไว้ข้ามคืน หลังจากนั้นล้างถั่วลูกไก่ที่แช่น้ำไว้ให้สะอาด แล้วนำถั่วลูกไก่ไปต้มในน้ำเดือดให้เมล็ดถั่วนั้นนุ่ม หลังจากนั้นตักขึ้นพักไว้ ระหว่างที่รอถั่วลูกไก่นุ่ม ให้เจียวกระเทียมและหอมแดง ใส่ขิงและกระเทียมบด พร้อมด้วยพริกชี้ฟ้าสับหยาบ มะเขือเทศสับหยาบ ผัดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีใส่ผงกระหรี่ หยี่ร่าและเมล็ดผักชีคั่วบดลงไป ใส่ถั่วลูกไก่ เติมน้ำเปล่าลงไป เคี่ยวจนน้ำแกงซึมเข้าถั่วดี แล้วตักใส่ชามโรยใบผักชีสับ เท่านี้เราก็จะได้เมนูแกงกระหรี่ถั่วลูกไก่พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ ถั่วลูกไก่ กับคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ ถั่วลูกไก่เป็นถั่วที่ให้สารอาหารหลากหลายชนิด และยังมีโปรตีนสูง ซึ่งมีความจำเป็นต่อสุขภาพของกระดูก กล้ามเนื้อ และผิวหนัง นอกจากนี้ถั่วลูกไก่เป็นแหล่งของไฟเบอร์ วิตามินและแร่ธาตุ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ช่วยปรับปรุงระบบการย่อยอาหาร มีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก และยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ มากมาย ดีสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ถั่วลูกไก่เป็นถั่วที่มีปริมาณไฟเบอร์มาก ซึ่งไฟเบอร์เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน จากการศึกษาในปี 2014 […]

นับว่าเป็นน้ำสลัดอีกประเภทสของไตล์ญี่ปุ่นที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก และสามารถทำได้ง่าย ๆ เก็บไว้รับประทานยามที่คุณต้องการได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องออกไปตามหาซื้อให้วุ่นวาย และเสี่ยงต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกด้วย ซึ่งวันนี้ Hello คุณหมอ ก็ได้นำวิธีการทำ หรือ สูตรน้ำสลัดงา ฝากทุกคนกัน แต่จะมีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้างนั้น ติดตามได้ในบทความนี้ค่ะ มารู้จักกับประโยชน์ของงา กันเถอะ เมล็ดงา เป็นเมล็ดขนาดเล็กที่ภายในประกอบด้วยน้ำมันจากธรรมชาติ สมัยก่อนนั้นแพทย์ มักนิยมนำมาใช้เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่คอยปกป้องการเกิดโรคหัวใจ และโรคข้ออักเสบ ส่วนใหญ่งาจะมีสีที่ออกขาว และสีดำ ซึ่งพบเห็นกันได้มากที่สุดในปัจจุบัน ที่สำคัญการนำเมล็ดงาไปเป็นส่วนประกอบในอาหารนั้น อาจทำให้ผู้ที่รับประทานเข้าไปได้รับประโยชน์ ดังต่อไปนี้ ลดความดันโลหิต เมล็ดงามีแมกนีเซียมสูง ที่อาจสามารถลดภาวะความดันโลหิตสูง ที่เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มากเพียงพอในการกำจัดจุลินทรีย์ในหลอดเลือดแดงได้อีกด้วย นำได้ว่าเป็นเมล็ดพืชสมุนไพรที่ค่อนข้างจิ๋วแต่ให้ประโยชน์สุดแจ๋วอย่างมากเลยทีเดียว ลดระดับคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) น้ำมันในเมล็ดงาถือได้ว่าเป็นไขมันชนิดดี ซึ่งประกอบด้วยไขมันอิ่มตัว 15% ไขมันไม่อิ่มตัวชิงซ้อน 41% และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 39% บางวิจัยนั้นได้ทำการชี้ให้เห็นว่า การรับประทานอาหารจำพวกไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว อาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายคุณให้ลดลงได้หากทานในปริมาณที่เหมาะสม ปรับปรุงสุขภาพช่องทางเดินอาหาร เนื่องจากงาประกอบด้วยไฟเบอร์ ซึ่งทุกคนน่าจะทราบกันป็นอย่างดีว่าไฟเบอร์มีส่วนช่วยอย่างมากในการปรับปรุงช่องทางเดินอาหารของคุณ พร้อมทั้งยังทำให้คุณห่างไกลจากโรคหัวใจ โรคมะเร็งบางชนิด และโรคอ้วนได้อีกด้วย สร้างสมดุลของฮอร์โมนให้แก่ช่วงวัยหมดประจำเดือน ไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogen) ที่เป็นสารประกอบจากเมล็ดงา ค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) อย่างมาก ดังนั้น การรับประทานงา […]

เครื่องดื่มผลไม้ เป็นเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยสารอาหารจากธรรมชาติที่ไร้การปรุงแต่งจากสารประกอบใด ๆ เพื่อให้ผู้มีความต้องการที่จะดื่มนั้น ได้รับประโยชน์เข้าไปบำรุงสุขภาพได้อย่างเต็มที่ วันนี้บทความของ Hello คุณหมอ จึงขอแนะนำ สูตรสมูทตี้แก้วมังกร อีกสูตรหนึ่งที่สามารถทำได้ง่าย ๆ มาฝากทุกคนให้ได้ลองทำรับประทานกันค่ะ มารู้จักกับประโยชน์ของ แก้วมังกร กันเถอะ แก้วมังกร (Dragon Fruit) เป็นผลไม้ที่มาพร้อมกับสีสันสดใส ถูกจัดอยู่ในตระกูลเดียวกับตะบองเพชร เนื้อของแก้วมังกรส่วนใหญ่มักมีสีขาวนวลสวย รสชาติหวานหอม ในเนื้อแก้วมังกรจะมีเม็ดเล็ก ๆ ที่อยู่ภายในซึ่งคุณสามารถรับประทานเข้าไปได้ นอกจากนี้ยังมีบางสายพันธุ์ที่ผลมีเนื้อสีม่วง หรือชมพูสด เพิ่มความน่ารับประทานยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่รสชาติอร่อยแล้ว แก้วมังกรยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในอีกหลายแง่มุม ดังนี้ ปรุบปรุงสุขภาพลำไส้ ลำไส้ของคุณอาจเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยชั้นดีของจุลินทรีย์ และแบคทีเรียมากถึง 100 ล้านกว่าชนิดเลยก็ว่าได้ นักวิจัยหลายคนยังเชื่ออีกว่าจุลินทรีย์นี้สามารถส่งผลกระทบสุขภาพลำไส้ของคุณได้อย่างแน่นอน เพราะมันอาจไปรบกวนในการสร้างสมดุลของลำไส้ ดังนั้น การรับประทานแก้วมังกรเพื่อเข้าไปช่วยปรับปรุงอาจเป็นอีกหนทางที่ทำให้ลำไส้มีการทำงานได้ดีขึ้น เนื่องจากแก้วมังกรมีพรีไบโอติก (Prebiotics) ที่ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในทางเดินระบบอาหาร และช่วยให้แบคทีเรียที่ดีได้เจริญเติบโตเข้าไปช่วยปรับสมดุลเพิ่มเติมได้ในช่องท้องของคุณ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน แก้วมังกรอุดมไปด้วยวิตามินซี และแคโรทีนอยด์ ที่อาจช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และป้องกันการติดเชื้อในเซลล์เม็ดเลือดขาวของคุณ เนื่องจากเซลล์เม็ดเลือดขาวนี้มีหน้าที่สำคัญอย่างมากในการขัดขวางสารอันตรายต่าง ๆ ที่จะเข้ามาทำลายระบบภูมิคุ้มกัน เพราะฉะนั้นการรับประทานแก้วมังกรเข้าไปช่วยเสริม อาจเป็นทางที่ดีที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวได้ บำรุงผิวพรรณ นอกจากการนำแก้วมังกรมารับประทานแล้ว เนื้อของมันยังสามารถนำมาทาเพื่อบำรุงสุขภาพผิวหน้าได้เป็นอย่างดี เพราะแก้วมังกรมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัย รักษาผิวหนังไหม้จากแสงแดด และอาจรักษาสิวได้ ซึ่งปัจจุบันอาจมีนวัตกรรมที่เปลี่ยนไป โดยการทำแก้วมังกรมาสกัดให้อยู่ในรูปแบบผลิตภัณฑ์บำรุง แทนการใช้เนื้อผลไม้สดอีกด้วย สูตรสมูทตี้แก้วมังกร วัตถุดิบในการทำสมูทตี้แก้วมังกร แก้วมังกร ปริมาณ 200 […]

มายองเนส คือซอสที่ทำมาจากไข่แดง น้ำมันพืช และน้ำมะนาว ตีให้ส่วนผสมให้เข้ากันจนได้ซอสครีมเนื้อข้น การที่ของเหลวทั้งหมด เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวเรียกว่า อิมัลชัน (Emulsion) ซึ่งเกิดจากการตีส่วนผสมทั้งหมดอย่างเร็ว ๆ จนส่วนผสมเข้ากันดีและไม่เกิดการแยกชั้น สำหรับผู้ที่รับประทานเจ ก็จะไม่สามารถรับประทานมายองเนสได้ วันนี้ Hello คุณหมอ มี สูตรมายองเนสถั่วเหลือง มาฝากสำหรับใครที่กินเจและต้องการลดคอเลสเตอรอล สูตรมายองเนสถั่วเหลือง ส่วนประกอบมายองเนสถั่วเหลือง ส่วนผสม ปริมาณ ถั่วเหลืองซีก 150 กรัม น้ำมันรำข้าว 300 มิลลิลิตร น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ล 2 ช้อนโต๊ะ เกลือปรุงรส   วิธีทำมายองเนสถั่วเหลือง นำถั่วเหลืองสำหรับทำมายองเนสมาล้างน้ำให้สะอาด แช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน ปั่นถั่วเหลืองที่แช่น้ำไว้รวมกับน้ำสะอาด 3 ถ้วย กรองด้วยผ้าขาวบาง เมื่อได้น้ำนมถั่วเหลืองแล้ว นำไปตั้งไฟ พอเดือดให้ลดไปลง และหมั่นคนเป็นระยะ ๆ เคี่ยวเป็นเวลานาน 15 นาที ยกลงพักให้เย็น ตวงน้ำนมถั่วเหลือง 1 ถ้วยใส่ลงเครื่องปั่น เทน้ำส้มสายชูแอปเปิลและเกลือลงไปปั่นให้เข้ากัน หลังจากนั้นค่อย ๆ เทน้ำมันรำข้าวลงในโถปั่น เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันจนเป็นเนื้อข้นเนียน ๆ แล้ว เราก็จะได้ มายองเนสถั่วเหลือง ไว้รับประทานกันแล้วค่ะ โภชนาการของ ถั่วเหลือง ถั่วเหลือง ถือเป็นโปรตีนคุณภาพสูง ซึ่งเป็นอาหารจากพืชไม่กี่ชนิดที่มีกรดอมิโนจำเป็นทั้งหมดที่สามารถพบได้ในเนื้อสัตว์ นอกจากโปรตีนแล้ว […]

เมื่อพูดถึงสลัดผัก เหล่าบรรดาผู้ที่ไม่ชอบทานผักทั้งหลาย อาจจะร้องยี้ และไม่อยากรับประทาน แต่สลัดผักอย่าง โคลสลอว์ (Coleslaw) นั้นเป็นหนึ่งในเมนูเครื่องเคียง ที่นอกจากจะสามารถพบได้ทั่วไปแล้ว ยังมีรสชาติอร่อย ทานง่าย และทำได้ง่ายๆ อีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ จะมาแนะนำ สูตรโคลสลอว์ เมนูสลัดผักเพื่อสุขภาพ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบทานผักกันค่ะ โคลสลอว์ เครื่องเคียงมากล้นประโยชน์ โคลสลอว์นั้นเป็นหนึ่งในเครื่องเคียง ที่เรามักจะสามารถพบเห็นได้ โดยเฉพาะตามร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดส่วนใหญ่ มักจะมีโคลสลอว์ เป็นหนึ่งในเมนูด้วยกันทั้งนั้น เนื่องจากเป็นเมนูที่ทำง่าย และมีส่วนผสมเพียงแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำปลีนั้นนอกจากจะเป็นผักที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง มีแคลอรี่ต่ำ อีกทั้งยังมีราคาถูก สามารถหารับประทานได้ง่าย ในกะหล่ำปลี 1 ถ้วยนั้นจะให้พลังงานแค่เพียง 22 แคลอรี่ แต่กลับให้ใยอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร และช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย ดีต่อสุขภาพหัวใจอีกด้วย แครอท ในแครอทนั้นอุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) สาระสำคัญที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา นอกจากนี้ในแครอทยังเป็นแหล่งสำคัญของสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย ช่วยต้านการอักเสบ และอาจสามารถช่วยต่อต้านมะเร็งได้ หอมใหญ่ หลายคนอาจจะไม่ค่อยชอบรับประทานหอมใหญ่ เพราะกลิ่นฉุนที่รุนแรงของหอมใหญ่ แต่จริง ๆ แล้ว ในหอมใหญ่นั้นอุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย […]

บทความนี้ Hello คุณหมอ ขอเอาใจคนชอบทานมะม่วงด้วยการนำ “สูตรแยมมะม่วง” มาฝากทุกคนกันคะ ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก สามารถทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน วัตถุดิบก็สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด ที่สำคัญยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย จะมีวิธีการทำและประโยชน์อย่างไรนั้น ติดตามอ่านได้ในบทความนี้เลย แยมมะม่วง รสชาติอมเปรี้ยวหวาน อร่อยถูกใจคนทุกวัย แยมมะม่วง (Mango Jam) จึงเป็นอีกหนึ่งเมนูยอดฮิต ที่ทำให้เป็นที่ถูกอกถูกใจของคนทุกเพศทุกวัย เพราะนอกจากรสชาติที่หอมหวานละมุนลิ้นแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย เช่น ลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งบางชนิด มีสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงสุขภาพหัวใจ เป็นต้น สูตรแยมมะม่วง (Mango Jam) ส่วนผสม มะม่วงสุก มะนาวหรือน้ำมะนาว น้ำตาล พอประมาณเนื่องจากมะม่วงสุกมีรสชาติหวานอยู่แล้ว (สำหรับผู้มีโรคประจำตัวเช่น โรคเบาหวาน อาจตวงปริมาณตามความเหมาะสม หรืออาจเลือกใช้สารสกัดจากหญ้าหวานแทน) วิธีทำ เลือกมะม่วงที่ไม่ดิบและสุกมากจนเกินไป ปอกเปลือกมะม่วงหั่นเป็นชิ้นๆ นำแกนกลางออก ใส่มะม่วงลงในหม้อกับน้ำตาลลงไปแล้วคนให้เข้ากัน อาจเพิ่มน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย ตั้งไฟต้มให้เดือด คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน หลังจากนั้นลดไฟลง ทิ้งไว้ให้อยู่ในอุณหภูมิปกติ แล้วตักใส่ขวดโหล ไว้รับประทาน (หากต้องการให้เนื้อเนียนอาจนำไปปั่นเพิ่ม) “มะม่วง” ผลไม้ที่กินได้ทั้งคาว-หวาน อร่อย..มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มะม่วง (Mango) มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  มีประวัติการปลูกมายาวนานถึง 4,000 ปี และยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูทั้งเมนูคาว-หวาน เช่น มะม่วงกวน พายมะม่วง แยมมะม่วง […]

ขนมปังกระเทียม ของว่าง ของทานเล่นที่ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยก็ยังเป็นหนึ่งในเมนูครองใจคนไทยเสมอมา แต่ปัจจุบันนี้เทรนด์สุขภาพก็มาแรง กินขนมปังกระเทียมเพียวๆ คาร์โบไฮเดรตก็พุ่ง น้ำตาลก็เพิ่ม อร่อยจริงแต่ความเสี่ยงสุขภาพก็น่าจะถามหาด้วย ดังนั้นวันนี้ Hello คุณหมอ จึงขอนำเสนอ สูตรขนมปังกระเทียมแบบคีโต ที่อร่อยได้รสชาติขนมปังกระเทียมแน่นๆ แต่ดีต่อสุขภาพด้วย กินอาหารแบบคีโต คืออะไร กินแล้วดีต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง การกินอาหารแบบคีโต (Ketogenic Diet) คือแนวทางการรับประทานอาหารที่เน้นไขมันสูงแต่คาร์โบไฮเดรตต่ำ เป็นหลักการรับประทานอาหารที่ได้รับความนิยมากในหมู่คนที่กำลังลดน้ำหนัก การกินอาหารแบบคีโตจะได้แคลอรีจากการกินโปรตีนและไขมัน โดยที่จะลดหรือตัดปริมาณของคาร์โบไฮเดรตในแต่ละมื้ออาหารออกไป วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมปริมาณของอินซูลินในร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ และช่วยเพิ่มระบบการเผาผลาญในร่างกายอีกด้วย เรียกได้ว่าแม้จะเน้นกินไขมัน แต่ก็เป็นการกินที่กระตุ้นการเผาผลาญซึ่งมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้ดี กินแบบคีโตช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ การกินอาหารแบบคีโตดูจะเน้นทั้งไขมันและโปรตีนในปริมาณที่สูง แต่การกินไขมันมากขนาดนั้นจะช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร ก็ในเมื่อไขมันนั่นแหละที่เป็นตัวการทำให้อ้วนและน้ำหนักขึ้น คำตอบคือ โดยปกติแล้วร่างกายของคนเราจะดึงคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลมาแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานสำหรับใช้ในร่างกาย ดังนั้นเมื่อเราตัดคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลออกจากวงจรการรับประทานอาหารแล้ว ร่างกายก็จะไปดึงเอาพลังงานมาจากไขมันและโปรตีนแทน ซึ่งกระบวนการนี้ของร่างกายจะไปกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญเพื่อไปเผาผลาญไขมันและโปรตีนให้กลายมาเป็นพลังงาน ดังนั้นต่อให้ไม่ได้กินคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล ร่างกายก็ยังคงมีพลังงานเพียงพอ แถมไขมันที่กินเข้าไปก็ยังถูกร่างกายดึงไปใช้อีกด้วย จึงมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้ อาหารที่คุณควรรับประทาน และควรหลีกเลี่ยง หากต้องการกินอาหารแบบคีโต อาหารแบบใดไม่ใช่วิถีของคีโต อาหารใดๆ ก็ตามที่ให้ปริมาณของคาร์โบไฮเดรตสูง จัดว่าไม่ถูกต้องตามหลักของการกินอาหารแบบคีโตที่เน้นไขมันและโปรตีน ซึ่งหากเริ่มกินอาหารแบบคีโตก็ควรงดอาหารดังต่อไปนี้ อาหารที่มีน้ำตาล เช่น ลูกอม น้ำอัดลม เค้ก ธัญพืชหรือแป้ง เช่น ข้าว พาสต้า ซีเรียล ผลไม้ทุกชนิด เพราะมีน้ำตาลสูง ยกเว้น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่  ถั่วต่างๆ […]