อบเชยมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการตอบสนองต่ออินซูลินของเซลล์ในร่างกาย จึงช่วยให้เซลล์ดูดซึมน้ำตาลในเลือดได้มากขึ้น และทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การบริโภคอบเชย จึงอาจช่วยต้านเบาหวานได้
งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ว่าด้วยผลจากการบริโภคอบเชยต่อการจัดการน้ำตาลของร่างกาย ตีพิมพ์ในวารสาร Diabetes, Obesity and Metabolism ปี พ.ศ. 2560 นักวิจัยให้อาสาสมัครเพศชายอายุประมาณ 26 ปี จำนวน 7 ราย ทดสอบระดับน้ำตาลในเลือดแบบการตรวจเบาหวานโดยใช้น้ำตาลกลูโคส(Oral Glucose Tolerance Test) 3 ครั้ง โดยในแต่ละครั้ง นักวิจัยให้อาสาสมัครรับประทานของกินที่แตกต่างกัน โดยครั้งแรกเป็นยาหลอก 5 กรัม ครั้งที่ 2 เป็นอบเชยปริมาณ 5 กรัม ส่วนครั้งที่ 3 เป็นอบเชย 5 กรัม โดยรับประทาน 12 ชั่วโมงก่อนการทดสอบระดับน้ำตาล
เมื่อสิ้นสุดการทดลอง นักวิจัยพบว่า การบริโภคอบเชยอาจมีส่วนช่วยให้อาสาสมัครมีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง และมีการตอบสนองต่ออินซูลินในร่างกายดีขึ้น ทั้งนี้ ประสิทธิภาพของอบเชยต่อระดับน้ำตาลในเลือดและการตอบสนองของอินซูลินนอกจากจะเกิดขึ้นในทันทีหลังบริโภคอบเชยแล้ว ยังส่งผลต่อร่างกายเป็นระยะเวลาประมาณ 12 ชั่วโมงด้วย อย่างไรก็ตาม ควรต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
-
กะเพรา
ใบกะเพรา มีสารยูจีนอล (Eugenol) โพลีฟีนอล (Polyphenols) และกรดคาเฟอิก (Caffeic Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงจัดเป็นหนึ่งใน สมุนไพร แก้เบาหวาน สรรพคุณที่สำคัญคือการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ในผู้ป่วยเบาหวาน
งานวิจัยชิ้นหนึ่ง หัวข้อเรื่องประสิทธิภาพของผงกะเพราที่มีต่อระดับน้ำตาลในเลือดของหนูทดลองที่เป็นเบาหวาน ตีพิมพ์ในวารสาร Plant Foods for Human Nutrition ปี พ.ศ. 2540 นักวิจัยได้ให้หนูทดลองบริโภคผงกะเพรา เป็นระยะเวลา 1 เดือน เพื่อทดสอบฤทธิ์ของกะเพราต่อระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร ผลปรากฏว่า กะเพราช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และระดับไขมันในตับของหนูที่ป่วยเป็นเบาหวานได้อย่างมีนัยสำคัญ จึงสรุปได้ว่า การบริโภคใบกะเพราอาจมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ในหนูที่ป่วยเป็นเบาหวานได้
ทั้งนี้ ยังคงเป็นการทดลองในสัตว์ ควรทำการทดลองเพิ่มเติมเพื่อยืนยันถึงประสิทธิภาพของกะเพราในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดของมนุษย์
-
ว่านหางจระเข้
สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน การมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติเป็นเวลานาน อาจทำให้หลอดเลือดเสียหาย และนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดแข็ง (Atherosclerosis) ส่งผลให้ผู้ป่วยเบาหวานเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันโลหิตสูงซึ่งนับเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและภาวะไตวาย
ว่านหางจระเข้ นับว่าเป็นหนึ่งในสมุนไพร แก้เบาหวาน เนื่องจากมีสารอะโลอีโมนดิน (Aloe-Emodin) และอะโลอิน (Aloin) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงจนเกินไป และลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ (Trigleceride) ที่เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงของความดันโลหิตสูง
งานวิจัยชิ้นหนึ่ง หัวข้อเรื่องประสิทธิภาพของว่านหางจระเข้ต่อระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Food Science and Technology ปี พ.ศ. 2557 นักวิจัยแบ่งผู้ป่วยเบาหวานชนิดไม่พึ่งพาอินซูอินจำนวน 90 ราย ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่รับประทานผงว่านหางจระเข้จำนวน 100 มิลลิกรัม กลุ่มที่รับประทานผงว่านหางจระเข้จำนวน 200 มิลลิกรัม และกลุ่มที่ไม่รับประทานผงว่านหางจระเข้เลย โดยทำการทดลองเป็นเวลา 6 เดือน
หลังสิ้นสุดการทดลอง นักวิจัยพบว่า ผู้ป่วยเบาหวานกลุ่มที่ 1 และ 2 มีระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ยิ่งกว่านั้น ผู้ป่วยเบาหวานกลุ่มดังกล่าว ยังมีระดับไขมันเลวอย่างคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ลดลงด้วย อย่างไรก็ตาม ควรต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย