ชาเขียว เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของคาเฟอีน ดังนั้น คนท้องหลายคนที่ชอบดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้ อาจสงสัยว่า คนท้องกินชาเขียวได้ไหม กินแล้วจะส่งผลกระทบต่อทารกในท้องหรือไม่ ในความเป็นจริงแล้ว ชาเขียวมีปริมาณคาเฟอีนที่ต่ำ คนท้องสามารถดื่มได้แต่ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม และอาจมีประโยชน์ในการช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล ลดความดันโลหิต ช่วยป้องกันความบกพร่องของท่อประสาท และอาจช่วยป้องกันภาวะพิการแต่กำเนิดของทารกได้
[embed-health-tool-pregnancy-weight-gain]
คนท้องกินชาเขียวได้ไหม
ข้อมูล ณ ปัจจุบันพบว่าการดื่มคาเฟอีนในปริมาณที่น้อยกว่า 200 มิลลิกรัมต่อวัน ไม่พบว่าเพิ่มความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ เช่น ภาวะแท้ง หรือ ภาวะคลอดก่อนกำหนด โดยชาเขียว 100 กรัม มีคาเฟอีนประมาณ 25 มิลลิกรัม/ถ้วย ซึ่งคนท้องอาจสามารถดื่มชาเขียวได้ถึง 2-3 ถ้วย/วัน แต่ต้องระวังในการรวมไปถึงการได้รับคาเฟอีนจากการดื่มหรือรับประทานอาหารอื่นๆในระหว่างวันนั้นด้วย นอกจากนี้ ชาเขียวยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) โพลีฟีนอล (Polyphenol) และคาเทชิน (Catechin) โดย คาเทชิน ที่เรียกว่า อีพิกัลโลคาเทชิน กัลเลต (Epigallocatechin Gallate หรือ EGCG) ในชาเขียวยังอาจช่วยขัดขวางการก่อตัวของเนื้องอก สนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงยังอาจช่วยส่งเสริมสุขภาพของหัวใจ ควบคุมการอักเสบ ลดคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ สำหรับคุณแม่ที่มีความเครียดและความวิตกกังวลในระหว่างตั้งท้อง การดื่มชาเขียวที่อุดมไปด้วยแอล-ธีอะนีน (L-Theanine) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่อาจมีคุณสมบัติช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล จึงอาจช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายและอาจช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้ด้วย
ข้อควรระวังในการบริโภคชาเขียว
ถึงแม้ว่าคนท้องจะสามารถดื่มชาเขียวได้ แต่อาจมีข้อควรระวังบางประการ ดังนี้
- ควรดื่มชาเขียวในปริมาณที่พอเหมาะ แม้ชาเขียวจะมีคาเฟอีนที่ต่ำ แต่ไม่ควรดื่มมากกว่าวันละ 2-3 แก้ว เพราะร่างกายอาจได้รับคาเฟอีนที่มากเกิน 200 มิลลิกรัม/วัน ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อทารกในท้อง เช่น ทารกน้ำหนักแรกเกิดต่ำ แท้งบุตร คลอดก่อนกำหนด
- คนท้องที่ดื่มชาเขียวปริมาณมาก พบว่าทำให้ลดการดูดซึมกรดโฟลิค (folic acid) ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อคนท้อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ ที่มีผลโดยตรงต่อการพัฒนาระบบประสาทส่วนกลางของทารก อาจจะทำให้ทารกในครรภ์เกิดความพิการในส่วนนี้ได้ จึงต้องมีความระมัดระวังไม่ดื่มเกินปริมาณที่กำหนด
แนะนำให้ดื่มเป็นชาเขียวที่ไม่เพิ่มในส่วนน้ำตาลเพราะจะทำให้เพิ่มความเสี่ยงการเกิดให้เกิดภาวะเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ตามมาได้
- ผู้ที่ไวต่อคาเฟอีนอาจต้องหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มทุกชนิดที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เพราะอาจทำให้มีอาการปวดหัว ตื่นตัวง่าย แน่นหน้าอก หรืออาจลดปริมาณคาเฟอีนด้วยการแช่ชาเขียวเอาไว้ในน้ำร้อนประมาณ 30 วินาที จากนั้นเทน้ำแรกทิ้งและแช่ชาถุงเดิมใหม่อีกครั้ง
ชาชนิดอื่น ๆ ที่สามารถดื่มได้ในระหว่างตั้งท้อง
สำหรับชาชนิดอื่น ๆ ที่คนท้องอาจเลือกดื่มได้ มีดังนี้
- ชาขิง เนื่องจากขิงอาจช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้ แต่ในบางคนการดื่มชาขิงอาจส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนเพศของทารกในท้องและอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เลือดออกทางช่องคลอดในระหว่างตั้งท้องได้ ดังนั้น ก่อนดื่มชาขิงควรปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับความปลอดภัยก่อนเสมอ
- ชาดำหรือชาขาว อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยลดความดันโลหิต คอเลสเตอรอลในเลือด และอาจช่วยปรับปรุงการทำงานของลำไส้ อย่างไรก็ตาม ชาดำและชาขาวมีคาเฟอีนสูง ดังนั้น คนท้องจึงไม่ควรดื่มมากกว่า 3 ถ้วย/วัน เพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนที่มากเกิน 200 มิลลิกรัม/วัน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพคุณแม่และทารกในท้อง เช่น แท้งบุตร คลอดก่อนกำหนด
- ชาเปปเปอร์มินต์ อาจช่วยบรรเทาอาการท้องไส้ปั่นป่วนในระหว่างตั้งท้อง และอาจช่วยรักษาอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้