backup og meta

หลังมีเพศสัมพันธ์ ร่างกายเปลี่ยนไป เป็นเพราะอะไรกันแน่?

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 23/01/2024

    หลังมีเพศสัมพันธ์ ร่างกายเปลี่ยนไป เป็นเพราะอะไรกันแน่?

    หลังมีเพศสัมพันธ์ อาจทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลง เช่น หน้าแดงจากการไหลเวียนเลือดดีขึ้น เจ็บช่องคลอด ช่องคลอดบวม ต่อมลูกหมากอักเสบ แพ้อสุจิ โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจแตกต่างไปตามสุขภาพของแต่ละบุคคล

    สาเหตุที่ทำให้ ร่างกายเปลี่ยนแปลง หลังมีเพศสัมพันธ์

    สาเหตุที่ทำให้ ร่างกายเปลี่ยนแปลงหลังมีเพศสัมพันธ์ อาจแตกต่างกันออกไปตามอาการที่เกิดขึ้น ดังนี้

    • ใบหน้าแดง ผิวพรรณเปล่งปลั่ง การมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกซิโตซิน (Oxytocin) และ เซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยลดระดับความเครียด รู้สึกผ่อนคลาย นอกจากนี้ การมีเพศสัมพันธ์ยังอาจช่วยทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดี เพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของโลหิต ช่วยเพิ่มออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ผิว ส่งผลให้ผิวเปล่งปลั่ง
    • อารมณ์ไม่คงที่ การมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลผลกระทบต่ออารมณ์ บางคนอาจรู้สึกมีความสุข วิตกกังวล หรือเศร้า
    • ร่างกายอ่อนเพลีย การมีเพศสัมพันธ์เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก จึงอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียหลังจากมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ บางคนอาจมีอาการแพ้อสุจิ (Postorgasmic) ที่ทำให้ความเป็นกรด-ด่าง (pH) ภายในช่องคลอดเสียสมดุล ส่งผลให้มีอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ เป็นไข้
    • หน้าอกเต่งตึง การที่หลอดเลือดขยายตัวในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้เลือดสามารถไหลเวียนไปยังบริเวณเต้านมได้ดีขึ้น ทำให้หน้าอกดูเต่งตึง มีน้ำมีนวล อย่างไรก็ตาม  อาการนี้อาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว นอกจากนี้ บางคนอาจมีอาการเจ็บหน้าอกเล็กน้อยหากเลือดไหลเวียนมากเกินไป เพราะอาจส่งผลให้เลือดเกิดการอุดตัน
    • ช่องคลอดขยาย การมีเพศสัมพันธ์อาจกระตุ้นทำให้ช่องคลอดมีการขยายตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการมีเพศสัมพันธ์อีกครั้ง
    • ช่องคลอดบวม การมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้ช่องคลอดได้รับการเสียดสีมากเกินไป ส่งผลให้ช่องคลอดบวม ระคายเคือง เจ็บปวด นอกจากนี้ อาการช่องคลอดบวมยังอาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา นำไปสู่ภาวะช่องคลอดอักเสบ เลือดออกในช่องคลอด เพื่อความปลอดภัยควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
    • ไส้เลื่อนขาหนีบ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย แต่อาจพบได้ในผู้ชายมากกว่า ซึ่งอาจมีสาเหตุจากการเคลื่อนไหวและใช้กล้ามเนื้อขณะมีเพศสัมพันธ์มากเกินไป จึงทำให้ลำไส้ยื่นออกมาบริเวณขาหนีบ ทำให้มีอาการปวดบริเวณที่ได้รับผลกระทบ
    • ต่อมลูกหมากอักเสบ อัณฑะบวม อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่ทางเดินปัสสาวะ โดยสามารถสังเกตจากอาการปวดอัณฑะ อัณฑะบวม ปัสสาวะสีขุ่น ปัสสาวะบ่อยช่วงเวลากลางคืน แสบร้อนขณะปัสสาวะ ปัสสาวะเป็นเลือด
    • เนื้อเยื่อองคชาตฉีกขาด องคชาตถูกห่อหุ้มด้วยเนื้อเยื่อชั้นใน (Tunica albuginea) ที่มีส่วนช่วยขยายขนาดเมื่ออวัยวะเพศแข็งตัว แต่บางครั้งก็อาจเกิดการฉีดขาดได้ ซึ่งจำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
    • หนังหุ้มปลายขององคชาตไม่กลับเข้าที่ ปกติแล้วหลังจากมีเพศสัมพันธ์ อวัยวะเพศชายจะหดตัวและห่อหุ้มด้วยหนังหุ้มปลาย แต่หากผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศตึงมากเกินอาจทำให้หนังหุ้มปลายไม่สามารถกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม อาจทำให้รู้สึกปวดอวัยวะเพศ บางคนอาจเกิดการอักเสบและติดเชื้อ

    อาการผิดปกติหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ควรพบคุณหมอ

    อาการที่เกิดขึ้นหลังมีเพศสัมพันธ์ เช่น ร่างกายอ่อนเพลีย หน้าอกเต่งตึง อวัยวะเพศแข็งตัว อาจหายไปได้เองเมื่อเสร็จสิ้นการร่วมเพศ แต่หากสังเกตว่ามีอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ ควรเข้าพบคุณหมอในทันที

    • รู้สึกระคายเคือง แสบร้อน และคันช่องคลอด ทวารหนัก หรือองคชาต
    • มีอาการเจ็บและมีเลือดออกจากช่องคลอด ทวารหนัก หรือองคชาตขณะมีเพศสัมพันธ์และปัสสาวะ
    • ช่องคลอด ทวารหนัก องคชาตเป็นแผล
    • ผื่นขึ้นผิวหนัง
    • ตกขาวผิดปกติ มีกลิ่น ประจำเดือนขาด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 23/01/2024

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา