สิวประจำเดือน เป็นสิวที่มักเกิดขึ้นในช่วงก่อนเป็นประจำเดือนหรือขณะเป็นประจำเดือน เนื่องจากระดับฮอร์โมนในร่างกายเพิ่มขึ้นและกระตุ้นให้ต่อมไขมันขับน้ำมันออกมามากเกินไป เมื่อน้ำมันส่วนเกินรวมตัวกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สิ่งสกปรก และแบคทีเรีย อาจทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิว สิวประจำเดือนโดยทั่วไปสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาแต้มสิวและการดูแลผิวอย่างถูกวิธี
[embed-health-tool-bmi]
สิวประจำเดือน เกิดจากอะไร
ส่วนใหญ่แล้ว สิวมักมีสาเหตุมาจากการอุดตันของรูขุมขน โดยเฉพาะในช่วงที่เป็นประจำเดือน ฮอร์โมนในร่างกายจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตซีบัม (Sebum) หรือน้ำมันที่มีหน้าที่เคลือบผิวออกมามากเกินไป เมื่อน้ำมันส่วนเกินรวมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สิ่งสกปรก และแบคทีเรียบนผิวหนัง อาจทำให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดสิว นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดสิวประจำเดือน และทำให้สิวแย่ลง ดังนี้
- ความเครียด เมื่อเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด เช่น คอร์ติซอล แอนโดรเจน ที่จะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปจนอาจก่อให้เกิดสิวและทำให้สิวที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้นได้
- ประวัติครอบครัว ผู้ที่มีคนในครอบครัวมีประวัติเป็นสิวประจำเดือน อาจทำให้เสี่ยงเกิดสิวประจำเดือนได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
- ผลิตภัณฑ์ความสะอาดเส้นผมและผิวหนัง เช่น แชมพูสระผม โฟมล้างหน้า มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ครีมกันแดด อาจไปอุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิวในช่วงที่เป็นประจำเดือน โดยเฉพาะหากมีส่วนผสมที่ทำให้ผิวหนังระคายเคืองหรือเกิดสิวได้ง่าย เช่น น้ำหอม พาราเบน ซิลิโคน แอลกอฮอล์
- ผลข้างเคียงของยา การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ยาลิเธียม (Lithium) ยาเบนโซไดอะซีปีน (Benzodiazepine) ยากันชัก ยาบาร์บิทูเรต (Barbiturates) ที่ใช้รักษาอาการวิตกกังวล อาจกระตุ้นให้สิวประจำเดือนแย่ลงได้
- ภาวะสุขภาพ เช่น โรคถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS) โรคเนื้องอกจากแอนโดรเจน (Androgen-secreting tumors) โรคอะโครเมกาลี (Acromegaly) หรือโรคที่ร่างกายผลิตโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ผิดปกติ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ไม่สมส่วน
สิวประจำเดือน ขึ้นตรงไหน
สิวประจำเดือนมักปรากฏที่บริเวณส่วนล่างของใบหน้า เช่น คาง กรอบหน้า ลำคอ ส่วนใหญ่จะเป็นสิวตุ่มแดง อักเสบ เป็นหนอง หรืออาจมีลักษณะเป็นสิวหัวดำ หรือสิวหัวขาวก็ได้ สิวประจำเดือนมักขึ้นในบริเวณเดิมซ้ำ ๆ ในช่วงก่อนประจำเดือนและช่วงที่เป็นประจำเดือน
สิวประจำเดือน รักษา ได้อย่างไร
สิวประจําเดือน อาจรักษาได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
- ยาคุมกำเนิด (Birth control pills) การใช้ยาคุมกำเนิดอาจช่วยลดการหลั่งฮอร์โมนแอนโดรเจน จึงอาจช่วยชะลอการผลิตน้ำมันของต่อมไขมัน และมีประสิทธิภาพในการรักษาสิวหัวดำ สิวหัวขาว สิวอักเสบแดง สิวซีสต์ ทั้งนี้ ยาคุมกำเนิดอาจมีผลข้างเคียงบางประการ เช่น ประจำเดือนมามาก ปวดศีรษะ เจ็บหน้าอก สิวเห่อชั่วคราว จึงควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนใช้ยา
- ยาสไปโรโนแลคโตน (Spironolactone) สำหรับสิวประจำเดือนที่รักษาด้วยยาคุมกำเนิดแล้วไม่ได้ผล คุณหมออาจแนะนำให้ใช้ยาสไปโรโนแลคโตน เพื่อลดระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนและชะลอการหลั่งน้ำมันของต่อมไขมัน ซึ่งอาจช่วยลดการเกิดน้ำมันส่วนเกินที่ทำให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดสิว ทั้งนี้ การใช้สไปโรโนแลคโตนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางประการ เช่น คัดตึงเต้านม ประจำเดือนมาไม่ปกติ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เกิดลิ่มเลือด หัวใจวาย ความดันโลหิตสูง จึงควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งก่อนใช้ยา
- ยาเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ช่วยต้านการอักเสบและต้านแบคทีเรีย จึงอาจช่วยลดอาการบวมและรอยแดงของสิวประจำเดือนได้ โดยเฉพาะสิวอักเสบหรือสิวหนอง ทั้งยังช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและช่วยลดความมันส่วนเกินที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน ทั้งนี้ ยาชนิดนี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางประการ เช่น ผิวแห้ง ผิวหนังแสบคันหรือลอก ผิวไวต่อแสงแดด ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายจึงควรใช้ยาอย่างระมัดระวัง
- กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) มีฤทธิ์ลดการอักเสบและต้านแบคทีเรีย จึงช่วยบรรเทาอาการบวมและรอยแดง และช่วยกระตุ้นผลัดเซลล์ผิว จึงอาจลดการอุดตันของรูขุมขนได้ ทั้งนี้ ยาชนิดนี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางประการ เช่น อาการคัน ผื่นแดง ผิวลอก จึงควรปรึกษาคุณหมอก่อนใช้ยา
- ยาสเตียรอยด์แบบฉีด (Steroid injection) หากสิวไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ โดยเฉพาะสิวซีสต์ที่รุนแรง คุณหมออาจรักษาด้วยการฉีดสเตียรอยด์เพื่อช่วยลดอาการบวมแดงและอักเสบ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เป็นแผลเป็น หายช้ากว่าปกติ หรือติดเชื้อได้
วิธีป้องกันสิวประจำเดือน
วิธีป้องกันสิวประจำเดือน อาจทำได้ดังนี้
- ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เช่น คลีนซิ่ง มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เครื่องสำอาง ที่เหมาะกับสภาพผิว โดยเฉพาะหากผิวแพ้ง่าย และเลือกที่ไม่มีส่วนผสมที่อาจทำให้ผิวหนังอุดตันหรือระคายเคืองจนเกิดสิว เช่น น้ำมัน น้ำหอม
- ควรเช็ดหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอาง เพื่อขจัดคราบครีมกันแดดและเครื่องสำอาง ก่อนล้างหน้าให้สะอาด
- ล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งและอาบน้ำเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังออกกำลังกายหรือในวันที่อากาศร้อนจนมีเหงื่อออกมาก และควรซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ไม่ควรถูผิวหน้าแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง
- หลีกเลี่ยงการแกะเกาผิวบริเวณที่เป็นสิว เนื่องจากอาจทำให้สิวที่เป็นอยู่เดิมแย่ลงและอาจทำให้สิวลุกลามไปยังบริเวณอื่น ๆ ได้