สุขภาพผิว

ผิวหนัง คืออวัยวะภายนอกที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในร่างกาย ผิวหนังนั้นมีหน้าที่สำคัญต่อร่างกาย ทั้งเป็นเกราะป้องกันจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ หรือช่วยควบคุมอุณภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ เป็นต้น เรียนรู้เกี่ยวกับการมี สุขภาพผิว ที่ดี และเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย เพื่อการปกป้องดูแลผิวของคุณให้ดียิ่งขึ้น ได้ที่นี่

สนับสนุนโดย:

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพผิว

ล้างหน้าตามแนวขน เคล็ดไม่ (ลับ) สำหรับคนเป็นสิว

การ ล้างหน้าตามแนวขน เป็นอีกหนึ่งศาสตร์การล้างหน้าที่มีส่วนช่วยลดการอุดตันของสิว กระชับรูขุมขนและช่วยลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอีกด้วย บทความนี้ Hello คุณหมอ จึงนำเคล็ดลับ หน้าสวย ไร้สวย ด้วยการล้างหน้าตามแนวขน มาฝากกันค่ะ จะมีรายละเอียดอย่างไร ติดตามอ่านได้ในบทความนี้เลย ล้างหน้าตามแนวขน เคล็ดไม่ (ลับ) สำหรับคนเป็นสิว ล้างหน้าตามแนวขน เป็นอีกหนึ่งศาสตร์การล้างหน้า ที่ถูกคิดค้นโดย นายแพทย์สมนึก อมรสิริพาณิชย์ ซึ่งกล่าวว่า ท่อน้ำมันจะมีแนวเดียวกับโพรงขน การล้างหน้าไปตามทิศทางเดียวกันกับโพรงขนจะช่วยให้น้ำมันไหลออกมาทิศทางเดียวกัน จึงทำให้ไม่เกิดการอุดตันของสิว หากล้างหน้าไม่ตรงทิศทาง อาจส่งผลให้สิ่งสกปรกออกมาไม่หมด เพิ่มโอกาสการเป็นสิวอุดตันได้  4 ขั้นตอนการล้างหน้า ตามแนวขน อย่างถูกต้องและถูกวิธี เคล็ดลับง่าย ๆ ในการล้างหน้าตามแนวขน อย่างถูกต้องและถูกวิธี มีดังต่อไปนี้ ขั้นตอนที่ 1 เริ่มจากการนำโฟมล้างหน้าผสมกับน้ำเล็กน้อยให้เกิดฟอง โดยเริ่มจากถูบริเวณหน้าผาก จากบริเวณตรงกลางหน้าผากออกไปด้านช้าง ขั้นตอนที่ 2 หลังจากนั้นถูไล่ลงมาบริเวณจมูก ขั้นตอนที่ 3 เริ่มใหม่ที่บริเวณแก้ม ถูแนวเฉียง ๆ ลงมาจนถึงบริเวณขากรรไกร ขั้นตอนที่ 4 ลำดับสุดท้ายบริเวณริมฝีปากบนลงมาถึงบริเวณคาง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด และซับให้แห้ง  ข้อควรรู้เกี่ยวกับการล้างหน้า ควรล้างหน้าเป็นประจำทุกวันอย่างน้อยวันละ […]

หมวดหมู่ สุขภาพผิว เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพผิว

โรคผิวหนังติดเชื้อ

อาการผื่นแพ้ยา เกิดจากอะไร และมีวิธีรักษาอย่างไร

อาการผื่นแพ้ยา (Drug Rash) เป็นปฏิกิริยาที่ผิวหนังตอบสนองต่อยาบางชนิด โดยส่วนใหญ่มักเป็นยาประเภท ยาต้านชัก ยากลุ่มเอนเสด (Non-Steroidal Anti-Inflammatory หรือ NSAIDs) อาการแพ้ยา ส่งผลให้ผื่นขึ้นผิวหนัง มีไข้สูง หายใจลำบาก โดยปกติมักสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาแก้แพ้ อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีอาการแพ้อย่างรุนแรง อาการแพ้ไม่หายไปแม้จะรับประทานยาแก้แพ้แล้ว ควรเข้าพบคุณหมอในทันที [embed-health-tool-vaccination-tool] สาเหตุที่ทำให้เกิด อาการแพ้ยา ผื่นที่เกิดจากปฏิกิริยา อาการแพ้ยา นั้น เกิดจากหลายสาเหตุหลายปัจจัยด้วยกัน ดังต่อไปนี้ การแพ้ยาที่ส่งผลต่อผิวหนังและเยื่อบุจากกลไกทางภูมิคุ้มกัน ยาที่ส่งผลให้ผิวไวต่อแสง การติดเชื้อไวรัสและการรับประทานยาปฏิชีวนะ รวมถึงปัจจัยดังต่อไปนี้ ที่อาจส่งผลให้เกิดอาการผื่นแพ้ยา  ประวัติการแพ้ยาอื่น ๆ เช่น การแพ้อาหาร ไข้ละอองฟาง เคยมีประวัติการแพ้ยา หรือสมาชิกในครอบครัวเคยมีประวัติการแพ้ยา การใช้ยาซ้ำ ๆ ในปริมาณที่มากขึ้นเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน  การเจ็บป่วยจากปฏิกิริยาการแพ้ยา เช่น การติดเชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus : HIV) การติดเชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์ (Epstein Barr Virus หรือ EVB) ลักษณะกลุ่มยาที่ทำให้เกิด […]


สุขภาพผิว

โรคเซ็บเดิร์ม อาการ สาเหตุ วิธีรักษาและดูแลตัวเอง

โรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) เป็นภาวะทางผิวหนังที่พบบ่อยมาก ส่งผลให้ผิวหนังเกิดรอยแดง เป็นสะเก็ดรังแคบนหนังศีรษะ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อบริเวณที่มีความมันบนร่างกาย เช่น ใบหน้า ข้างจมูก คิ้ว หู เปลือกตา และหน้าอก คำจำกัดความโรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis)  คืออะไร โรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) เป็นภาวะทางผิวหนังที่พบบ่อยมาก ส่งผลให้ผิวหนังเกิดรอยแดง เป็นสะเก็ดรังแค มักพบที่หนังศีรษะ และอาจพบที่ผิวหนังบริเวณที่มันง่าย เช่น ใบหน้า ข้างจมูก คิ้ว หู เปลือกตา หน้าอก หากมีอาการแสดงออกคล้ายกับเซ็บเดิร์มควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพราะอาจทำให้สับสนกับโรคสะเก็ดเงิน โรคอีสุกอีใส อาการภูมิแพ้ได้  พบได้บ่อยเพียงใด โรคนี้มักพบได้บ่อยในทารกแรกเกิดและผู้ใหญ่ที่มีอายุระหว่าง 30-60 ปี พบได้บ่อยในเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวมัน อาการอาการของโรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) โรคเซ็บเดิร์มมักพบที่ผิวหนังในบริเวณที่เกิดความมันค่อนข้างง่าย  เช่น หนังศีรษะ ใบหู รอบใบหู คิ้ว ร่องจมูก แผ่นหลัง หน้าอก อาการที่พบได้บ่อย เช่น ผิวหนังมีอาการคันหรือไหม้ ผิวเป็นรอยแดง มีสะเก็ดลักษณะคล้ายรังแคเป็นสีขาวหรือเหลือง สาเหตุสาเหตุของโรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) โรคเซ็บเดิร์ม อาจเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้ ความเครียด ยีสต์ชื่อมาลาสซีเซีย […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

4 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ สกินแคร์

สกินแคร์ (Skin care) หมายถึง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ ทั้งครีมทาผิว มอยเจอร์ไรส์เซอร์ โลชั่น เซรั่ม ครีมกันแดด รวมไปถึงครีมลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ที่ใช้เพื่อบำรุงสุขภาพผิวให้แข็งแรง ลดเลือนริ้วรอยก่อนวัยอันควร ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว อย่างไรก็ตาม การใช้สกินแคร์อย่างไม่เหมาะสม อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวได้ ดังนั้น จึงควรศึกษาวิธีการใช้สกินแคร์อย่างถูกต้อง และแก้ไขความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับสกินแคร์ 4 ความเชื่อ เกี่ยวกับ สกินแคร์ ความเชื่อที่ 1 สกินแคร์ ยิ่งแพง ก็ยิ่งดี เวลาเลือกซื้อสกินแคร์ใหม่ ๆ หลายคนอาจจะมองหาสกินแคร์ที่มีราคาแพงที่สุด เท่าที่ตัวเองจะซื้อไหว เพราะคิดว่ายิ่งใช้สกินแคร์ราคาแพงเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อผิวเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียเงินเยอะ เพื่อให้ได้สกินแคร์ดี ๆ เพราะผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบางอย่างที่มีราคาจับต้องได้ ก็อาจมีส่วนผสมที่ดีต่อผิวไม่แพ้กับ สกินแคร์ ราคาแพง ๆ เลย ถ้าลองอ่านฉลากส่วนผสมของสกินแคร์ จะพบว่าส่วนผสมสำคัญที่พบในสกินแคร์ที่มีราคาแพงกับสกินแคร์ที่มีราคาถูกนั้น มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก เช่น ในมอยส์เจอไรเซอร์ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิก (hyaluronic acid) ที่มีคุณสมบัติในการช่วยกักเก็บน้ำไว้ในผิว สิ่งที่แตกต่างในสกินแคร์ที่มีราคาแพงนั้นมักจะเป็นราคาของส่วนประกอบอื่น ๆ […]


สุขภาพผิว

หัดเยอรมัน อาการ สาเหตุ วิธีรักษาและวิธีป้องกัน

หากมีอาการปวดศีรษะ มีไข้ พร้อมผดผื่นจำนวนมากที่ปรากฏอยู่บนผิวหนัง อาจเป็นไปได้ว่ากำลังมีสัญญาณแรกเริ่มของโรค หัดเยอรมัน (Rubella) และอาจจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด คำจำกัดความหัดเยอรมัน (Rubella) คืออะไร โรคหัดเยอรมัน (Rubella) คือ โรคติดต่ออีกประเภทหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ส่งผลให้เกิดผื่นแดงจำนวนมากตามร่างกาย โรคนี้สามารถส่งต่อเชื้อจากคนสู่คนได้ ผ่านทางละอองฝอยน้ำลายจากการไอหรือจามของผู้ติดเชื้อ หรือแม้แต่การรับประทานอาหารในภาชนะเดียวกันกันกับผู้ติดเชื้อ ถึงแม้ว่าโรคนี้อาจจะไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากอาการต่าง ๆ อาจจางหายไปได้เองภายใน 3 วัน ถึง 1 สัปดาห์ แต่โรคนี้ก็อาจส่งผลรุนแรงได้กับสตรีตั้งครรภ์ เพราะเชื้อไวรัสดังกล่าวอาจเข้าไปขัดขวางพัฒนาการของทารก ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติด้านการทำงานของหัวใจ และสมองได้เลยทีเดียว โรคหัดเยอรมัน สามารถพบได้บ่อยเพียงใด โรคหัดเยอรมันอาจเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ และทุกช่วงวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ จนส่งผลกระทบต่อไปยังทารกในครรภ์ที่อาจไดรับเชื้อไวรัสร่วมด้วยเช่นกัน อาการอาการของ โรคหัดเยอรมัน สัญญาณเตือนทางกายเบื้องต้นเมื่อได้รับเชื้อไวรัส อาจปรากฏออกมาหลังจากเชื้อฝักตัวแล้วประมาณ 2-3 สัปดาห์ ซึ่งมีอาจมีอาการที่สังเกตได้ชัด ดังนี้ ไข้ขึ้นสูง ปวดศีรษะ คัดจมูก และมีน้ำมูกไหล ปวดตามข้อกระดูก และกล้ามเนื้อ ตาแดงอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองบวม มีผื่นสีชมพู ถึงสีแดงขึ้นตามใบหน้า และกระจายไปทั่วทั้งร่างกาย สาเหตุสาเหตุของการเกิดของโรคหัดเยอรมัน เนื่องจาก โรคหัดเยอรมัน เกิดจากเชื้อไวรัสที่ติดต่อได้ง่าย สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ หรืออาจสามารถแพร่กระจายเชื้อผ่านทางอากาศ ด้วยการไอหรือจาม ให้เชื้อปะปนไปในละอองฝอยน้ำลาย ดังนั้น การที่คุณจะได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย  อาจเป็นไปได้ว่ามาจากสาเหตุที่ได้กล่าวไปข้างต้น ปัจจัยเสี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิด โรคหัดเยอรมัน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุใด คุณก็สามารถอาจประสบกับโรคหัดเยอรมันได้ด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มของสตรีตั้งครรภ์ และผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน การวินิจฉัยและการรักษาข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ […]


โรคผิวหนังติดเชื้อ

กลาก เกลื้อน ต่างกันอย่างไร

หลายคนมักเข้าใจผิดว่า โรคกลากและโรคเกลื้อนเป็นโรคเดียวกัน เพราะมีลักษณะอาการและชื่อคล้ายกัน แต่ความจริง โรคกลากและเกลื้อนคือคนละโรคกัน การทราบความแตกต่างของ กลาก เกลื้อน อาจช่วยให้สังเกต แยกแยก และรับมือกับโรคทั้งสองชนิดนี้ได้ดียิ่งขึ้น [embed-health-tool-bmr] กลาก เกลื้อน สองโรคเชื้อราบนผิวหนังที่พบบ่อย โรคกลากและโรคเกลื้อน เป็นโรคเชื้อราบนผิวหนังที่เกิดขึ้นบ่อยกับคนทุกเพศทุกวัย โดยโรคกลาก (Ringworm) เกิดจากเชื้อราที่ผิวหนังในกลุ่มเดอมาโทไฟท์ (Dermatophytes) สามารถเกิดขึ้นได้ตามทุกส่วนของร่างกาย ตั้งแต่บริเวณศีรษะ มือ เท้า จนถึงบริเวณขาหนีบ ส่งผลให้ผิวหนังผู้ป่วยมีอาการระคายเคือง มีผื่นคัน ส่วนโรคเกลื้อน (Tinea Versicolor) เกิดจากเชื้อมาลาสซีเซีย (Malassezia) มักพบบริเวณแขน หน้าอก และหลัง ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการคัน ผิวแห้ง กลาก เกลื้อน ต่างกันอย่างไร ความแตกต่างของกลาก เกลื้อน ที่สามารถสังเกตได้ อาจมีดังต่อไปนี้ สาเหตุ โรคกลาก (Ringworm) เกิดจากเชื้อราที่ผิวหนังในกลุ่ม เดอมาโทไฟท์ (Dermatophytes) โรคเกลื้อน (Tinea Versicolor) เกิดจากเชื้อมาลาสซีเซีย (Malassezia) ปัจจัยเสี่ยง โรคกลาก (Ringworm)  อายุต่ำกว่า 15 ปี ภูมิต้านทานร่างกายต่ำ เหงื่อออกมาก […]


โรคผิวหนังติดเชื้อ

น้ำหมึก กับผลกระทบต่อสุขภาพที่ควรรู้

น้ำหมึก คือ สารเคมีที่พบได้ทั่วไป เช่น ในปากกาเน้นข้อความ ในปากกาหมึกซึม รวมไปถึงน้ำหมึกที่ใช้ในการสัก อย่างไรก็ตาม น้ำหมึกก็อาจส่งผลให้เกิดภาวะสุขภาพบางประการได้เช่นกัน อาการที่เกิดขึ้นจากน้ำหมึก การได้รับน้ำหมึกปากกาเข้าสู่ร่างกายผ่านทางช่องปากด้วยการกินน้ำหมึกเข้าไปอาจไม่น่ากังวลนัก เพราะข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ปากกาหัวบอล ปลายปากกา และปากกาหมึกซึม มีน้ำหมึกน้อยมากจนไม่เพียงพอที่จะก่อให้เกิดพิษหากดูดจากปากกา น้ำหมึก บางชนิดอาจทำให้เจ็บในปาก และน้ำหมึกจำนวนมากที่กลืนเข้าไปจากขวดอาจทำให้ระคายเคือง แต่ยังไม่มีรายงานว่าเป็นพิษร้ายแรง หากคุณกลืนน้ำหมึกเข้าไป ทางองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ดื่มน้ำ และระบุว่าไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก น้ำหมึกจากปากกา ปากกาเน้นข้อความ และปากกาอื่น ๆ ถือว่ามีพิษน้อยที่สุด และมีพิษในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะไม่มีพิษ อาการที่เกิดขึ้นจากการดูดน้ำหมึกปากกาเข้าปากโดยไม่ตั้งใจ มักจะเกิดขึ้นที่ผิวหนัง ทำให้ลิ้นเป็นคราบ และอาจทำให้ปวดท้องเบา ๆ (Mild Stomach Upset) ส่วนน้ำหมึกในตลับเครื่องพิมพ์ และแผ่นประทับจะมีปริมาณน้ำหมึกมากกว่าน้ำหมึกจากปากกา ซึ่งถ้าได้รับน้ำหมึกจากแหล่งใดแหล่งหนึ่งจาก 2 สิ่งนี้ ควรไปพบคุณหมอทันที ผลกระทบของน้ำหมึกที่ส่งผลต่อผิวหนัง น้ำหมึก เป็นพิษไม่ได้เกิดจากการใช้น้ำหมึกวาดภาพลงบนผิวหนัง น้ำหมึกอาจเปื้อนผิวหนังชั่วคราว แต่จะไม่เป็นพิษต่อผิวหนัง ผลกระทบของน้ำหมึกที่ส่งผลต่อตา การระคายเคืองตาจาก น้ำหมึก มักเป็นปัญหาที่พบบ่อยมากกว่าการระคายเคืองที่ผิวหนัง หากรู้สึกว่ามีน้ำหมึกกระเด็นเข้าตา ให้รีบล้างตาที่ระคายเคืองด้วยน้ำเย็น จนกว่าอาการเคืองตาจะหายไป เมื่อน้ำหมึกกระเด็นเข้าตา อาจทำให้ตาขาวเปื้อนน้ำหมึกชั่วคราว แต่น้ำหมึกในตาจะไม่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนถาวร หรือในระยะยาว แต่ถ้าล้างตาแล้วยังคงมีอาการระคายเคืองอยู่ […]


โรคผิวหนังอักเสบ

ผื่นแพ้สัมผัส อาการ สาเหตุ และการรักษา

ผื่นแพ้สัมผัส (Contact Dermatitis) คือ อาการผื่นแดงที่เกิดขึ้นจากการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้หรือสารบางอย่างที่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง ผดผื่นเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการคันและไม่สบายตัว แต่ไม่อันตรายถึงแก่ชีวิต และสามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงสารที่อาจทำให้เกิดความระคายเคือง คำจำกัดความผื่นแพ้สัมผัส คืออะไร ผื่นแพ้สัมผัส (Contact Dermatitis) คือ อาการผื่นแดงที่เกิดขึ้นจากการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้หรือสารบางอย่างที่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง ผดผื่นเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการคันและไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก แต่ไม่อันตรายถึงแก่ชีวิต และสามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงสารที่อาจทำให้เกิดความระคายเคือง สารที่อาจเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการผื่นแพ้สัมผัสนี้มีมากมาย เช่น สบู่ น้ำหอม น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก นอกจากนี้ การสัมผัสสารก่อภูมิแพ้บางอย่าง เช่น ยาย้อมผม นิกเกิล ยาสำหรับใช้ภายนอกบางชนิด ก็อาจทำให้เกิดอาการผื่นแพ้สัมผัสได้เช่นกัน ผื่นแพ้สัมผัส พบได้บ่อยแค่ไหน โรคผื่นแพ้สัมผัสเป็นโรคที่สามารถพบได้ทั่วไป และสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดปรึกษาคุณหมอ อาการอาการของผื่นแพ้สัมผัส อาการของโรคผื่นแพ้สัมผัสมักเกิดขึ้นบนผิวหนังบริเวณที่สัมผัสกับสารก่ออาการแพ้โดยตรง และสามารถเกิดขึ้นได้ภายในเวลาไม่กี่นาทีหลังการสัมผัส หรือหลายชั่วโมงหลังจากนั้น อาการของผื่นแพ้สัมผัสอาจแบ่งอาการได้เป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ 1. อาการผื่นแพ้สัมผัสจากสารก่อภูมิแพ้ ผิวแห้ง แตก ลอกเป็นขุย ลมพิษ ผิวหนังหนาขึ้น รู้สึกแสบผิว อาการคัน อาการบวม ผิวไวต่อแสง แพ้แสง 2. อาการผื่นแพ้สัมผัสจากสารระคายเคือง แผลพุพอง ผิวแห้งมาก อาการบวม ผิวหนังแข็งขึ้นหรือหนาขึ้น ตกสะเก็ด เป็นแผล ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด หากสังเกตเห็นอาการดังต่อไปนี้ ควรเข้าพบคุณหมอทันที รู้สึกระคายเคือง หรือมีอาการคันจากผดผื่นมากจนรบกวนการนอนหลับ อาการรุนแรงขึ้น หรือลุกลามอย่างรวดเร็ว อาการไม่ยอมหายไป หรือมีอาการนานเกิน 3 สัปดาห์ มีผดผื่นที่บริเวณอวัยวะเพศ มีสัญญาณว่าผิวหนังมีอาการติดเชื้อ เช่น เป็นหนอง เป็นไข้ หากอาการผื่นแพ้สัมผัสเกิดขึ้นในบริเวณที่สำคัญ เช่น ปอด ดวงตา […]


โรคผิวหนังติดเชื้อ

วิธีรักษาเกลื้อน ด้วยตัวเอง โดยใช้วัตถุดิบใกล้ตัว

เกลื้อน เป็นโรคผิวหนังที่อาจเกิดขึ้นจากการติดเชื้อรา ที่ทำให้เกิดรอยด่างที่มีสีแตกต่างจากสีผิวปกติ ไม่ใช่โรคติดต่อหรืออันตรายแต่อย่างใด และสามารถรักษาเกลื้อนให้หายขาดได้ ด้วยการใช้ยาฆ่าเชื้อรา หรือใช้ วิธีรักษาเกลื้อน โดยใช้วัตถุดิบที่หาได้ทั่วไป เช่น เบกกิ้งโซดา กระเทียม สะเดา อย่างไรก็ตาม หากอาการเกลื้อนยังคงไม่หายไปแม้ว่าจะทำการรักษาแล้ว ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อหาทางจัดการเกลื้อนที่เหมาะสม [embed-health-tool-heart-rate] เกลื้อน เป็นอย่างไร โรคเกลื้อน หรือเกลื้อน (Tinea versicolor) คือ โรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อราในผิวหนังที่ชื่อ Malassezia ส่งผลให้กระบวนการสร้างเม็ดสีของผิวหนังผิดปกติ เกิดเป็นรอยด่างที่มีสีเข้มหรือสีอ่อนกว่าสีผิวปกติ รอยด่างเกลื้อนมักเกิดขึ้นในบริเวณผิวหนังที่มีต่อมไขมันอยู่มาก อย่างไรก็ตาม โรคเกลื้อนไม่ใช่โรคติดต่อ และสามารถรักษาให้หายขาดได้ ข้อสำคัญคือควรรักษาความสะอาดของร่างกายอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้เกิดการหมักหมม เพื่อป้องกันไม่ให้ เป็นเกลื้อน หรือเป็นโรคผิวหนังอื่น ๆ  ปัจจัยที่อาจกระตุ้นการเกิดเกลื้อน เกลื้อนอาจปรากฏขึ้นเมื่อเจอปัจจัยกระตุ้น ดังนี้ สภาพอากาศที่ร้อนและชื้น ผิวมัน เหงื่อ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ปัจจัยเหล่านี้ อาจสามารถเร่งการเจริญเติบโตของเชื้อราบนผิวหนัง แล้วทำให้เกิดเป็นอาการของเกลื้อนได้ในที่สุด วิธีรักษาเกลื้อน ด้วยตัวเอง เกลื้อนสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการใช้ยาทาที่มีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อราหรือต้านเชื้อรา เช่น คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ไซโคลพิรอกซ์ (Ciclopirox) หรือคุณหมออาจสั่งจ่ายเป็นยาเม็ดสำหรับฆ่าเชื้อรา เช่น ไอทราโคนาโซล  (Itraconazole) นอกจากนี้ ยังสามารถใช้วิธีธรรมชาติในการช่วยรักษาเกลื้อนได้ […]


โรคผิวหนังติดเชื้อ

โรคงูสวัด คืออะไร สาเหตุ อาการ และการรักษา

โรคงูสวัด เกิดจากเชื้อไวรัส วาริเซลลาซอสเตอร์ (Varicella-Zoster Virus: VZV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกันกับเชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นโรคอีสุกอีใส หลังมีอาการปวดตามเนื้อตัวไม่นาน มักมีตุ่มแดงขึ้นที่ผิวหนังบางส่วนของร่างกาย แล้วค่อย ๆ ลุกลามเป็นลายพาดไปตามแนวของเส้นประสาทฝั่งใดฝั่งหนึ่งของร่างกาย อย่างไรก็ตาม อาจป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน [embed-health-tool-bmi] โรคงูสวัด เกิดจากอะไร งูสวัด หรือโรคงูสวัด (Shingles) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์ซึ่งถือว่าเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง ดังนั้น หากไม่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน แล้วสัมผัสบริเวณผื่นของผู้ป่วยที่เป็นงูสวัด ก็ทำให้มีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคอีสุกอีใส อาการของโรคงูสวัด อาการที่พบได้บ่อย อาจมีดังนี้ มีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณผิวหนัง มีไข้ ปวดศีรษะ ดวงตาไวต่อแสง ผิวหนังไวต่อการสัมผัส หลังมีอาการปวดตามเนื้อตัวไม่นาน มักมีตุ่มแดงขึ้นที่ผิวหนังบางส่วนของร่างกาย บางครั้งอาจเกิดที่คอ ใบหน้า หรือดวงตา แล้วค่อย ๆ ลามเป็นลายพาดไปตามแนวของเส้นประสาท จนกระทั่งพันรอบทั้งลำตัว และอาจมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย มีอาการคันและแสบในผิวหนังบริเวณที่มีผื่นแดงและตุ่มน้ำใส ตุ่มแดงจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสและแตกออก จนเริ่มตกสะเก็ด วิธีรักษาโรคงูสวัด โรคงูสวัดเป็นโรคที่สามารถหายได้เอง อาจใช้ระยะเวลาตั้งแต่ 2-6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันของแต่ละคน คุณหมอจะรักษาโรคงูสวัดตามอาการ โดยอาจสั่งจ่ายยาเพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน เช่น อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) แฟมไซโคลเวียร์ (Famciclovir) หรือวาลาไซโคลเวียร์ (Valacyclovir) และอาจสั่งจ่ายยาเพื่อบรรเทาอาการปวด เนื่องจากผู้ที่เป็นโรคงูสวัดมักจะมีอาการปวดรุนแรง  นอกจากนี้ […]


โรคผิวหนังอักเสบ

รักษาเซ็บเดิร์ม โดยวิธีธรรมชาติง่าย ๆ ด้วยตนเอง

เซ็บเดิร์ม คือโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ซึ่งอาการคือ มีผื่นแดง ผิวหนังตกสะเก็ดคล้ายกับรังแคบริเวณใบหน้า คิ้ว หนวดเครา มักเป็นเมื่อสภาพอากาศร้อนจัดหรือหนาวจัด เพราะต่อมไขมันจะขับไขมันมากกว่าปกติจนทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดการอักเสบได้ โดยปกติ ผู้ที่เป็นเซ็บเดิร์มสามารถรักษาและดูแลตัวเองให้หายได้ด้วยวิธีง่าย ๆ  เซ็บเดิร์ม คือโรคอะไร  เซ็บเดิร์ม หรือโรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic dermatitis) คือโรคผิวหนังที่เกิดจากต่อมไขมันที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังผลิตไขมันออกมามากเกินไป ทำให้เกิดเป็นผื่นผิวหนังอักเสบขึ้นมา มีลักษณะเป็นผื่นแดง และมีการตกสะเก็ด มักจะเกิดตามร่างกาย เช่น ลำตัว ใบหน้า หรือบางครั้งอาจเกิดบริเวณหนังศีรษะ โดยเซ็บเดิร์มมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีสภาพอากาศร้อน ซึ่งต่อมน้ำมันมีการขับไขมันออกมามากจนเกิดการอักเสบ บางครั้งเซ็บเดิร์มก็อาจจะเกิดขึ้นในฤดูหนาว เนื่องจากเป็นช่วงที่สภาพอากาศแห้ง ทำให้ต่อมไขมันขับน้ำมันออกมามาก เสี่ยงที่จะเป็นผื่นเซ็บเดิร์มเช่นกัน อาการทั่วไปของ เซ็บเดิร์ม มีดังนี้ ผิวหนังตกสะเก็ดที่บริเวณศีรษะ คิ้ว หรือบริเวณหนวด คล้ายกับการมีรังแค ผิวหนังที่ตกสะเก็ดจะลอกออกมาเป็นขุย ๆ ที่บริเวณศีรษะ คิ้ว ใบหน้า บริเวณหนวด หรือบางครั้งก็อาจพบได้ที่บริเวณขาหนีบ หรือใต้ราวนม ผื่นแดง อาการคัน รักษาเซ็บเดิร์ม ด้วยวิธีธรรมชาติแบบไหนได้บ้าง เซ็บเดิร์ม เป็นโรคผิวหนังที่สามารถรักษาให้หายได้ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจกลับมาเป็นใหม่ได้อีก โดยวิธีการรักษาส่วนใหญ่ คุณหมอมักแนะนำให้ใช้ครีมหรือแชมพูยาที่มีสรรพคุณช่วยรักษาการอักเสบหรือต้านเชื้อรา สำหรับผู้ป่วยบางราย คุณหมออาจสั่งจ่ายยาเม็ดที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อราแทน อย่างไรก็ตาม […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน