backup og meta

ริดสีดวงอาการ เป็นอย่างไร และวิธีการดูแลตัวเอง เมื่อเป็น

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 30/11/2022

    ริดสีดวงอาการ เป็นอย่างไร และวิธีการดูแลตัวเอง เมื่อเป็น

    ริดสีดวง เป็นอาการบวมหรือนูนของหลอดเลือดบริเวณทวารหนักหรือลำไส้ตรง เมื่อเป็น ริดสีดวงอาการ ที่พบ ได้แก่ เกิดก้อนบวมบริเวณทวารหนัก ซึ่งทำให้รู้สึกเจ็บ คัน หรือไม่สบายตัว มักมีเลือดออกบริเวณที่เป็นริดสีดวงหรือมีเลือดปนในอุจจาระ ทั้งนี้ ริดสีดวงอาจป้องกันได้ด้วยการไม่เบ่งอุจจาระ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และดื่มน้ำกับบริโภคใยอาหารให้เพียงพอ

    ริดสีดวง เกิดจากอะไร

    ริดสีดวง เป็นลักษณะของหลอดเลือดบริเวณทวารหนักหรือลำไส้ตรงที่บวมหรือนูนขึ้นมา เนื่องจากแรงดันที่ลำไส้ตรงซึ่งเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

    ทั้งนี้ ร้อยละ 50 ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี มักเคยเป็นริดสีดวง โดยริดสีดวงแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้

  • ริดสีดวงภายใน เป็นการบวมของหลอดเลือดในลำไส้ตรง ไม่สามารถสังเกตเห็นอาการได้ด้วยตาเปล่า แต่จะรู้สึกได้เมื่อถ่ายอุจจาระ
  • ริดสีดวงภายนอก เป็นการบวมของเส้นหลอดเลือดใต้ผิวหนังรอบ ๆ ทวารหนัก ทำให้สังเกตเห็นอาการได้ด้วยตาเปล่า ในบางกรณี ริดสีดวงภายนอกอาจมีลิ่มเลือดสะสม ส่งผลให้เห็นเป็นก้อนย้อยออกมา
  • ริดสีดวงอาการ เป็นอย่างไร

    ริดสีดวงภายในและริดสีดวงภายนอก มีอาการดังต่อไปนี้

    ริดสีดวงภายใน

    • พบเลือดออกในอุจจาระ หรือบนกระดาษชำระที่ใช้ทำความสะอาดทวารหนัก
    • พบก้อนเนื้อสีชมพูยื่นออกมาจากรูทวารเมื่ออุจจาระ โดยอาจหดกลับเข้าไปในร่างกายเองได้ แต่บางกรณีอาจต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์เฉพาะดันให้กลับเข้าไป

    ริดสีดวงภายนอก

    • พบก้อนเนื้อบวมสีม่วงหรือน้ำเงินบริเวณทวารหนัก
    • รู้สึกคัน เจ็บปวด หรือไม่สบายตัว และบางครั้งอาจมีเลือดไหลออกมา เมื่อเกิดลิ่มเลือดสะสมบริเวณริดสีดวง จะรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าปกติ

    ทั้งนี้ นอกจากอาการข้างต้น ริดสีดวงยังอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้

    • โลหิตจาง เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ไม่บ่อย เกิดจากการเสียเลือดอย่างต่อเนื่องเมื่อเป็นริดสีดวง
    • ริดสีดวงอักเสบ เกิดจากการขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงริดสีดวง ทำให้ริดสีดวงมีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงเป็นเวลา 5-7 วัน ก่อนจะอาการป่วยจะทุเลาลงและหายเป็นปกติ

    เป็นริดสีดวง ดูแลตัวเองอย่างไร

    เมื่อพบว่าเป็นริดสีดวง อาจเลือกดูแลตัวเองด้วยวิธีต่อไปนี้

    • ใช้ยาแก้ปวด อย่างลิโดเคน (Lidocaine) หรือไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) ในรูปแบบยาทา หรือรับประทานยาแก้ปวดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) นาพรอกเซน (Naproxen) ไดโคลฟีแนค (Diclofenac)
    • ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 8-12 แก้ว/วัน หรือ 1.5-2 ลิตร/วัน เพื่อช่วยให้อุจจาระนิ่มและขับถ่ายได้ง่าย
    • รับประทานใยอาหารให้เพียงพอ หรือประมาณ 20-30 กรัม/วัน เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการขับถ่าย และลดแรงดันที่ถูกส่งไปยังลำไส้ตรงหรือริดสีดวง ทั้งนี้ อาหารที่อุดมไปด้วยใยอาหาร ได้แก่ บร็อคโคลี่ ถั่ว ข้าวสาลี รำข้าวโอ๊ต และผลไม้สดต่าง ๆ
    • ออกกำลังกายแบบแอโรบิค เช่น การเดินเร็ว 20-30 นาที/วัน เพื่อกระตุ้นการทำงานของท้องและลำไส้
    • ไปอุจจาระทันทีเมื่อรู้สึกปวด เพราะการกลั้นอุจจาระไว้ หรือเลือกอุจจาระในช่วงเวลาที่สะดวก จะทำให้แรงดันที่ถูกส่งไปยังลำไส้ตรงเมื่อขับอุจจาระเพิ่มสูงขึ้น
    • อาบน้ำด้วยการแช่ตัวในน้ำอุ่น เป็นเวลา 10-20 นาที/วัน เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด คัน หรือระคายเคืองเนื่องจากริดสีดวง
    • ไปพบคุณหมอ หลังจากดูแลตัวเองเบื้องต้นเป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้ว แต่ยังพบเลือดออกปะปนในอุจจาระ หรือในปริมาณมาก รวมถึงมีอาการผิดปกติต่าง ๆ เช่น วิงเวียนศีรษะ มึนงง เป็นลม

    ริดสีดวง ป้องกันอย่างไร

    ริดสีดวงอาจป้องกันได้ ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้

    • หลีกเลี่ยงการเบ่งอุจจาระ
    • รีบเข้าห้องน้ำทันทีเมื่อปวดท้อง
    • ดื่มน้ำและบริโภคใยอาหารในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
    • งดบริโภคอาหารที่อาจทำให้ท้องผูกได้
    • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันท้องผูก
    • หลีกเลี่ยงการนั่งบนโถส้วม รวมถึงการนั่งบนคอนกรีตหรือกระเบื้องเป็นเวลานาน

     

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    Duangkamon Junnet


    เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 30/11/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา