ประโยชน์ของน้ำผึ้งมีมากมาย นอกจากให้ความหวานตามธรรมชาติและให้พลังงานต่อร่างกายแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิดที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ต้านการอักเสบ สมานแผล บรรเทาอาการไอ ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย
ประโยชน์ของน้ำผึ้งมีมากมาย นอกจากให้ความหวานตามธรรมชาติและให้พลังงานต่อร่างกายแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิดที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ต้านการอักเสบ สมานแผล บรรเทาอาการไอ ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ
น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ปริมาณ 20 กรัม ให้พลังงานประมาณ 61 กิโลแคลอรี่ และประกอบด้วยสารอาหารต่าง ๆ เช่น
นอกจากนี้ น้ำผึ้งยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ไนอาซิน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม สังกะสี
น้ำผึ้งมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยมีงานศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนสรรพคุณของน้ำผึ้งในการส่งเสริมสุขภาพ ดังนี้
น้ำผึ้งอาจเพิ่มระดับอดิโนเพคติน (Adiponectin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยปรับปรุงระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งยังช่วยเพิ่มความไวของอินซูลินในการเผาผลาญน้ำตาลเป็นพลังงาน ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Molecules เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2560 ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของสารประกอบในน้ำผึ้งที่มีผลต่อสุขภาพ พบว่า น้ำผึ้งอาจมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มความไวของอินซูลิน และต้านภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งส่งผลดีต่อการดูดซึมน้ำตาล จึงสามารถลดความเข้มข้นของน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 และเบาหวานชนิดที่ 2
น้ำผึ้งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ฟลาโวนอยด์ กรดฟีนอลิก (Phenolic Acids) ที่สามารถต้าน เชื้อแบคทีเรีย ไวรัสและเชื้อรา รวมทั้งมีคุณสมบัติช่วยสมานแผล เช่น แผลไฟไหม้ แผลที่เท้าจากเบาหวาน แผลกดทับ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Molecules เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2560 ศึกษาเกี่ยวประโยชน์ของสารประกอบในน้ำผึ้งที่มีผลต่อสุขภาพ พบว่า น้ำผึ้งเป็นสารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านจุลชีพและป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสและเชื้อรา ซึ่งสามารถใช้รักษาบาดแผลที่ติดเชื้อ กระตุ้นการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ ลดอาการบวมน้ำและการเกิดแผลเป็น อาจส่งผลดีต่อบาดแผลทั่วไป เช่น แผลไฟไหม้ แผลที่เท้าจากเบาหวาน แผลกดทับ
น้ำผึ้งมีคุณสมบัติช่วยต้านเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรียและเชื้อราในทางเดินหายใจ จึงอาจช่วยบรรเทาอาการไอในเด็กได้ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Canadian Family Physician เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2557 ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำผึ้งที่ใช้รักษาอาการไอในเด็ก พบว่า การรับประทานน้ำผึ้งอาจช่วยลดการหลั่งเมือกและลดอาการไอในเด็กได้ เนื่องจากน้ำผึ้งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและมีฤทธิ์ต้านการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนและลดอาการไอในเด็ก ควรให้เด็กอายุมากกว่า 1 ปีที่มีอาการไอดื่มน้ำผึ้งบัควีท (Buckwheat Honey) 2.5 มิลลิตร ผสมกับน้ำอุ่น 500 มิลลิลิตร ก่อนนอน ข้อควรระวังสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปี ควรหลีกเลี่ยงการให้กินน้ำผึ้ง เพราะในน้ำผึ้งมีแบคทีเรียที่เป็นอันตรายอาจทำให้ทารกเป็นโรคโบทูลิซึมได้
น้ำผึ้งอุดมด้วยโพรพอลิส (Propolis) ซึ่งเป็นของเหลวชนิดหนึ่งที่ผึ้งผลิตขึ้นจากต้นไม้ อาจมีคุณสมบัติช่วยปรับปรุงการทำงานของหัวใจ ควบคุมความดันโลหิต ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน International Journal of Environmental Research and Public Health เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำผึ้งที่ส่งผลต่อหัวใจ พบว่า น้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดในโรคหลอดเลือดหัวใจ เนื่องจากน้ำผึ้งช่วยปกป้องหัวใจด้วยการปรับปรุงการเผาผลาญไขมัน มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ควบคุมความดันโลหิต ปรับปรุงการเต้นของหัวใจ การลดพื้นที่กล้ามเนื้อหัวใจตาย มีคุณสมบัติลดการตายของเซลล์
แม้น้ำผึ้งจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ผู้มีภาวะทางสุขภาพบางประการอาจต้องระวังในการบริโภคน้ำผึ้ง เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพ ดังนี้
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย