พืชที่นิยมนำมาเป็นส่วนประกอบในสลัด หรือที่เรียกว่า ผักสลัด มีด้วยกันหลายชนิด และแต่ละชนิดก็มีประโยชน์ที่อาจแตกต่างกันออกไป จึงควรรับประทานผักสลัดให้หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้สารอาหารอย่างครบถ้วนที่สุด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง
พืชที่นิยมนำมาเป็นส่วนประกอบในสลัด หรือที่เรียกว่า ผักสลัด มีด้วยกันหลายชนิด และแต่ละชนิดก็มีประโยชน์ที่อาจแตกต่างกันออกไป จึงควรรับประทานผักสลัดให้หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้สารอาหารอย่างครบถ้วนที่สุด
ผักกาดแก้ว (Iceberg Lettuce) มีสีเขียวอ่อน กรอบ ไม่ขมจัด และมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก มีวิตามินและแร่ธาตุเด่น ๆ ดังต่อไปนี้
บัตเตอร์เฮด หรือ ผักกาดหอมบัตเตอร์เฮด (Butterhead Lettuce) เป็นผักใบเขียว ลักษณะใบกว้างกลม รสชาติหวาน กรอบ โดยผักบัตเตอร์เฮด 1 ถ้วย ให้พลังงานเพียง 21 กิโลแคลอรี่ ทั้งยังมีไขมันมึถึง 0.5 กรัม และมีโซเดียมแค่ 8 มิลลิกรัม จึงจัดเป็นผักที่มีแคลอรี่ต่ำ ไขมันต่ำ และโซเดียมต่ำ
นอกจากนี้ ผักบัตเตอร์เฮดยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ร่างกายไม่ถูกทำลายจากสารพิษในสิ่งแวดล้อม และอนุมูลอิสระ ทั้งยังช่วยให้ผิว เนื้อเยื่ออ่อน เยื่อบุ ฟัน และกระดูกแข็งแรง อีกทั้งในบัตเตอร์เฮดยังมีฟอสฟอรัสซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยในการดูดซึมคาร์โบไฮเดรตและไขมัน ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ทั้งยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของไต หัวใจ กล้ามเนื้อ และระบบประสาท
บัตเตอร์เฮดยังอุดมไปด้วย เบตาแคโรทีน (Beta-Carotene) ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยบำรุงสุขภาพตา ทำให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม (Macular degeneration) ลดลง
เรดโอ๊ค หรือ ผักกาดหอมเรดโอ๊ค (Red Oak Lettuce) เป็นผักใบสีแดงเข้ม บ้างมีสีเขียวแซม รูปทรงคล้ายกรีนโอ๊ค มีแคลอรี่ต่ำ แต่มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น โปรตีน ไฟเบอร์ วิตามินเอ วิตามินบี 6 วิตามินเค โฟเลต โพแทสเซียม โดยเฉพาะวิตามินซี
นอกจากนี้ ผักเรดโอ๊คยังเป็นผักฉ่ำน้ำ เพราะมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 96% จึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะขาดน้ำ ทั้งยังอาจช่วยให้หิวช้า และอิ่มนานขึ้น อีกทั้งเรดโอ๊คยังอุดมไปด้วยสารต้านอนูมูลอิสระ ที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์เนื่องจากถูกอนุมูลอิสระทำลาย จึงส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคบางโรคลดลงตามไปด้วย
อีกทั้งผักเรดโอ๊คยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่อาจช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับการอักเสบได้ดีขึ้น และช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
เนตรนภา ปะวะคัง
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย