ผักแว่นอุดมไปด้วยสารประกอบไฟโตเอสโตรเจนที่สำคัญต่อความแข็งแรงของกระดูกและการสร้างกระดูกใหม่ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน Journal of Basic and Clinical Physiology and Pharmacology เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 ศึกษาเกี่ยวกับสารประกอบพฤกษเคมีของสารสกัดเอทานอล (Ethanol) ของใบเซมังกี (Semanggi) ซึ่งเป็นพืชตระกูลเดียวกับผักแว่น พบว่า สารสกัดเอทานอล 96% จากพืชตระกูลเดียวกับผักแว่น อาจช่วยให้เซลล์ตอบสนองต่อฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ดีขึ้น ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการสร้างกระดูกใหม่ที่แข็งแรง
-
อาจช่วยบำรุงสายตา
ผักแว่นอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันความเสียหายของเรตินาและเลนส์ตาที่เสื่อมสภาพ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Antioxidants เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 ศึกษาเกี่ยวกับเบต้าแคโรทีน ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) พบว่า เบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ มีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายและการมองเห็น ปกป้องเรตินาและเลนส์ตาจากความเสียหายที่เกิดจากแสง ซึ่งช่วยรักษาสุขภาพดวงตาและป้องกันโรคตา เช่น ต้อกระจก การเสื่อมสภาพของดวงตาตามอายุ ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา
ข้อควรระวังในการบริโภคผักแว่น
ผักแว่นอุดมไปด้วยสารประกอบไฟโตเอสโตรเจนปริมาณมากที่มีโครงสร้างและการออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ดังนั้น การรับประทานผักแว่นมากเกินไปอาจส่งผลต่อความสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย เนื่องจาก สารไฟโตเอสโตรเจนอาจเข้าไปรบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อในการหลั่งฮอร์โมนที่เป็นปกติ จึงอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น ภาวะมีบุตรยาก เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งในอวัยวะที่ไวต่อฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก มะเร็งรังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอกในมดลูก ดังนั้น จึงควรรับประทานผักแว่นในปริมาณที่เหมาะสม หรือปรึกษาคุณหมอก่อนรับประทาน
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย