backup og meta

แอปเปิ้ลเขียว ประโยชน์และข้อควรระวังในการบริโภค

แอปเปิ้ลเขียว ประโยชน์และข้อควรระวังในการบริโภค

แอปเปิ้ลเขียว เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีรสชาติเปรี้ยวกว่าแอปเปิ้ลแดงเล็กน้อยและมีน้ำตาลน้อยกว่าแอปเปิ้ลสีอื่น ทั้งยังอุดมไปด้วยใยอาหารที่อาจช่วยควบคุมน้ำหนัก และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านการอักเสบของเซลล์และเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจดีต่อสุขภาพหัวใจและระบบทางเดินอาหาร รวมทั้งอาจช่วยป้องกันโรคเบาหวาน โรคหัวใจและอาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้อีกด้วย

[embed-health-tool-bmi]

คุณค่าทางโภชนาการของแอปเปิ้ลเขียว

แอปเปิ้ลเขียว ปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 52 กิโลแคลอรี่ และประกอบด้วยสารอาหารต่าง ๆ เช่น

  • น้ำ 86%
  • คาร์โบไฮเดรต 13.8 กรัม
  • น้ำตาล 10.4 กรัม
  • ไฟเบอร์ 2.4 กรัม
  • โปรตีน 0.3 กรัม
  • ไขมัน 0.2 กรัม

นอกจากนี้ แอปเปิ้ลเขียวยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเค ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ฟลูออไรด์ เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก แคลเซียม โซเดียม ลูทีน (Lutein) ซีแซนทีน (Zeaxanthin)

ประโยชน์ของแอปเปิ้ลเขียวที่มีต่อสุขภาพ

แอปเปิ้ลเขียวมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยมีงานศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนสรรพคุณของแอปเปิ้ลเขียวในการส่งเสริมสุขภาพ ดังนี้

  1. อาจดีต่อสุขภาพหัวใจ

แอปเปิ้ลเขียวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดโดยเฉพาะสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ที่อาจช่วยลดการสะสมของไขมันไม่ดี (LDL) และคอเลสเตอรอล ที่เป็นสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน Nutrition Journal เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2547 ศึกษาเกี่ยวกับสารอินทรีย์จากแอปเปิ้ลและประโยชน์ต่อสุขภาพ พบว่า แอปเปิ้ลอุดมไปด้วยสารพฤษเคมีหลายชนิดโดยเฉพาะสารฟลาโวนอยด์ที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระในแอปเปิ้ลยังอาจช่วยลดการสะสมของไขมันไม่ดี ที่เป็นสาเหตุของการอักเสบของเซลล์และเนื้อเยื่อ และยังช่วยลดคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย ทั้งนี้ ยังคงเป็นการทดลองในสัตว์ ควรมีการวิจัยเพิ่มเติมในมนุษย์เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของแอปเปิ้ลเขียวในการส่งเสริมสุขภาพหัวใจและช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด

  1. อาจลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน

การรับประทานแอปเปิ้ลเขียวที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่พบในเปลือกและเนื้อแอปเปิ้ล เช่น เควอซิทิน (Quercetin) เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 ครั้ง/สัปดาห์ อาจช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในโครงการ Dietary Intakes and Metabolic Disorders เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ศึกษาเกี่ยวกับการบริโภคแอปเปิ้ลและลูกแพร์และความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานประเภท 2 จากการรวบรวมการศึกษา 5 ฉบับ พบว่า การบริโภคแอปเปิ้ลและลูกแพร์อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิด 2 ได้ 18% โดยการรับประทานแอปเปิ้ลกับลูกแพร์เพิ่มขึ้น 1 ครั้ง/สัปดาห์ อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เพิ่มขึ้น 3%

  1. อาจดีต่อสุขภาพทางเดินอาหาร

แอปเปิ้ลเขียวอุดมไปด้วยใยอาหารและเพกติน (Pectin) ซึ่งเป็นแหล่งไฟเบอร์ที่ทำหน้าในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งดีต่อสุขภาพและการทำงานของลำไส้ ระบบย่อยอาหาร ทั้งยังอาจช่วยป้องกันอาการท้องผูก ท้องเสีย และปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Experimental & Molecular Medicine เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2563 ศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างเพกตินและใยอาหารที่ส่งผลต่อภูมิคุ้มกันของระบบทางเดินอาหาร พบว่า เพกตินเป็นเส้นใยอาหารที่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของระบบทางเดินอาหาร โดยส่งเสริมการทำงานและปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ เช่น แลคโตบาซิลลัส (Lactobacilli) แบคเทอรอยเดส (Bacteroides) พรีโวเทลลา (Prevotella) ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพลำไส้ นอกจากนี้ เพกตินยังช่วยป้องกันการอักเสบของทางเดินอาหาร ซึ่งอาจช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ดังนั้น การรับประทานแอปเปิ้ลเขียวที่อุดมไปด้วยใยอาหารและเพกตินจึงอาจส่งผลดีต่อสุขภาพลำไส้และระบบทางเดินอาหาร

  1. อาจช่วยลดน้ำหนัก

แอปเปิ้ลเขียวอุดมไปด้วยใยอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น โพลีฟีนอล (Polyphenols) แคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ที่อาจช่วยลดมวลไขมันในร่างกายและลดน้ำหนักส่วนเกินได้ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน Journal of the American Nutrition Association เมื่อเดือนกันยายน-ตุลาคม พ.ศ. 2561 ศึกษาเกี่ยวกับการบริโภคแอปเปิ้ลที่อาจมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก พบว่า แอปเปิ้ลอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด เช่น โพลีฟีนอล ใยอาหาร แคโรทีนอยด์ ที่อาจมีคุณสมบัติช่วยต้านโรคอ้วน ทั้งยังช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ปรับเปลี่ยนคุณสมบัติไขมันโดยการย่อยสลายให้เป็นพลังงาน เพื่อลดไขมันสะสม ซึ่งมีการทดลอง 5 ครั้งในมนุษย์ ได้ผลว่าการรับประทานแอปเปิ้ล 4-12 สัปดาห์ ในปริมาณ 240-720 มิลลิกรัม/วัน ช่วยลดน้ำหนักในผู้ที่มีน้ำหนักเกินได้ ดังนั้น ผู้ที่มีน้ำหนักเกินจึงควรบริโภคแอปเปิ้ลเพื่อลดไขมันในร่างกายและควบคุมดัชนีมวลกาย (BMI) ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

  1. อาจช่วยป้องกันโรคมะเร็ง

แอปเปิ้ลเขียวอุดมไปด้วยสารพฤษเคมีหลายชนิดที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เช่น เควอซิทิน (Quercetin) คาเทชิน (Catechin) ฟลอริดซิน (Phloridzin) กรดคลอโรจีนิก (Chlorogenic Acid) อาจช่วยต้านการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งและยับยั้งการอักเสบของเซลล์และเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจสามารถช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งได้ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน Nutrition Journal เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2547 ศึกษาเกี่ยวกับอินทรีย์สารจากแอปเปิ้ลและประโยชน์ต่อสุขภาพ พบว่า แอปเปิ้ลประกอบด้วยสารพฤกษเคมีหลายชนิด เช่น เควอซิทิน คาเทชิน ฟลอริดซิน กรดคลอโรจีนิก ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ โดยอาจช่วยยับยั้งการเพิ่มจำนวนเซลล์มะเร็ง ลดการอักเสบของเซลล์และเนื้อเยื่อในร่างกายจากไขมันสะสม และลดคอเลสเตอรอล จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ ทั้งนี้ ยังคงเป็นการทดลองในสัตว์ ควรมีการวิจัยเพิ่มเติมในมนุษย์เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของแอปเปิ้ลเขียวในการช่วยป้องกันมะเร็ง

ข้อควรระวังในการบริโภคแอปเปิ้ลเขียว

แอปเปิ้ลเขียวอุดมไปด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่การรับประทานมากเกินไปในขณะที่ท้องว่างก็อาจส่งผลต่อกระเพาะอาหารได้ เนื่องจาก แอปเปิ้ลเขียวอุดมไปด้วยวิตามินซี กรดมัลลิก (Malic Acid) และกรดซิตริก (Citric Acid) ซึ่งอาจทำให้ความเข้มข้นของกรดน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้กระเพาะอาหารอักเสบ มีอาการแสบท้องและปวดท้องได้

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ประโยชน์ของ แอปเปิ้ลเขียว GREEN APPLE. https://il.mahidol.ac.th/th/i-Learning-Clinic/general-articles/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5/. Accessed May 1, 2022

Apple and pear consumption and type 2 diabetes mellitus risk: a meta-analysis of prospective cohort studies. https://www.researchgate.net/publication/312644914_Apple_and_pear_consumption_and_type_2_diabetes_mellitus_risk_a_meta-analysis_of_prospective_cohort_studies. Accessed May 1, 2022

Apple phytochemicals and their health benefits. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC442131/#:~:text=In%20the%20laboratory%2C%20apples%20have,of%20which%20are%20strong%20antioxidants. Accessed May 1, 2022

Weight Loss Associated With Consumption of Apples: A Review. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/29630462/. Accessed May 1, 2022

The effects of different dietary fiber pectin structures on the gastrointestinal immune barrier: impact via gut microbiota and direct effects on immune cells. https://www.nature.com/articles/s12276-020-0449-2#:~:text=Several%20studies%20have%20shown%20that,%2C64%2C65%2C66. Accessed May 1, 2022

Health Benefits of Green Apples. https://www.webmd.com/diet/health-benefits-green-apples. Accessed May 1, 2022

เวอร์ชันปัจจุบัน

19/12/2023

เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย

อัปเดตโดย: พลอย วงษ์วิไล


บทความที่เกี่ยวข้อง

ลูกท้อ สารอาหาร ประโยชน์ และข้อควรระวังในการบริโภค

อาหารหมู่ที่ 1 มีอะไรบ้าง และมีประโยชน์อะไรต่อสุขภาพ


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 19/12/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา