โรคถุงลมโป่งพองระยะที่ 4 เป็นผลเชื่อมโยงมาจากโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ทำลายถุงลมในปอด ส่งผลให้คุณเริ่มมีอาการหายใจลำบาก แน่นหน้าอก และไอเรื้อรัง เพื่อช่วยให้ทุกคนทราบข้อมูลเบื้องต้นของโรคดังกล่าวเพิ่มขึ้น วันนี้ Hello คุณหมอ ขออาสานำความรู้ของโรคถุงลมโป่งพองระยะที่ 4 มาฝากกันค่ะ
[embed-health-tool-heart-rate]
โรคถุงลมโป่งพอง แบ่งออกเป็นกี่ระยะ
คุณอาจต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การวัดระดับความรุนแรงของโรคถุงลมโป่งพองเป็นไปตามเกณฑ์ FEV1 ที่วัดปริมาตรของอากาศที่เป่าออกมา เมื่อผลลัพธ์ตัวเลขออกมาแล้วนั้น แพทย์จึงจะจำแนกได้ว่าคุณเป็นโรคถุงลมโป่งพองในระยะใด ดังนี้
- ระยะที่ 1 คือ ระดับไม่รุนแรง ค่าวัด FEV1 ของคุณจะอยู่ที่ 80%
- ระยะที่ 2 คือ ระดับปานกลาง ค่าวัด FEV1 ของคุณจะอยู่ที่ 50-80%
- ระยะที่ 3 คือ ระดับรุนแรง ค่าวัด FEV1 ของคุณจะอยู่ที่ 30-50%
- ระยะที่ 4 คือ ระดับรุนแรงมาก ค่าวัด FEV1 ของคุณจะน้อยกว่า 30%
อย่างไรก็ตาม ถุงลมโป่งพองระยะที่ 4 เรียกได้ว่าเป็นระยะที่อันตราย พบได้มากในผู้ที่เป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และมีพฤติกรรมสูบบุหรี่อย่างหนักมากถึง 25% นอกจากนี้ยังรวมถึงผู้ที่สูดดมมลพิษต่าง ๆ เช่น มลภาวะทางอากาศ สารเคมีเข้าสู่ระบบหายใจจนเกิดการสะสมทำลายสุขภาพปอดได้ในที่สุด
โรคถุงลมโป่งพองระยะที่ 4 ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร
ถุงลมโป่งพองระยะที่ 4 เป็นระดับที่รุนแรงมากที่สุด และควรได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลทันที เพราะเป็นระยะที่เสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพต่าง ๆ ของคุณ ดังนี้
- หายใจมีเสียงหวีด
- ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำอย่างรวดเร็ว
- ไอบ่อยถี่ ไอแบบมีเสมหะ
- ปอดติดเชื้อ
- ปอดเริ่มเป็นแผล มีรูพรุนอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเอกซเรย์ออกมา
หากคุณปล่อยไว้นานเกินไป หรือเข้ารับการวินิจฉัย และรักษาล่าช้า นอกจากจะทำให้สุขภาพคุณแย่ลงแล้ว ยังอาจส่งผลอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียว
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ป้องกันโรคถุงลมโป่งพองระยะที่ 4
ในขณะที่คุณรับการรักษาโรคถุงลมโป่งพอง คุณอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างควบคู่กับตามคำแนะนำแพทย์ร่วมด้วย โดยสิ่งที่คุณสามารถทำได้ง่าย ๆ มีดังต่อไปนี้
- สำหรับผู้ป่วยที่สูบบุหรี่เป็นประจำ อาจต้องเลิกสูบให้เด็ดขาด โดยสามารถขอรับการบำบัดนำไปสู่หนทางการเลิกบุหรี่ได้จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ฝึกหายใจฟื้นฟูสุขภาพปอดตามที่แพทย์แนะนำ
- ลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ให้อยู่ในหลักโภชนาการที่แพทย์กำหนด
สำหรับผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองบางราย แพทย์อาจให้ใช้ยาขยายหลอดลม เพื่อให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกมากขึ้น แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้นแม้ว่าจะรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ แล้วก็ตาม แพทย์จำเป็นต้องทำการผ่าตัด หรือปลูกถ่ายปอดใหม่จากผู้บริจาคแทน