backup og meta

เด็กขาดวิตามินดี ส่งผลเสียอย่างไรบ้าง

เด็กขาดวิตามินดี ส่งผลเสียอย่างไรบ้าง

วิตามินและแร่ธาตุสำคัญมีส่วนช่วยสำคัญในการเจริญเติบโตของเด็ก อย่างไรก็ตาม วิตามินดีเป็นหนึ่งในสารอาหารที่จำเป็นมากที่สุดสำหรับการเจริญเติบโตของเด็ก หาก เด็กขาดวิตามินดี ก็อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของกระดูก ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้เด็กรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการอย่างครบถ้วน รวมไปถึงอาหารเสริมและกิจกรรมที่เสริมสร้างความแข็งแรงอยู่เสมอ

[embed-health-tool-vaccination-tool]

ทำไมจึงไม่ควรให้ เด็กขาดวิตามินดี

วิตามินดีมีส่วนช่วยในเรื่องการพัฒนาการของกระดูกและช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น เสริมสร้างกระดูกและสุขภาพฟันให้แข็งแรง นอกจากนี้ วิตามินดี ยังมีส่วนช่วยในการสร้างและควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันทำให้ร่างกายป้องกันการติดเชื้อ กระตุ้นการผลิตสารอินซูลิน และช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของเซลล์

หาก เด็กขาดวิตามินดี อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune Diseases) เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) โรคกระดูกอ่อนในเด็ก (Rickets) ทั้งยังอาจทำให้พัฒนาการและการเจริญเติบโตของกระดูกล่าช้า หรือต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามพันธุกรรม ดังนั้น การได้รับวิตามินดีที่เพียงพออาจช่วยปกป้องให้เด็ก ๆ ห่างไกลจากโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็งบางชนิด โรคเบาหวาน

ปริมาณวิตามินดีสำหรับเด็ก

สำหรับปริมาณวิตามินดีที่เหมาะสำหรับเด็กแต่ละช่วงวัย มีดังนี้

  • ทารก 6-12 เดือน ควรได้รับวิตามินดีประมาณ 5 ไมโครกรัม/วัน
  • เด็ก 1-8 ปี ควรได้รับวิตามินดีประมาณ 5 ไมโครกรัม/วัน
  • วัยรุ่น 9-18 ปี ควรได้รับวิตามินดีประมาณ 5 ไมโครกรัม/วัน

แหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามินดี

แหล่งอาหารที่พบวิตามินดีได้ง่ายที่สุด คือ แสงแดด โดยคุณพ่อคุณแม่อาจพาเด็กออกไปโดนแสงแดดประมาณ 30 นาที ในช่วงเวลา 7.00-8.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แสงแดดกำลังอ่อนพอดี ไม่แรงจนเกินไปต่อผิวหนังและกระดูก นอกจากแสงอาทิตย์แล้ว ยังมีแหล่งวิตามินดีจากอาหารที่อาจให้วิตามินดีแก่เด็กได้ในปริมาณที่ต้องการ ดังนี้

  • อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดี ได้แก่ นม ไข่แดง ธัญพืช น้ำส้มคั้น โยเกิร์ต น้ำมันตับ และปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาค็อด
  • อาหารเสริมในรูปแบบของเหลวหรือน้ำ แบบเม็ด หรือสารละลายยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่สามารถได้รับวิตามินในปริมาณที่เพียงพอจากอาหาร

หากคุณพ่อคุณแม่มีข้อสงสัยในการเลือกสารอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดีให้แก่เด็ก ควรปรึกษาคุณหมอ และบอกข้อมูลสุขภาพต่าง ๆ ในกรณีที่เด็กมีอาจอาการแพ้เบื้องต้นร่วมด้วย เพื่อให้จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและตรงตามความต้องการของร่างกายเด็กแต่ละคน

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Vitamin D in your child’s diet. http://www.babycenter.com/0_vitamin-d-in-your-childs-diet_10324696.bc. Accessed November 23, 2022.

Vitamin D. https://kidshealth.org/en/parents/vitamin-d.html. Accessed November 23, 2022.

Vitamin D: On the Double. https://www.healthychildren.org/English/healthy-living/nutrition/Pages/Vitamin-D-On-the-Double.aspx. Accessed November 23, 2022.

Vitamin D. https://www.cdc.gov/nutrition/infantandtoddlernutrition/vitamins-minerals/vitamin-d.html. Accessed November 23, 2022.

Vitamin D. https://www.rch.org.au/kidsinfo/fact_sheets/Vitamin_D/. Accessed November 23, 2022.

Vitamin D: On the Double. https://www.healthychildren.org/English/healthy-living/nutrition/Pages/Vitamin-D-On-the-Double.aspx. Accessed November 23, 2022.

เวอร์ชันปัจจุบัน

23/11/2022

เขียนโดย ทีม Hello คุณหมอ

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet

อัปเดตโดย: Duangkamon Junnet


บทความที่เกี่ยวข้อง

น้ำมันปลา เด็กกินได้ไหม มีประโยชน์และข้อควรระวังอย่างไรบ้าง

ติดน้ำหวาน เป็นอันตรายอย่างไรต่อร่างกายของลูก


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

Duangkamon Junnet


เขียนโดย ทีม Hello คุณหมอ · แก้ไขล่าสุด 23/11/2022

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา