อันตรายบนท้องถนนที่พบในข่าวทั่วไปตามสื่อโซเชียลต่างๆ มักมีกันให้เห็นไม่เว้นแต่ละวัน บางกรณีก็ส่งผลร้ายแรงถึงชีวิต และอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนี้ ก็คือภาวะ หลับใน ที่คุณอาจเผลอวูบเพราะความเหนื่อยล้า ในขณะที่กำลังขับเคลื่อนยานพาหนะ วันนี้ Hello คุณหมอ จึงนำความรู้ถึงการป้องกันมาฝากทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ชอบขับรถในเวลากลางคืน หรือมีคนรอบข้างตกอยู่ในอาการนี้บ่อยๆ
รู้จักกับอาการ หลับใน และสัญญาณเบื้องต้นที่ทุกคนควรรู้
“หลับใน” หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า (Drowsy Driving) คำสั้นๆ ที่ทุกคนคงจะเคยได้ยินกันจนคุ้นหู ซึ่งเกิดจากการง่วงนอน ในขณะขับขี่ยานพานะส่วนตัว จนอาจเกิดการวูบหลับคาพวงมาลัยแบบฉับพลัน ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่าคุณจะหลับตาลงไปได้ในตอนไหน จึงจำเป็นต้องควรจดจำสัญญาณเตือนจากร่างกายของคุณเอง ดังนี้
- การหาวถี่ๆ หลายๆ ครั้ง
- ตาเริ่มปิดเอง รวมถึงลืมตาขึ้นได้ยาก
- สัปหงก ศีรษะเริ่มก้มลง
- เริ่มขับรถออกนอกเส้นทาง หรือเลนถนน
จากการรายงานความปลอดภัยในการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NHTSA) ผู้ขับขี่ที่มีอาการง่วงนอนนั้นประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างน้อย 100,000 ครั้งต่อปี มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,500 คน และมีผู้บาดเจ็บราวๆ ประมาณ 71,000 ต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
ใครที่เสี่ยงต่อ การหลับใน มากที่สุด
จริงๆ แล้วทุกคนมีความเสี่ยงเท่ากันหมด หากไม่ได้รับการพักผ่อน หรือไม่มีการเตรียมร่างกายมากให้พร้อม ก็สามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ทุกเมื่อ
- พนักงานเข้ากะโดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน
- ผู้ที่ประกอบอาชีพเกี่ยวข้องกับการขับรถ เช่น คนขับแท็กซี่ หรือรถโดยสารต่างๆ เป็นต้น
- คนที่พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ผู้ใช้ยาที่มีส่วนประกอบทำให้เกิดการง่วงนอน เช่น ยากล่อมประสาทบางชนิด ยาคลายกล้ามเนื้อ
- บุคคลที่พึ่งได้รับแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย
นอกจากนี้ยังรวมถึงความเร็ว และช่วงเวลาในการขับขี่ เพราะอุบัติเหตุที่พบบ่อยที่สุดจะเป็นช่วงเวลาหลังพระอาทิตย์ตก และช่วงเช้าตรู่ ซึ่งเป็นเวลาการนอนหลับตามธรรมชาติของมนุษย์เราอยู่แล้ว ส่วนเรื่องของความเร็วคุณควรขับให้อยู่ในความเร็วที่กฎหมายท้องถิ่นกำหนดไว้ หากเกิดอาการง่วงนอน แบบฉับพลันอย่างน้อยก็สามารถลดความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
ป้องกันอันตรายที่อาจคร่าชีวิต ด้วยเคล็ดลับเหล่านี้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อวัน
- ยึดเวลาการนอนหลับให้สม่ำเสมอกันทุกวัน
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หรือยาที่ทำให้เกิดความง่วงนอน
- ไม่ควรขับรถตัวคนเดียว ถ้าจำเป็นที่ต้องเดินทางไกลควรหาผู้ที่ขับขี่รถเป็นมาเปลี่ยนสลับ
- หลีกเลี่ยงการขับรถในช่วงเวลากลางคืน
- ดื่มเครื่องดื่มประเภทคาเฟอีนเพื่อช่วยในการตื่นตัว
ถ้าคุณรู้ตนเองว่ามีอาการเริ่มง่วงนอน ขึ้นมาเมื่อใด อีกหนทางที่ปลอดภัยที่สุดคือ หยุดจอดรถในสถานที่ ที่คุณสามารถงีบหลับได้ในเวลสั้นๆ เพื่อเพิ่มพลังในการเดินทางต่อไป
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]