backup og meta

เรื้อนกวาง (Psoriasis) คืออะไร เกิดจากอะไร และรักษาได้อย่างไร

เรื้อนกวาง (Psoriasis) คืออะไร เกิดจากอะไร และรักษาได้อย่างไร
เรื้อนกวาง (Psoriasis) คืออะไร เกิดจากอะไร และรักษาได้อย่างไร

เรื้อนกวาง หรือเรียกอีกอย่างว่า โรคสะเก็ดเงิน เป็นโรคผิวหนังที่ส่งผลให้เกิดผื่น ผิวหนังเป็นสะเก็ด อาการคันได้เล็กน้อย และอาจมีอาการปวด ส่วนใหญ่มักเป็นบริเวณหัวเข่า ข้อศอก หนังศีรษะ ลำตัว ซึ่งไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่มีวิธีบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้

[embed-health-tool-heart-rate]

เรื้อนกวาง คืออะไร

เรื้อนกวาง หรือโรคสะเก็ดเงิน คือ โรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่ส่งผลให้เซลล์ผิวหนังเพิ่มจำนวนเร็วผิดปกติ จนไม่สามารถผลัดเซลล์ผิวเก่าออกได้ทัน แล้วสะสมกันเป็นสะเก็ดหนาสีแดง มีขุยขาว ๆ และมีอาการคัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การนอนหลับพักผ่อน ไม่มีสมาธิในการทำงาน ส่วนใหญ่อาการของโรคเรื้อนกวางมักจะเกิดขึ้นเป็นเวลานาน 2-3 สัปดาห์ หรือหลายเดือน แล้วจึงค่อย ๆ บรรเทาลง แต่อาจเกิดขึ้นซ้ำ ๆ บ่อยครั้ง เนื่องจากไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด อย่างไรก็ตาม ยังมีวิธีที่ช่วยชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนังและช่วยบรรเทาอาการเรื้อนกวางไม่ให้แย่ลงได้

สาเหตุของเรื้อนกวาง

สาเหตุของเรื้อนกวางเกิดจากคววามผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังรวดเร็วจนเกินไป โดยปกติแล้วร่างกายจะผลิตเซลล์ผิวหนังใหม่แทนที่เซลล์ผิวหนังเก่าทุก ๆ 10-30 วัน แต่สำหรับผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติอาจผลิตเซลล์ผิวใหม่ทุก ๆ 3-4 วัน จนไม่สามารถผลัดเซลล์ผิวเก่าออกได้ทัน จึงส่งผลให้ผิวหนังก่อตัวหนาเป็นสะเก็ด

นอกจากนี้ ปัจจัยทางเสี่ยงต่าง ๆ อาจเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดเรื้อนกวางได้ ดังนี้

  • พันธุกรรมจากคนในครอบครัว หากคนในครอบครัวมีประวัติเป็นเรื้อนกวาง บุตรหลานก็อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อนกวางได้เช่นกัน
  • สภาพอากาศหนาวและแห้ง
  • การบาดเจ็บที่ผิวหนัง เช่น บาดแผลจากของมีคม ผิวถูกแดดเผาไหม้ แมลงกัดต่อย
  • การติดเชื้อที่ผิวหนัง
  • ความเครียดและพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • การสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก
  • ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยารักษาความดันโลหิตสูง ยารักษามาลาเรีย ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์

เรื้อนกวาง มีอาการอะไรบ้าง

อาการของเรื้อนกวางอาจแตกต่างกันออกไปตามประเภทของเรื้อนกวาง ดังนี้

  • เรื้อนกวางแบบปื้นใหญ่ เป็นประเภทที่พบบ่อยที่สุด และมักปรากฏให้เห็นบริเวณข้อศอก หัวเข่า หนังศีรษะ และหลังส่วนล่าง โดยสังเกตได้จากอาการผิวแห้ง ผิวเป็นสะเก็ดสีขาวและผิวหนังอักเสบแดง
  • เรื้อนกวางที่หนังศีรษะ อาจก่อให้เกิดสะเก็ดหนาบนหนังศีรษะเป็นหย่อม ๆ มีขุยสีออกขาวเงินและอาจมีอาการคันระคายเคือง
  • เรื้อนกวางที่เล็บ อาจสังเกตได้จากเล็บเป็นรอยบุบหรือหลุมเล็ก ๆ เล็บเปราะบาง เล็บยกตัวเล็บหนาที่เกิดจากการสะสมของเซลล์ผิวหนังใต้เล็บ เล็บเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองหรือสีน้ำตาล
  • เรื้อนกวางตามข้อพับ มักมีรอยแดงยาวที่ผิว ไม่เป็นเกล็ดหนา ไม่เป็นเกล็ดหนา อาจมีอาการแสบระคายเคืองได้ โดยมักเกิดขึ้นตามข้อพับต่าง ๆ ทั่วทั้งร่างกาย เช่น ขาหนีบ รักแร้ ใต้หน้าอก และอาการอาจแย่ลงหากถูกเสียดสีหรือมีเหงื่อออกมาก
  • เรื้อนกวางชนิดหนอง มักมีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ สีแดง ชมพู หรือน้ำตาล และอาจมีตุ่มหนองร่วมด้วย มักเกิดตามผิวหนังบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ที่อาจทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากและผิวหนังบวมแดง
  • เรื้อนกวางชนิดตัวแดง เป็นประเภทที่รุนแรงและอันตรายมากที่สุด โดยสังเกตได้จากผื่นลามเป็นขุยลอก ทำให้ตัวแดงทั้งตัว แสบร้อนได้ มีผลข้างเคียงเป็นอาการไข้สูง หนาวสั่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการคันรุนแรง และหัวใจเต้นเร็วผิดปกติได้

หากสังเกตว่าอาการรุนแรงขึ้น เช่น ผิวเป็นสะเก็ดหนามากและลุกลามไปแทบทุกส่วนของร่างกาย หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ รู้สึกแสบร้อนที่ผิวหนัง อาการคันที่ทำให้นอนหลับยากและกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรเข้ารับการรักษาจากคุณหมอในทันที เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคข้ออักเสบ ภาวะซึมเศร้า ความดันโลหิตสูง เยื่อบุตาอักเสบ โรคหัวใจและหลอดเลือด

วิธีรักษาเรื้อนกวาง

การรักษาเรื้อนกวางมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนัง ลดอาการอักเสบ และบรรเทาอาการคันเท่านั้น เนื่องจากโรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยอาจใช้วิธีดังต่อไปนี้

  • ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ เป็นยาที่มีในรูปแบบแบบครีม โลชั่น เจล สเปรย์ แชมพู ขี้ผึ้ง และฉีด เพื่อใช้รักษาเรื้อนกวาง เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการในระดับเบาจนถึงระดับปานกลาง โดยควรใช้วันละ 1 ครั้ง อย่างไรก็ตามยากลุ่มนี้ไม่ควรใช้เป็นเวลานาน เพราะอาจเสี่ยงทำให้ผิวหนังบางลงได้
  • ยาเรตินอยด์ ใช้สำหรับสะเก็ดเงินบางประเภท เช่น ทาซาโรทีน (Tazarotene) อาซิเทรติน (Acitretin) ที่มีในรูปแบบรับประทาน ฉีด และทาเฉพาะที่ เพื่อช่วยลดการผลิตเซลล์ผิวหนัง โดยควรทาบริเวณผิวที่ได้รับผลกระทบวันละ 1-2 ครั้ง สำหรับยาในรูปแบบรับประทานควรรับประทานวันละ 1 ครั้ง หรือตามคำแนะนำของคุณหมอ อย่างไรก็ตาม ยากลุ่มเรตินอยด์อาจไม่เหมาะสำหรับสตรีตั้งครรภ์และกำลังให้นมบุตร เพื่อความปลอดภัยควรปรึกษาคุณหมอก่อนใช้
  • วิตามินดีสังเคราะห์ เช่น แคลซิไทรออล (Calcitriol) แคลซิโปไตรอีน (Calcipotriene) ใช้เพื่อช่วยชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนัง สามารถใช้ควบคู่กับยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ในรูปแบบทาเฉพาะที่เพื่อช่วยลดผลข้างเคียงของเสตียรอยด์
  • สารยับยั้งแคลซินิวริน (Calcineurin) เช่น ยาทาโครลิมัส (Tacrolimus) ยาพิเมโครลิมัส (Pimecrolimus) เพื่อช่วยลดการอักเสบและการสะสมของสะเก็ดผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณผิวหนังที่บอบบาง เช่น รอบดวงตา ยานี้อาจไม่เหมาะกับสตรีตั้งครรภ์และกำลังให้นมบุตร รวมถึงไม่ควรใช้ในระยะยาวเนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
  • กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) อาจช่วยลดขนาดสะเก็ดผิวหนัง ผลัดเซลล์ผิว และอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ยาชนิดอื่น ๆ ที่ใช้รักษา ทำให้ยาสามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ง่ายขึ้น
  • น้ำมันดิน มีในรูปแบบแชมพู ครีม และออยล์ ใช้เพื่อช่วยลดการอักเสบและอาการคันของเรื้อนกวาง แต่อาจมีกลิ่นแรงและอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวได้ จึงไม่สำหรับการใช้ในสตรีตั้งครรภ์และอยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ยาเมโธเทรกเซท (Methotrexate) เป็นยาในรูปแบบรับประทาน ใช้เพื่อช่วยลดการผลิตเซลล์ผิวหนังและลดการอักเสบ โดยปริมาณยาที่ได้รับขึ้นอยู่กับภาวะสุขภาพและอาการ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ยาของคุณหมออย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันผลข้างเคียงรุนแรง เช่น ตับอักเสบ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง กล้ามเนื้ออ่อนแรง การมองเห็นเปลี่ยนแปลง ผิวหนังบวมและหัวใจเต้นผิดปกติ
  • ยาไซโคลสปอริน (Cyclosporine) เป็นยาในรูปแบบรับประทาน ใช้เพื่อช่วยรักษาเรื้อนกวางในระดับรุนแรง และควบคุมอาการเรื้อนกวางไม่ให้แย่ลง โดยควรรับประทานวันละ 1 ครั้ง หรือตามที่คุณหมอกำหนดและไม่ควรใช้ต่อเนื่องนานเกินกว่า 1 ปี เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ นอกจากนี้ ในระหว่างที่ใช้ยาอาจจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพตามที่คุณหมอกำหนด เพื่อตรวจการทำงานของไตและตรวจระดับความดันโลหิตว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่
  • การบำบัดด้วยแสง เช่น ยูวีเอ (UVA) ยูวีบี (UVB) พียูวีเอ (PUVA) อาจเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นเรื้อนกวางในระดับปานกลางถึงรุนแรงที่มีผื่นเป็นบริเวณกว้าง เพื่อช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง ทำให้อาการของเรื้อนกวางดีขึ้น การรักษาวิธีนี้จำเป็นต้องทำซ้ำหลายครั้ง ผลข้างเคียงของการรักษานี้คืออาจทำให้รู้สึกแสบผิว ผิวแห้ง ผิวแดง มีอาการคันหรืออาจเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้น จึงควรขอคำปรึกษาและวิธีการดูแลตัวเองหลังจากรักษา เพื่อลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงเหล่านี้

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Psoriasis. https://www.nhs.uk/conditions/psoriasis/.Accessed December 20, 2022 

Psoriasis. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/psoriasis/symptoms-causes/syc-20355840.Accessed December 20, 2022 

Psoriasis. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/psoriasis/diagnosis-treatment/drc-20355845.Accessed December 20, 2022 

Psoriasis. https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/psoriasis/understanding-psoriasis-basics.Accessed December 20, 2022 

PSORIASIS: SIGNS AND SYMPTOMS. HTTPS://WWW.AAD.ORG/PUBLIC/DISEASES/PSORIASIS/WHAT/SYMPTOMS.Accessed December 20, 2022 

What is Psoriasis?. https://www.cdc.gov/psoriasis/index.htm.Accessed December 20, 2022 

Methotrexate (Anti-Rheumatic) Tablet – Uses, Side Effects, and More https://www.webmd.com/drugs/2/drug-3441/methotrexate-anti-rheumatic-oral/details.Accessed December 20, 2022 

เวอร์ชันปัจจุบัน

03/02/2023

เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา

อัปเดตโดย: พลอย วงษ์วิไล


บทความที่เกี่ยวข้อง

ผื่นโควิดคันไหม อาการทางผิวหนังของโรคโควิด 19

จมูกลอก อาการ สาเหตุ และการดูแลผิว


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา

โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 03/02/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา