โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง (Aortic Aneurysm) เป็นอีกโรคที่คุณควรระมัดระวังเป็นอย่างมากไม่แพ้โรคประเภทอื่น ๆ เนื่องจากโรคนี้ค่อนข้างเชื่อมโยงกับการทำงานของหัวใจ เพื่อให้ทุกคนรู้จักกับโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองมากขึ้น วันนี้ Hello คุณหมอ จึงรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น มาฝากทุกคนให้ได้ลองศึกษา และทำความรู้จักกันค่ะ
[embed-health-tool-bmi]
โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง (Aortic Aneurysm) คืออะไร
โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง คือ การพองตัว และนูนบวมของหลอดเลือดแดงใหญ่ที่มีหน้าที่ในการลำเลียงเลือดจากหัวใจเข้าไปหล่อเลี้ยงทั่วทั้งร่างกาย โดยมีสาเหตุมาจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การติดเชื้อที่หัวใจ ความดันโลหิตสูง ภาวะหลอดเลือดแข็งตัว และพฤติกรรมการสูบบุหรี่เป็นประจำ เป็นต้น อีกทั้งโรคนี้ยังสามารถแบ่งออกได้อีก 2 ประเภทด้วยกัน นั่นก็คือ
- โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองในช่องท้อง
- โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองในทรวงอก
นอกจากนี้หากคุณปล่อยให้หลอดเลือดแดงพองตัวไปเรื่อย ๆ ไม่รีบเร่งรักษา ก็อาจส่งผลให้เส้นเลือดนี้สามารถแตกออก ก่อให้เกิดโรคหัวใจบางอย่าง ไตพัง และถึงแก่ชีวิตได้ในที่สุด
อาการของโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง
อาการที่เกิดขึ้นเมื่อคุณเข้าสู่ภาวะเสี่ยงเป็น โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง นั้น ส่วนมากมักทำให้คุณต้องพบเจอกับอาการต่าง ๆ ดังนี้
- เจ็บหน้าอก
- ปวดหลัง
- หายใจลำบาก
- ไอ และเสียงแหบ
- ปวดท้อง
- เหงื่อออก
- อาเจียน
- วิงเวียนศีรษะ
การรักษาโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง
หากคุณสังเกตถึงอาการผิดปกติ พร้อมรับการวินิจฉัยแล้วว่าคุณกำลังเป็น โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ในระดับเล็กน้อย แพทย์อาจต้องติดตามอาการเบื้องต้นเพื่อตรวจดูว่าอาการโป่งพองจะไม่ขยายใหญ่ไปกว่าเดิม โดยอาจมีการให้ยาตามอาการไปรับประทานร่วม ดังนี้
- กลุ่มยาสแตติน เช่น อะทอร์วาสแททิน (Atorvastatin) , โลวาสแตติน (Lovastatin) , และซิมวาสแตติน (Simvastatin) ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล และลดการอุดตันในหลอดเลือดแดง
- กลุ่มยาต้าน Angiotensin II เช่น ลอซาร์แทน (Losartan) , วาลซาร์แทน (Valsartan) และโอล์มีซาร์แทน (Olmesartan) ที่จะมีบทบาทในการช่วยควบคุมความดันโลหิต
- กลุ่มยาเบต้า-บล็อกเกอร์ เช่น เมโทโพรลอล (Metoprolol) , อะทีโนลอล (Atenolol) และ ไบโซโปรลอล (Bisoprolol)
แต่หากเป็นกรณีที่หลอดเลือดแดงมีการโป่งพองขนาดใหญ่ แพทย์ต้องนัดหมายการผ่าตัดซ่อมแซม ก่อนเส้นเลือดแดงแตกในทันที เพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ระหว่างการรักษา หรือฟื้นฟูสุขภาพหลังการผ่าตัดไม่ให้เผชิญกับโรคนี้อีกคุณจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ทั้ง 4 วิธี เหล่านี้ ควบคู่ไปด้วย
1. หยุดสูบบุหรี่
2. ลดอาหารที่อุดมไปด้วยไขมัน คอเลสเตอลรอล
3. รักษาน้ำหนักให้สมดุล
4. จำกัดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ไม่ว่าจะโรคที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของหัวใจ คุณไม่ควรเพิกเฉยรอให้หายไปได้เอง เพราะนอกจากจะไม่ทำให้คุณมีอาการที่ดีขึ้นแล้ว ยังอาจนำพาให้คุณเข้าใกล้ความเสี่ยงการเสียชีวิตได้เร็วขึ้นอีกด้วยค่ะ