แม้ว่า พริกหยวก จะขึ้นต้นด้วย พริก แต่ก็มิได้หมายความว่าจะมีรสชาติที่เผ็ดร้อนอย่างตระกูลพริกทั่วไป เพราะรสชาติที่แท้จริงของมันนั้นมีความหวานซึ่งตัดกับความเผ็ดเล็กน้อยอย่างลงตัว จึงทำให้ผู้คนมากมายมักนำไปประกอบอาหารในเมนูต่าง ๆ เพื่อรับประทานกันมากขึ้น แต่นอกจากความอร่อยแล้ว วันนี้ Hello คุณหมอ ได้นำคุณประโยชน์ดี ๆ ด้านสุขภาพของพริกหยวกมาฝากทุกคนให้ได้ทราบไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย
ทำความรู้จักกับ พริกหยวก กันเถอะ
พริกหยวก หรือ พริกหวาน (Bell Pepper) ถูกจัดเป็นผลไม้ ที่สามารถรับประทานได้ทั้งแบบดิบ และแบบปรุงสุกร่วมกับในเมนูอาหารต่าง ๆ โดยส่วนมากพริกหยวกมีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบอเมริกากลาง อเมริกาใต้ จนในที่สุดก็ถูกผู้คนนิยมนำมาเพาะปลูกเป็นพืชประจำบ้านกระจายตามทั่วทุกมุมโลก เพื่อรับประทานในปัจจุบัน
สาเหตุที่พริกหยวกนั้นรสชาติแตกต่างจากพริกพันธุ์อื่น อาจเป็นเพราะพริกหยวกไม่มีปริมาณแคปไซซิน (Capsaicin) ที่มากเพียงพอจะสร้างความเผ็ดร้อนให้เสมือนพริกพันธุ์อื่น ๆ จึงทำให้ผู้ที่รับประทานอาหารรสจัดไม่ได้นั้นชื่นชอบเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
ประโยชน์ของ พริกหยวก ที่คุณควรรู้
พริกหยวกอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก เช่น วิตามินซี วิตามินบี 6 วิตามินเค โพแทสเซียม โฟเลต และแร่ธาตุอื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งถ้าหากคุณมี การรับประทานพริกหยวก ในปริมาณที่พอดี หรือเพียงพอต่อวัน ก็อาจทำให้ระบบต่าง ๆ ภายในของเรานั้นเกิดการทำงานได้ดีขึ้น และอาจช่วยลดความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรค ดังต่อไปนี้
-
ป้องกันโรคโลหิตจาง
ภาวะการขาดธาตุเหล็กเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้คนบางกลุ่มประสบกับโรคโลหิตจางได้บ่อยที่สุด ซึ่ง การรับประทานพริกหยวก นั้น อาจเป็นการช่วยเพิ่มวิตามินซีที่ทำให้ร่างกายของคุณเกิดการดูดซับธาตุเหล็กจากอาหารในแต่ละมื้อได้เป็นอย่างดี และช่วยป้องกันให้คุณห่างไกลจากความเสี่ยงของโรคโลหิตจางได้อีกด้วย
-
ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง และโรคหัวใจ
เนื่องจากพริกหยวกอุดมด้วยแคโรทีนอยด์ (Carotenids) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญที่ช่วยในการลดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ที่เป็นสาเหตุสำคัญในการสร้างความเสียหายของเซลล์ภายในร่างกาย อีกทั้งยังอาจต้านอนุมูลอิสระ หรือลดการทำงานของอนุมูลอิสระลง เพื่อป้องกันการก่อให้เกิดโรคมะเร็ง รวมไปถึงโรคหัวใจได้
-
ส่งเสริมสุขภาพจิต
หนึ่งในสารอาหารมากมายของพริกหยวกอย่างวิตามินบี 6 อาจเป็นอาหารที่ดีในการรักษาสุขภาพต่อสติปัญญา หรือสมองของเราอย่างมาก เพราะวิตามินบี 6 นั้น มีคุณสมบัติที่สามารถเข้าไปช่วยเพิ่มระดับของ เซโรโทนิน (Serotonin) หรือเรียกอีกอย่างได้ว่า “ฮอร์โมนเพิ่มความสุข’ ที่เข้ามาปรับปรุงความผิดปกติทางจิตใจได้หลายประการ เช่น ภาวะสมาธิสั้น
-
บำรุงสายตา
ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทิน (Zeaxanthin) ในพริกหยวก อาจเข้าไปช่วยดูแลสุขภาพดวงตาของเราให้แข็งแรงขึ้น พร้อมป้องกันการเสื่อมสภาพของจอประสาทตา และป้องกันรังสียูวีจากแสงแดด ที่เป็นสาเหตุสำคัญในการสูญเสียการมองเห็นได้ในอนาคต ด้วยข้อมูลจากการศึกษาบางชิ้นโดยนักวิจัยจากฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ค้นพบว่า การรับประทานลูทีนเพียง 6 มิลลิกรัม ต่อวัน อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับดวงตาได้ถึง 43% เลยทีเดียว
-
บำรุงผิวพรรณ
วิตามินซี และแคโรทีนอยด์ในปริมาณสูงของพริกหยวก อาจช่วยส่งเสริมการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนให้มากขึ้น เพื่อเป็นอาหารผิว นำมาซึ่งความกระชับ ลดรอยเหี่ยวย่น ที่สำคัญมากไปกว่านั้น ยังอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้
ข้อควรระวังในการรับประทาน พริกหยวก
อาการแพ้ หรือผลข้างเคียงใด ๆ ใน การรับประทานพริกหยวก นั้นค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยากในบุคคลทั่วไป แต่สำหรับบางกรณีนั้นผู้ที่ประสบกับอาการแพ้พริกหยวกอาจมาจากการแพ้น้ำยาง ละอองเกสร จนก่อให้เกิดปฏิกิริยาบางอย่าง ดังต่อไปนี้
หลังจากที่คุณรับประทานพริกหยวก และพบว่าตนเองมีอาการข้างต้น หรือนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น โปรดหยุดรับประทาน และเข้าขอรับการรักษาจากแพทย์ในโรงพยาบาลใกล้คุณทันที ไม่ว่าจะเป็นการแพ้ในระดับเบา หรือระดับรุนแรงก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดปัญหาทางสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจตามมา
[embed-health-tool-bmr]