backup og meta

เล่มเกมมากไป ระวังกลายเป็น "โรคติดเกม"

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์ · แก้ไขล่าสุด 10/08/2020

    เล่มเกมมากไป ระวังกลายเป็น "โรคติดเกม"

    การเล่นเกมเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมนันทนาการที่ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย หายเครียดได้ หากบางวันคุณรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน เพียงหยิบเกมขึ้นมาเล่น ก็ทำให้เรารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณเล่นเกมมากจนเกินไปจนติดเกมแบบงอมแงมแล้วล่ะก็ คุณอาจกลายเป็น โรคติดเกม โดยไม่รู้ตัว วันนี้ Hello คุณหมอ จะพามาทำความรู้จักกับโรคนี้กันมากขึ้นพร้อมวิธีการป้องกันก่อนที่คุณจะกลายเป็นโรคนี้แบบถอนตัวไม่ขึ้น

    ทำความรู้จักกับ รคติดเกม (Gaming disorder)

    โรคติดเกม (Gaming disorder) เป็นโรคทางจิตเวชที่ผู้ป่วยมีอาการเสพติดการเล่นเกมจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ต้องการเล่นเกมอย่างต่อเนื่องและเล่นเกมในแต่ละครั้งเป็นระยะเวลายาวนานขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจกิจกรรมอื่น ๆ โรคนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสมองในส่วนการยับยั้งชั่งใจ เช่น เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้น ไม่สามารถควบคุมการเล่นเกมได้เนื่องจากพวกเขาขาดความยับยั้งชั่งใจ

    5 สัญญาณเตือนว่าคุณกำลังเสี่ยงเป็นโรคติดเกม

    • ตัดขาดจากโรคภายนอก หมกมุ่นอยู่แต่กับการเล่นเกม โดยไม่สนใจในการทำกิจกรรมอื่น ๆ
    • มีพฤติกรรมก้าวร้าว ฉุนเฉียว โมโหง่าย
    • ควบคุมอารมณตัวเองไม่ได้หรือหยุดการเล่นเกมไม่ได้ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าไม่ดีต่อสุขภาพ
    • ไม่ยอมรับตัวเองว่ามีพฤติกรรมเสพติดการเล่นเกม
    • นอนหลับยาก นอนไม่ค่อยหลับรู้สึกอยากเล่นเกมตลอดเวลา

    เสพติดการเล่นเกม ส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร

    • ปวดคอ ปวดไหล่ การเล่นเกมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้คุณมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และส่งผลเสียต่อระบบภายในร่างกาย
  • สายตาพร่ามัว อ่อนล้า การใช้สายตาเพ่งหน้าจอนาน ๆ เวลาเล่นเกม ทำให้ดวงตาเกิดอาการพร่ามัว อ่อนล้า หรือรุนแรงถึงขั้นตาอักเสบได้
    • โรคอ้วน เมื่อร่างกายเคลื่อนไหวน้อยลง ขาดการออกกำลังกายเป็นระยะเวลาติดต่อกันนาน ๆ ทำให้เป็นโรคอ้วนโดยไม่รู้ตัว
  • โรคซึมเศร้า เมื่อเสพติดการเล่นเกมมากจนเกินไป มักทำให้แยกตัวจากสังคม ชอบอยู่โดดเดี่ยว จนนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้า
  • วิธีป้องกันปัญหา การเสพติดเกม

    โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ถึงแม้ว่าการแพทย์ในปัจจุบันจะยังไม่พบวิธีการรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ได้ แต่ก็สามารถปรับที่พฤติกรรม ความคิด เพื่อให้เห็นโทษของการเล่นเกมได้ แต่หากพบว่าผู้ป่วยมีโรคทางจิตเวชอื่น ๆ ร่วมด้วย ก็จำเป็นต้องรักษาควบคู่กัน อาจรักษาด้วยยา หรือวิธีบำบัดร่วมกัน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์ · แก้ไขล่าสุด 10/08/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา