สุขภาพจิต

เมื่อพูดถึงสุขภาพโดยรวมของคน ๆ หนึ่ง จิตใจ ก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าร่างกาย ปัญหาสุขภาพจิต เป็นปัญหาที่มักจะถูกมองข้าม ดังนั้น การเรียนรู้เกี่ยวกับการรักษา สุขภาพจิต ให้สมบูรณ์แข็งแรง และตระหนักถึงความผิดปกติเกี่ยวกับสภาวะสุขภาพจิต จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่จะช่วยให้คุณและคนที่คุณรักมีความสุขมากยิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพจิต

สุขภาพจิต เรื่องใกล้ตัว ที่ไม่ควรมองข้าม

สุขภาพจิต ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสมดุลและมีความสุข เมื่อสุขภาพจิตดี ชีวิตด้านอื่น ๆ ก็มักจะดีตามไปด้วย โดยเฉพาะสุขภาพกาย ดังนั้น การเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพจิต ทั้งวิธีการดูแลสุขภาพจิตที่เหมาะสม ตลอดไปจนถึงปัญหาสุขภาพจิตที่พบได้บ่อย พร้อมวิธีการรับมือ จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการดูแลสุขภาพจิตให้ดียิ่งขึ้น [embed-health-tool-bmi] สุขภาพจิต คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ สุขภาพจิต (Mental Health) คือ ภาวะความเป็นอยู่ทางใจ ที่มีความสัมพันธ์ต่ออารมณ์และความรู้สึก การมีสุขภาพจิตที่ดีจะช่วยให้เราเผชิญต่อความเครียดได้ สามารถเรียนรู้และทำงานได้ดี มีความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ และมีส่วนร่วมกับสังคมอย่างมีคุณค่า  กรมสุขภาพจิตอธิบายไว้ว่า “สุขภาพจิตหมายถึงภาวะจิตใจที่เป็นสุข ปรับตัวแก้ปัญหาได้ และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ดี” ซึ่งสอดคล้องกับนิยามสากลของ WHO (World Health Organization) สุขภาพจิตเป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพโดยรวม การจะมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง จำเป็นต้องมีสุขภาพจิตที่ดีควบคู่กัน หากละเลยการดูแลสุขภาพจิตก็อาจส่งผลกระทบต่อปัจจัยด้านอื่น ๆ ทั้งปัจจัยส่วนบุคคลอย่างสุขภาพกาย ตลอดไปจนถึงปัจจัยภายนอกอย่างการทำงานหรือการอยู่ร่วมในสังคมกับผู้อื่น ดังนั้น การดูแลสุขภาพจิตให้ดีและมั่นคงจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อการใช้ชีวิตที่มีความสุข ปัญหาสุขภาพจิตที่พบได้บ่อย ปัญหาสุขภาพจิตนั้นมีหลากหลายชนิดและรูปแบบ โดยปัญหาด้านสุขภาพจิตที่พบได้บ่อยในประเทศไทย มีดังนี้ โรคซึมเศร้า (Depression) โรคซึมเศร้า เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง เหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ หรือการใช้ยาบางชนิด  อาการของโรคซึมเศร้าอาจแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่ อาการเศร้าซึม ไม่มีความสุข รู้สึกว่างเปล่า […]

หมวดหมู่ สุขภาพจิต เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพจิต

ความสัมพันธ์ที่ดี

วิธีที่จะช่วยให้ ผู้ป่วย โรคกลัวการเข้าสังคม เข้าสังคมได้ง่ายขึ้น

การเข้าสังคมสำหรับหลายๆ คนอาจจะเป็นเรื่องง่าย แต่สำหรับผู้ที่ป่วยเป็น โรคกลัวการเข้าสังคมแล้ว ถือว่าไม่ง่ายเลย การจะเข้าสังคมในแต่ละทีนั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวล กลัวว่าจะถูกตัดสินจากคนในสังคม กลัวคนในสังคมไม่ชอบ การหาเพื่อนใหม่ การเข้าสังคมจึงถือเป็นเรื่องที่ยากและมีความท้าทายสำหรับพวกเขาเป็นอย่างมาก วันนี้ Hello คุณหมอ มีเคล็ดลับการเข้าสังคมสำหรับผู้ที่กลัวการเข้าสังคมมาฝากกัน ไปดูกันเลยว่า วิธีการเข้าสังคม สำหรับคนกลัวการเข้าสังคม นั้นจะต้องทำอย่างไร โรคกลัวการเข้าสังคม (Social Anxiety) คืออะไร โรคกลัวการเข้าสังคม (Social Anxiety) เป็นโฟเบีย อย่างหนึ่ง ถือเป็นความผิดปกติทางจิตอย่างหนึ่งที่พบได้บ่อยที่สุด ผู้ที่ป่วยเป็นโรคกลัวการเข้าสังคมส่วนใหญ่มักจะไม่กล้าเข้าสังคมเพราะกลัวถูกคนภายในสังคมตัดสิน กลัวทำเรื่องขายหน้า กลัวคนในสังคมนั้นไม่ชอบ ซึ่งเมื่อจะมีการเข้าสังคมอาจทำให้พวกเขาเกิดความประหม่า เหงื่อออกตามมือ ซึ่งเมื่อดูจากอาการของโรคแล้วอาจจะมีความคล้ายคลึงกับอาการประหม่าธรรมดา แต่สำหรับผู้ป่วยโรคกลัวการเข้าสังคมนั้นเมื่อถึงเวลาที่จะต้องเข้าสังคม พบปะคนมากๆ กลับไม่สามารถบังคับตัวเองได้ และพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม จนบางครั้งอาการเหล่านี้ก็ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต วิธีการเข้าสังคม สำหรับคนกลัวการเข้าสังคม ที่จะทำให้คุณกลัวน้อยลง ความวิตกกังวลในการเข้าสังคม นั้นส่วนใหญ่แล้วมักจะกลัวการถูกตัดสินจากคนในสังคม สำหรับผู้ที่มีอาการนี้การเข้าสังคมหรือการพบปะหน้าคนอื่นจึงถือเป็นเรื่องที่มีความยากลำบาก หลายๆ คนที่มีอาการนี้รู้ดีว่าสิ่งที่พวกเข้ากลัวนั้นมันไร้เหตุผล แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถจัดการกับอารมณ์และความรู้สึกกลัวไม่ได้ เมื่อต้องมีการเข้าสังคม วิธีการเข้าสังคม สำหรับคนกลัวการเข้าสังคม เหล่านี้อาจเป็นตัวช่วยที่ดี ที่จะช่วยให้รู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อต้องเริ่มเข้าสังคม เลิกมีกำแพง กับการเข้าสังคม สิ่งแรกที่ผู้ที่มีอาการกลัวการเข้าสังคมนึกถึงคือ ความคิดในแง่ลบเกี่ยวกับการเข้าสังคม ไม่ว่าจะเป็น ความกังวลว่าจะทำตัวเองขายหน้าในที่คนมาก ๆ […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

เห็นคนสวย เป็นต้องหนี เพราะ ผมเป็น โรคกลัวผู้หญิงสวย

เห็นคนสวย ทีไร มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ตัวสั่น เหงื่อออก ทุกที จนบางครั้งต้องเก็บตัวแยกออกมาคนเดียว อาการเหล่านี้ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของ โรคกลัวผู้หญิงสวย ได้ยินชื่อแล้วอาจไม่น่าเชื่อว่าจะมีโรคนี้เกิดขึ้นจริงอยู่บนโลกใช่ไหมล่ะคะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะโรคนี้เป็นหนึ่งในอาการกลัวที่มีอยู่จริง  วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้นกันค่ะ เพราะผมเป็น โรคกลัวผู้หญิงสวย (Venustraphobia) โรคกลัวผู้หญิงสวย (Venustraphobia) เป็นความกลัวแบบเฉพาะเจาะจงที่ไม่มีเหตุผล ไม่สามารถควบคุมความกลัวได้เมื่อเห็นผู้หญิงสวย  ความกลัวสามารถเกิดขึ้นได้แม้เพียงคิดเกี่ยวกับผู้หญิงที่สวยงาม ความหวาดกลัวนี้ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการควบคุมอารมณ์และกระทบกับการดำรงชีวิตในประจำวัน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะเหตุใด จึงกลัวผู้หญิงสวย โรคกลัวผู้หญิงสวยนั้น เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกันดังนี้ ความทรงจำหรือการได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีในวัยเด็ก เช่น การต้องมองดูคนที่รักโดนทรมานจากผู้หญิงสวย ความบกพร่องภายในสมอง เช่น พันธุกรรม กลัวว่าผู้หญิงที่สวยจะทำให้เรารู้สึกอับอาย ขายหน้า 6 อาการ ที่บ่งบอกว่าคุณเป็นโรคกลัวผู้หญิง แต่ละบุคคลจะมีอาการกลัวที่แตกต่างกันออกไป โดยส่วนใหญ่จะมีอาการดังต่อไปนี้ หายใจถี่ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ เหงื่อออก ปากแห้ง คลื่นไส้ อาเจียน มีความวิตกกังวลสูง ตกใจกลัวอย่างรุนแรง ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ สูญเสียการทรงตัวเมื่อเจอผู้หญิงสวย หลีกตัวเองออกจากสังคม ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว วิธีการรักษา แพทย์จะทำการรักษาโรคกลัวผู้หญิงสวยด้วยการใช้จิตบำบัดและการสะกดจิตเป็นหลัก บางรายอาจจะใช้ยาร่วมด้วยในการรักษา จิตบำบัด วิธีการบำบัดประเภทนี้เป็นวิธีที่แพทย์ส่วนใหญ่ใช้ในการบำบัดที่เรียกว่า การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (Cognitive behaviour therapy ; CBT) การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรมที่เน้นเจาะจงแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนที่สอดคล้องกับความเป็นจริง โดยเริ่มจากสิ่งของหรือวัตถุใกล้ตัวที่เกี่ยวกับอาการป่วย ให้ผู้ป่วยเผชิญกับปัญหา เริ่มสัมผัสกับความกลัวทีละน้อย จนเกิดความคุ้นชิน การสะกดจิต การใช้เทคนิคการสะกดจิต ได้รับการพิจารณาว่ามีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการรักษาโรคกลัวผู้หญิงสวย […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

ไม่กล้าสัมผัสอะไร หวาดระแวงเชื้อโรค คุณอาจจะกำลังเป็น โรคกลัวความสกปรก อยู่รึเปล่า

ความหวาดกลัวต่อสิ่งสกปรกและเชื้อโรคนั้นจัดได้ว่าเป็นความรู้สึกปกติ ที่ไม่ว่าใครต่างก็ต้องมี เพราะคงไม่มีใครอยากที่จะเอามือไปสัมผัสกับสิ่งสกปรกให้เปื้อนมือ หรือสัมผัสกับเชื้อโรคให้เสี่ยงอันตรายต่อร่างกาย แต่ในบางครั้ง หากอาการกลัวสิ่งสกปรกและเชื้อโรคนั้นมีความรุนแรงอย่างมากผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณกำลังเป็น โรคกลัวความสกปรก ก็เป็นได้ อาการของโรคนี้เป็นอย่างไร และจะรักษาให้หายได้หรือไม่ หาคำตอบได้จากบทความนี้ โรคกลัวความสกปรก (Mysophobia) คืออะไร เป็นที่รับรู้กันอยู่แล้วว่า สิ่งสกปรกนั้นมักจะแฝงไปด้วยเชื้อโรคตัวร้าย ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ดังนั้น การหวาดกลัว ไม่อยากสัมผัสสิ่งสกปรกเหล่านี้ จึงนับได้ว่าเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ เขาก็เป็นกัน แต่ในบางคน อาจจะมีอาการหวาดกลัวสิ่งสกปรกและเชื้อโรคเหล่านี้มากจนเกินความจำเป็น และอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ อาการแบบนี้เรามักจะเรียกว่า เป็นผู้ที่มีอาการของโรคกลัวสิ่งสกปรก โรคกลัวความสกปรก (Mysophobia) บางครั้งอาจจะเรียกว่าโรคกลัวเชื้อโรค (Germaphobia) อาการหวาดกลัวความสกปรกอย่างรุนแรงจนเข้าขั้น โฟเบีย (Phobias) นั้นจะแตกต่างไปจากความกังวลและความกลัวทั่วๆ ไป คนที่กังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อโรค มักจะแค่ล้างมือหลังจากสัมผัสสิ่งสกปรก หรือฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโรค แต่ผู้ที่เป็นโรคกลัวความสกปรกนั้น อาจจะล้างมือบ่อยครั้งซ้ำไปซ้ำมา หรือไม่กล้าสัมผัสกับใครเพราะกลัวติดเชื้อโรค อาการเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันทั้งสิ้น อาการของผู้ที่เป็นโรคกลัวความสกปรก อาการเบื้องต้นของโรคกลัวความสกปรกคือการหวาดกลัวเชื้อโรค ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละคน บางคนอาจจะหวาดกลัวเชื้อโรคเพียงชนิดเดียวเป็นพิเศษ เช่น ผู้หวาดกลัวเชื้อโควิด-19 ในขณะที่บางคนอาจจะหวาดกลัวเชื้อโรคหรือโรคทุกชนิด หรือแม้กระทั่งเศษฝุ่นเศษดินทั่วไป อาการที่พบเห็นได้ทั่วไปมีดังนี้ ล้างมือบ่อยเกินไป ใช้สบู่ เจลล้างมือ หรือน้ำยาสำหรับฆ่าเชื้อโรคในปริมาณมาก กลัวการสัมผัสกับผู้อื่น กลัวการป่วยอย่างรุนแรง แสดงออกให้เห็นถึงอาการหวาดกลัวเมื่อได้ยินข่าวเกี่ยวกับเชื้อโรคอย่างเห็นได้ชัด หมกหมุ่นอยู่กับความสะอาด ไม่ยอมเข้าใกล้สถานที่บางแห่ง เช่น แหล่งทิ้งขยะ หรือโรงพยาบาล โรคกลัวความสกปรก เกี่ยวข้องอะไรกับ โรคย้ำคิดย้ำทำ หรือไม่? หลายคนอาจสังเกตเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่างโรคกลัวความสกปรกกับโรคย้ำคิดย้ำทำ […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

ภาวะความไม่พอใจในเพศตัวเอง เรื่องแต่งหรือความจริงในสังคม

เด็กที่มีภาวะความไม่พอใจในเพศตัวเองนั้นโดยปกติเรียกว่า คนข้ามเพศ ซึ่งเป็นคำที่ใช้อธิบายถึงคนที่ไม่แสดงตัวตนตามเพศที่เกิดมา การเป็นคนข้ามเพศนั้น ไม่ใช่อาการป่วยหรือเป็นความผิดปกติทางจิต เด็กที่มีอาการนี้ อาจประสบปัญหากับความเครียดและภาวะซึมเศร้า เพราะพวกเขานั้นมีความเสี่ยงต่อการถูกรังแก การแบ่งแยกทางสังคม และการเสื่อมเสียชื่อเสียงในรูปแบบต่างๆ จากการวิเคราะห์นั้นจะทำได้ก็ต่อเมื่อเด็กที่มีภาวะความไม่พอใจในเพศของตัวเองนั้นอยู่ในภาวะเครียดถึงขีดสุด หรือไม่อาจทำกิจกรรมที่โรงเรียน หรือที่บ้าน หรือสถานที่ต่างๆในสังคมได้ วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจ เกี่ยวกับ ภาวะความไม่พอใจในเพศตัวเอง มาให้อ่านกันค่ะ อาการของภาวะความไม่พอใจในเพศตัวเอง ความไม่เข้ากันระหว่างเพศที่เด็กแสดงตัวตน กับเพศที่เขาหรือเธอนั้นเกิดมาเป็น มีความรู้สึกเหมือนถูกกักขังอยู่ภายในร่างกายของคนอื่น แสดงค่านิยมในเรื่องของใช้หรือ ลักษณะ บุคลิกของเพศตรงข้าม อย่างชัดเจน มีความปรารถนาอยากจะเป็นเพศตรงข้าม รู้สึกไม่ชอบหรือไม่พอใจในอวัยวะเพศของตนเอง มีความหวังอย่างแรงกล้า ที่จะมีบุคลิกลักษณะทางเพศของเพศที่เด็กแสดงตัวตนออกมา ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิด ภาวะความไม่พอใจในเพศตัวเอง ยังไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการ ถึงสาเหตุของ ภาวะความไม่พอใจในเพศตัวเอง (gender identity disorder หรือ GID) บ่อยครั้ง ภาวะนี้นั้นถูกจัดให้เป็นปัญหาทางสังคม แม้กระทั่งในสังคมปัจจุบัน ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมยังตัดสินให้ว่าคนข้ามเพศเป็นคนแหกกฎ ดังนั้น คนข้ามเพศในวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ที่อายุยังน้อยมักจะอยู่ภายใต้ความกดดันในการเข้าสังคม หรือได้รับการเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกแบ่งแยก ถูกรังแก ในขณะที่ยังต้องเผชิญกับความขัดแย้งในเรื่องเพศของตนเอง ความเครียดอย่างหนักหรือความไม่พอใจ จากความเข้ากันไม่ได้ระหว่างเพศที่ได้รับ และบทบาทของเพศที่ได้รับมาอย่างน้อย 6 เดือน นั่นอาจเป็นสัญญาณของภาวะความไม่พอใจในเพศตัวเอง หากจะวิเคราะห์ว่าเป็นภาวะความไม่พอใจในเพศของตัวเองนั้น ผู้นั้นต้องอยู่ภายใต้ความกดดันที่มากเกินไป เกินกว่าที่จะดำเนินกิจกรรมได้อย่างปกติ หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง อาการของภาวะนี้ต้องรบกวนชีวิตของผู้นั้นและเป็นภัยต่อความเป็นอยู่ที่ดี ในการวิเคราะห์ภาวะความไม่พอใจในตัวเอง […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

กลัวแมลง สัตว์ตัวเล็ก..แต่มีผลกระทบต่อใจ ทำอย่างไรถึงจะเลิกกลัว

ความกลัวหลายหลายในปัจจุบันไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะคนเรานั้นสามารถมีสิ่งที่ตนเองกลัวภายจิตใจกันได้ทั้งสิ้น อาการ กลัวแมลง นี้ก็เช่นเดียวกัน ที่คนใกล้ตัวคุณอาจมีภาวะตกใจ สะดุ้ง หรือส่งเสียงกรีดร้องออกมาเมื่อพบเห็น และยังถูกจัดอยู่ในกลุ่มของโฟเบีย (Phobia) เหมือนดั่งโรคกลัวอื่นๆ เช่น กลัวความมืด กลัวที่แคบ เป็นต้น วันนี้ Hello จึงนำความรู้ของอาการกลัวสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยนี้ มาให้ทุกคนได้ทราบกันค่ะ สาเหตุที่ทำให้คุณ กลัวแมลง ตัวน้อยเมื่อพบเจอ “โรคกลัวแมลง” หรือ เรียกอีกอย่างได้ว่า “Entomophobia” เป็นหนึ่งในอาการกลัวที่พบได้บ่อยที่สุด จนทำให้เกิดความวิตกกังวลส่งผลต่อจิตใจ เพราะความหวาดระแวงต่อแมลงเหล่านี้ อาจนำพาไปสู่การทำกิจวัตรประจำที่ไม่สะดวกนัก ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้กลัวคุณกลัวแมลงมี ดังนี้ กลัวโรคที่รับมาจากแมลง เพราะแมลงบางชนิดมักนำพาหะของเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายจนทำให้คุณเจ็บป่วย เป็นระยะเวลานานได้ ความเจ็บปวดจากการถูกกัด แมลงบางชนิดถึงจะมีขนาดที่เล็ก แต่ก็มีพิษที่ร้ายแรง และเพิ่มความเจ็บปวดอย่างมากเมื่อถูกพวกมันกัด เช่น ผึ้ง ต่อ มด เป็นต้น รวมทั้งเคยมีประสบการณ์เชิงลบกับแมลง จึงทำให้เวลาที่พบเห็นหรือ อยู่ใกล้ จึงก่อให้เกิดสภาวะความกลัวขึ้นมาทันที เมื่อเหลือบไปเห็นแมลง ร่างกายคุณจะมีปฏิกิริยาอย่างไร นอกจากแมลงที่คุ้นเคยแล้ว เห็บ และหมัด ก็นับว่าเป็นสัตว์ชนิดเล็กที่จัดอยู่ในกลุ่มของอาการกลัวแมลงเช่นเดียวกัน จึงทำให้บุคคลบางกลุ่มนั้นอาจมีพฤติกรรมที่แสดงออกเด่นชัดถึงความกลัว ดังนี้ เหงื่อออก ตัวสั่น หายใจถี่ อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น แน่นหน้าอก ปากแห้ง รู้สึกเสียขวัญ ตกใจ ผวา ร้องไห้ (อาจเป็นได้กับทุกวัย โดยเฉพาะเด็ก) รักษาอาการ […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

การอยู่คนเดียว จะเพิ่มความเสี่ยงต่อ ภาวะซึมเศร้าหรือไม่

การอยู่คนเดียว ก็อาจจะมีความเหงาเข้ามาก่อกวนใจบ้าง อยู่เป็นระยะ เน็ตฟลิกซ์ก็ดูวนจนเบื่อ การได้ออกไปเจอเพื่อนฝูงก็ช่วยสลัดความเหงาออกไปได้อยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่คนเดียวก็สบายตัวไม่ต้องยุ่งวุ่นวายกับใคร แต่บางครั้ง การอยู่คนเดียว เสี่ยง ภาวะซึมเศร้า ได้เช่นกัน แต่การอยู่คนเดียวจะเสี่ยงภาวะซึมเศร้าอย่างไร วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจของเรื่องนี้มาฝากกันค่ะ การอยู่คนเดียว เสี่ยง ภาวะซึมเศร้า ได้จริงหรือไม่ ผู้ใหญ่ที่อยู่คนเดียวมีแนวโน้มที่จะมีความผิดปกติทางจิต ซึ่งอาการที่พบได้บ่อยๆ คือ ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า ซึ่งเหตุผลส่วนใหญ่นั้นมาจากความเหงา จากการวิจัยที่ได้ตีพิมพ์ในวารสาร PLOS ONE ที่ได้ทำการสำรวจประชาชนในสหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้ที่อาศัยอยู่คนเดียวมีความเจ็บป่วยทางจิตใจแบบทั่วไป (common mental disorders หรือ CMDs) สูงกว่าผู้ที่ไม่ได้อยู่คนเดียว เนื่องจากการอยู่คนเดียวมีความสัมพันธ์กับความเจ็บป่วยทางจิตใจแบบทั่วไป ซึ่งความเหงานั้น ถือเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้ผู้ที่อยู่คนเดียวเกิดปัญหาทางสุขภาพจิต จากข้อมูลการสำรวจในปี 1993 2000 และ 2550 จากผู้ใหญ่มากกว่า 20,000 คน พบว่าระหว่างปี พ.ศ. 2536-2550 มีผู้ที่อยู่คนเดียวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากร้อยละ 8.8 เป็นร้อยละ 10.7 และมีอัตราความผิดปกติทางจิตพบได้บ่อยจากร้อยละ […]


ความสัมพันธ์ที่ดี

แอพหาคู่ ตัวช่วยหารัก วูบวาบหัวใจแต่ก็เสี่ยงต่อสุขภาพจิตใจเหมือนกันนะ

ปัจจุบันการใช้บริการแอพพลิเคชันสำหรับการหาคู่กำลังได้รับความนิยมอย่างไม่หยุดหย่อน ถ้าเหงาก็แค่ปัดขวา รอเวลาใครสักคนมากดไลค์ หรือปัดขวาให้ เท่านี้ก็อาจจะได้พบกับรักแท้ที่ตามหามาเนิ่นนานก็ได้ แต่…แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสมหวัง ยังมีบางคนที่ไม่ได้สมหวังกับการตามหารักแท้ในโลกโซเชียลมีเดีย แถมยิ่งยึดติดกับแอพหาคู่มากไป ก็เสี่ยงต่อสุขภาพจิตอีก วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกท่านมามองอีกมุมหนึ่งของการไม่สมหวังจาก แอพหาคู่ และวิธีเยียวยาสุขภาพจิตเมื่อผิดหวังจากการปัดขวา ความเสี่ยงของ แอพหาคุู่ กับสุขภาพจิต มีอะไรบ้าง แอพพลิเคชันหาคู่ หรือแอพหาคู่ เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยเปิดโลกของคนเหงา คนที่ไม่มีเวลา ให้ได้เจอกับใครต่อใครมากหน้าหลายตาที่อาจจะมีความชอบแบบเดียวกัน เคยเรียนที่เดียวกัน หรืออาศัยอยู่ใกล้ๆ กัน ช่วยให้ได้สังคมและมิตรภาพที่ดีเพิ่มขึ้น จากเมื่อก่อนที่จะรู้จักกับใครสักคนก็จำเป็นจะต้องออกไปทำกิจกรรมข้างนอก ไปเที่ยว หรือไปรู้จักกับเพื่อนของเพื่อน แต่สมัยนี้แค่อยู่บ้าน ใช้งานสมาร์ทโฟน ก็สามารถที่จะรู้จักกับคนอื่นๆ ได้มากพอๆ กับการออกไปข้างนอก  แต่ทว่า การสร้างโปรไฟล์ของตนเองในแอพหาคู่เพื่อที่จะได้พบกับใครอีกคนที่กำลังมองหานั้น อาจไม่สำเร็จเหมือนกันทุกคน บางคนอาจไม่เคยประสบความสำเร็จกับการเล่น แอพพลิเคชันหาคู่ เลย แถมยิ่งไม่สำเร็จ ก็ยิ่งยึดติด จนอาจทำให้เสียสุขภาพจิต ได้ ดังนี้ การถูกปฏิเสธ เพราะ แอพพลิเคชันหาคู่ ตอบโจทย์กับความช่างเลือกของตัวเรา ในเมื่อตัวเราเองก็ปรารถนาที่จะเลือกคนที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดจนปลายนิ้วเลื่อนไปปัดขวา บางคนถูกเลือก และบางคนถูกปฏิเสธ รูปถ่ายและข้อความที่ใส่ลงไปในแอพหาคู่นั้น ถือว่าเป็นด่านหน้าที่ผู้ใช้งานคนอื่น ๆ จะมองเห็น ถ้าหากไม่ได้โดดเด่น […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

ทำอย่างไร เมื่อฉัน กลัวการพูดในที่สาธารณะ

หลายคนมักจะมีอาการตื่นเต้น มีอาการเหงื่อออกทุกครั้งเมื่อจะต้องพูดในที่สาธารณะ  ผลของความตื่นเต้นทำให้เราพูดตะกุกตะกัก จนรู้สึกขาดความมั่นใจ และทำให้รู้สึก “กลัวการพูดในที่สาธารณะ” ไปเลย วันนี้ Hello คุณหมอ ได้นำเคล็ดลับเอาชนะความกลัว ให้คุณกล้าพูดในที่สาธารณะมาฝากกันค่ะ จะมีเคล็ดลับอะไรเด็ดๆ ดีๆ บ้างนั้น ไปดูพร้อมกันเลย กลัวการพูดในที่สาธารณะ เป็นอย่างไร อาการกลัวการพูดในที่สาธารณะ (Glossophobia) ไม่ใช่โรคอันตรายหรือโรคเรื้อรังใดๆ เป็นเพียงความรู้สึกกลัวที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผลและมีผลต่อประชากรส่วนใหญ่ถึง 75% บางคนจะรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อต้องพูดในที่สาธารณะ ขณะที่บางคนมีอาการกลัวอย่างมาก โดยจะพยายามหลีกเลี่ยงทุกสถานการณ์เพื่อที่จะได้ไม่ต้องพูดในที่สาธารณะ แต่หากจำเป็นต้องพูดจริงๆ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์นั้นได้ ลักษณะการแสดงออกการพูดของเขาจะมีเสียงที่สั่นเทา พูดตะกุกตะกัก อย่างไรก็ตาม ความกลัวในการพูดในที่สาธารณะ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดขึ้นกับคนทั่วไป โดยส่วนใหญ่จะพบในเพศหญิงที่มีอายุน้อย Dr. Jeffrey R. Strawn  ศาสตราจารย์ด้านจิตเวชศาสตร์และกุมารเวชศาสตร์ ของโครงการวิจัยความผิดปกติของความวิตกกังวลในภาควิชาจิตเวชศาสตร์และพฤติกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยซินซินเนติ กล่าวว่า บุคคลบางคนจะมีความรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้นในสถานการณ์บางอย่างเมื่อตนรู้สึกไม่มั่นใจที่อาจนำมาซึ่งความอับอายให้กับตนเอง ใจเต้นแรงทุกครั้ง เมื่อต้องพูดในที่สาธารณะ เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับการพูดในที่สาธารณะคุณจะมีอาการวิตกกังวล ตื่นเต้น ปากแห้ง เหงื่อออก คลื่นไส้และอาเจียน ความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้นเร็ว สาเหตุส่วนใหญ่ของความกลัวการพูดในที่สาธารณะนั้น อาจเกิดจากความทรงจำที่ไม่ดีในวัยเด็ก เช่น ประสบการณ์ในการพูดหน้าชั้นเรียนที่ไม่ดี ความกลัวที่คิดว่าผู้รับฟังอาจปฏิเสธไม่รับฟังคำพูดของคุณ เป็นต้น จัดการความกลัวด้วยการ ปรึกษาแพทย์ดีหรือไม่ หากคุณรู้สึกว่าความกลัวการพูดในที่สาธารณะของคุณส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันของคุณ คุณควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม โดยปกติแพทย์จะรักษาโดยการแนะนำให้รับประทานยากลุ่มเบนไซไดอะซีปีน (Benzodiazepines) ซึ่งเป็นกลุ่มยาที่ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย […]


การจัดการความเครียด

อารมณ์โกรธ เป็นฟืนเป็นไฟ จะจัดการอารมณ์นี้อย่างไรดี

คนเราทุกคนไม่จำเป็นต้องพอใจในสิ่งเดียวกัน ตัวอย่างเช่น คนบางคนอาจจะชอบอยู่ในที่ที่คนพลุกพล่าน แต่คนบางคนอาจจะชอบอยู่ในที่ที่สงบและเมื่อจำเป็นต้องอยู่ในที่ที่คนพลุกพล่าน ก็ทำให้เกิด อารมณ์โกรธ แล้วเมื่อเกิดอารมณ์โกรธขึ้นมา ก็พาลจะเห็นอะไรขวางหูขวางตาไปเสียหมด อย่างนี้ควรจะทำอย่างไรดี วันนี้ทาง Hello คุณหมอ มีวิธีจัดการกับอารมณ์โกรธมาฝากกัน อารมณ์โกรธ คืออะไร? อารมณ์โกรธนั้นเป็นความรู้สึกที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก มันสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อคุณรู้สึกหงุดหงิด เจ็บ รำคาญ หรือแม้แต่ผิดหวัง อารมณ์โกรธที่เกิดขึ้นนั้น สามารถช่วยหรือทำร้ายตัวคุณเองก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่ามีปฏิกิริยาอย่างไรกับอารมณ์ที่เกิดขึ้น หากคุณสามารถโต้ตอบอารมณ์โกรธที่เกิดขี้นโดยไม่ทำร้ายคนอื่นได้ มันก็อาจจะเป็นความรู้สึกในเชิงบวก แต่ในทางกลับกัน ถ้าคุณเก็บอารมณ์โกรธนี้ไว้ แล้วแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมา นั่นก็อาจทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่พอใจในตัวคุณได้เช่นกัน ดังนั้น การจัดการกับอารมณ์โกรธที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม จึงถือเป็นเรื่องที่ควรกระทำเป็นอย่างมาก เพราะมันจะช่วยทำให้คุณมีสติ สามารถรับมือกับเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ คุณสามารถจัดการกับ อารมณ์โกรธ ได้อย่างไรบ้าง อารมณ์โกรธของแต่ละคนมักจะเกิดขึ้นจากสาเหตุที่แตกต่างกันไป บางคนอาจจะรู้สึกโกรธเมื่อต้องเจอกับการจราจรที่ติดขัด ซึ่งความจริงแล้วมันอาจจะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนอื่น ๆ ก็เป็นได้ อารมณ์โกรธนั้นสามารถส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ส่วนตัว รวมถึงอาชีพของคุณได้ นอกจากนั้นมันยังส่งผลไปยังร่างกายและอารมณ์ ซึ่งมันอาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูง และความวิตกกังวลตามมา ดังนั้น การเรียนรู้กับวิธีการจัดการกับอารมณ์โกรธที่เกิดขึ้นให้ได้ จึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ยิ่งคุณสามารถจัดการกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ดีมากเท่าไหร่ สุขภาพกายใจของคุณก็จะดียิ่งขึ้นเท่านั้น ซึ่งวิธีการจัดการกับอารมณ์โกรธ สามารถทำได้ ดังนี้ คิดก่อนพูด ในช่วงที่คุณเกิดอารมณ์เกิดมันง่ายมากๆ ที่คุณจะพูดอะไรบางอย่างออกมาโดยที่ไม่ทันได้คิด ซึ่งนั่นอาจจะทำให้คุณต้องมานั่งเสียใจภายหลังก็เป็นได้ ดังนั้น คุณควรใช้เวลาสักครู่ เพื่อรวบรวมความคิดของคุณ […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

สัญญาณที่บ่งบอกว่า คุณกำลังเป็นพวก ชอบคิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อ (Victim Mentality)

คุณเคยมีเพื่อนหรือคนรู้จักที่ชอบโทษว่า ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตเขา เป็นความผิดของสิ่งต่างๆ หรือคนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวกันบ้างไหม ผู้ที่ ชอบคิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อ เหล่านี้ มักจะโทษทุกอย่างยกเว้นโทษตัวเอง และในบางครั้งอาจจะเป็นการยากที่จะต้องอยู่ร่วมกับคนแบบนี้ บทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับลักษณะของผู้ที่ ชอบคิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อ และวิธีในการรับมือกับปัญหาเหล่านี้ อาการ ชอบคิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อ เป็นอย่างไร บางครั้งคุณอาจจะสังเกตเห็นคนบางคนที่มักจะตกเป็นเหยื่อในทุกๆ สถานการณ์ ทั้งยังชอบโทษว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความผิดของผู้อื่น หรือสิ่งอื่นๆ รอบตัว ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่เขาหกล้ม ก็จะโทษว่าถนนไม่ดี ทำให้เขาต้องเจ็บตัว ผู้ที่ชอบคิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อ (Victim Mentality) เหล่านี้จะไม่ยอมรับผิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้น อาจมีสาเหตุเนื่องมาจากตัวเอง แต่จะพยายามโทษผู้อื่นก่อนเสมอ แม้ว่าการกล่าวโทษนั้นจะไม่สมเหตุสมผลแค่ไหนก็ตาม สัญญาณที่เห็นได้ชัดมีดังนี้ รู้สึกไม่มีความสามารถพอที่จะแก้ปัญหา คนที่ชอบคิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อ มักจะเชื่อว่าพวกเขาไม่มีพลัง อำนาจ และความสามารถมากพอที่จะรับมือกับปัญหา หรือเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ชื่นชอบสถานการณ์ที่เป็นอยู่ และอยากให้อะไรๆ มันดีขึ้น แต่พวกเขาก็ยังมองว่า ตัวเองไม่สามารถทำอะไรให้ดีขึ้นได้อยู่ดี หลีกเลี่ยงการรับผิดชอบ พวกเขามักจะชอบพยายามโทษคนอื่น สร้างข้ออ้าง และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่ตัวเองจะไม่ต้องรับผิดชอบกับสิ่งแย่ๆ ที่เกิดขึ้น แม้ว่าปัญหานั้นอาจจะเกิดขึ้นเนื่องมาจากการกระทำของพวกเขาก็ตาม เช่น บางคนอาจจะเดินชนโต๊ะ แล้วโทษว่าโต๊ะเกะกะ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนเดินไปชน มองว่าปัญหาคือความโชคร้าย พวกเขามักจะชอบโทษปัญหาที่เกิดขึ้น ว่ามีสาเหตุเนื่องมาจากความซวยของตัวเอง จริงอยู่ว่าในบางครั้งปัญหานั้นก็อาจจะเกิดขึ้นจากโชคร้ายได้จริง แต่ก็ใช้ว่าจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป คิดว่าคนอื่นจงใจทำร้ายตัวเอง ในบางครั้งปัญหาที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ หรือเกิดจากความผิดของตัวคุณเอง แต่ผู้ที่ชอบคิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อจะมองว่าอีกฝ่ายตั้งใจหาเรื่องจ้องจะจับผิดพวกเขา […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน