สุขภาพจิต

เมื่อพูดถึงสุขภาพโดยรวมของคน ๆ หนึ่ง จิตใจ ก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าร่างกาย ปัญหาสุขภาพจิต เป็นปัญหาที่มักจะถูกมองข้าม ดังนั้น การเรียนรู้เกี่ยวกับการรักษา สุขภาพจิต ให้สมบูรณ์แข็งแรง และตระหนักถึงความผิดปกติเกี่ยวกับสภาวะสุขภาพจิต จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่จะช่วยให้คุณและคนที่คุณรักมีความสุขมากยิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพจิต

แพนิคคือ อะไร อาการเป็นแบบไหน รักษายังไง

แพนิคคือ ความรู้สึกกลัวอย่างรุนแรงที่ทำให้เกิดอาการทางร่างกาย เช่น หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว เหงื่อออก อ่อนแรง ตัวสั่น หลายคนอาจมีอาการแพนิคเกิดขึ้นอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิตหลังผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียดรุนแรง แต่หากมีอาการแพนิคเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อาจเป็นสัญญาณของโรคแพนิคที่อาจกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ ทั้งนี้ หากป่วยเป็นโรคแพนิคควรเข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพื่อช่วยวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม [embed-health-tool-bmr] แพนิคคือ อะไร โรคแพนิค (Panic disorder) หรือโรคตื่นตระหนก จัดเป็นโรควิตกกังวล (Anxiety disorder) ประเภทหนึ่ง มักเริ่มขึ้นในวัยรุ่นตอนปลายหรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น โดยส่วนใหญ่ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตื่นตระหนกมากกว่าผู้ชาย อาการคือ รู้สึกตื่นตระหนกอย่างฉับพลันซ้ำ ๆ จากความกลัวและความวิตกกังวลในใจ รู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ มีความกลัวหรือหลีกเลี่ยงสถานที่ที่ทำให้รู้สึกสะเทือนขวัญ หรืออาจมีอาการผิดปกติทางร่างกายหรืออาการแพนิคแอทแทค (Panic attack) เช่น หัวใจเต้นแรง คิดไม่ออก หายใจไม่ออก ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อแม้ว่าจะไม่มีอันตรายหรือสิ่งกระตุ้นที่ชัดเจนก็ตาม โรคแพนิค เกิดจากอะไร ในปัจจุบันยังไม่สามารถสรุปได้อย่างแน่ชัดว่าโรคแพนิคมีสาเหตุมาจากอะไร แต่สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากสมองและระบบประสาทที่มีบทบาทสำคัญในการส่งสัญญาณให้ร่างกายรับมือความกลัวและความวิตกกังวลทำงานผิดไปจากปกติ ส่งผลให้มีการส่งสัญญาณเตือนที่ผิดพลาดและกระตุ้นให้ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงและบ่อยกว่าที่ควรจะเป็น ปัจจัยเสี่ยงของโรคแพนิคอาจมีดังนี้ ประวัติครอบครัว ผู้ที่มีสมาชิกใกล้ชิดในครอบครัว เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง มีประวัติเป็นโรควิตกกังวลมีความเสี่ยงในการเกิดโรคแพนิคและอาการแพนิคแอทแทคมากกว่าคนทั่วไป ภาวะสุขภาพจิต ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล มีความเสี่ยงในการเกิดโรคแพนิคและอาการแพนิคแอทแทคมากกว่าปกติ ประสบการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ในวัยเด็ก […]

หมวดหมู่ สุขภาพจิต เพิ่มเติม

การเสพติด

สำรวจ สุขภาพจิต

ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

ผวาแรงเพียงแค่เห็นหุ่นปั้น อาจเป็นที่มาของอาการ กลัวหุ่นขี้ผึ้ง ก็เป็นได้

เคยไหมเวลายืนจ้องหุ่นนาน ๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ่นปั้นในพิพิธภัณฑ์ หุ่นจำลองที่วางตั้งอยู่ตามร้านค้า ก็ทำให้เกิดจินตนาการประหนึ่งว่าพวกเขามีชีวิตและกำลังจ้องมองเราไม่วางตา จนเกิดเป็นภาพติดตานำมาสู่ความกลัวที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว วันนี้ Hello คุณหมอ ขอพาทุกคนมารู้จักกับอาการกลัวแปลก ๆ อย่างอาการ กลัวหุ่นขี้ผึ้ง ที่จัดอยู่ในกลุ่มโฟเบีย (Phobia) พร้อมทั้งวิธีขจัดความกลัวต่อหุ่นนี้ให้หมดไป สาเหตุเบื้องต้นที่อาจทำให้คุณมีอาการ กลัวหุ่นขี้ผึ้ง ความกลัวต่อหุ่นขี้ผึ้ง (Automatonophobia) เป็นความกลัวส่วนบุคคล ที่มักจะมีอาการตกใจเล็กน้อยเมื่อพบเห็นหุ่นจำลองที่รูปร่างเหมือนมนุษย์ หุ่นยนต์ และรูปปั้นต่างๆ โดยอาจมีความกลัวติดตัวมาตั้งแต่คุณยังอยู่ในวัยเด็ก ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลักๆ ดังนี้ เกิดจากพันธุกรรมเกี่ยวข้องกับเคมีภายในสมอง และปัจจัยทางจิตด้านอื่นๆ ร่วม จึงนำไปสู่อาการกลัว หรือตื่นตระหนกได้ อาจเกิดจากการที่คุณเสพสื่อมากเกินไปในช่วงตอนที่คุณเป็นเด็ก เช่น หนังที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ ที่มีเนื้อหาเผยถึงพฤติกรรมในเชิงลบ มีความรุนแรง หรือหนังที่เกี่ยวข้องกับหุ่นจำลอง อย่างหุ่นเกิดการขยับตัวเองได้ เป็นต้น เมื่อคุณต้องออกไปเผชิญ หรือพบเห็นบรรดาหุ่นที่ตั้งเรียงราย จึงเกิดการจินตนาการ และความกลัวหุ่นนี้ออกมา เป็นผลมาจากความเครียด และภาวะซึมเศร้าที่ถูกปล่อยเป็นระยะเวลานาน และไม่เคยได้รับการรักษา จึงทำให้เกิดความกลัวต่อสิ่งรอบกายขึ้น อาการที่เด่นชัด เมื่อบังเอิญพบเห็นหุ่นขี้ผึ้ง อาการกลัวที่ส่งผลให้ร่างกายมีความผิดปกติ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ด้วยกันคือ  1. อาการกลัวทางจิตใจ มีปัญหาทางด้านการนอนหลับ รู้สึกวิตกกังวล 2. อาการกลัวทางกายภาพ อัตราการเต้นของหัวใจถี่ขึ้น หายใจลำบาก แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก เหงื่อออก ใจสั่น วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ร่างกายรู้สึกมีความร้อนวูบวาบ สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าอาจมีความคิดอยากฆ่าตัวตายปะปนด้วย คนรอบข้าง หรือคนในครอบครัวควรดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

ชีวิตมีความสุข เป้าหมายชีวิตที่สร้างได้ ด้วยตัวคุณเอง

ในช่วงที่เศรษฐกิจย่ำแย่ ซ้ำยังเกิดวิกฤตโรคระบาดร้ายแรง ทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกไม่มีความสุข กับสิ่งต่างๆ ที่จะต้องเจออยู่เป็นประจำ มิหนำซ้ำบางคนถึงขั้นไม่รู้จะทำอย่างไรให้ ชีวิตมีความสุข วันนี้ทาง Hello คุณหมอ เลยมีบทความเกี่ยวกับวิธีการที่จะทำให้ชีวิตมาความสุขมาฝากกัน การทำให้ ชีวิตมีความสุข ควรทำอย่างไรบ้าง หลายคนมักจะมีคำถามเกิดขึ้นกับตัวเองว่า จะต้องทำอย่างไรเพื่อเพิ่มความสุขในชีวิตของตัวเองให้มากขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้ววิธีการสร้างความสุขให้ตัวเอง รวมถึงการทำให้ ชีวิตมีความสุข นั้น สามารถทำได้หลายวิธี และหากทำอย่างสม่ำเสมอ มันจะยิ่งทำให้คุณมีแนวโน้มที่จะมีความสุขส่วนตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งวิธีการต่างๆ มีดังนี้ จัดการกับความเครียดในชีวิต หากคุณมีความเครียดในชีวิตมาก ลองหาวิธีลดความเครียดด้วยการจัดสรรเวลา เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ เริ่มจากการออกกำลังกายทั้งเวลาที่คุณเกิดความรู้สึกเครียด และเวลาที่จิตใจคุณปกติดี การออกกำลังกายจะช่วยเปลี่ยนแปลงความเครียดของคุณให้กลายเป็นความคิดเชิงบวก นอกจากนั้นการควบคุมเวลาด้วยวิธีนี้จะช่วยลดความเครียดของคุณลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นแล้ว หากคุณมีความรู้สึกกังวลที่อาจจะมาพร้อมกับความเครียด ลองฝึกหายใจดู ซึ่งการฝึกหายใจนั้น สามารถช่วยให้คุณคลายความวิตกกังวลที่เกิดขึ้น ทั้งยังช่วยให้คุณคลายเครียดได้อีกด้วย ยิ้ม เมื่อเวลามีความสุขสิ่งที่แสดงออกให้ทุกคนได้รับรู้ก็คือ การยิ้ม นอกจากเราจะยิ้มเมื่อมีความสุขแล้ว การยิ้มยังทำให้สมองปล่อยโดพามีน (Dopamine) ออกมา ซึ่งนั่นจะทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น การสร้างความสุขให้ตัวเองง่ายๆ ก็คือ การตื่นมาในตอนเช้าและลองยิ้มให้ตัวเองในกระจก เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ชีวิตคุณมีความสุขเพิ่มขึ้นได้แล้ว ค้นหาสิ่งที่ควรจะทำก่อน คุณควรสร้างทักษะความสุขที่ถูกต้องให้กับตัวเอง ซึ่งถ้าหากคุณยังไม่รู้ว่าคุณต้องดิ้นรนกับปัญหาใดในตอนแรก จงคิดว่านี่คือประโยชน์ที่คุณจะได้ทำแบบทดสอบ เพื่อสำรวจจุดแข็งและจุดอ่อน เกี่ยวกับความสุขของคุณเอง การทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดีขึ้น เกี่ยวกับปัญหาที่ได้พบ พร้อมทั้งเรียนรู้วิธีการปรับจุดอ่อนของคุณ นั่นเป็นการ สร้างจุดแข็งของความสุข […]


โรควิตกกังวล

วิธีการรับมือกับความวิตกกังวล ควรทำอย่างไรบ้าง

คนส่วนใหญ่มักรู้สึกวิตกกังวล หรือหวาดกลัวในบางครั้ง ซึ่งบางครั้งมันอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตในการทำหลายๆ สิ่งได้ บางครั้งมันอาจจะเป็นไปได้ยากที่จะรับมือกับความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นในทันที แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะมีวิธีรับมืออย่างไร วันนี้ทาง Hello คุณหมอ มีเรื่องเกี่ยวกับ วิธีการรับมือกับความวิตกกังวล มาฝากกัน อาการที่เกิดขึ้นเมื่อเกิดความวิตกกังวล อาการวิตกกังวลและหวาดกลัวอย่างกระทันหัน อาจจะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยมากมาย โดยแบ่งเป็น อาการทางกายภาพ อาการทางจิต และการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม ซึ่งอาการต่างๆ จะแสดงออกดังนี้ อาการทางกายภาพ รู้สึกสูญเสียการควบคุม เหงื่อออก ตัวสั่น หายใจถี่ หรือหายใจเร็วมาก รู้สึกไม่สบาย คลื่นไส้ ปวดหัว รู้สึกมึนและวิงเวียน หัวใจเต้นเร็วขึ้นอย่างผิดปกติ อาการทางจิต รู้สึกเครียด ไม่สามารถผ่อนคลายได้ กังวลเกี่ยวกับอดีตหรืออนาคต น้ำตาไหล ไม่สามารถนอนหลับได้ การเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม ไม่สามารถเพลิดเพลินกับเวลาว่างได้ ไม่ค่อยดูแลตัวเอง มีปัญหาเกี่ยวกับสมาธิในการทำงาน ดิ้นรนเพื่อสร้างหรือรักษาความสัมพันธ์ต่างๆ กังวลเกี่ยวกับการต้องลองสิ่งใหม่ๆ ซึ่งอาการต่างๆ เหล่านี้มักใช้เวลาประมาณ 5-30 นาที แม้อาการที่เกิดขึ้นจะสร้างความหวาดกลัวให้กับคุณ แต่มันก็ไม่ได้อันตรายแต่อย่างใด วิธีการรับมือกับความวิตกกังวล สามารถทำได้ดังนี้ ความวิตกกังวลของคุณอาจเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ซึ่งบางครั้งอาจจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่คุณได้พบเจอ ดังนั้น เมื่อเกิดความวิตกกังวล ความกลัว หรือความตื่นตระหนกขึ้น คุณสามารถรับมือได้ด้วยวิธีการเหล่านี้ ลองตั้งคำถามเกี่ยวกับรูปแบบความคิดของคุณ ความคิดเชิงลบ สามารถหยั่งลึกลงไปในจิตใจของคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนั้นมันยังทำให้คุณสามารถบิดเบือนสถานการ์ที่เกิดขึ้นได้ด้วย ดังนั้น วิธีการรับมือที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งก็คือ ลองท้าทายความกลัวของคุณว่าความคิดลบที่เกิดขึ้นในจิตใจนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และดูว่าคุณจะสามารถควบคุมมันได้มากน้อยขนาดไหน ฝึกการหายใจลึกๆ ลองหายใจเข้า 4 ครั้ง แล้วหายใจออก 4 ครั้ง รวม 5 นาที การฝึกหายใจนั้นจะช่วยทำให้อัตราการเต้นของหัวใจลดลง นั่นจึงช่วยทำให้คุณสงบลงได้ด้วย ใช้น้ำมันหอมระเหย การใช้น้ำมันหอมระเหย จะช่วยเปิดการรับรู้บางอย่างในสมองของคุณ ซึ่งอาจทำให้คลายความวิตกกังวลได้ นอกจากน้ำมันหอมระเหยแล้ว การใช้ธูป หรือเทียนที่มีกลิ่มหอมๆ […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

ซึมเศร้า หลังแต่งงาน ปัญหาสุขภาพจิต ที่คู่แต่งงานใหม่ควรรู้

งานวิวาห์แสนหวานที่เจ้าสาว เจ้าบ่าวนั้นทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ เพื่อให้งานสำคัญออกมาอย่างสมบูรณ์ ไร้ที่ติที่สุด แต่หลังจากงานแต่งสิ้นสุดลงหลายๆ คู่กลับมีอาการหดหู่ปนเศร้า ซึ่งอาการต่างๆ เหล่านี้คืออะไรกัน Hello คุณหมอ บอกเลยว่า หลายๆ คู่หลังแต่งงานอาจมีอาการที่เรียกว่า ซึมเศร้า หลังแต่งงาน อาการอาจจะมีความคล้ายกับภาวะซึมเศร้าหลังคลอด หลายๆ คนอาจคาดไม่ถึงว่าสามารถเกิดอาการนี้ได้ด้วย ซึมเศร้า หลังแต่งงาน คืออะไร อาการซึมเศร้า หลังแต่งงาน หรือ Post-Wedding Blues เป็นภาวะซึมเศร้าอย่างหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นหลังจากแต่งงาน ผู้ที่เป็นมักจะมีความรู้สึกหดหู่ปนเศร้า รู้สึกว่าชีวิตนั้นมาเหมือนเดิม จนไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปอย่างไรดี ส่วนใหย่แล้วภาวะนี้มักจะเกิดขึ้นกับคู่บ่าวสาว ที่ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ วางแผน จัดเตรียมงานแต่งงานของตนเองอย่างเต็มที่ เรียกได้ว่าจัดหนัก จัดเต็ม เมื่อช่วงเวลาแห่งความสุข ในคืนแต่งงานผ่านไป อาจทำให้หลายๆ คู่รู้สึกว่างเปล่า ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ บวกกับความเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาในชีวิตทั้งสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ครอบครัวใหม่ อาจจะทำให้บางคนไม่สามารถรับมือ กับความเปลี่ยนแปลงนั้นได้ จนทำให้เกิดความเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น และยิ่งเฉพาะเจ้าสาวที่เมื่อแต่งงานแล้ว ยอมสละชีวิตการทำงาน ออกมาเป็นแม่บ้านอย่างเต็มตัวอาจจะยิ่งเพิ่มความเครียดให้พวกเขา วิธีจัดการกับอาการซึมเศร้า หลังแต่งงาน ให้อยู่หมัด ยอมรับความเป็นจริง การอยู่กับความเป็นจริง มองหาสาเหตุว่าจริงๆ แล้วอะไรกันที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ หาสาเหตุที่แท้จริง หากคุณรู้จักตัวเองดีมากพอ […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

อยากมีคู่ครองแต่ใจไม่กล้าพอ คุณอาจเสี่ยงเป็นโรค กลัวผู้หญิง อยู่ก็ได้นะ

จะทำยังไงดีเมื่ออยากมีความรัก แต่ดันไม่กล้าเป็นฝ่ายจีบผู้หญิงก่อน และบางครั้งแค่เพียงเหลือบผู้หญิงน่ารักๆ ก็กังวลไปหมดเสียแล้ว แถมยังชอบกล่าวโทษตัวเองเป็นตุเป็นตะ ว่าอาจไม่ดีพอ หรือไม่เหมาะสมกับเธอเลย หยุดความคิดเหล่านั้นเอาไว้ก่อน วันนี้ Hello คุณหมอ มีวิธีแก้อาการ กลัวผู้หญิง มาฝาก เพื่อป้องกันไม่ให้ หนุ่มๆ สุ่มเสี่ยงเข้าขั้นจิตตก สาเหตุที่ทำให้คุณ กลัวผู้หญิง จนไม่กล้าเข้าหา โรคกลัวผู้หญิง (Gynophobia) ถูกจัดเป็นโรคกลัวอย่างหนึ่ง เสมือนกับความกลัวอย่างอื่น เช่น โรคกลัวผู้ชาย โรคกลัวสุนัข เป็นต้น และนับได้ว่าเป็นโรคจิตเภทที่อาจเกิดอาการเรื้อรังนำไปสู่การใช้ชีวิตประจำวันในสังคมได้อย่างยากลำบาก ความกลัวชนิดนี้สามารถที่จะเกิดขึ้นได้บ่อยกับเพศชาย โดยเฉพาะเมื่อพบเจอผู้หญิงสวย น่ารัก ซึ่งอาจมีสาเหตุหลากหลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้ ประสบการณ์ที่ถูกทำร้ายร่างกาย หรือจิตใจ เช่น การถูกปฏิเสธจากความรัก การถูกล่วงละเมิดทางเพศ พันธุกรรม หรือการรับรู้จากผู้ปกครอง รวมถึงสภาพแวดล้อมคนรอบตัวคุณ ถูกล้อเลียนเสียดสี หรือโดนบูลลี่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทั้งจากในสังคมจริง และสื่อโซเชียล อาการของคุณผู้ชาย ที่เมื่อพบผู้หญิง จนต้องรีบหลีกหนี อาการของ โรคกลัวผู้หญิง แบ่งออกทั้งหมดเป็น 2 ด้านด้วยกัน ซึ่งคุณสามารถสังเกตได้จากปฏิกิริยาเหล่านี้ ด้านกายภาพ ตัวสั่น หายใจถี่ หัวใจเต้นแรง มีเหงื่อออกมากที่มือ หรือตามลำตัว คลื่นไส้ อาเจียน ท้องไส้ปั่นป่วน มึนหัว เวียนหัว ด้านความรู้สึก และอารมณ์ วิ่งหนีทันทีเมื่อพบเห็น เขิน อาย รวมถึงอาการกลัว สูญเสียความเป็นตัวเอง แสดงพฤติกรรมบางอย่างออกไป […]


ความสัมพันธ์ที่ดี

วิธีเพิ่ม ความฉลาดทางสังคม (SI) เพราะการใช้ชีวิตในสังคม แค่สติปัญญาคงไม่พอ

คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมบางคนที่ฉลาด เรียนเก่ง ตอบคำถามได้หมดทุกข้อ แต่เวลาพูดคุยด้วยกลับไม่สนุก ไม่น่าเข้าหา ไม่น่าเชื่อถือ ในขณะที่บางคนอาจจะมีเรียนได้คะแนนน้อยกว่า แต่กลับน่าเชื่อถือ เข้าอกเข้าใจ รู้จักการวางตัวที่เหมาะสมกับสถานการณ์มากกว่าคนที่เรียนเก่ง คนแบบนี้ จัดได้ว่าเป็นผู้ที่มี ความฉลาดทางสังคม ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่จะเป็นตัวกำหนดว่า เราจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขหรือไม่ แต่การมีความฉลาดทางสังคมเช่นนี้จะสำคัญอย่างไร ร่วมหาคำตอบได้จากบทความนี้กับ Hello คุณหมอกันค่ะ ความฉลาดทางสังคม คืออะไร ความฉลาดทางสังคม (Social intelligence หรือ SI) นั้นแตกต่างจากความฉลาดทางสติปัญญา (IQ) อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากความฉลาดทางสติปัญญานั้น เป็นสิ่งที่มาตั้งแต่กำเนิด และมีพันธุกรรมเป็นปัจจัยหลักที่จะกำหนดค่าความฉลาดทางสติปัญญานั้น ในขณะที่ความฉลาดทางสังคม มักจะเกิดขึ้นจากการสังเกตประสบการณ์และการเรียนรู้จากความสำเร็จและความล้มเหลวผ่านการใช้ชีวิตในสังคม โดยปกติแล้ว มักจะเรียกกันว่า “สามัญสำนึก” (Common sense) ผู้ที่มีความฉลาดทางสังคม จะสามารถรับรู้ได้ว่าผู้อื่นรู้สึกอย่างไร รู้ว่าควรจะพูดอะไรในสถานการณ์แบบไหน และดูมั่นใจในตัวเอง แม้ว่าจะอยู่ในคนกลุ่มใหญ่ หลายคนอาจจะมองว่าทักษะนี้เป็นทักษะการเข้าสังคม แต่จริงๆ แล้วพวกเขาแค่มีความฉลาดทางสังคมสูงเท่านั้น องค์ประกอบสำคัญของความฉลาดทางสังคม ความคล่องแคล่วในการพูดคุยสนทนา คุณสามารถสังเกตเห็นคนที่มีความฉลาดทางสังคมสูงได้ง่าย ในงานเลี้ยงหรืองานรวมตัว เนื่องจากพวกเขาเก่งที่จะสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น ผู้ที่มีความฉลาดทางสังคม มักจะสามารถต่อบทสนทนาในหัวข้อที่หลากหลาย และคุยได้กับคนหลายคน เรียกได้ว่าเป็น ทักษะการแสดงออกทางสังคม ความรู้เกี่ยวกับบทบาททางสังคม กฎระเบียบทางสังคม และพฤติกรรมทางสังคม ผู้ที่มีความฉลาดทางสังคมจะสามารถเรียนรู้การวางตัวให้สมกับบทบาทต่างๆ […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

เหตุผลดีๆ ที่ สัตว์เลี้ยง ช่วยส่งเสริมสุขภาพจิต ให้ดีขึ้นได้

สัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็น น้องหมา แมว หรือแม้กระทั่งปลาทอง ที่นอกจากความน่ารัก ดุ๊กดิ๊กของเจ้าพวกนี้แล้ว สัตว์เลี้ยง ช่วยส่งเสริมสุขภาพจิต ให้คุณกับเราได้อีกด้วย ยามเหงา ไม่มีใครหันมาเมื่อไรก็ยังมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนอยู่เสมอ วันนี้ Hello คุณหมอมีบทความที่น่าสนใจเกี่ยวประโยชน์ของสัตว์เลี้ยง ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตให้ดีขึ้นได้ สัตว์เลี้ยง ช่วยส่งเสริมสุขภาพจิต ได้อย่างไร จากการวิจัยจำนวนมากชี้ให้เห็นว่าสัตว์เลี้ยงนั้นมีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต จากการศึกษาขนาดใหญ่โดยการสัมภาษณ์ผู้ที่อาศัยอยู่กับ ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า โรคจิตเพศ (schizophrenia) โรคอารมณ์สองขั้ว และภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง พบว่าการมีสัตว์เลี้ยงนั้นช่วยให้เกิดความรู้สึกแบบ แนวคิดความมั่นคงทางภววิทยา (ontological security) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ช่วยให้รู้สึกมีความมั่นคงอุ่นใจ ผูกพัน และช่วยให้รู้สึกมีความหมายในชีวิต จากการศึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention หรือ CDC) สนับสนุนให้ผู้ปกครองมีสัตว์เลี้ยงในครอบครัว เพราะการที่มีสัตว์เลี้ยงมีส่วนช่วยในการลดอาการวิตกกังวลได้ และยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลดลงของดัชนีมวลกายอีกด้วย ดอกเตอร์บรู๊คและเพื่อนรวมสถาบันเดียวกันได้ทำการสืบค้นข้อมูลทางการแพทย์ พบว่าสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นแมว หมา หนูแฮมเตอร์ หรือแม้กระทั่งปลาทอง นั้นช่วยให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางสุขภาพจิตอาการดีขึ้นได้ โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะสุขภาพจิตที่รุนแรงหรือมีปัญหาสุขภาพจิตที่ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพหรือความผิดปกติของพัฒนาการ จากข้อมูลทางการแพทย์ให้ข้อมูลว่าสัตว์เลี้ยงช่วยให้ผู้ป่วยจัดการกับอารมณ์ของตัวเองและช่วยให้มีอารมณ์ที่คงที่ มีสมาธิ ไม่วอกแวก สัตว์เลี้ยง ช่วยส่งเสริมสุขภาพจิต ด้านใดบ้าง การมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนนั้น เป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยลดความวิตกกังวลและความเครียด […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

ประโยชน์ของการหัวเราะ... เมื่อการหัวเราะวันละนิด มีดีมากกว่าจิตแจ่มใส

คุณน่าจะเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “การหัวเราะเป็นยาวิเศษ” มาบ้างแล้ว และ Hello คุณหมอ ก็อยากบอกคุณว่า คำกล่าวนี้ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด เพราะผู้เชี่ยวชาญต่างก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า การหัวเราะสามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเราได้จริง และต่อไปนี้คือ ประโยชน์ของการหัวเราะ ที่คุณรู้แล้วจะต้องอยากหัวเราะให้มากขึ้นแน่นอน ประโยชน์ของการหัวเราะ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น งานศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัยแมริแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ให้กลุ่มตัวอย่างกลุ่มหนึ่งดูรายการตลก และอีกกลุ่มดูละครดราม่า พบว่า หลังจากแต่ละกลุ่มดูรายการทีวีตามประเภทที่กำหนดแล้ว หลอดเลือดของกลุ่มที่ดูรายการตลกนั้นยืดและหดตัวได้ง่าย ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ส่วนกลุ่มที่ดูละครดราม่านั้น หลอดเลือดกลับมีแนวโน้มตึงขึ้น ทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่สะดวก เมื่อเลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น เลือดก็จะสามารถลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ได้มากขึ้น โดยเฉพาะหัวใจ ฉะนั้น หากคุณอยากสุขภาพหัวใจแข็งแรงก็ต้องหัวเราะเข้าไว้ ช่วยคลายกล้ามเนื้อ และบรรเทาปวด เมื่อคุณหัวเราะ ความตึงเครียดทางกายจะหายไป และช่วยให้กล้ามเนื้อของคุณผ่อนคลายได้นานถึง 45 นาที นอกจากนี้ การหัวเราะยังทำให้ร่างกายหลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphin) ซึ่งเป็นสารเคมีตามธรรมชาติที่ช่วยทำให้เรารู้สึกดี มีความสุข ทั้งยังช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้ด้วย ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ควบคุมการหลั่งฮอร์โมน การหัวเราะจะช่วยลดการหลั่งฮอร์โมนความเครียด เช่น คอร์ติซอล (Cortisol) อะดรีนาลีน (Adrenaline) อิพิเนฟริน (Epinephrine) และกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนที่ดีต่อร่างกาย เช่น เอนดอร์ฟิน  อีกทั้งการหัวเราะยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน เช่น เซลล์เม็ดเลือดขาว เซลล์ที (T […]


โรคการกินผิดปกติ

โรคคลั่งกินคลีน (orthorexia) ภาวะที่คนรักอาหารสุขภาพต้องระวัง

เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า อาหารสุขภาพ หรืออาหารคลีนนั้นดีต่อร่างกาย แต่จะเป็นเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่อคุณกินให้พอดี เพราะหากคุณหมกหมุ่นกับการกินอาหารสุขภาพ หรือคลั่งกินคลีน มากเกินไป ก็สามารถเป็นภัยต่อสุขภาพได้เช่นกัน Hello คุณหมอ เลยอยากแนะนำให้คนรักสุขภาพ เลือกกินคลีนแต่พอดี เพราะไม่เช่นนั้น คุณอาจกลายเป็น โรคคลั่งกินคลีน หรือออร์โทเร็กเซีย ได้ง่ายๆ ทำความรู้จัก โรคคลั่งกินคลีน ออร์โทเร็กเซีย (Orthorexia หรือ Orthorexia nervosa) หรือโรคคลั่งกินคลีน เป็นโรคทางจิตเวชอย่างหนึ่ง ในกลุ่มโรคการกินผิดปกติ ที่เกิดจากผู้ป่วยหมกมุ่นกับการกินอาหารเพื่อสุขภาพ หรือเคร่งกับการกินอาหารคลีนเกินไป ไม่รู้จักยืดหยุ่น จนแทนที่กินแล้วจะดีต่อสุขภาพ กลับกลายคลั่งในการกินอาหารสุขภาพจนร่างกายขาดสารอาหารจำเป็น ทำให้เสียสุขภาพ ปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญยังไม่ทราบแน่ชัดว่าโรคคลั่งกินคลีนนั้นเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ แต่ก็มีแนวโน้มว่าผู้ที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ หรือมีประวัติเป็นโรคการกินผิดปกติอื่นๆ เช่น โรคคลั่งผอม อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคคลั่งกินคลีนได้ นอกจากนี้ ผู้ที่ยึดติดในความสมบูรณ์แบบ (Perfectionism) ชอบวิตกกังวล ชอบควบคุมสิ่งต่างๆ หรือมีหน้าที่การงานที่ต้องโฟกัสกับสุขภาพหรือรูปร่าง ก็มีแนวโน้มเป็นโรคคลั่งกินคลีนสูงเช่นกัน สัญญาณและอาการของโรคคลั่งกินคลีน ก่อนซื้อหรือก่อนกินอาหาร ต้องอ่านส่วนผสมและฉลากโภชนาการซ้ำแล้วซ้ำอีก รู้สึกกังวลเกี่ยวกับส่วนประกอบในอาหารมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่กินอาหารบางประเภทเลย เช่น งดน้ำตาลทุกชนิด งดเนื้อสัตว์ทุกชนิด ไม่กินคาร์โบไฮเดรตเลย ไม่กินผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกอย่าง เลือกกินแต่อาหารที่ได้ชื่อว่า “ดีต่อสุขภาพ” หรือเป็นอาหารคลีนเท่านั้น ชอบวิจารณ์หรือตัดสินพฤติกรรมการกินของคนอื่น หมดเวลาหลายชั่วโมงไปกับการคิดว่ามื้อต่อไปจะกินอาหารอะไรดี รู้สึกเครียด วิตกกังวล หรือหัวเสียสุดๆ เมื่อรู้ว่าสถานที่ที่ไปไม่มีอาหารคลีน […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

โลกส่วนตัวสูง ผิดปกติไหม ปรับตัวอย่างไรดี

โลกส่วนตัวสูง หมายถึง ผู้ที่ไม่อยากเข้าสังคม ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรือเสียหายแต่งอย่างใด แต่อาจเพราะมีเรื่องราวบางอย่างที่ทำให้บุคคลนั้นต้องการอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงกับใคร และเป็นเรื่องที่ยากลึกเกินกว่าใครจะเข้าใจได้ โลกส่วนตัวสูง เป็นอย่างไร มีผลเสียหรือไม่ และควรแก้ไขอย่างไร [embed-health-tool-bmi] โลกส่วนตัวสูง คือบุคลิกภาพแบบใด โลกส่วนตัวสูง หมายถึง ผู้ที่มีความรู้สึกอยากอยู่กับตนเอง และมักมีอาการเหน็ดเหนื่อย หมดเรี่ยวแรงกับการใช้ชีวิตผูกติดกับสังคมรอบข้างอยู่เป็นประจำ ซึ่งสามารถสังเกตจากบุคลิกและลักษณะนิสัยต่าง ๆ ดังนี้ ชอบทำงานลุยเดี่ยว การทำงานเดี่ยวมักเป็นสิ่งที่โปรดปรานของคนที่มี โลกส่วนตัวสูง เพราะอาจทำให้มีสมาธิในการทำงานจนออกมาได้ดีในระดับหนึ่ง แม้การทำงานกลุ่มจะเป็นการเข้าสังคมอีกวิธี แต่อย่างไรก็ตาม คนที่มีโลกส่วนตัวสูงมักจะยืนยันว่าอยากจะทำงานเดี่ยวมากกว่าเสมอ ชอบใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เป็นความสุข และการพักผ่อนอย่างหนึ่งของคนเก็บตัวที่มักจะไปไหนมาไหนอยู่คนเดียวบ่อย ๆ และมักจะทำอะไรให้ตนเองสบายใจโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร มีเพื่อนสนิทกลุ่มเล็ก ใครว่าคน โลกส่วนตัวสูง คือการที่อยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต จริง ๆ แล้วพวกเขาก็มีสังคม หรือเพื่อนสนิทกลุ่มเล็ก ๆ เช่นกัน เนื่องจากการไม่ชอบความวุ่นวายในผู้คนหมู่มาก ทำให้การที่มีกลุ่มเพื่อนสนิทแค่ไม่กี่คนที่คอยช่วยเหลือ คอยเข้าใจ และใช้ชีวิตไปด้วยกันอย่างสนุกสนาน ก็เป็นที่น่าพึงพอใจแล้ว ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ขณะที่กลุ่มเพื่อน ๆ ออกไปแฮงเอาท์ในคืนวันศุกร์ แต่คนโลกส่วนตัวสูงมักจะต้องการอยู่บ้าน หรืออาจออกไปบ้างบางอารมณ์แต่จำกัดเวลาเพื่อไม่ให้ตนเองรู้สึกฝืนร่างกายจนเกินไป และปลีกตัวออกมาเร็วกว่าคนอื่น ๆ เพราะอาจรู้สึกอึดอัด หรือรู้สึกว่า ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของตนเอง โลกส่วนตัวสูง ผิดปกติหรือไม่ ผู้ที่ โลกส่วนตัวสูง […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน