สุขภาพผิว

ผิวหนัง คืออวัยวะภายนอกที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในร่างกาย ผิวหนังนั้นมีหน้าที่สำคัญต่อร่างกาย ทั้งเป็นเกราะป้องกันจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ หรือช่วยควบคุมอุณภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ เป็นต้น เรียนรู้เกี่ยวกับการมี สุขภาพผิว ที่ดี และเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย เพื่อการปกป้องดูแลผิวของคุณให้ดียิ่งขึ้น ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพผิว

รักษาสิวอย่างตรงจุด ด้วยนวัตกรรมเรตินอยเจนใหม่

“สิว” ไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่ใครหลายๆ คนคิด ยิ่งคนที่เคยเผชิญปัญหานี้ บอกเลยมีทั้งความกังวลใจ และความไม่มั่นใจ ถึงแม้สิวจะหายไป แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบตามมา ทั้งรอยแผลเป็นจากสิว หลุมสิว รอยดำ รอยแดง และสำหรับคนที่เคยมีปัญหาสิว โดยเฉพาะในวัยรุ่น สิ่งที่ตามมาไม่ใช่แค่ปัญหาทางผิวหนังเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจ หลายคนรู้สึกไม่สบายใจ กังวลทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับคนอื่น รู้สึกเหมือนถูกจับจ้อง หรือบางครั้งถึงกับหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ กัดกร่อนความมั่นใจในตัวเอง และทำให้หลายคนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น การปล่อยปละละเลยไม่รีบรักษาสิวตั้งแต่เนิ่นๆ อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นจากสิวที่เกิดจากหลุมสิว ยกตัวอย่างเช่น สิวที่หลัง ซึ่งมักถูกมองข้าม ทำให้ไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม การรักษารอยแผลเป็นจากสิวเหล่านี้เป็นไปได้ยาก และในปัจจุบันก็สามารถดูแลได้เพียงทำให้หลุมสิวดีขึ้นเท่านั้น ทางที่ดีจึงควรเริ่มรักษาสิวด้วยวิธีที่ถูกต้อง และเร็วที่สุด เพื่อลดความรุนแรงและรอยโรคที่จะเกิดขึ้นตามมา แน่นอนว่าปัญหาสิวไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ ยิ่งกว่านั้นยังเกิดขึ้นในหลายส่วนของร่างกาย 64.6-89.3% ของคนที่เป็นสิวในระดับปานกลางมักจะต้องเจอกับสิวที่ใบหน้าและสิวที่หลัง จากการสำรวจพบว่ามีคนไทยที่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 12-25 ปี มากถึง 85% ที่ต้องเผชิญกับปัญหาสิว ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 50% ที่เป็นสิวทั้งที่หน้าและสิวที่หลัง การรักษาสิวอย่างตรงจุด จึงจำเป็นที่จะต้องครอบคลุมทั้ง 2 บริเวณ และจะต้องช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิวซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความมั่นใจในระยะยาวอีกด้วย วิธีรักษาสิวมีได้หลากหลายรูปแบบ โดยวิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้ยารักษาสิว ซึ่งสามารถทำได้เองทุกวัน ยาในกลุ่มเรตินอยจัดเป็นยารักษาสิวประสิทธิภาพดี ช่วยลดการอักเสบทั้งสิวเก่า และป้องกันสิวใหม่ไม่ให้เกิดขึ้น ทำให้ยาทาในกลุ่มเรตินอยได้ถูกระบุให้เป็นทางเลือกแรกในการรักษาสิวโดยสถาบันโรคผิวหนังแห่งอเมริกา […]

หมวดหมู่ สุขภาพผิว เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพผิว

สิว

สิวที่หู สาเหตุ อาการ การรักษา

สิวที่หู เกิดจากเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว และน้ำมันส่วนเกินอุดตันในรูขุมขน ที่นำไปสู่การเกิดสิวชนิดต่าง ๆ เช่น สิวหัวดำ สิวอักเสบ สิวหัวขาว สิวหัวหนอง บริเวณภายในหู หรือรอบนอกหู หากสังเกตว่ามีตุ่มนูน อาการเจ็บปวดตุ่มสิวเมื่อสัมผัส สามารถเข้ารับการตรวจโดยคุณหมอด้านผิวหนังและรักษาด้วยวิธีที่คุณหมอแนะนำ คำจำกัดความ สิวที่หู คืออะไร สิวที่หู หมายถึง ตุ่มนูนที่เกิดขึ้นภายในช่องหู หรือบริเวณโดยรอบหู เนื่องจากการอุดตันของรูขุมขน สามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงวัย โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนแอนโดรเจนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต่อมไขมันขยายและสร้างน้ำมันออกมาปริมาณมาก ที่อาจกระตุ้นให้เกิดสิวมากขึ้น อาการ อาการสิวที่หู อาการสิวที่หูอาจมีลักษณะที่แตกต่างกันตามประเภทของสิว ดังนี้ สิวหัวขาว คือสิวอุดตันหัวปิดที่ก่อให้เกิดตุ่มนูนเป็นจุดสีขาวบนผิวหนัง และอาจสามารถพัฒนาไปสู่สิวอักเสบได้ สิวหัวดำ เป็นสิวอุดตันหัวเปิด ที่เกิดขึ้นต่อเมื่อน้ำมันส่วน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว แบคทีเรีย โดนออกซิเจน ส่งผลให้ไขมันใต้รูขุมขนเปลี่ยนสี ก่อให้เกิดสิวหัวดำ สิวตุ่มนูนแดง คือสิวอักเสบที่ไม่มีหัว อาจทำให้รู้สึกเจ็บปวดเมื่อถูกสัมผัส สิวตุ่มหนอง เป็นสิวอักเสบที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนมีหนองสีขาวตรงกลาง และมีผิวสีแดงโดยรอบ สิวอักเสบ เป็นสิวก้อนขนาดใหญ่อยู่ใต้ผิวหนัง ที่อาจทำให้รู้สึกเจ็บปวด ซีสต์ เป็นก้อนหนองขนาดใหญ่ที่พัฒนามาจากสิว อาจเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นถาวร หากสังเกตว่าสิวที่หูมีอาการแย่ลง หรือมีอาการเรื้อรังเป็นเวลานาน ควรเข้ารับการรักษาโดยคุณหมอด้านผิวหนังในทันที สาเหตุ สาเหตุของสิวที่หู สิวที่หูเกิดจากการอุดตันของน้ำมันส่วนเกินที่ผลิตจากต่อมไขมัน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว  และสิ่งสกปรกอื่น ๆ ร่วมกับเชื้อแบคทีเรีย […]


สุขภาพผิว

หน้าเป็นผื่น คัน ผิวแสบแดง เกิดจากอะไร รักษาได้หรือไม่

หน้าเป็นผื่น คืออาการของโรคผิวหนังที่อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น อาการแพ้ต่อส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว การติดเชื้อที่ผิวหนัง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดผดผื่น รู้สึกคันระคายเคือง แสบ มีรอยแดง ดังนั้น หากสังเกตว่าเริ่มมีผื่นขึ้นบนใบหน้า ก็ควรเข้ารับการตรวจโดยคุณหมอผิวหนังในทันที เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี และแก้ไขปัญหาผิวหน้าตามสาเหตุที่เป็น [embed-health-tool-bmr] หน้าเป็นผื่น เกิดจากอะไร สาเหตุที่ทำให้ หน้าเป็นผื่น อาจเกิดจากโรคดังต่อไปนี้ 1. โรคงูสวัด เกิดจากเชื้อไวรัส Varicella-zoster ซึ่งเป็นไวรัสชนิดเดียวกับเชื้อที่ก่อให้เกิดอีสุกอีใส ที่ส่งผลให้เกิดผื่นแดง ตุ่มพอง อาการคัน รู้สึกปวดแสบปวดร้อนผิวหนังบริเวณที่ได้รับผลกระทบ เช่น ลำตัว แขน ขา หากเกิดขึ้นบนใบหน้าอาจทำให้มีปัญหาการมองเห็น สูญเสียการได้ยินและการรับรู้รสชาติได้ วิธีรักษาโรคงูสวัด ยาต้านไวรัส เช่น แฟมไซโคลเวียร์ (Famciclovir) รับประทานวันละ 2-3 ครั้ง วาลาไซโคลเวียร์ (Valacyclovir) และอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) ควรรับประทานวันละ 2-5 ครั้ง ยาบรรเทาอาการปวด เช่น กาบาเพนติน (Gabapentin) อะมิทริปไทลีน (Amitriptyline) แผ่นแปะแคปไซซิน ลิโดเคน (Lidocaine) 2. โรคลูปัส […]


โรคผิวหนังติดเชื้อ

วิธีรักษากลาก ให้หายเร็วๆ ทำได้อย่างไร

กลาก เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งเกิดจากการติดเชื้อรา ส่งผลทำให้ผิวหนังมีผื่นเป็นวงกลมจุดสีน้ำตาล สีแดง หรือสีชมพูบนผิวหนัง มีขุยบริเวณขอบผื่น และมีอาการคัน วิธีรักษากลาก ให้หายเร็วๆ อาจต้องเริ่มจากการดูแล รักษา และป้องกันปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคหรือทำให้กลากที่เป็นอยู่แย่ลง ด้วยการป้องกันไม่ให้ผิวติดเชื้อ ไม่สัมผัสกับดิน ต้นไม้ สัตว์เลี้ยงที่ติดเชื้อ การรักษาให้ตรงจุดด้วยตัวเองและการรักษาด้วยยาตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงอาจช่วยให้กลากหายได้เร็วขึ้น [embed-health-tool-bmi] วิธีรักษากลาก ให้หายเร็วๆ ด้วยตัวเอง     การปรับเปลี่ยนวิธีดูแลผิวเมื่อเป็นโรคกลาก ดังต่อไปนี้ อาจช่วยลดอาการคันและบรรเทาอาการอักเสบของผิวหนังได้ รับประทานยาแก้แพ้เพื่อช่วยบรรเทาอาการคัน ได้แก่ ยารักษาโรคภูมิแพ้ เซทิริซีน (Cetirizine) เฟกโซเฟนาดีน (Fexofenadine) ไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine) ทาครีม โลชั่น หรือขี้ผึ้ง อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว ป้องกันผิวแห้ง หลีกเลี่ยงการเกา เพื่อป้องกันผิวระคายเคือง ถลอก หรือมีรอยขีดข่วน หากคันหรือระคายผิว อาจใช้มือลูบบริเวณที่คันแทน และตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ เพื่อลดโอกาสที่ผิวหนังจะเป็นแผลหากเผลอเกา สวมเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับฤดูกาล เลือกที่เนื้อผ้านุ่ม ระบายอากาศได้ดี ไม่คับแน่นจนเสียดสีกับผิว หากเหงื่อออกเยอะ ไม่ควรปล่อยให้หมักหมมไว้นาน […]


สุขภาพผิว

ขนคุดที่ขา อาการ สาเหตุ และการรักษา

ขนคุดที่ขา เป็นปัญหาผิวหนังที่เกิดจากรูขุมขนบริเวณขาอุดตัน ส่งผลให้เส้นขนไม่สามารถงอกพ้นผิวหนังได้ จนเกิดเป็นตุ่มหรือผื่นบวม แดง ผิวแห้ง โดยปกติแล้ว ขนคุดที่ขามักไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหรือคัน และไม่เป็นอันตราย แต่หากติดเชื้อก็อาจสร้างความเจ็บปวดได้ อย่างไรก็ตาม การศึกษาสาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง วิธีรักษาและป้องกันขนคุดที่ขา อาจช่วยบรรเทาหรือป้องกันการเกิดภาวะนี้ได้ [embed-health-tool-bmr] คำจำกัดความ ขนคุดที่ขา คืออะไร ขนคุดที่ขา คือ ภาวะผิวหนังทั่วไปที่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย เกิดจากเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วอุดตันรูขุมขน ทำให้ขนไม่สามารถงอกพ้นผิวหนังได้ และกลายเป็นตุ่มหรือผื่นเล็ก ๆ ที่อาจบวม แดง และมีผิวแห้ง บางครั้งอาจมีอาการคันร่วมด้วย นอกจากบริเวณขา ขนคุดมักพบบนบริเวณต้นแขน ใบหน้า และก้นด้วย อาการ อาการขนคุดที่ขา อาการขนคุดที่ขา อาจมีดังนี้ มีตุ่มเล็ก ๆ คล้ายกับอาการขนลุก หรือหนังไก่ แต่ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ ผิวบริเวณที่ตุ่มขึ้นแห้งหยาบกว่าผิวบริเวณอื่น ผิวหนังบริเวณที่เป็นตุ่มขนคุดอาจแย่ลงเมื่อเจอกับสภาพอากาศเย็น ความชื้นต่ำ อาจมีรูขุมขนอักเสบร่วมด้วย บางคนอาจมีอาการคันเล็กน้อย สาเหตุ สาเหตุของขนคุดที่ขา ขนคุดที่ขาเกิดจากรูขุมขนอุดตันเนื่องจากมีเคราติน (Keratin) มากเกินไป เคราตินเป็นเส้นใยโปรตีนที่อยู่บริเวณผิวหนังชั้นนอก ช่วยปกป้องผิวจากการติดเชื้อ แต่เมื่อมีมากเกินไปอาจทำให้ขนบริเวณขาไม่สามารถงอกพ้นผิวหนังได้และคุดอยู่ใต้ผิว จนเกิดเป็นตุ่มนูน หรือตุ่มขนคุด ปัจจัยเสี่ยง ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ขนคุดที่ขา ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้มีเคราตินสะสมมากกว่าปกติ จนพัฒนานำไปสู่การเกิดขนคุดที่ขาอาจยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่คาดว่าอาจมาจากปัจจัยทางพันธุกรรม ภาวะผิวหนังที่ผิดปกติ เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ผิวหนังแห้ง และอาจเกิดจากการกำจัดขนด้วยการแว็กซ์ขนหรือโกนขน […]


โรคผิวหนังติดเชื้อ

กลากเกลื้อนเกิดจากอะไร

กลากและเกลื้อน คือ โรคผิวหนัง 2 ชนิดที่อาจพบได้บ่อย อาจสังเกตได้จากผิวหนังมีตุ่ม หรือรอยผื่นแดงเป็นดวงที่มีขอบเป็นสะเก็ด มีอาการคัน สามารถเกิดขึ้นบนผิวหนังได้ทั่วทั้งร่างกาย เช่น แขน หลัง ลำคอ อย่างไรก็ตาม การทราบว่า กลากเกลื้อนเกิดจากอะไร หรือมีปัจจัยกระตุ้นอะไรบ้าง อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกลากหรือโรคเกลื้อน และช่วยให้รักษาได้อย่างถูกวิธี [embed-health-tool-bmr] กลากเกลื้อนเกิดจากอะไร กลากและเกลื้อน คือ โรคผิวหนังติดเชื้อ 2 โรค ที่เกิดจากการติดเชื้อราที่อาศัยอยู่บนผิวเซลล์ผิวที่ตายแล้ว โดยโรคกลากเกิดจากการติดเชื้อเดอร์มาโทไฟท์ (Dermatophytes) ซึ่งเป็นเชื้อราอยู่บนผิวหนังส่วนที่มีเคราติน ส่วนโรคเกลื้อนเกิดจากการติดเชื้อมาลาสซีเซีย (Malassezia) ซึ่งเป็นเชื้อราที่อาศัยอยู่บนผิวหนังอยู่แล้ว แต่อาจถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยบางอย่างทำให้เจริญเติบโตมากผิดปกติจนนำไปสู่การติดเชื้อ ปัจจัยดังต่อไปนี้ อาจกระตุ้นให้เกิดโรคกลากหรือโรคเกลื้อนได้ สภาพอากาศที่ร้อนชื้น ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ การสวมเสื้อผ้าที่รัดแน่น ระบายความร้อนและเหงื่อยาก การใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น เสื้อผ้า ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว ปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้ติดเชื้อรา และเชื้อเจริญเติบโตแพร่กระจายจนส่งผลให้เกิดจุดเล็ก ๆ หรือผิวหนังเปลี่ยนสี พร้อมมีอาการคันระคายเคือง กลากกับเกลื้อน แตกต่างกันอย่างไร ถึงแม้ว่ากลากกับเกลื้อน จะมีสาเหตุ ปัจจัย และอาการแรกเริ่มที่คล้ายกัน แต่หากสังเกตอย่างละเอียดจะพบว่าอาจมีอาการบางอย่างที่แตกต่างกัน กลากมักเป็นผื่นกลมที่มีขอบนูนเป็นสะเก็ดสีแดง ชมพู น้ำตาล หรือเทา ซึ่งอาจกระจายตามผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณแขน […]


สุขภาพผิว

รังสีอัลตราไวโอเลต ส่งผลต่อสุขภาพผิวอย่างไร

รังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet หรือ UV) เป็นคลื่นแสงที่พบได้ในดวงอาทิตย์และอุปกรณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น หลอดไฟ ไฟฉาย โดยรังสีอัลตราไวโอเลตอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพผิว เช่น ริ้วรอย จุดด่างดำ ความเหี่ยวย่น นอกจากนี้ เมื่อผิวหนังสัมผัสกับแสงแดดเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เซลล์ผิวกลายพันธ์ุและกลายเป็นโรคมะเร็งผิวหนังที่เป็นอันตราย รังสีอัลตราไวโอเลต คืออะไร รังสีอัลตราไวโอเลต คือ ส่วนหนึ่งของพลังงานตามธรรมชาติที่มีแหล่งกำเนิดหลักจากดวงอาทิตย์ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สามารถทำร้ายผิวหนังได้ โดยประเภทของรังสีอัลตราไวโอเลตที่มีส่วนทำให้เกิดมะเร็งอาจแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ รังสีอัลตราไวโอเลตเอ (Ultraviolet A หรือ UVA) มีความยาวคลื่นที่ยาวและมีพลังงานที่น้อยกว่ารังสียูวีบี อาจส่งผลให้เซลล์ผิวหนังเสื่อมสภาพ และทำให้เกิดปัญหาผิว เช่น ริ้วรอย ผิวหนังหย่อนคล้อย รังสีอัลตราไวโอเลตบี (Ultraviolet B หรือ UVB) มีความยาวคลื่นสั้น ส่งผลต่อปัญหาผิวและทำให้เกิดปัญหาผิวไหม้แดด การสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลตทั้ง 2 ประเภท ในระยะเวลานานอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลให้ DNA ในเซลล์ผิวหนังเสื่อมสภาพ เพิ่มความเสี่ยงต่อความบกพร่องทางพันธุกรรมหรือการกลายพันธุ์ และนำไปสู่ริ้วรอยก่อนวัย จุดด่างดำ ต้อกระจก ต้อเนื้อ หรืออาจร้ายแรงจนเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้ รังสีอัลตราไวโอเลต […]


สิว

รอยดำจากสิว สาเหตุ การดูแลและการรักษา

รอยดำจากสิว เป็นปัญหาผิวที่มักเกิดขึ้นหลังจากสิวหาย บางคนอาจเกิดรอยดำเพียงแค่ผิวชั้นนอกซึ่งอาจหายเองได้เมื่อมีการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ แต่บางคนอาจมีรอยดำเกิดขึ้นในชั้นผิวหนังแท้ ซึ่งยากต่อการรักษา หรืออาจกลายเป็นรอยถาวร ดังนั้น การรักษาสิวและรักษารอยดำจากสิวตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจช่วยให้ลดปัญหารอยดำบนผิวได้ สาเหตุของรอยดำจากสิว รอยดำจากสิวมักเกิดขึ้นบนผิวหนังหลังจากสิวหาย เนื่องจากหลังสิวหาย ผิวหนังผลิตเม็ดสีเมลานินในจุดเดียวมากเกินไป จึงอาจทำให้ผิวมีจุดสีดำ หรือจุดสีน้ำตาลอ่อนหรือเข้มเกิดขึ้นเป็นหย่อม ๆ  ในบางกรณี รอยดำจากสิวอาจเกิดขึ้นในชั้นผิวหนังแท้ เป็นผิวหนังชั้นลึกและอาจทำให้เกิดรอยดำบนผิวหนังอย่างถาวร รอยดำบางจุดอาจหายไปเองโดยไม่ต้องรักษา แต่อาจต้องใช้เวลานานประมาณ 6-12 เดือน กว่าจะหายเป็นปกติ โดยเฉพาะรอยสิวที่อยู่ลึกเข้าไปในชั้นผิวหนังแท้อาจยิ่งรักษาได้ยากขึ้น หรือในบางคนอาจเป็นรอยดำถาวร สาเหตุที่ผิวหนังผลิตเมลานินมากเกินไปอาจเป็นเพราะการอักเสบที่เกิดขึ้นบนผิวหนังและกระบวนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ที่อาจกระตุ้นการผลิตเมลานินส่วนเกินเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ อาจมีบางปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงเกิดรอยดำจากสิวได้ ดังนี้ สิวอักเสบ ที่ทำให้ผิวมีอาการบวม แดง และเจ็บปวด สิวประเภทนี้จะแทรกซึมลึกเข้าไปในชั้นผิวหนังซึ่งอาจมีส่วนทำลายผิว ทำให้เกิดรอยดำจากสิวได้ นอกจากนี้ การไม่รักษาสิวอักเสบ และปล่อยให้มีสิวอักเสบเกิดขึ้นเป็นเวลานานอาจเพิ่มโอกาสทำให้เกิดรอยดำหรือแผลเป็นเพิ่มขึ้น การบีบ เกา หรือกดสิว จะยิ่งเพิ่มการอักเสบของสิวมากขึ้น ส่งผลให้เสี่ยงเกิดแผลเป็นและรอยดำจากสิว กรรมพันธุ์ ผู้ที่มีบุคคลในครอบครัวมีปัญหาเรื่องสิวและรอยแผลเป็น อาจมีโอกาสที่จะเกิดปัญหารอยดำจากสิวเพิ่มขึ้นได้ วิธีการดูแลปัญหารอยดำจากสิวด้วยตัวเอง การดูแลผิวอย่างเป็นประจำและป้องกันการเกิดสิว อาจช่วยลดปัญหารอยดำจากสิวได้ ดังนี้ รักษาสิวตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจช่วยลดปัญหารอยดำจากสิวและรอยแผลเป็นได้ เนื่องจากหากปล่อยสิวทิ้งไว้อาจยิ่งเพิ่มการอักเสบและเพิ่มโอกาสเกิดรอยหลังสิวหาย เลือกใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่คุณหมอแนะนำ และใช้ตามที่คุณหมอสั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สิวหายเร็วและไม่ทิ้งรอย โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ […]


โรคผิวหนังติดเชื้อ

ผื่นกุหลาบ อาการ สาเหตุ และการรักษา

ผื่นกุหลาบ เป็นโรคทางผิวหนังที่ไม่รุนแรงนัก ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ผื่นที่เกิดขึ้นมักปรากฏให้เห็นหลังจากติดเชื้อประมาณ 6-12 สัปดาห์ โดยจะเริ่มจากมีจุดวงกลมหรือวงรีขนาดใหญ่ขึ้นบริเวณหน้าอก หน้าท้อง หลัง ต้นแขน ต้นขา และคอ ก่อนจะมีผื่นกลมเล็ก ๆ ขึ้นกระจายที่ลำตัว โดยทั่วไปอาจเกิดขึ้นระหว่างช่วงอายุ 10-35 ปี โดยปกติอาจหายไปเองภายใน 1-3 เดือน  [embed-health-tool-bmr] ผื่นกุหลาบ คืออะไร ผื่นกุหลาบ เป็นโรคผิวหนังที่ไม่ค่อยรุนแรง ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ส่งผลให้เกิดผื่นขึ้นบริเวณหน้าอก หลัง ต้นแขน ต้นขา และคอ โดยผื่นจะปรากฏขึ้นเมื่อระยะเวลาผ่านไป 6-12 สัปดาห์ และอาจหายไปเองภายใน 1-3 เดือน โดยไม่ต้องเข้ารับการรักษา ทั้งยังไม่สามารถแพร่กระจายไปยังผู้อื่นโดยการสัมผัส ผื่นกุหลาบมักส่งผลกระทบต่อเด็ก ผู้ใหญ่ และวัยรุ่นในช่วงอายุ 10-35 ปี แต่สำหรับผู้ที่เคยเป็นโรคนี้แล้วมักจะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก  สำหรับสตรีที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์แล้วเป็นผื่นกุหลาบ อาจประสบปัญหาตามบริเวณหน้าอก และขาหนีบเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งอาจลุกลามไปยังภายในบริเวณช่องปาก จนเกิดอาการคันอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ยังอาจทำให้มีความเสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนด หรือเพิ่มความเสี่ยงในการแท้งบุตรได้มากขึ้น คุณแม่ควรตรวจสุขภาพร่างกายของตนเองอย่างสม่ำเสมอ และรีบเข้าขอคำปรึกษาจากคุณหมอทันที อาการของผื่นกุหลาบ บางคนอาจรู้สึกไม่สบาย เช่น ปวดศีรษะ มีไข้ […]


สิว

สิวขึ้นหน้าอก เกิดจากอะไร รักษาอย่างไร

สิวขึ้นหน้าอก คือ ปัญหาผิวหนังที่อาจเกิดขึ้นเมื่อรูขุมขนอุดตันจากน้ำมันส่วนเกิน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรก โดยอาจสังเกตได้จากอาการตุ่มนูนแดง สิวมีหนอง อาการเจ็บปวดบริเวณสิว ควรเร่งรักษาสิวที่เกิดขึ้น และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลผิวให้เหมาะสม เพื่อช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียนดังเดิม [embed-health-tool-heart-rate] สิวขึ้นหน้าอก เกิดจากอะไร สิวขึ้นหน้าอก เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน เนื่องจากน้ำมันส่วนเกินและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว จนอาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว (Propionibacterium Acne หรือ P. acnes) นำไปสู่การเกิดสิวอักเสบ สิวหัวดำ หรือสิวเสี้ยน ในบริเวณหน้าอก นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่อาจกระตุ้นการเกิดสิว หรือทำให้อาการสิวแย่ลง ดังนี้ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เมื่อร่างกายผลิตแอนโดรเจน (Androgen) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายที่มีอยู่ในร่างกายทั้งในผู้ชายและผู้หญิงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยแรกรุ่น ฮอร์โมนนี้อาจทำให้ต่อมไขมันขยายและสร้างไขมันส่วนเกินมากขึ้นซึ่งนำไปสู่การเกิดสิว อาหาร การเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมัน และคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น มันฝรั่งทอด ขนมปังขาว เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง อาจทำให้สิวมีอาการแย่ลง เนื่องจากอาหารเหล่านี้ อาจกระตุ้นให้ต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นจนอุดตันในรูขุมขน ความเครียด อาจกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งอาจส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่การอุดตันในรูขุมขน และอาจพัฒนาเป็นสิวอักเสบ ยาบางชนิด เช่น คอร์ติโคสเตียรอยด์ เทสโทสเตอโรน ลิเทียม (Lithium) อาจส่งผลให้กระตุ้นการผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน […]


สุขภาพผิว

คันตามตัว เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง

คันตามตัว เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาจเกิดจากปัญหาสภาพผิว เช่น ผิวแห้ง กลาก ความผิดปกติของระบบประสาท ความระคายเคือง อาการแพ้ โรคจิตเวช หรืออาจเกิดจากโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคไต ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการคันตามตัวได้เช่นกัน [embed-health-tool-bmr] คันตามตัว เกิดจากอะไร อาการคันตามตัวอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้ ผิวแห้ง ผิวแห้งโดยเฉพาะในฤดูหนาวหรือช่วงที่มีอากาศแห้ง อาจส่งผลทำให้ผิวแห้งตึง แตก ลอกเป็นขุย คันตามตัว นอกจากนี้ หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวอาจทำให้มีอาการเจ็บปวดผิวร่วมด้วย แมลงกัดต่อย แมลงกัดต่อยหรือปรสิตที่อาศัยอยู่ตามผิวหนัง เช่น เหา หิด โลน ยุง แมงมุม ตัวเรือด อาจก่อให้เกิดอาการคันได้ เนื่องจากเหล็กในและเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสที่มาจากสัตว์หรือปรสิตอาจกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดอาการแพ้ และกระตุ้นปฏิกิริยากำจัดเชื้อโรคของระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย จนอาจส่งผลทำให้คันตามตัว ผื่น บวมแดง และเป็นแผลพุพองได้ การตั้งครรภ์และวัยหมดประจำเดือน ผู้หญิงตั้งครรภ์และวัยหมดประจำเดือนมักมีอาการคันตามตัวซึ่งเป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายที่มากขึ้น เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจนมากขึ้น ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนต่ำลง ส่งผลต่อการตกไข่ ทำให้มีอาการร้อนวูบวาบ ช่องคลอดแห้งและคัน เมื่อเวลาผ่านไปอาการคันจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดที่ทำให้เกิดโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง แต่มักทำให้มีอาการคันรุนแรง ผิวหนังแห้งเป็นหย่อม ตกสะเก็ด ผื่น หรืออาจมีแผลพุพอง โรคนี้อาจพบบ่อยในเด็กที่ครอบครัวมีประวัติเป็นโรคหอบหืดหรือภูมิแพ้อาหาร […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน