อาการต่างๆ เหล่านี้เป็นสัญญาณที่บอกว่า สาวๆ อาจกำลังมีอาการ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หากมีอาการเหล่านี้ ควรไปพบคุณหมอเพื่อให้ทำการวินิจฉัย และรักษาต่อไป เนื่องจาก ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) จะตรวจพบได้จากการใช้กล้อง เพื่อดูอวัยวะบริเวณอุ้งเชิงกราน (Laparoscopy) จึงต้องพบคุณหมอ
ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เกิดจากการที่เยื่อบุมดลูกไปเกิดขึ้นนอกโพรงมดลูก เช่น รังไข่ เยื่อบุช่องท้อง ผนังลำไส้ หรือผนังกระเพาะปัสสาวะ โดยบางครั้งก็อาจกระจายออกไปยังอวัยวะที่อยู่ไกลออกไป อย่างเช่น กระบังลม ปอด เยื่อหุ้มช่องปอด เป็นต้น โดยถึงแม้จะยังอยู่นอกมดลูก
แต่เยื่อบุมดลูกเหล่านี้ ก็ยังมีปฏิกิริยาแบบเดิม นั่นก็คือ เยื่อบุมดลูกจะหนาขึ้น และหลุดลอกเป็นเลือดประจำเดือน จึงทำให้มีเลือดประจำเดือนที่ข้นคล้ายช็อกโกแลตขังอยู่ตามอวัยวะต่างๆ เป็นสาเหตุสำคัญของอาการผิดปกติต่างๆ เช่น ปวดท้องเวลามีประจำเดือน หรือมีบุตรยาก
สัญญาณที่บอกว่าสาวๆ กำลังมีอาการของ ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
1. ปวดท้องโดยเฉพาะในช่วงมีประจำเดือน
อาการปวดท้องน้อยเป็นอาการที่ชัดเจนที่สุด ของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ผู้หญิงบางคนอาจมีอาการเจ็บปวดเรื้อรังไม่หาย และจะปวดมากยิ่งขึ้นในช่วงก่อนมีประจำเดือนและระหว่างมีประจำเดือน เนื่องจากเนื้อเยื่อและเลือดที่ถูกขับออกมาจากเยื่อบุมดลูกที่ไม่ได้อยู่ในมดลูก จะไม่สามารถออกจากร่างกายได้ จึงทำให้เกิดอาการคั่งของเลือด เกิดอาการบวม และเจ็บปวด
โดยจะเจ็บปวดมากที่สุด บริเวณหน้าท้องส่วนล่างและบั้นเอว เหมือนกับอาการปวดท้องกระจำเดือนทั่วไป อาการปวดอาจอยู่เฉพาะที่ แต่ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดลามไปยังส่วนอื่นๆที่อยู่รอบๆอย่างเช่น หลัง ขาหนีบ หรือทวารหนักได้
ความแตกต่างระหว่างปวดท้องประจำเดือนธรรมดา กับปวดท้องเนื่องจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ แยกได้เบื้องต้น คือ
- มีประจำเดือนนานเกิน 7 วัน และ มีประจำเดือนมากผิดปกติ
- มีอาการไมเกรน ปวดหัว หรือปวดหลัง ช่วงที่มีประจำเดือน
- ปวดท้อง เจ็บท้องส่วนที่เป็นลำไส้
- เลือดออก ระหว่างมีประจำเดือน
- ท้องเสีย
- อ่อนเพลีย
- คลื่นไส้ อาเจียน
การปวดท้องประจำเดือนที่ไม่ปกติ คือ ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของสาวๆ ทำให้ต้องหยุดงาน หรือไม่ได้ไปโรงเรียน ซึ่งถ้ามีอาการปวดท้องอย่างมาก ทุกๆเดือน ควรไปพบคุณหมอ เพราะอาจเป็นอาการของโรค เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
2. ประจำเดือนมามากผิดปกติ
หากมีประจำเดือนนานกว่า 7 วัน และมาในปริมาณมาก ควรปรึกษาคุณหมอ เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของภาวะ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมีมาก เพราะถึงแม้ว่าเยื่อบุมดลูกจะไม่ได้อยู่ในมดลูก ไปเจริญในอวัยวะส่วนอื่นของร่างกาย เช่น รังไข่ ลำไส้ เยื่อบุมดลูกก็ยังคงมีปฏิกิริยาเวลามีประจำเดือนอยู่ นั่นคือ การขยายตัวและหลุดออกเป็นเลือดประจำเดือน ทำให้สาวๆ มีเลือดประจำเดือนเยอะกว่าปกติ
3. เจ็บปวดที่จุดต่างๆ ของร่างกาย
ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ สามารถทำให้เกิดความเจ็บปวดในร่างกายได้ในหลายส่วน นอกเหนือจากที่เห็นได้อย่างชัดเจน ได้แก่ ความเจ็บปวดในช่องท้องและเชิงกรานแล้ว ก็ยังมีความเจ็บปวดที่บริเวณอื่นได้ด้วย
โดยจะมีอาการเจ็บปวดที่แตกต่างกัน ดังนี้
- หน้าท้องและเชิงกราน อาการปวดอาจเกิดขึ้นก่อนมีประจำเดือน และกินเวลานานหลายวัน เป็นอาการเจ็บแปลบเหมือนถูกแทง ผู้หญิงบางคนบอกว่ารู้สึกเหมือนอวัยวะภายในกำลังถูกดึงทึ้ง หรือถูกบิด และเป็นความเจ็บปวดที่ยาแก้ปวดทั่วไปก็ไม่อาจทำให้หายไปได้
- หลัง เนื่องจากมดลูกและรังไข่อยู่ใกล้กับหลัง อาการเจ็บปวดที่ท้องจึงอาจทำให้รู้สึกปวดไไปยังที่แผ่นหลังได้เช่นกัน
- ขา ภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่สามารถส่งผลต่อเส้นประสาทบริเวณขาหนีบ สะโพก และขา ซึ่งอาจทำให้สาวๆ เจ็บจนเดินแทบไม่ไหวได้
4. มีอาการคล้ายโรคลำไส้แปรปรวน
หากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เกิดบริเวณลำไส้ ก็อาจทำให้เกิดท้องผูก ท้องเสีย ปวดบริเวณลำไส้ และมีปัญหาการขับถ่าย ซึ่งเป็นอาการที่คล้ายกับโรคลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome: IBS) จนทำให้เข้าใจผิดได้ว่าเป็นโรค IBS และรับการรักษาโรค IBS แทนที่จะรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ แต่ในบางกรณีก็เป็นไปได้ว่าอาจเป็นทั้งสองโรคนี้พร้อมกัน ซึ่งก็จะยิ่งทำให้การวินิจฉัยภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ได้ยากขึ้นด้วย
5. ปัญหากระเพาะปัสสาวะ
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่สามารถทำให้มีเลือดออกปนมาทางปัสสาวะ หรือเจ็บปวดขณะปัสสาวะได้ คุณยังอาจรู้สึกปวดฉี่บ่อยและแบบปัจจุบันทันด่วนจนแทบอั้นไม่อยู่
แต่ในกรณีของเยื่อบุมดลุกเจริญผิดที่แบบรุนแรง เยื่อบุมดลูกอาจไปเจริญเติบโตรอบๆ หรือแม้แต่ด้านในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดความเจ็บปวดและอาจมีเลือดไหลได้ ถ้าคุณพบว่ามีเลือดไหลออกมากับปัสสาวะควรรีบไปปรึกษาหมอ
6. เกิดภาวะมีบุตรยาก
ผู้หญิงมากกว่าร้อยละ 50 ที่มีอาการเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ จะเกิดภาวะมีบุตรยาก เนื่องจากเยื่อโพรงบุมดลูก อาจไปเจริญบริเวณรังไข่ ทำให้ยากต่อการปฏิสนธิระหว่างอสุจิ กับไข่ หรืออาจทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวที่ผนังมดลูกได้ จึงเกิดภาวะมีบุตรยาก
ผู้หญิงจำนวนมากไม่เคยตระหนักว่าตัวเองเป็นโรคนี้ จนกระทั่งต้องการจะมีลูก และไม่สามารถมีลูกได้ จนต้องเข้ารับการตรวจภาวะเจริญพันธ์ุอย่างเต็มรูปแบบ และบ่อยครั้งที่ได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นเพราะโรคนี้นี่เองที่ทำให้มีบุตรยาก การรักษาขึ้นอยู่กับว่าอาการของคุณรุนแรงแค่ไหน บางทีการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อที่เป็นปัญหาออกทั้งหมด ก็จะช่วยให้คุณกลับมามีโอกาสตั้งท้องอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ควรปรึกษากับหมอ เพื่อหาทางเลือกในการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
7. เจ็บปวดในระหว่างร่วมเพศ
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในระหว่างการร่วมเพศ เป็นสัญญาณบ่งชี้สำคัญอีกอย่างหนึ่งของ ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ โดยความเจ็บปวดอาจเกิดขึ้นในระหว่างร่วมเพศ หลังจากร่วมเพศในทันที หรืออาจเจ็บปวดต่อเนื่องจนถึงวันถัดมา ความเจ็บปวดนี้จะเพิ่มมากขึ้นไปอีกในช่วงก่อนมีประจำเดือน เนื่องจากเนื้อเยื่อในระบบสืบพันธ์ุเกิดการอักเสบ
ถึงแม้ความเจ็บปวดในระหว่างการร่วมเพศ อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ (อย่างเช่น ขาดสารหล่อลื่นในช่องคลอดที่มากพอ หรือ การมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่แฝงตัวอยู่) แต่หากความเจ็บปวดนี้ เกิดขึ้นร่วมกับอาการปวดท้องน้อย หรืออาการผิดปกติในระบบขับถ่าย ก็มีแนวโน้มที่จะมีสาเหตุมาจากภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
[embed-health-tool-ovulation]