ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป เป็นเรื่องที่ทุกคนควจะต้องรู้เอาไว้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองและคนในครอบครัว ซึ่งเรื่องราวที่คุณจะอ่านเรารวบรวมเอาไว้ให้แล้ว

เรื่องเด่นประจำหมวด

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ทำความรู้จัก "ปลูกฝี" สำคัญยังไง ยังจำเป็นอยู่ไหม

การปลูกฝีเคยเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โรคฝีดาษ (Smallpox) เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์ วัคซีนป้องกันฝีดาษซึ่งเริ่มต้นจากการปลูกฝี ไม่เพียงช่วยลดการเสียชีวิตนับล้านคนทั่วโลก แต่ยังนำไปสู่การประกาศกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523  อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับการปลูกฝีเริ่มจางหายไปเมื่อวัคซีนนี้ไม่ได้เป็นที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาผู้อ่านย้อนรอยความสำคัญของการปลูกฝีในอดีต และพิจารณาว่าการปลูกฝียังมีความจำเป็นในยุคสมัยใหม่หรือไม่ [embed-health-tool-vaccination-tool] ปลูกฝี ในอดีตเป็นอย่างไร? การปลูกฝีเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1796 โดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ผู้ค้นพบว่าวัคซีนจาก Cowpox สามารถป้องกันโรคฝีดาษได้ ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ทั่วโลกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 20 จนนำไปสู่การประกาศว่าฝีดาษถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ในปี 1980 สำหรับประเทศไทย การปลูกฝีเริ่มต้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมักทิ้งรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บริเวณหัวไหล่ หลังจากการกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523 การปลูกฝีก็หยุดลง แต่กลับมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกครั้งในยุคที่โรคฝีดาษลิงระบาด โดยวัคซีนที่พัฒนาจากวัคซีน Smallpox เช่น JYNNEOS กำลังถูกศึกษาเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้ โรคฝีดาษลิงคืออะไร โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากไวรัสในตระกูล Orthopoxvirus ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคฝีดาษ (Smallpox) แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่โรคฝีดาษลิงมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อ ไวรัส Monkeypox ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกในลิงในปี ค.ศ. 1958 และตรวจพบในมนุษย์ครั้งแรกในปี […]

สำรวจ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

5 โรคแฝง ที่มาพร้อมกับ สัญญาณอาการเหนื่อยล้า

อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และเหนื่อยล้า อาจจะอาการที่เราหลายคนพบเจอกันได้บ่อย ๆ โดยเฉพาะกับกลุ่มคนวัยทำงาน ที่ต้องนั่งอยู่หน้าคอมเป็นเวลานานๆ และไม่ค่อยได้มีเวลาออกกำลังกาย แต่คุณรู้รึเปล่าคะว่า อาการเหนื่อยล้า อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกโรคแฝงอื่น ๆ ได้อย่างที่คุณคาดไม่ถึง บทความนี้ของ Hello คุณหมอ จะมานำเสนอ 5 โรคแฝง ที่มาพร้อมกับ สัญญาณอาการเหนื่อยล้า ที่หลายคนอาจจะมองข้าม 5 โรคแฝง ที่มาพร้อมกับ สัญญาณอาการเหนื่อยล้า ภาวะโลหิตจาง หนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยที่สุดของภาวะโลหิตจาง คืออาการเหนื่อยล้าเป็นประจำ โดยเฉพาะกับผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ธาตุเหล็ก เป็นธาตุที่สำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์ที่ทำหน้าที่ในการลำเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย เมื่อร่างกายได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ จนทำให้กระบวนการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงลดลง จะทำให้เซลล์ในร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ และส่งผลให้เกิดอาการเหนื่อยล้าและหายใจหอบได้ นอกเหนือจากอาการเหนื่อยล้าแล้ว ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กก็ยังอาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น อ่อนแรง ผิวซีด เจ็บหน้าอก หายใจหอบ ปวดหัว วิงเวียน หรือเบื่ออาหาร เป็นต้น โรคเบาหวาน หนึ่งในอาการหลักของโรคเบาหวาน ทั้งประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 คืออาการเหนื่อยล้า โรคเบาหวานประเภทที่ 1 หมายถึงการที่ร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลิน (Insulin) ฮอร์โมนที่ช่วยจัดการกับน้ำตาลในเลือดออกได้ ส่วนโรคเบาหวานประเภทที่ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

วิตามินดี ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ได้จริงเหรอ

เป็นที่รู้กันว่าวิตามินดีนั้นเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง แต่ในความจริงแล้ว วิตามินดีอาจจะมีประโยชน์มากกว่านั้น โดยเฉพาะกับในเรื่องของการต้านมะเร็ง เพราะนักวิทยาศาสตร์บางส่วนมีความเห็นว่า วิตามินดี อาจสามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ แต่ก็ยังมีงานวิจัยบางส่วนที่ออกมาโต้แย้งกับความเห็นนี้ วันนี้ Hello คุณหมอ จะมานำเสนอเกี่ยวกับ วิตามินดีและโรคมะเร็ง ว่ามีความสัมพันธ์กับอย่างไร และสามารถใช้ วิตามินดีป้องกันมะเร็ง ได้จริงหรือไม่ งานวิจัยพบอะไรเกี่ยวกับ วิตามินดีและโรคมะเร็ง ความเห็นจากฝั่งที่สนับสนุนแนวคิดที่ว่า วิตามินดีนั้นสามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้นั้น เนื่องจากงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Public Health ได้ศึกษาเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของวิตามินดี และความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ ได้แก่ มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และมะเร็งต่อมลูกหมาก งานวิจัยนั้นพบว่า ภาวะขาดวิตามินดี เมื่อรวมกับปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งอื่น ๆ แล้ว อาจเป็นตัวการที่เพิ่มโอกาสในการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเนื่องจากโรคมะเร็งได้ ได้ ดังนั้น การรักษาระดับและรับประทานวิตามินดีให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อาจสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง หรือการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเหล่านี้ได้ อีกหนึ่งงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมิชิแกน ได้พบว่า การรับประทานอาหารเสริมวิตามินดี เป็นเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป อาจสามารถช่วยรักษาชีวิต และช่วยยืดชีวิตให้ผู้ป่วยโรคมะเร็ง สามารถมีชีวิตได้ยืนยาวนานมากยิ่งขึ้น งานวิจัยนั้นได้ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง และมีอายุเฉลี่ยประมาณ 68 ปี […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

กลุ่มอาการลืมความทรงจำทั้งหมดชั่วคราว (Transient Global Amnesia)

กลุ่มอาการลืมความทรงจำทั้งหมดชั่วคราว (Transient Global Amnesia) เป็นการสูญเสียความทรงจำชั่วคราวโดยฉับพลัน ซึ่งไม่สามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในขณะนั้นชั่วคราว ผู้ป่วยจะรู้สึกสับสน มึนงง คำจำกัดความกลุ่มอาการลืมความทรงจำทั้งหมดชั่วคราว (Transient Global Amnesia) คืออะไร กลุ่มอาการลืมความทรงจำทั้งหมดชั่วคราว (Transient Global Amnesia) เป็นการสูญเสียความทรงจำชั่วคราวโดยฉับพลัน ซึ่งไม่สามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในขณะนั้นชั่วคราว ผู้ป่วยจะรู้สึกสับสน มึนงง จำไม่ได้ว่าตนเองอยู่ในที่ไหน หรือสถานที่ใด อย่างไรก็ตาม กลุ่มอาการลืมความทรงจำทั้งหมดชั่วคราวนั้นเกิดขึ้นกับผู้ป่วยในช่วงระยะเวลาสั้นมักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่อยู่ในวัยกลางคนถึงวัยชรา หากพบว่ามีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการวินิจฉัยโรค พบได้บ่อยเพียงใด ผู้ที่ป่วยที่อยู่ในกลุ่มอาการลืมความทรงจำทั้งหมดชั่วคราวส่วนใหญ่อยู่ในวัยกลางคนถึงวัยชรา อาการอาการของกลุ่มอาการลืมความทรงจำทั้งหมดชั่วคราว ผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มอาการลืมความทรงจำทั้งหมดชั่วคราวจะลืมเหตุการณ์ ความทรงจำช่วงเวลานั้นชั่วคราว นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆ ที่สังเกตได้ ดังนี้ ผู้ป่วยมีการรับรู้สิ่งต่างๆ ตามปกติ เช่น จำชื่อสิ่งที่คุ้นเคย การทำตามคำแนะนำแบบง่ายๆ ผู้ป่วยไม่มีความผิดปกติใดๆ ที่บ่งบอกถึงความผิดปกติทางสมอง ผู้ป่วยไม่มีประวัติของโรคลมชักหรืออาการบาดเจ็บทางศีรษะ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการสูญเสียความทรงจำ ควรไปพบหมอเมื่อใด หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใด ๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีคำถาม โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ สาเหตุสาเหตุของกลุ่มอาการลืมความทรงจำทั้งหมดชั่วคราว (Transient Global Amnesia) ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์หรือผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อม สมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่การสูญเสียความทรงจำ ความผิดปกติของฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสมอง ที่ทำหน้าที่ จัดระบบการเรียนรู้ต่อความทรงจำ อาการบาดเจ็บบริเวณศีรษะ เช่นเดียวกับโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียความจำที่มักเกิดขึ้นชั่วคราว การดื่มแอลกอฮอล์เป็นระยะเวลานาน ส่งผลทำให้สมองเสื่อม อาการเครียดรุนแรง ปัจจัยเสี่ยงของกลุ่มอาการลืมความทรงจำทั้งหมดชั่วคราว อายุ ผู้ที่มีอายุ 50 ปี […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เลี้ยงแมว ไม่ได้มีดีแค่สร้างความเพลิดเพลิน แต่ยังมีข้อดีต่อสุขภาพด้วยนะ

สำหรับทาสแมว หรือผู้คนที่ชื่นชอบสัตว์ชนิดนี้ ล้วนเป็นที่ทราบกันดีว่า แมวนั้นมักมีความน่ารัก ซุกซน และความฉลาดอยู่มากไม่แพ้สัตว์ชนิดอื่น ๆ แต่นอกจากจะเลี้ยงเพื่อเป็นเพื่อนคู่ใจที่สร้างความเพลิดเพลินแล้ว ทุกคนคงยังไม่รู้ว่าการ เลี้ยงแมว สามารถเชื่อมโยงส่งเสริมไปยังด้านสุขภาพต่าง ๆ ของเราได้อีกด้วย ซึ่ง วันนี้ Hello คุณหมอจะขอพาทุกคนมารู้จักประโยชน์ดังกล่าวจาก การเลี้ยงแมว ให้มากขึ้น ในบทความนี้ ข้อดีของ การเลี้ยงแมว ที่อาจเชื่อมโยงกับสุขภาพ ใครจะไปรู้ได้ว่าสัตว์ขนาดเล็กเพียงเท่านี้ จะสามารถเข้ามาทำให้สุขภาพของเราดีขึ้นได้ ทั้งทางกาย จิตใจ และความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน โดยประโยชน์ของ การเลี้ยงแมว หรือการตกเป็นทาสแมวนั้น มีดังนี้ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ เนื่องจากความเครียดคืออีกสาเหตุหนึ่งที่เชื่อมโยงกับโรคหัวใจ การเลี้ยงแมว เป็นเพื่อนอยู่ข้าง ๆ กาย ต่อให้พวกเขาพูด หรือสื่อสารไม่ได้ แต่เขาสามารถแสดงท่าทาง ความน่ารักออกมาในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ จากการศึกษาหนึ่งพบว่า การเลี้ยงแมว โดยส่วนใหญ่ อาจช่วยลดความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจ รวมไปถึงโรคหลอดเลือดในสมองได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ปรับปรุงกระดูก เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อ แมวเป็นสัตว์ที่มีการส่งเสียงได้ค่อนข้างนุ่มนวล และเบาบาง อีกทั้งยังมีความถี่ของการสั่นสะเทือนในเสียง 20-140 เฮิรตซ์ (HZ) จากการศึกษาชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นถึงการรับความถี่ระดับ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

กากกาแฟ กับประโยชน์ที่อาจไม่เคยรู้มาก่อน

กากกาแฟ เป็นแหล่งของสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจเป็นประโยชน์ต่อผิวหนัง หนังศีรษะและเส้นผม อาจนำกากกาแฟมาใช้ขัดผิว รักษาสิว เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และปรับระดับ pH ให้สมดุล นอกจากนั้น ยังอาจนำมาใช้ประโยชน์ภายในบ้าน เช่น บำรุงดิน ทำปุ๋ยหมักจากธรรมชาติ ขับไล่แมลงและศัตรูพืช ได้อีกด้วย ประโยชน์ของกากกาแฟที่ควรรู้ กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่นิยมไปทั่วโลก เมื่อกาแฟถูกต้มเรียบร้อยแล้วก็จะเหลือกากกาแฟเอาไว้ ซึ่งกากกาแฟเหล่านี้มักจะถูกทิ้งไปอย่างไร้คุณค่า แต่ความจริงแล้ว กากกาแฟนั้นมีประโยชน์มากมายที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน และนี่ก็คือประโยชน์ของกากกาแฟ บำรุงดิน ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี ดินส่วนใหญ่ไม่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช และเมื่อพืชเจริญเติบโตพวกมันก็จะดูดซับสารอาหารในดินจนหมด กากกาแฟนั้นมีแร่ธาตุที่สำคัญหลายชนิดที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของพืช ไม่ว่าจะเป็น ไนโตรเจน แคลเซียม โพแทสเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และโครเมียม (Chromium) นอกจากนั้นกากกาแฟยังช่วยดูดซับโลหะหนักที่ปนเปื้อนในดิน และยังดึงดูดหนอนที่มีประโยชน์ต่อสวน เพียงแค่นำกากกาแฟโรยลงบนดินรอบ ๆ พืชก็เพียงพอแล้ว ทำเป็นปุ๋ยหมักจากธรรมชาติ การทำปุ๋ยหมักเป็นกระบวนการทางธรรมชาติที่เปลี่ยนสารอินทรีย์ เช่น เศษอาหาร และเศษหญ้า ให้กลายเป็นปุ๋ยด้วยการย่อยสลายตามธรรมชาติ การเพิ่มปุ๋ยหมักลงในดินจะช่วยให้ดินมีสารอาหารและน้ำมากขึ้น ซึ่งช่วยปรับปรุงสุขภาพของพืช จากการศึกษาหนึ่งพบว่า ปุ๋ยหมักที่ทำจากกากกาแฟและของเสียในครัวเรือน อุดมไปด้วยสารอาหารมากกว่าปุ๋ยหมักที่ทำจากขยะเพียงอย่างเดียว นอกจากนั้นปุ๋ยหมักที่มีกากกาแฟเป็นส่วนประกอบ 40% ยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุดและเป็นปุ๋ยหมักที่คุณภาพดีที่สุดอีกด้วย ขับไล่แมลงและศัตรูพืช สารบางชนิดที่พบในกาแฟ เช่น คาเฟอีน (Caffeine) และ ดีเทอเพนส์ (Diterpenes) […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

รู้หรือไม่ น้ำส้มสายชู มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าที่ทุกคนคิด

น้ำส้มสายชูเป็นเครื่องปรุงประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการนำมาประกอบอาหาร และเพิ่มรสชาติให้แก่อาหารประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย อาหารจีน หรือแม้แต่อาหารยุโรป อีกทั้งยังสามารถใช้เพื่อทำความสะอาดเครื่องใช้อื่นๆ ภายในครัวเรือนได้อีกด้วย แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า น้ำส้มสายชู นั้นให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าที่เราคิด ประโยชน์ต่อสุขภาพที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง หาคำตอบได้จากบทความนี้ [embed-health-tool-bmi] น้ำส้มสายชู คืออะไรกันแน่ น้ำส้มสายชู (Vinegar) คือของเหลวสีใส ที่ได้จากกระบวนการหมัก โดยปกติแล้วน้ำส้มสายชูปกติที่เรารับประทาน จะมีความเป็นกรดอยู่ที่ 4-8% ในขณะที่น้ำส้มสายชูที่ใช้สำหรับฆ่าเชื้อราหรือทำความสะอาด อาจจะมีความเป็นกรดมากถึง 20% องค์ประกอบหลักของน้ำส้มสายชูคือ กรดอะซิติก (Acetic acid) แต่ก็อาจจะพบกรดอื่น ๆ ได้เช่นกัน ในอดีต น้ำส้มสายชูจะได้จากการหมักอาหารประเภทต่าง ๆ เช่น มันฝรั่ง กากน้ำตาล หรือเวย์ (Whey) ที่ได้จากนม ขึ้นอยู่กับว่าวัตถุดิบชนิดไหน สามารถพบได้มากในเขตนั้น แต่ในปัจจุบัน น้ำส้มสายชูส่วนใหญ่มักจะได้มาจากการหมักเอทานอล (ethanol) โดยการเติมส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น ยีสต์ หรือฟอสเฟต เพื่อช่วยกระตุ้นกระบวนการหมัก เนื่องจากในเมทานอล (Methanol) นั้นแทบจะไม่มีสารอาหารอื่น ๆ อยู่เลย ประโยชน์สุขภาพของน้ำส้มสายชู น้ำส้มสายชูนั้นเป็นวัตถุดิบที่มีคุณค่าทางสารอาหารน้อยและมีแคลอรี่ต่ำ โดยปกติน้ำส้มสายชู 1 […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

Hyponatremia (โซเดียมในเลือดต่ำ) คือ อะไร สาเหตุ อาการ และการรักษา

Hyponatremia คือ ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปริมาณโซเดียมในร่างกายของคุณลดต่ำลงกว่าปกติ ซึ่งโซเดียมนั้น คือ แร่ธาตุอิเล็กโทรไลต์ (Electrolytes) ที่ช่วยรักษาสมดุลของน้ำบริเวณในและรอบ ๆ ของเซลล์ โดยมีความสำคัญต่อการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต [embed-health-tool-bmi] คำจำกัดความ Hyponatremia คือ อะไร โซเดียมในเลือดต่ำ เกิดขึ้นเมื่อปริมาณโซเดียม (Sodium) ในร่างกายของคุณลดต่ำลงกว่าปกติ ซึ่งโซเดียมนั้น คือ แร่ธาตุอิเล็กโทรไลต์ (Electrolytes) ที่ช่วยรักษาสมดุลของน้ำบริเวณในและรอบๆของเซลล์ โดยมีความสำคัญต่อการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต โดยมีความสำคัญต่อการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต อย่างไรก็ตาม โดยปกติระดับโซเดียมจะต้องมีปริมาณระหว่าง 135-145 มิลลิอิควิวาเลนท์/ลิตร ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ อาเจียน รู้สึกสับสน กล้ามเนื้ออ่อนล้าหมดแรง โซเดียมในเลือดต่ำ พบได้บ่อยเพียงใด ผู้ที่ป่วยเป็นภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ  พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ กินอาหารที่มีโซเดียมต่ำ รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ เป็นต้น อาการ อาการของ Hyponatremia คือ อะไร อาการโซเดียมในเลือดต่ำอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล หากระดับโซเดียมในร่างกาย ค่อย ๆ ลดระดับลง อาจยังไม่มีอาการใด ๆ แต่หากลดลงอย่างรวดเร็ว อาจทำให้คุณหมดสติได้ โดยอาการทั่วไปจะมีลักษณะ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

กินคีโตแล้วปวดหัว เกิดจากอะไร แก้ไขได้ยังไงบ้าง

หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า “คีโต” หรือ “การกินอาหารแบบคีโต” (Keto Diet) กันมาบ้างแล้ว  การกินแบบคีโตได้รับความนิยมมากในหมู่คนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก แต่บางคนก็อาจประสบปัญหา กินคีโตแล้วปวดหัว ได้เช่นกัน อย่างนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร แล้วจะมีวิธีรับมืออย่างไรบ้าง การกินอาหารแบบคีโต คืออะไร การกินอาหารแบบคีโต คือ การกินอาหารโดยเน้นกินอาหารไขมันสูง กินโปรตีนในปริมาณปานกลาง และกินคาร์โบไฮเดรตน้อยมาก เมื่อเรากินคาร์โบไฮเดรตน้อยลง ร่างกายก็จะเข้าสู่ภาวะคีโตซิส (Ketosis) และดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานแทน ซึ่งเป็นการกินอาหารที่ช่วยในการลดน้ำหนักได้ดีอีกวิธีหนึ่ง สาเหตุที่คุณ กินคีโตแล้วปวดหัว การที่คุณ กินคีโต แล้วปวดหัวสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ และคนที่ประสบปัญหานี้ส่วนใหญ่มักจะเจอปัญหานี้ในช่วงเริ่มกินคีโต ว่าแต่สาเหตุที่ว่าจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย ภาวะขาดน้ำ การขาดน้ำเป็นหนึ่งในสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของการ กินคีโต แล้วปวดหัว เนื่องจากเมื่อร่างกายเข้าสู่ภาวะคีโตซิส มักทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น จนร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น หากคุณไม่ดื่มน้ำเพื่อชดเชยน้ำที่ร่างกายเสียไป ก็สามารถนำไปสู่ภาวะขาดน้ำได้ เมื่อร่างกายขาดน้ำ ก็มักจะทำให้เกิดอาการปวดหัว และมักมีอาการอื่น ๆ เหล่านี้ร่วมด้วย เช่น วิงเวียนศีรษะ ปากแห้ง มีปัญหาในการมองเห็น ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เมื่อ กินคีโต แล้วเข้าสู่ภาวะคีโตซิส ร่างกายจะเริ่มพึ่งพาคีโตนบอดี้ (Ketone bodies) แทนกลูโคส (Glucose) คีโตนบอดี้คือสารประกอบที่ได้จากการที่ร่างกายสลายไขมันเป็นพลังงาน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้สามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณลดลง จนนำไปสู่ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้ เมื่อเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ก็อาจทำให้สมองของคุณเครียด […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

สัญญาณควรรู้ คุณอาจกำลังเป็นโรคขาดสารไอโอดีน

ไอโอดีน เป็นสารอาหารที่ดีต่อสมองและดีต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ด้วย ถ้าหากร่างกายขาดสารไอโอดีนก็จะมีผลกระทบต่อสุขภาพ เสี่ยงที่จะเป็น โรคขาดสารไอโอดีน แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายเรากำลังขาดสารไอโอดีน วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ สัญญาณของโรคขาดสารไอโอดีน มาฝากคุณผู้อ่านค่ะ โรคขาดสารไอโอดีน เป็นอย่างไร ไอโอดีน (Iodine) เป็นสารอาหารสำหรับร่างกายที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาทและสมอง ซึ่งถ้าร่างกายขาดสารไอโอดีนก็จะมีอาการตั้งแต่โรคคอพอก ปัญหาที่เกี่ยวกับไทรอยด์ รวมถึงมีผลต่อพัฒนาการทางการเรียนรู้ด้วย หากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ไม่รับประทานไอโอดีนในปริมาณที่เพียงพอทั้งต่อแม่และเด็ก ทารกที่เกิดมาก็เสี่ยงที่จะมีภาวะขาดไอโอดีนตั้งแต่กำเนิด ไปจนถึงมีพัฒนาการที่ช้า หรือเป็นโรคเอ๋อ อาการโดยรวมต่างๆ เหล่านี้อยู่ในหมวดหมู่ของอาการทางสุขภาพที่เรียกว่า โรคขาดสารไอโอดีน สัญญาณของโรคขาดสารไอโอดีน มีอะไรบ้าง มีอาการคอบวม หากร่างกายขาดสารไอโอดีน อาการแรกๆ ที่มักจะเกิดขึ้นก็คือคอมีอาการบวมหรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ โรคคอพอก (Goiter) ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายมีสารไอโอดีนไม่เพียงพอที่จะผลิตไทรอยด์ฮอร์โมน และเมื่อต่อมไทรอยด์ไม่สามารถผลิตไทรอยด์ฮอร์โมนได้เพียงพอ ต่อมไทรอยด์ก็จำเป็นจะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ให้ทันต่อความต้องการของร่างกาย จนกระทั่งต่อมไทรอยด์เกิดอาการบวมโตขึ้นจากการทำงานหนัก จึงส่งผลให้บริเวณคอเกิดอาการบวมออกมาในที่สุด น้ำหนักขึ้นและลงอย่างผิดปกติ อาการขาดสารไอโอดีนนั้นมีผลโดยตรงต่อต่อมไทรอยด์ และเมื่อต่อมไทรอยด์มีปัญหา ระบบเผาผลาญก็จะเกิดปัญหาตามมาด้วย เนื่องจากฮอร์โมนไทรอยด์ทำหน้าที่ในการควบคุมระบบเผาผลาญ หากฮอร์โมนไทรอยด์อยู่ในระดับต่ำ ระบบเผาผลาญของร่างกายก็จะลดต่ำลงตามไปด้วย ทำให้ปริมาณแคลอรี่ในร่างกายเผาผลาญออกไปไม่หมดและกลายเป็นไขมันที่จะมีผลต่อการขึ้นลงของน้ำหนัก ผมร่วง ฮอร์โมนไทรอยด์ทำหน้าที่สำคัญหลายหน้าที่ต่อร่างกายอีกหนึ่งหน้าที่ก็คือการควบคุมการเจริญเติบโตของเส้นขน หากร่างกายมีฮอร์โมนไทรอยด์ในระดับต่ำ และเป็น โรคขาดสารไอโอดีน ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาผมร่วงและยังส่งผลให้อัตราการงอกใหม่ของเส้นผมน้อยลงด้วยเหมือนกัน รู้สึกหนาวมากกว่าปกติ ร่างกายจะมีอาการไวต่อความเย็นมากขึ้นหากมีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ลดต่ำลงเนื่องจากการมีสารไอโอดีนในร่างกายไม่เพียงพอ ทั้งนี้เพราะร่างกายเผาผลาญได้น้อยลง เมื่อเผาผลาญได้น้อยลง การผลิตความร้อนในร่างกายที่ได้จากการเผาผลาญก็ลดลงด้วย จึงทำให้เมื่อสัมผัสอากาศเย็นจะรู้สึกหนาวกว่าปกตินั่นเอง อัตราการเต้นของหัวใจเกิดการเปลี่ยนแปลง การขาดสารไอโอดีนของร่างกาย จะส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจเป็นไปได้ช้าลง หรือหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย และเป็นลมได้ง่ายขึ้นด้วย มีปัญหาในเรื่องความจำ ไอโอดีนเป็นสารอาหารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้และความจำ มีผลการวิจัยพบว่าผู้ที่มีระดับของไทรอยด์ฮอร์โมนในปริมาณที่สูง จะมีทักษะในการทำแบบทดสอบ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

6 ท่า กายบริหารสำหรับผู้ป่วยติดเตียง

หาก ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ต้องนอนพักรักษาตัวเป็นเวลานานไม่ได้ขยับเขยื้อนร่างกายเลย อาจส่งผลให้เลือดไหลเวียนได้ไม่สะดวก กล้ามเนื้ออ่อนแอลงหรือสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ จนสุขภาพอ่อนแอและต้องพักรักษาตัว หรือพักฟื้นนานขึ้น และบางครั้งอาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น แผลกดทับ ได้ด้วย ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ผู้ป่วยติดเตียงออกกำลังกายเป็นประจำด้วยท่า กายบริหารสำหรับผู้ป่วยติดเตียง เหล่านี้ [embed-health-tool-heart-rate] กายบริหารสำหรับผู้ป่วยติดเตียง 1. ท่ายืดเหยียดนิ้วและฝ่ามือ ท่ายืดเหยียดนิ้วและฝ่ามือจัดเป็นท่ากายบริหารสำหรับ ผู้ป่วยติดเตียง ที่ทำได้ง่ายที่สุดท่าหนึ่ง โดยคุณสามารถยืดเหยียดนิ้วและฝ่ามือได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้ ยื่นมือไปข้างหน้า หันฝ่ามือออกนอกลำตัว กางนิ้วทั้ง 5 นิ้วให้ได้มากที่สุดแล้วค้างไว้ 2-3 วินาที ให้ปลายนิ้วแต่ละนิ้วแตะกับปลายนิ้วโป้ง ไล่ไปตั้งแต่นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วก้อย สลับข้างแล้วทำซ้ำ ทำซ้ำข้างละ 2-3 ครั้ง 2. ท่าหมุนข้อมือ การฝึกท่าหมุนข้อมือบ่อย ๆ จะช่วยให้ ผู้ป่วยติดเตียง มีข้อมือที่แข็งแรง และสามารถเคลื่อนไหวได้เป็นปกติ โดยคุณสามารถออกกำลังกายในท่าหมุนข้อมือได้ ตามขั้นตอนต่อไปนี้ นอนแขนแนบลำตัว ให้ฝ่ามือแตะอยู่บนเตียง หมุนข้อมือข้างหนึ่งทวนเข็มนาฬิกาช้า ๆ ทำซ้ำประมาณ 10-15 วินาที สลับข้างแล้วทำซ้ำ ทำซ้ำข้างละ 2-3 ครั้ง 3. ท่ายกแขน ท่ายกแขนเป็นการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อสำหรับ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน