ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป เป็นเรื่องที่ทุกคนควจะต้องรู้เอาไว้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองและคนในครอบครัว ซึ่งเรื่องราวที่คุณจะอ่านเรารวบรวมเอาไว้ให้แล้ว

เรื่องเด่นประจำหมวด

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ทำความรู้จัก "ปลูกฝี" สำคัญยังไง ยังจำเป็นอยู่ไหม

การปลูกฝีเคยเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โรคฝีดาษ (Smallpox) เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์ วัคซีนป้องกันฝีดาษซึ่งเริ่มต้นจากการปลูกฝี ไม่เพียงช่วยลดการเสียชีวิตนับล้านคนทั่วโลก แต่ยังนำไปสู่การประกาศกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523  อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับการปลูกฝีเริ่มจางหายไปเมื่อวัคซีนนี้ไม่ได้เป็นที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาผู้อ่านย้อนรอยความสำคัญของการปลูกฝีในอดีต และพิจารณาว่าการปลูกฝียังมีความจำเป็นในยุคสมัยใหม่หรือไม่ [embed-health-tool-vaccination-tool] ปลูกฝี ในอดีตเป็นอย่างไร? การปลูกฝีเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1796 โดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ผู้ค้นพบว่าวัคซีนจาก Cowpox สามารถป้องกันโรคฝีดาษได้ ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ทั่วโลกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 20 จนนำไปสู่การประกาศว่าฝีดาษถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ในปี 1980 สำหรับประเทศไทย การปลูกฝีเริ่มต้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมักทิ้งรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บริเวณหัวไหล่ หลังจากการกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523 การปลูกฝีก็หยุดลง แต่กลับมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกครั้งในยุคที่โรคฝีดาษลิงระบาด โดยวัคซีนที่พัฒนาจากวัคซีน Smallpox เช่น JYNNEOS กำลังถูกศึกษาเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้ โรคฝีดาษลิงคืออะไร โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากไวรัสในตระกูล Orthopoxvirus ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคฝีดาษ (Smallpox) แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่โรคฝีดาษลิงมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อ ไวรัส Monkeypox ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกในลิงในปี ค.ศ. 1958 และตรวจพบในมนุษย์ครั้งแรกในปี […]

สำรวจ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ร้องเพลง ร้องคาราโอเกะ กิจกรรมผ่อนคลาย ดีต่อสุขภาพกายและใจ

“ร้องเพลงพอไปวัดไปวา พอจับไมค์ขึ้นมาก็เป็นเรื่องทุกที” มีเวลาว่างเมื่อไหร่ เหงาปากทีไร หรือได้ยินจังหวะดี ๆ ทำนองโดน ๆ ครั้งไหน เป็นอันต้องคว้าไมค์มา ร้องเพลง แผดเสียงเจื้อยแจ้วให้ดังลั่นไปสามบ้านแปดบ้าน แม้จะฟังดูเป็นกิจกรรมคลายเครียด ทำเพื่อแก้เหงา และเพิ่มสุนทรียภาพให้แก่ชีวิต แต่…คุณผู้อ่านรู้ไหมว่า ทุกจังหวะใน การร้องเพลง ที่ไม่ว่าจะร้องเพลงเพราะหรือร้องเพลงเพี้ยนมากแค่ไหนนั้น แท้จริงแล้วเป็นกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพของเราทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ แต่จะดีอย่างไรนั้น Hello คุณหมอ มีคำตอบมาฝากที่บทความนี้แล้วค่ะ ประโยชน์ของการ ร้องเพลง ลดความเครียด เครียดหนักแบบนี้มาร้องเพลงกันสักเพลงสองเพลง หรือจะร้องทั้งอัลบั้มเลยดีไหม เพราะจากผลการวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ Frontiersin.org ได้กล่าวไว้ว่า ระดับของคอร์ติซอล (Cortisol)ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียด ที่เมื่อเพิ่มระดับมากขึ้นจะส่งผลให้เกิดความรู้สึกเครียดได้ แต่ถ้ามีในระดับปกติจะช่วยกระตุ้นความรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า โดยจากผลการทดลองกับผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบ พบว่าหลังจากร้องเพลง ที่ไม่ว่าจะร้องเพลงแบบเป็นกลุ่มหรือร้องเพลงคนเดียว ระดับของคอร์ติซอลในร่างกายจะมีปริมาณลดลง และหลังจากร้องเพลงเสร็จแล้ว อาสาสมัครที่เข้าร่วมการทดสอบยังรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นด้วย มากไปกว่านั้น มีผลการวิจัยที่คล้ายกันนี้ระบุเอาไว้ว่า ระดับคอร์ติซอลหลังร้องเพลงจะลดลงได้จริงก็ต่อเมื่อมี การร้องเพลง ในสถานการณ์ที่ผ่อนคลายและไม่กดดันเท่านั้น หากต้องไปร้องเพลงประกวด หรือร้องเพลงต่อหน้าคนมาก ๆ แล้วรู้สึกเขินอาย กดดัน สถานการณ์เช่นนั้นอาจจะทำให้เครียดกว่าเดิมได้ ดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง ไม่ได้มีเพียงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์หรือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น กิจกรรมยามว่างอย่าง การร้องเพลง ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีส่วนช่วยสร้างความแข็งแรงแก่ระบบภูมิคุ้มกันได้ จากผลการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยแฟรงค์เฟิร์ต […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

พยาธิเข็มหมุด เชื้อพยาธิชนิดหนึ่ง ที่ก่อให้เกิด อาการคันรูทวาร

โปรดระวังให้ดีสำหรับใครที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารดิบ ๆ โดยไม่ผ่านการปรุงสุกอย่าง ซาซิมิ กุ้งสด ปลาร้า เป็นต้น ที่กำลังเป็นอาหารที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ก็อาจทำให้คุณนั้นต้องเผชิญ อาการคันรูทวาร อย่างหนัก อันมีสาเหตุมาจาก พยาธิเข็มหมุด ที่แฝงอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งถ้าหากคุณไม่อยากพบเจอกับอาการดังกล่าวให้รู้สึกรำคาญใจ บทความของ Hello คุณหมอ วันนี้ จึงขอนำวิธีป้องกันเบื้องต้นจากสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เข้าสู่ร่างกาย มาฝากกันทุกคนกันค่ะ พยาธิเข็มหมุด คืออะไร พยาธิเข็มหมุด (Pinworm) เป็นพยาธิอีกชนิดหนึ่งที่อยู่ภายในลำไส้ และบริเวรทวารของมนุษย์ ซึ่งพวกมันมักมีลักษณะลำตัวสีขาวเรียวยาวประมาณ 6-13 มิลลิเมตร พยาธิเข็มหมุด (Pinworm – Enterobius vermicularis) สาเหตุการแพร่กระจายของพยาธิเข็มหมุด การที่พยาธิเข็มหมุดจะเข้าสู่ร่างกายของคุณได้นั้น อาจมาจากการหายใจ การรับประทานอาหาร และการสัมผัสกับไข่พยาธิโดยที่คุณไม่รู้ตัว จึงทำให้ไข่พยาธิเข้าสู่ร่างกายคุณ จนกระทั่งเกิดการฟักตัวเป็นพยาธิเข็มหมุดตัวเต็มวัย จากนั้นพยาธิตัวเมียที่อยู่ภายในลำไส้ของคุณจะเริ่มทำการวางไข่อีกรอบบริเวณใกล้กับรูทวาร และทำให้รู้สึกคัน จนคุณต้องนำมือไปเกาในที่สุด การเกาบริเวณรูทวารอาจทำให้ไข่ของพยาธิเข็มหมุดก็อาจปนเปื้อนติดมากับมือของคุณได้ ซึ่งคุณอาจนำมือไปหยิบจับสิ่งของโดยที่อาจไม่ทันได้ระมัดระวัง ก่อให้เกิดการกระจายของไข่พยาธิเพิ่ม และยิ่งหากมีผู้ใดมาสัมผัสวัตถุนั้นซ้ำ หรือมีการเผลอนำมือเข้าปากอีกครั้ง ก็อาจทำให้ผู้นั้นได้รับไข่พยาธิเข็มหมุดเข้าสู่ร่างกายได้โดยไวด้วยเช่นเดียวกัน ที่สำคัญไข่ของพยาธิเข็มหมุดนี้สามารถมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวต่าง ๆ รอบตัวเราได้ ราว ๆ 2-3 สัปดาห์เลยทีเดียว สัญญาณและอาการเบื้องต้นที่เกิดจากพยาธิเข็มหมุด บางรายที่ได้รับการติดเชื้อจากพยาธิเข็มหมุดอาจไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

กิจวัตรสร้างความสุข สิ่งที่คุณควรทำเพื่อความสุขในทุก ๆ วัน

แน่นอนว่าในแต่ละวันคุณจะต้องเผชิญกับความรู้สึกที่หลากหลาย ซึ่งบางความรู้สึก เช่น ความรู้สึกโกรธ หรือความเครียด อาจจะทำให้วันนั้นของคุณเป็นวันที่ไม่มีความสุขเลยก็เป็นได้ ดังนั้น กิจวัตรสร้างความสุข เป็นแนวทางในชีวิตประจำวันเพื่อทำให้ตัวคุณเองมีความสุขมากขึ้น และสิ่งเหล่านี้สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเอง ในวันนี้ทาง Hello คุณหมอ จึงได้นำเรื่องนี้มาฝากกัน กิจวัตรสร้างความสุข เพื่อเพิ่มความสุขในแต่ละวัน กิจวัตรสร้างความสุข ที่คุณควรหันมาลองทำในชีวิตประจำวัน เพื่อเพิ่มความสุขให้กับชีวิตมากขึ้น มีดังนี้ ยิ้ม เรามักยิ้มเพราะเรามีความสุข นอกจากนั้นการยิ้มยังทำให้สมองหลั่งสารโดพามีน (Dopamine) ซึ่งจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องมีรอยยิ้มปลอม ๆ ฉาบเอาไว้บนใบหน้าอยู่ตลอดเวลา แต่หากคุณกำลังรู้สึกว่าตัวเองตกต่ำ จงยิ้มและดูว่าเกิดอะไรขึ้น หรือลองเริ่มต้นทุกเช้าด้วยการยิ้มกับตัวเองในกระจก ออกกำลังกาย การออกกำลังกายไม่ได้มีไว้เพื่อร่างกายของคุณเท่านั้น การออกกำลังกายเป็นประจำ สามารถช่วยลดความเครียด ความรู้สึกวิตกกังวล และอาการซึมเศร้า ทั้งยังเพิ่มความภาคภูมิใจในตัวเองและความสุขได้อีกด้วย การออกกำลังกายแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างความแตกต่างได้ คุณไม่จำเป็นต้องฝึกแบบไตรกีฬาหรือไต่หน้าผา เว้นแต่ว่ากิจกรรมเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข เคล็ดลับสำคัญคืออย่าออกกำลังกายมากเกินไป เพราะถ้าคุณทุ่มเทมากเกินไปอาจทำให้คุณบาดเจ็บได้ สำหรับการออกกำลังกายที่แนะนำ ได้แก่ เดินเล่นหลังอาหารเย็น ลงทะเบียนในชั้นเรียนสำหรับผู้เริ่มต้นโยคะและไทเก็ก เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการยืดกล้ามเนื้อ 5 นาที สิ่งสำคัญคือ โปรดอย่าลืมเตือนตัวเองให้ลองกลับมาทำกิจกรรมสนุก ๆ ที่คุณเคยรู้สึกว่ามันสนุก อย่างเช่น กอล์ฟ โบว์ลิ่ง หรือเต้นรำ อย่าได้หยุดทำสิ่งเหล่านี้ไป นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ว่าสังคมสมัยใหม่จะทำให้เราไปสู่การนอนหลับน้อยเพียงใด แต่เรารู้กันดีว่าการนอนหลับให้เพียงพอมีความสำคัญต่อสุขภาพที่ดี การทำงานของสมอง รวมไปถึงความสุข ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ต้องการการนอนหลับประมาณ 7-8 […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

วิธีลดอาการอักเสบ ในร่างกาย อย่างเป็นธรรมชาติ

การอักเสบ เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับอวัยวะแทบทุกส่วนในร่างกาย เช่น เหงือกอักเสบ ไซนัสอักเสบ ปอดอักเสบ และหากปล่อยไว้จนเรื้อรัง อาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง หรือโรคร้ายแรง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ได้ด้วย หากใครเกิดภาวะนี้เป็นประจำ Hello คุณหมอ ก็มี วิธีลดอาการอักเสบ ในร่างกาย ด้วยวิธีธรรมชาติมาฝาก บอกเลยว่าวิธีเหล่านี้ง่ายมาก ๆ นอกจากจะช่วยลดอาการอักเสบได้แล้ว ยังดีต่อสุขภาพโดยรวมของคุณสุด ๆ ด้วย [embed-health-tool-heart-rate] ทำความรู้จักกับ อาการอักเสบ การอักเสบ คืออะไร การอักเสบ หรือภาวะอักเสบ (Inflammation) เป็นกระบวนการตามธรรมชาติที่ช่วยให้ร่างกายสามารถรักษาและป้องกันตัวเองจากอันตราย เช่น การติดเชื้อ อาการบาดเจ็บ อาการป่วย กล่าวคือ เมื่อร่างกายตรวจพบสิ่งแปลกปลอม เช่น หนาม สารระคายเคือง เชื้อโรค (เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา) ร่างกายจะเริ่มกระบวนการตอบสนองทางชีวภาพ เพื่อพยายามกำจัดสิ่งแปลกปลอมนั้นออกจากร่างกาย โดยกระบวนการนั้นก็คือ การอักเสบ นั่นเอง เมื่อเกิดการอักเสบเฉียบพลัน จะทำให้มีอาการคือ อาการแดง ร้อน บวม ปวด […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

มีอารมณ์ทางเพศตลอดเวลา ผิดปกติไหม แล้วจะรับมือได้ยังไงบ้าง

เราทุกคนมีความต้องการทางเพศกันอยู่แล้วเป็นปกติ แต่ถ้าหากว่ามีความต้องการทางเพศตลอดเวลาล่ะ ไม่ว่าจะทำงาน ไปเรียน ไปเที่ยว ไปออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมใดก็ตาม ก็เอาแต่วนเวียนคิดถึงแต่เรื่องทางเพศตลอดทั้งวัน มีอารมณ์ทางเพศตลอดเวลา แบบนี้ปกติหรือเปล่า? ถ้าอยากรู้ล่ะก็ ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กัน ในบทความนี้ของ Hello คุณหมอ กันเลยค่ะ [embed-health-tool-ovulation] ทำไมถึง มีอารมณ์ทางเพศตลอดเวลา แรงขับเคลื่อนทางเพศ หรือปัจจัยที่ทำให้เกิดความต้องการทางเพศนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายสาเหตุ และแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยสาเหตุทั่วไป มีดังนี้ ฮอร์โมน ระดับฮอร์โมนมีผลต่อพฤติกรรมและอาการทางสุขภาพของคนเราเสมอ หากระดับฮอร์โมนในร่างกายเกิดความผันผวน ร่างกายของเราก็จะมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ความรู้สึก และอาการทางสุขภาพ โดยเฉพาะถ้า ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) พุ่งสูงมาก ก็จะส่งผลต่อ อารมณ์ทางเพศ ทำให้เกิดความต้องการทางเพศมากขึ้นกว่าปกติ อิทธิพลทางอารมณ์และสังคม ความรู้สึกทางเพศ อาจมาจากอิทธิพลทางอารมณ์ที่ได้รับการกระตุ้น ความรู้สึกตื่นเต้น เขิน อาย กลัว จากอิทธิพลรอบข้างสามารถก่อให้เกิดความรู้สึกทางเพศที่มากขึ้นกว่าปกติได้ โดยอาจมาจากการถูกแซว การพูดคุย การรับข้อมูลทางเพศจากสื่อต่าง ๆ ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ทั้งนั้น ยิ่งถ้าอยู่ในสังคมที่มีการเปิดเผยเรื่องทางเพศอย่างตรงไปตรงมา ไม่ทำให้เรื่องทางเพศเป็นสิ่งต้องห้าม หรือเป็นสิ่งที่ดูไม่ดี ก็ยิ่งมีส่วนทำให้ความรู้สึกทางเพศถูกกระตุ้นได้ง่ายขึ้น อาหาร อาหารมีผลโดยตรงกับร่างกายของเราเสมอ เห็นชัดที่สุดคือเราจะรู้สึกอิ่มหลังจากที่กินอาหารมื้อใหญ่เข้าไป อาหารบางชนิดมีสรรพคุณกระตุ้นความต้องการทางเพศ การรับประทานอาหารที่ให้ผลกระตุ้น อารมณ์ทางเพศ สามารถก่อให้เกิดความต้องการทางเพศมากขึ้นกว่าปกติได้ แอลกอฮอล์และยาบางชนิด การดื่มแอลกอฮอล์มีผลต่อการควบคุมร่างกาย อาจทำให้รู้สึกสูญเสียการควบคุม […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ฮอร์โมนเกรลิน ฮอร์โมนแห่งความหิว ที่เราควรรู้จัก

ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) เป็นฮอร์โมนที่มีหน้าที่หลักคือการควบคุมความอยากอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยต่อมใต้สมองในการควบคุมอินซูลิน (Insulin) และช่วยปกป้องสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาไปทำความรู้จักกับฮอร์โมนเกรลิน ว่ามีหน้าที่ทำอะไร และส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างไรบ้าง การทำงานของ ฮอร์โมนเกรลิน ฮอร์โมนเกรลินเป็นฮอร์โมนที่รู้จักกันดีในชื่อ “ฮอร์โมนแห่งความหิว” ซึ่งมีหน้าที่หลายอย่างในร่างกาย แต่หน้าที่ของฮอร์โมนเกรลินที่ถูกพูดถึงมากคือ กระตุ้นความอยากอาหารและทำให้ร่างกายรู้สึกหิว การผลิตและการปล่อยฮอร์โมนเกรลินนั้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่กระเพาะอาหาร โดยฮอร์โมนชนิดนี้จะเดินทางผ่านกระแสเลือดไปยังสมอง ทำให้สมองสั่งการให้ร่างกายรู้สึกหิวและอยากอาหาร หน้าที่หลัก ๆ ของฮอร์โมนเกรลินคือการเพิ่มความอยากอาหารทำให้รับประทานอาหารมากขึ้น เมื่อร่างกายได้รับอาหารมากก็จะได้รับแคลอรี่และมีไขมันกักเก็บได้มากตามไปด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หากมีการหลั่งฮอร์โมนเกรลินมากเกินไปก็จะเป็นอุปสรรคที่ทำให้ลดน้ำหนักได้ยาก สาเหตุที่ทำให้ ฮอร์โมนต์เกรลิน เพิ่มสูงขึ้น ฮอร์โมนแห่งความหิว เกรลิน เป็นฮอร์โมนที่จะหลั่งออกมาจากกระเพาะอาหารเมื่อเราท้องว่าง ช่วยกระตุ้นทำให้เรารู้สึกหิว แต่สำหรับบางคนที่รู้สึกหิวบ่อย ๆ หิวง่าย หรือแม้กระทั่งรู้สึกหิวแม้จะจะเพิ่งรับประทานอาหารเข้าไป อาจเป็นเพราะว่าฮอร์โมนเกรลินหลั่งมากขึ้น ซึ่งตัวการที่ทำให้ฮอร์โมนชนิดนี้เพิ่มขึ้นคือความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ ความวิตกกังวล ควบคุม ฮอร์โมนแห่งความหิว อย่างไรให้สมดุล และปกติ ฮอร์โมนเกรลินเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญกับความหิวและความอิ่ม การลดระดับฮอร์โมนเกรลินอาจทำให้ร่างกายรู้สึกอยากอาหารน้อยลงและส่งผลทำให้น้ำหนักนั้นลดลงได้ แต่อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเกรลินเพียงอย่างเดียว อาจไม่ช่วยตัวชี้วัดการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของน้ำหนักได้ เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้านพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นและลดลงของน้ำหนัก แต่สำหรับผู้ที่ต้องการลดระดับฮอร์โมนเกรลินลงนั้นสามารถทำได้ด้วยวิธีธรรมชาติเหล่านี้ ลดการบริโภคฟรุกโตส การบริโภคอาหารที่มีปริมาณฟรุกโตส (Fructose) สูง อาจทำให้ฮอร์โมนเกรลินนั้นเพิ่มขึ้น เมื่อระดับฮอร์โมนเกรลินที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้รับประทานอาหารมากขึ้นในระหว่างมื้ออาหารหรือรู้สึกหิวหลังรับประทานอาหารได้ไม่นาน รับประทานอาหารบางอย่างมากขึ้น การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น และยังมีส่วนช่วยในการยับยั้งฮอร์โมนเกรลินได้ ออกกำลังกาย ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ว่า การออกกำลังกายนั้นสามารถลดหรือเพิ่มระดับฮอร์โมนเกรลินในร่างกายได้หรือไม่ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

สุขก็ทะเล เศร้าก็ทะเล รู้ไหม ไปทะเล ดีต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด

หนึ่งในสถานที่พักผ่อนยอดฮิต ที่เมื่อวางแผนวันหยุดยาวเมื่อไหร่ ก็จะต้องมีที่แห่งนี้หลุดโผเข้ามาเป็นตัวเลือกอยู่เสมอ ใช่แล้วค่ะ เรากำลังพูดถึงการเที่ยวไปทะเล แต่รู้หรือไม่ว่าการไปเที่ยวทะเล ไม่ได้เป็นเพียงการไปพักผ่อนจากความเหนื่อยล้าในการทำงานและการใช้ชีวิตเท่านั้น เพราะการไปพักผ่อนริมชายหาด ดื่มด่ำกับน้ำ ทะเล สัมผัสสายลมและแสงแดดมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าที่คุณคิด วันนี้ Hello คุณหมอ มีประโยชน์ดี ๆ ของการ ไปทะเล มาฝากค่ะ ไปทะเล ดียังไง ประโยชน์จากวิตามินดี วิตามินดี เป็นหนึ่งในวิตามินสำคัญที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้ในชั้นผิวหนัง และได้รับเพิ่มจากการรับประทานอาหารและอาหารเสริมวิตามินดี เพื่อให้ร่างกายมีระดับของวิตามินดีอย่างเพียงพอ มากไปกว่านั้นการออกไปรับแสงแดด ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยเสริมวิตามินดีให้แก่ร่างกายได้เช่นกัน เมื่อผิวหนังได้สัมผัสกับแสงแดด ชั้นผิวหนังก็จะสร้างวิตามินดีขึ้น ซึ่งวิตามินดีนี้จะไปช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง จากผลการศึกษายังพบอีกว่าผู้ที่มีภาวะขาดแคลนวิตามินดี มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้า ดังนั้นการไปตากแดดบ้างเพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินดีมากขึ้น ก็จะช่วยป้องกันทั้งความเสี่ยงของภาวะขาดแคลนวิตามินดีและโรคซึมเศร้า อีกทั้งวิตามินดียังมีส่วนช่วยกระตุ้นการผลิตเอนดอร์ฟินซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย บรรเทาความเครียด มีผลงานวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่ในเว็บไซต์วิชาการ Sciencedirect พบว่าการออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือออกกำลังกายท่ามกลางธรรมชาติ อย่างการว่ายน้ำในทะเลมีส่วนบรรเทาความเครียด และลดอาการซึมเศร้าได้ เนื่องจากขณะที่ว่ายน้ำหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งแบบใกล้ชิดธรรมชาตินั้น ระดับคอร์ติซอล (Cortisol) หรือ “ฮอร์โมนแห่งความเครียด” ในร่างกายจะลดลง ซึ่งฮอร์โมนนี้หากอยู่ในระดับปกติ จะมีประโยชน์ต่อการควบคุมความดันโลหิต ลดการอักเสบ ลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ถ้ามีมากเกินไปก็จะทำให้เกิดความเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวล นอนหลับได้ดีขึ้น การว่ายน้ำใน ทะเล […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

วิธีกระตุ้นการขับถ่าย เมื่อขับถ่ายคล่อง สุขภาพก็แข็งแรงขึ้นด้วย

การ ขับถ่าย อุจจาระ เป็นหนึ่งในกิจวัตรที่เราทุกคนควรทำให้ได้ทุกวัน แต่บางคนก็อาจประสบปัญหาท้องผูก ขับถ่ายยาก บางครั้งอาจต้องนั่งนานเกินครึ่งชั่วโมงกว่าจะถ่ายออก ซึ่งปัญหาขับถ่ายยากนี้ นอกจากจะรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน และอาจทำให้คุณเสียความมั่นใจได้แล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ เลยมี วิธีกระตุ้นการขับถ่าย มาฝาก รับรองว่าทำแล้ว คุณจะขับถ่ายได้คล่องขึ้น แถมยังช่วยให้สุขภาพดีขึ้นด้วย วิธีกระตุ้นการขับถ่าย ที่ทำได้เองง่าย ๆ ดื่มน้ำให้มาก ๆ การดื่มน้ำถือเป็นวิธีกระตุ้นการ ขับถ่าย ที่ทำได้ง่ายที่สุด หากคุณดื่มน้ำได้วันละ 8 แก้ว หรือให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย นอกจากจะช่วยให้ขับถ่ายดีขึ้นแล้ว ยังช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น ภาวะขาดน้ำ ภาวะบวมน้ำ หากใครกลัวว่าจะดื่มน้ำเปล่าได้ไม่เพียงพอ ก็อาจเลือกกินผักหรือผลไม้ฉ่ำน้ำเสริมได้ เช่น แตงกวา ผักกาดแก้ว แคนตาลูป แตงโม มะเขือเทศ มะพร้าว ชมพู่ เสาวรส สาลี่ งดหรือลดอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด อาหารและเครื่องดื่มที่คุณบริโภคเข้าไปในแต่ละวัน สามารถส่งผลต่อระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายของคุณได้โดยตรง ให้คุณลองสังเกตและจดบันทึกไว้ว่า อาหารและเครื่องดื่มชนิดใดบ้างที่กินแล้วมีปัญหาขับถ่ายไม่สะดวก และเมื่อรู้แล้วก็ควรงดหรือลดการบริโภคอาหารเหล่านั้น ปัญหาในการ ขับถ่าย ของคุณก็จะทุเลาลง อาหารและเครื่องดื่มที่มักก่อให้เกิดปัญหาท้องผูก […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ยาสีฟันแต้มสิว ปลอดภัยหรือไม่ ใช้แล้วได้ผลจริงหรือ?

หากคุณเคยได้ยินมาว่าการใช้ ยาสีฟันแต้มสิว แทนยาปฏิชีวนะ เป็นเรื่องที่สามารถทำได้โดยไม่มีอันตรายแล้วละก็ โปรดลองอ่านบทความของ Hello คุณหมอ ที่นำมาฝากทุกคนวันนี้เสียก่อน เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาว่าคุณควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรักษาสิวด้วยยาสีฟันหรือไม่ การใช้ ยาสีฟันทาสิว อาจส่งผลเสียได้มากกว่าที่คุณคิด สาเหตุที่ผู้คนคิดว่าการใช้ ยาสีฟันแต้มสิว นั้น อาจช่วยรักษาสิวให้หายได้ก็เพราะ ยาสีฟันมีสารที่ชื่อว่าไตรโคลซาน (Triclosan) ซึ่งมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถึงอย่างไรการที่คุณจะนำมาใช้กับผิวหนังโดยเฉพาะกับใบหน้าของเราอาจไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากยาสีฟันเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีค่าความเป็นกรด-ด่าง หรือค่า pH ในระดับที่สามารถสร้างความระคายเคืองต่อสุขภาพผิวของคุณ อีกทั้งยังอาจส่งผลให้เข้าไปกระตุ้นการผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมาจนทำให้สิวเดิมมีอาการแย่ลง หรือทำให้มีสิวใหม่เกิดขึ้น จนบางครั้งคุณอาจรู้สึกเหมือนมีอาการแสบหน้า ใบหน้าแดง และมีผดผื่นตามมาได้ ส่วนประกอบในยาสีฟัน ที่ไม่เหมาะสมแก่การนำมาใช้กับผิวหน้า ส่วนประกอบในยาสีฟันส่วนใหญ่มีสารประกอบมากมายหลายชนิดด้วยกัน เพื่อตอบสนองในการรักษาสุขภาพฟันของเราให้แข็งแรง และพร้อมชะลอการเจริญเติบโตของแบคทีเรียภายในช่องปาก ซึ่งยาสีฟันนั้นมักประกอบด้วยสารต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ กลีเซอรีน (Glycerin) ซอร์บิทอล (Sorbitol) แคลเซียมคาร์บอเนต ( Calcium carbonate) โซเดียมลอริลซัลเฟต (SodiumLaurylSulfate;SLS)  โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate) สารข้างต้นที่กล่าวมานั้น ล้วนอาจมีความรุนแรงเกินกว่าจะนำไปใช้กับผิวที่บอบบางของเรา จึงทำให้เป็นเหตุผลที่ไม่ควรอย่างมากในการนำไปแต้มสิว ทางที่ดีคุณควรอาจจำเป็นต้องเข้าขอรับการปรึกษาจากแพทย์ผิวหนังโดยตรง เพื่อรับการตรวจถึงปัญหาผิวหน้า และการรักษาให้หายไปได้อย่างตรงจุด ผลิตภัณฑ์รักษาสิว ที่อาจเหมาะกับผิวคุณ เมื่อเกิดปัญหาสิวที่อยู่ในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง คุณอาจจำเป็นต้องทำการหาผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารเหล่านี้ในการทำความสะอาดและบำรุงผิวหน้า โดยสามารถอ่านได้จากฉลากข้างผลิตภัณฑ์ หรือใบประกอบการใช้ร่วม กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids) เตรทติโนอิน (Tretinoin) นอกจากยาชนิดแบบทาแล้ว แพทย์ผิวหนังอาจให้คุณมีการรับประทานยาที่ประกอบด้วย คลินดามัยซิน (Clindamycin) […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

แคะขี้มูก อันตรายจริงไหม ยิ่งใช้นิ้วมือแคะยิ่งอันตรายจริงหรือเปล่า

สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั้งอากาศร้อน ชื้น หนาว มีผลต่อสุขภาพของเราทั้งสิ้น บางคนอาจเป็นหวัด บางคนอาจมีไข้ และบางคนอาจมีขี้มูกมากเนื่องจากเป็นหวัด ซึ่งเมื่อ ขี้มูก ก่อตัวจนอัดแน่นเต็มจมูก จนทำให้เรามักจะรู้สึกรำคาญ คัดจมูก หรือหายใจไม่ออก และในท้ายที่สุดเราจึงตัดปัญหาด้วยเอาเอานิ้วแหย่เข้าไปข้างในรูจมูกเพื่อ แคะขี้มูก ออกมา ฟังดูก็เป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็ทำกัน แต่…การใช้นิ้วแคะขี้มูกเป็นสิ่งที่เหมาะสมในการทำความสะอาดขี้มูกแล้วจริง ๆ หรือ? [embed-health-tool-bmi] ขี้มูก คืออะไร ร่างกายของเราสร้างขี้มูกขึ้นมาเพื่อปกป้องร่างกายจากเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย และสิ่งสกปรกที่เราหายใจหรือสูดดมเข้าไปทุกวัน โดยแรกเริ่มขี้มูกจะมีลักษณะเป็นเมือกเพื่อดักจับเอาเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ไว้ ป้องกันไม่ให้หลุดลอดเข้าไปในระบบทางเดินหายใจ เมื่อดักจับสิ่งต่าง ๆ ได้พักหนึ่งแล้วขนเล็ก ๆ ในจมูกก็จะเคลื่อนย้ายเอาเมือกที่ดักจับสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ไปยังด้านหน้าของจมูก ก่อนที่เมือกเหล่านั้นจะค่อย ๆ แห้งและกลายเป็น ขี้มูก ในที่สุด ทำไมเราถึง แคะขี้มูก เราแคะขี้มูก ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน ดังนี้ ขี้มูกตันจมูกจนปิดกั้นระบบทางเดินหายใจ ทำให้รู้สึกอัดอัดที่จมูก หายใจไม่สะดวก ส่งผลให้หายใจไม่ค่อยออก เป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่งเมื่อเกิดอาการแพ้ขึ้นจะทำให้เกิดเมือกในจมูกเพิ่มมากขึ้นและสุดท้ายก็จะแห้งกลายเป็นขี้มูกจำนวนมากจนอุดกั้นการหายใจ หรือทำให้หายใจไม่ออก โครงสร้างกะบังของจมูกที่แตกต่างกัน บางคนอาจมีกะบังจมูกที่เบี่ยงเบน จากที่ปกติกระดูกอ่อนจะอยู่กึ่งกลางระหว่างโพรงจมูกทั้งสองข้าง แต่กลับมีกระดูกอ่อนเบี่ยงเบนออกมาที่ข้างใดข้างหนึ่งมากจนเกินไป จนอาจทำให้หายใจไม่สะดวก […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน