สุขภาพ

สุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญ เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้นไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารสุขภาพ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป และอื่น ๆ อีกมากมาย หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยคุณได้แน่นอน

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพ

ทำความรู้จัก "ปลูกฝี" สำคัญยังไง ยังจำเป็นอยู่ไหม

การปลูกฝีเคยเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โรคฝีดาษ (Smallpox) เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์ วัคซีนป้องกันฝีดาษซึ่งเริ่มต้นจากการปลูกฝี ไม่เพียงช่วยลดการเสียชีวิตนับล้านคนทั่วโลก แต่ยังนำไปสู่การประกาศกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523  อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับการปลูกฝีเริ่มจางหายไปเมื่อวัคซีนนี้ไม่ได้เป็นที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาผู้อ่านย้อนรอยความสำคัญของการปลูกฝีในอดีต และพิจารณาว่าการปลูกฝียังมีความจำเป็นในยุคสมัยใหม่หรือไม่ [embed-health-tool-vaccination-tool] ปลูกฝี ในอดีตเป็นอย่างไร? การปลูกฝีเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1796 โดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ผู้ค้นพบว่าวัคซีนจาก Cowpox สามารถป้องกันโรคฝีดาษได้ ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ทั่วโลกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 20 จนนำไปสู่การประกาศว่าฝีดาษถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ในปี 1980 สำหรับประเทศไทย การปลูกฝีเริ่มต้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมักทิ้งรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บริเวณหัวไหล่ หลังจากการกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523 การปลูกฝีก็หยุดลง แต่กลับมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกครั้งในยุคที่โรคฝีดาษลิงระบาด โดยวัคซีนที่พัฒนาจากวัคซีน Smallpox เช่น JYNNEOS กำลังถูกศึกษาเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้ โรคฝีดาษลิงคืออะไร โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากไวรัสในตระกูล Orthopoxvirus ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคฝีดาษ (Smallpox) แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่โรคฝีดาษลิงมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อ ไวรัส Monkeypox ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกในลิงในปี ค.ศ. 1958 และตรวจพบในมนุษย์ครั้งแรกในปี […]

หมวดหมู่ สุขภาพ เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพ

ขั้นตอนทางการแพทย์และการผ่าตัด

ตัดเหงือก (Gingivectomy)

ตัดเหงือก (Gingivectomy) การตัดเหงือก เป็นกระบวนการศัลยกรรมชนิดหนึ่ง ที่ทำเพื่อตัด หรือปรับเปลี่ยนรูปของของเหงือก การตัดเหงือกนี้สามารถทำเพื่อรักษาสภาวะบางอย่าง เช่น โรคเหงือกอักเสบ หรือปัญหาร่องเหงือกลึก ข้อมูลพื้นฐานการ ตัดเหงือก คืออะไร ตัดเหงือก (Gingivectomy) เป็นกระบวนการศัลยกรรมชนิดหนึ่ง ที่ทำเพื่อตัด หรือปรับเปลี่ยนรูปของของเหงือก การตัดเหงือกนี้สามารถทำเพื่อรักษาสภาวะบางอย่าง เช่น โรคเหงือกอักเสบ หรือปัญหาร่องเหงือกลึก ที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ หรือการเกลารากฟัน โดยปกติแล้วกระบวนการตัดเหงือกนั้นจะทำก่อนที่ปัญหาจากโรคเหงือกจะส่งผลให้รากฟันเกิดความเสียหายแล้ว บางครั้งการตัดเหงือกก็อาจจะถูกจำสับสนกับ การศัลยกรรมตกแต่งเหงือก (Gingivoplasty) ซึ่งเป็นกระบวนการปรับรูปร่างของเหงือก เพื่อเหตุผลทางด้านความสวยความงาม เช่น ทำให้รูปฟันดูยาวขึ้น หรือทำให้ดูยิ้มสวยมากขึ้น แต่การตัดเหงือกนั้นจะมุ่งเน้นไปที่การตัดชิ้นเนื้อเหงือกที่มีปัญหาเพื่อรักษาโรค ในขณะที่การศัลยกรรมตกแต่งเหงือกจะเน้นไปที่การเสริมความงาม แต่อย่างไรก็ตาม ในระหว่างกระบวนการศัลยกรรมเหงือก ก็อาจจำเป็นต้องมีการตัดเหงือก เพื่อปรับรูปร่างของเหงือกให้ออกมาดูสวยงามได้เช่นกัน ความจำเป็นในการ ตัดเหงือก ทันตแพทย์อาจจะแนะนำให้คุณทำการตัดเหงือกได้ หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับเหงือกดังต่อไปนี้ เหงือกร่น เหงือกติดเชื้อ เหงือกอักเสบ ปัญหาร่องเหลือกลึก เหงือกบาดเจ็บ ทันตแพทย์มักจะแนะนำให้ผู้ที่มีปัญหาโรคเหงือกทำการรักษาด้วยการตัดเหงือก เพื่อป้องกันไม่ให้เหงือกเกิดความเสียหายมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้ทันตแพทย์สามารถรักษาและทำความสะอาดฟันได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ความเสี่ยงความเสี่ยงของการตัดเหงือก เนื่องจากกระบวนการผ่าตัดเหงือกนั้นจะทำให้เกิดรอยแผลที่เหงือก จึงทำให้มีความเสี่ยงที่บาดแผลจะติดเชื้อได้ ยิ่งโดยเฉพาะในบริเวณเหงือกที่มักจะมีการสะสมของเชื้อแบคทีเรียอยู่มาก นอกจากนี้ เชื้อแบคทีเรียยังอาจสามารถเข้าสู่กระแสเลือด และทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ แพทย์อาจจำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อนั้น สิ่งที่สำคัญคือ ก่อนเริ่มกระบวนการนี้ คุณควรทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงและอาการแทรกซ้อนให้ดี หากคุณมีข้อสงสัยใด  ๆ โปรดปรึกษาแพทย์หรือศัลยแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ขั้นตอนการผ่าตัดการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตัดเหงือก ทันตแพทย์จะต้องทำการตรวจอาการของคุณ เพื่อให้แน่ใจก่อนว่า คุณควรจะต้องทำการตัดเหงือกหรือไม่ หลังจากที่คุณปรึกษากับแพทย์จนมั่นใจแล้วว่าคุณต้องการที่จะทำการผ่าตัดเหงือก ก็อาจสามารถทำการตัดเหงือกได้เลย […]


อาการของโรค

รู้จักกับอาการ แผลเป็นหนอง ดูแลอย่างไรดี

แผลผ่าตัดหรือแผลสด สามารถเกิดหนองได้หลากหลายชนิด ซึ่งจะแตกต่างกันออกไป หนองเป็นของเหลวชนิดหนึ่ง ที่ไหลออกมาจากแผล หากแผลมีหนองไหลออกมา เป็นสัญญาณที่สามารถบ่งบอกได้ว่า แผลที่เป็นอยู่นั้นเกิดการติดเชื้อ หากเกิดแผลต้องหมั่นทำความสะอาด และตรวจดูอยู่เสมอว่าแผลนั้นมีหนองหรือไม่ วันนี้ Hello คุณหมอ จะชวนทุกคนไปรู้จักกับ แผลเป็นหนอง ว่าควรทำอย่างไรดี หนอง คืออะไร หนอง (Pus) คือของเหลวที่ไหลออกมาจากบาดแผล หากบาดแผลของเรามีหนองนั้นก็จะสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะหนองจะมีสีที่แตกต่างกันออกไปตั้งแต่ สีเหลือง สีเทา สีเขียว และสีน้ำตาล โดยสีและความเข้มข้นของหนองนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนของเชื้อโรคที่มีอยู่ รวมไปถึงเชื้อโรคที่ตายแล้ว และขึ้นอยู่กับจำนวนเม็ดเลือดขาวด้วย ประเภทของ แผลเป็นหนอง ประเภทของแผลเป็นหนองนั้นสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท ดังนี้ 1. Sanguineous drainage หนองชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นสีแดงสดหรือสีชมพู โดยหนองชนิดนี้จะประกอบไปด้วย เลือดสดเป็นส่วนใหญ่ มีลักษณะคล้ายกับน้ำเชื่อม แต่จะมีความข้นและความหนืดมากกว่าเลือดปกติ ซึ่งหนองชนิดนี้มักจะเกิดขึ้นกับแผลที่เพิ่งเป็น หากเกิดหนองชนิดนี้หลังจากที่เป็นแผลได้ 2-3 ชั่วโมง แสดงว่าแผลนั้นเกิดการฟกช้ำ 2. Serous drainage หนองชนิดนี้เป็นหนองที่ประกอบไปด้วยโปรตีน เซลล์เม็ดเลือดขาว และเซลล์สำคัญอื่น ๆ ที่ร่างกายมักจะใช้ในการรักษาตัวเอง หนองชนิดนี้มีลักษณะใส และโปร่งแสงคล้ายกับน้ำ หากมีหนองชนิดนี้ที่แผลมากเกิดไป อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าบริเวณแผลมีเชื้อโรคที่เป็นอันตรายอยู่บริเวณนั้น 3. Serosanguineous drainage หนองชนิดเป็นหนองที่ผสมกันระหว่างหนองสองชนิดข้างต้น […]


ขั้นตอนทางการแพทย์และการผ่าตัด

เสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมัน กับข้อดีและข้อเสียที่ผู้หญิงควรรู้

การเสริมหน้าอกถือเป็นอีกหนึ่งการทำศัลยกรรมที่ช่วยเสริมสร้างบุคลิภาพ และความมั่นใจให้กับผู้หญิงหลาย ๆ คน ซึ่งการเสริมหน้าอกนั้นก็มีหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเสริมซิลิโคน หรือ เสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมัน ซึ่งการเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันนั้น ยังถือเป็นเรื่องที่ใหม่พอสมควร ดังนั้น ทาง Hello คุณหมอ จึงได้นำเรื่องนี้มาฝากกัน เรื่องที่ควรรู้ก่อน เสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมัน การปลูกถ่ายไขมัน หรือที่เรียกว่า “เสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมัน” เป็นเทคนิคการเสริมหน้าอกแบบใหม่ การเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันนั้น จะเป็นการปลูกถ่ายไขมันเนื้อเยื่อ โดยไขมันจะถูกกำจัดออกมาจากส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ปกติจะเป็นไขมันจากต้นขา หน้าท้อง และก้น ซึ่งใช้วิธีการดูดไขมันออกมา จากนั้นเนื้อเยื่อจะถูกแปรรูปเป็นของเหลว แล้วฉีดเข้าไปบริเวณเต้านม เพื่อสร้างเต้านมใหม่ขึ้น การปลูกถ่ายไขมัน คืออะไร การปลูกถ่ายไขมันอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า “การเติมไขมัน (Lipofilling)” ถูกนำมาใช้เป็นเวลาหลายปี เพื่อแก้ไขความแตกต่างเล็กน้อยในรูปร่าง ความสมดุล หรือตำแหน่งของเต้านมที่สร้างขึ้นมาใหม่ เมื่อเทียบกับเต้านมอื่น ๆ เนื่องจากวิธีนี้ใช้ได้ผลดี แพทย์จึงคิดว่า พวกเขาสามารถสร้างเต้านมใหม่ได้โดยการใช้ไขมัน การปลูกถ่ายไขมัน ถือเป็นขั้นตอนที่ปลอดภัย ทั้งยังไม่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดใหญ่อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีผลที่ชี้ชัดเจนว่า การเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันนั้นจะประสบความระยะยาวได้เพียงใด เนื่องจากการปลูกถ่ายไขมันยังเป็นเรื่องใหม่ จึงยังไม่มีการศึกษาทางคลินิกขนาดใหญ่ที่เกี่ยวขั้นตอนนี้ ดังนั้น จึงยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมัน สำหรับสิ่งที่สำคัญที่คุณต้องทราบเอาไว้สำหรับการเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมัน ก็คือ ในหลาย ๆ […]


อาการของโรค

น้ำหนักลดแบบไม่มีสาเหตุ สัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม

หลายคน โดยเฉพาะสาว ๆ อาจจะรู้สึกดีเวลาที่น้ำหนักตัวลดลง และคิดว่ายิ่งน้ำหนักลดลงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น หากน้ำหนักตัวที่ลดลงเป็นผลมาจากการควบคุมน้ำหนักอย่างถูกวิธี เช่น การควบคุมอาหาร การออกกำลังกายเป็นประจำ นั่นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่เมื่อไหร่ที่ น้ำหนักลดแบบไม่มีสาเหตุ หรือน้ำหนักลดฮวบโดยที่คุณไม่ได้พยายามลดน้ำหนัก Hello คุณหมอ อยากบอกว่า คุณไม่ควรชะล่าใจเด็ดขาด เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณกำลังมีปัญหาสุขภาพร้ายแรง ที่ควรได้รับการรักษาทันทีก็ได้ น้ำหนักลดแค่ไหนถึงเรียกว่าผิดปกติ น้ำหนักของคนเราขึ้น ๆ ลง ๆ ได้ตลอดเวลา บางครั้งความเครียดในชีวิตก็อาจส่งผลให้น้ำหนักลดลงได้ แต่หากน้ำหนักของคุณลดลงมากกว่า 5% ภายในระยะเวลา 6-12 เดือน ทั้ง ๆ ที่คุณก็ใช้ชีวิตตามปกติ จะถือว่าคุณมีภาวะน้ำหนักลดแบบไม่มีสาเหตุ และต้องรีบเข้าพบคุณหมอทันที ยิ่งหากภาวะนี้เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ ก็ยิ่งไม่ควรปล่อยไว้ เพราะภาวะที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอื่นที่ร้ายแรงได้ และเมื่อไปพบคุณหมอ คุณควรแจ้งให้คุณหมอทราบด้วยว่า นอกจากน้ำหนักลดแบบไม่มีสาเหตุแล้ว คุณมีอาการอื่นอีกหรือไม่ ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวที่ถือว่าเข้าข่ายน้ำหนักลดแบบไม่มีสาเหตุ ผู้ที่มีน้ำหนัก 72 กิโลกรัม และน้ำหนักลดลงอย่างน้อย 3.6 กิโลกรัม ภายใน 6-12 เดือน ผู้ที่มีน้ำหนัก 90 กิโลกรัม และน้ำหนักลดลงอย่างน้อย […]


ขั้นตอนทางการแพทย์และการผ่าตัด

การบำบัดด้วยสี กับประโยชน์ที่คุณควรรู้ไว้

การบำบัดด้วยสี สามารถช่วยรักษาสุขภาพกายหรือสุขภาพจิตได้ การบำบัดด้วยสีส่วนใหญ่ถูกมองว่า เป็นการบำบัดแบบเสริมหรือการแพทย์ทางเลือก ซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป ดังนั้น ลองมาทำความรู้จักเกี่ยวกับการบำบัดด้วยแสง กันให้มากขึ้น กับบทความนี้ของ Hello คุณหมอกันดีกว่า ทำความรู้จักกับ การบำบัดด้วยสี การบำบัดด้วยสี (Color Therapy) เรียกอีกอย่างว่า “Chromotherapy” ซึ่งการบำบัดด้วยสีนั้นมีพื้นฐานมาจากแนวคิดที่ว่าสีและแสงสีต่าง ๆ สามารถช่วยรักษาสุขภาพกายหรือสุขภาพจิตได้ ตามแนวคิดนี้จึงเชื่อว่าสีสามารถเปลี่ยนอารมณ์และส่งผลถึงร่างกายของเราได้ การบำบัดด้วยสีมีประวัติอันยาวนาน โดยมันถูกบันทึกเอาไว้ว่า เคยมีการบำบัดด้วยสีและแสง ในอียิปต์โบราณ กรีซ จีน และอินเดีย Walaa Al Muhaiteeb ผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดด้วยสี กล่าวว่า ความสัมพันธ์ของมนุษย์เรากับสีนั้นพัฒนาควบคู่กันไปพร้อมกับวัฒนธรรม ศาสนา และชีวิตของเรา ปัจจุบันการบำบัดด้วยสีส่วนใหญ่ถูกมองว่า เป็นการบำบัดแบบเสริมหรือการแพทย์ทางเลือก ตัวอย่างเช่น ซันไลท์เท็น (Sunlighthen) ซึ่งเป็นห้องซาวน่าที่ใช้ไฟสีตกแต่งในห้องซาวน่า ถูกอ้างว่าให้ประโยชน์แก่ลูกค้าอีกด้วย ผู้ที่เข้าไปใช้บริการในซันไลท์เท็น สามารถเลือกแสงสีฟ้าได้ หากต้องการผ่อนคลายหรือสงบ นอกจากนั้นยังสามารถเลือกแสงสีชมพู หากต้องการล้างพิษ เป็นต้น นอกจากนั้นการบำบัดด้วยสี ยังช่วยให้ผู้ที่ใช้บริการคลายความวิตกกังวล บรรเทาอาการซึมเศร้า และเข้าถึงตัวตนของผู้ใช้บริการเองได้ดีขึ้น ผ่านปฏิบัติการเรื่องสี กฝึกการหายใจ การทำสมาธิ และการให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัว ศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการบำบัดด้วยสี ความจริงก็คือ งานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการบำบัดด้วยสียังค่อนข้างมีไม่มาก เนื่องจากยังเป็นการวิจัยด้านใหม่ในโลกของการแพทย์  แม้ ณ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

กิจวัตรสร้างความสุข สิ่งที่คุณควรทำเพื่อความสุขในทุก ๆ วัน

แน่นอนว่าในแต่ละวันคุณจะต้องเผชิญกับความรู้สึกที่หลากหลาย ซึ่งบางความรู้สึก เช่น ความรู้สึกโกรธ หรือความเครียด อาจจะทำให้วันนั้นของคุณเป็นวันที่ไม่มีความสุขเลยก็เป็นได้ ดังนั้น กิจวัตรสร้างความสุข เป็นแนวทางในชีวิตประจำวันเพื่อทำให้ตัวคุณเองมีความสุขมากขึ้น และสิ่งเหล่านี้สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเอง ในวันนี้ทาง Hello คุณหมอ จึงได้นำเรื่องนี้มาฝากกัน กิจวัตรสร้างความสุข เพื่อเพิ่มความสุขในแต่ละวัน กิจวัตรสร้างความสุข ที่คุณควรหันมาลองทำในชีวิตประจำวัน เพื่อเพิ่มความสุขให้กับชีวิตมากขึ้น มีดังนี้ ยิ้ม เรามักยิ้มเพราะเรามีความสุข นอกจากนั้นการยิ้มยังทำให้สมองหลั่งสารโดพามีน (Dopamine) ซึ่งจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องมีรอยยิ้มปลอม ๆ ฉาบเอาไว้บนใบหน้าอยู่ตลอดเวลา แต่หากคุณกำลังรู้สึกว่าตัวเองตกต่ำ จงยิ้มและดูว่าเกิดอะไรขึ้น หรือลองเริ่มต้นทุกเช้าด้วยการยิ้มกับตัวเองในกระจก ออกกำลังกาย การออกกำลังกายไม่ได้มีไว้เพื่อร่างกายของคุณเท่านั้น การออกกำลังกายเป็นประจำ สามารถช่วยลดความเครียด ความรู้สึกวิตกกังวล และอาการซึมเศร้า ทั้งยังเพิ่มความภาคภูมิใจในตัวเองและความสุขได้อีกด้วย การออกกำลังกายแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างความแตกต่างได้ คุณไม่จำเป็นต้องฝึกแบบไตรกีฬาหรือไต่หน้าผา เว้นแต่ว่ากิจกรรมเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข เคล็ดลับสำคัญคืออย่าออกกำลังกายมากเกินไป เพราะถ้าคุณทุ่มเทมากเกินไปอาจทำให้คุณบาดเจ็บได้ สำหรับการออกกำลังกายที่แนะนำ ได้แก่ เดินเล่นหลังอาหารเย็น ลงทะเบียนในชั้นเรียนสำหรับผู้เริ่มต้นโยคะและไทเก็ก เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการยืดกล้ามเนื้อ 5 นาที สิ่งสำคัญคือ โปรดอย่าลืมเตือนตัวเองให้ลองกลับมาทำกิจกรรมสนุก ๆ ที่คุณเคยรู้สึกว่ามันสนุก อย่างเช่น กอล์ฟ โบว์ลิ่ง หรือเต้นรำ อย่าได้หยุดทำสิ่งเหล่านี้ไป นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ว่าสังคมสมัยใหม่จะทำให้เราไปสู่การนอนหลับน้อยเพียงใด แต่เรารู้กันดีว่าการนอนหลับให้เพียงพอมีความสำคัญต่อสุขภาพที่ดี การทำงานของสมอง รวมไปถึงความสุข ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ต้องการการนอนหลับประมาณ 7-8 […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

วิธีลดอาการอักเสบ ในร่างกาย อย่างเป็นธรรมชาติ

การอักเสบ เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับอวัยวะแทบทุกส่วนในร่างกาย เช่น เหงือกอักเสบ ไซนัสอักเสบ ปอดอักเสบ และหากปล่อยไว้จนเรื้อรัง อาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง หรือโรคร้ายแรง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ได้ด้วย หากใครเกิดภาวะนี้เป็นประจำ Hello คุณหมอ ก็มี วิธีลดอาการอักเสบ ในร่างกาย ด้วยวิธีธรรมชาติมาฝาก บอกเลยว่าวิธีเหล่านี้ง่ายมาก ๆ นอกจากจะช่วยลดอาการอักเสบได้แล้ว ยังดีต่อสุขภาพโดยรวมของคุณสุด ๆ ด้วย [embed-health-tool-heart-rate] ทำความรู้จักกับ อาการอักเสบ การอักเสบ คืออะไร การอักเสบ หรือภาวะอักเสบ (Inflammation) เป็นกระบวนการตามธรรมชาติที่ช่วยให้ร่างกายสามารถรักษาและป้องกันตัวเองจากอันตราย เช่น การติดเชื้อ อาการบาดเจ็บ อาการป่วย กล่าวคือ เมื่อร่างกายตรวจพบสิ่งแปลกปลอม เช่น หนาม สารระคายเคือง เชื้อโรค (เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา) ร่างกายจะเริ่มกระบวนการตอบสนองทางชีวภาพ เพื่อพยายามกำจัดสิ่งแปลกปลอมนั้นออกจากร่างกาย โดยกระบวนการนั้นก็คือ การอักเสบ นั่นเอง เมื่อเกิดการอักเสบเฉียบพลัน จะทำให้มีอาการคือ อาการแดง ร้อน บวม ปวด […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

มีอารมณ์ทางเพศตลอดเวลา ผิดปกติไหม แล้วจะรับมือได้ยังไงบ้าง

เราทุกคนมีความต้องการทางเพศกันอยู่แล้วเป็นปกติ แต่ถ้าหากว่ามีความต้องการทางเพศตลอดเวลาล่ะ ไม่ว่าจะทำงาน ไปเรียน ไปเที่ยว ไปออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมใดก็ตาม ก็เอาแต่วนเวียนคิดถึงแต่เรื่องทางเพศตลอดทั้งวัน มีอารมณ์ทางเพศตลอดเวลา แบบนี้ปกติหรือเปล่า? ถ้าอยากรู้ล่ะก็ ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กัน ในบทความนี้ของ Hello คุณหมอ กันเลยค่ะ [embed-health-tool-ovulation] ทำไมถึง มีอารมณ์ทางเพศตลอดเวลา แรงขับเคลื่อนทางเพศ หรือปัจจัยที่ทำให้เกิดความต้องการทางเพศนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายสาเหตุ และแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยสาเหตุทั่วไป มีดังนี้ ฮอร์โมน ระดับฮอร์โมนมีผลต่อพฤติกรรมและอาการทางสุขภาพของคนเราเสมอ หากระดับฮอร์โมนในร่างกายเกิดความผันผวน ร่างกายของเราก็จะมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ความรู้สึก และอาการทางสุขภาพ โดยเฉพาะถ้า ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) พุ่งสูงมาก ก็จะส่งผลต่อ อารมณ์ทางเพศ ทำให้เกิดความต้องการทางเพศมากขึ้นกว่าปกติ อิทธิพลทางอารมณ์และสังคม ความรู้สึกทางเพศ อาจมาจากอิทธิพลทางอารมณ์ที่ได้รับการกระตุ้น ความรู้สึกตื่นเต้น เขิน อาย กลัว จากอิทธิพลรอบข้างสามารถก่อให้เกิดความรู้สึกทางเพศที่มากขึ้นกว่าปกติได้ โดยอาจมาจากการถูกแซว การพูดคุย การรับข้อมูลทางเพศจากสื่อต่าง ๆ ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ทั้งนั้น ยิ่งถ้าอยู่ในสังคมที่มีการเปิดเผยเรื่องทางเพศอย่างตรงไปตรงมา ไม่ทำให้เรื่องทางเพศเป็นสิ่งต้องห้าม หรือเป็นสิ่งที่ดูไม่ดี ก็ยิ่งมีส่วนทำให้ความรู้สึกทางเพศถูกกระตุ้นได้ง่ายขึ้น อาหาร อาหารมีผลโดยตรงกับร่างกายของเราเสมอ เห็นชัดที่สุดคือเราจะรู้สึกอิ่มหลังจากที่กินอาหารมื้อใหญ่เข้าไป อาหารบางชนิดมีสรรพคุณกระตุ้นความต้องการทางเพศ การรับประทานอาหารที่ให้ผลกระตุ้น อารมณ์ทางเพศ สามารถก่อให้เกิดความต้องการทางเพศมากขึ้นกว่าปกติได้ แอลกอฮอล์และยาบางชนิด การดื่มแอลกอฮอล์มีผลต่อการควบคุมร่างกาย อาจทำให้รู้สึกสูญเสียการควบคุม […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ฮอร์โมนเกรลิน ฮอร์โมนแห่งความหิว ที่เราควรรู้จัก

ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) เป็นฮอร์โมนที่มีหน้าที่หลักคือการควบคุมความอยากอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยต่อมใต้สมองในการควบคุมอินซูลิน (Insulin) และช่วยปกป้องสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาไปทำความรู้จักกับฮอร์โมนเกรลิน ว่ามีหน้าที่ทำอะไร และส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างไรบ้าง การทำงานของ ฮอร์โมนเกรลิน ฮอร์โมนเกรลินเป็นฮอร์โมนที่รู้จักกันดีในชื่อ “ฮอร์โมนแห่งความหิว” ซึ่งมีหน้าที่หลายอย่างในร่างกาย แต่หน้าที่ของฮอร์โมนเกรลินที่ถูกพูดถึงมากคือ กระตุ้นความอยากอาหารและทำให้ร่างกายรู้สึกหิว การผลิตและการปล่อยฮอร์โมนเกรลินนั้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่กระเพาะอาหาร โดยฮอร์โมนชนิดนี้จะเดินทางผ่านกระแสเลือดไปยังสมอง ทำให้สมองสั่งการให้ร่างกายรู้สึกหิวและอยากอาหาร หน้าที่หลัก ๆ ของฮอร์โมนเกรลินคือการเพิ่มความอยากอาหารทำให้รับประทานอาหารมากขึ้น เมื่อร่างกายได้รับอาหารมากก็จะได้รับแคลอรี่และมีไขมันกักเก็บได้มากตามไปด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หากมีการหลั่งฮอร์โมนเกรลินมากเกินไปก็จะเป็นอุปสรรคที่ทำให้ลดน้ำหนักได้ยาก สาเหตุที่ทำให้ ฮอร์โมนต์เกรลิน เพิ่มสูงขึ้น ฮอร์โมนแห่งความหิว เกรลิน เป็นฮอร์โมนที่จะหลั่งออกมาจากกระเพาะอาหารเมื่อเราท้องว่าง ช่วยกระตุ้นทำให้เรารู้สึกหิว แต่สำหรับบางคนที่รู้สึกหิวบ่อย ๆ หิวง่าย หรือแม้กระทั่งรู้สึกหิวแม้จะจะเพิ่งรับประทานอาหารเข้าไป อาจเป็นเพราะว่าฮอร์โมนเกรลินหลั่งมากขึ้น ซึ่งตัวการที่ทำให้ฮอร์โมนชนิดนี้เพิ่มขึ้นคือความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ ความวิตกกังวล ควบคุม ฮอร์โมนแห่งความหิว อย่างไรให้สมดุล และปกติ ฮอร์โมนเกรลินเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญกับความหิวและความอิ่ม การลดระดับฮอร์โมนเกรลินอาจทำให้ร่างกายรู้สึกอยากอาหารน้อยลงและส่งผลทำให้น้ำหนักนั้นลดลงได้ แต่อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเกรลินเพียงอย่างเดียว อาจไม่ช่วยตัวชี้วัดการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของน้ำหนักได้ เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้านพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นและลดลงของน้ำหนัก แต่สำหรับผู้ที่ต้องการลดระดับฮอร์โมนเกรลินลงนั้นสามารถทำได้ด้วยวิธีธรรมชาติเหล่านี้ ลดการบริโภคฟรุกโตส การบริโภคอาหารที่มีปริมาณฟรุกโตส (Fructose) สูง อาจทำให้ฮอร์โมนเกรลินนั้นเพิ่มขึ้น เมื่อระดับฮอร์โมนเกรลินที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้รับประทานอาหารมากขึ้นในระหว่างมื้ออาหารหรือรู้สึกหิวหลังรับประทานอาหารได้ไม่นาน รับประทานอาหารบางอย่างมากขึ้น การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น และยังมีส่วนช่วยในการยับยั้งฮอร์โมนเกรลินได้ ออกกำลังกาย ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ว่า การออกกำลังกายนั้นสามารถลดหรือเพิ่มระดับฮอร์โมนเกรลินในร่างกายได้หรือไม่ […]


การทดสอบทางการแพทย์

เรื่องที่ควรรู้ ก่อนการตรวจ เอกซเรย์

เมื่อพูดถึงการตรวจร่างกายด้วยการเอกซเรย์ เราก็อาจจะคุ้นหู หรือเคยผ่านการตรวจด้วยวิธีนี้มากันบ้างแล้ว เพราะการตรวจเอกซเรย์นั้นมักจะรวมอยู่ในการตรวจสุขภาพประจำปีเสมอ แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า จริง ๆ แล้วการตรวจเอกซเรย์นั้นทำไปเพื่ออะไร และมีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง วันนี้ Hello คุณหมอ เลยจะพาทุกคนมารู้จักกับ การตรวจเอกซเรย์ เพื่อการทำความเข้าใจที่มากขึ้น เกี่ยวกับการตรวจเอกซเรย์ การตรวจเอกซเรย์ คืออะไร การตรวจเอกซเรย์ (X-ray) คือการตรวจร่างกายชนิดหนึ่ง โดยการฉายรังสีเอกซเรย์ผ่านตัวผู้ป่วย เพื่อสร้างภาพภายในร่างกาย ทำให้แพทย์สามารถมองเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในร่างกายได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงมือผ่าตัดให้เกิดแผล การตรวจเอกซเรย์นี้มีใช้กันมาเป็นเวลาหลายสิบปี เนื่องจากเป็นวิธีการตรวจที่รวดเร็ว และไม่ทำให้ผู้ป่วยเจ็บตัวอีกด้วย เมื่อรังสีเอกซเรย์ถูกฉายผ่านร่างกาย รังสีนั้นก็จะถูกดูดซึมในอัตราที่แตกต่างกันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และเครื่องตรวจจับรังสีเอกซเรย์ ก็จะบันทึกภาพออกมาเป็นแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ ให้แพทย์สามารถใช้เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคได้ โดยส่วนที่มีความหนาแน่นสูง เช่น กระดูก มักจะแสดงให้เห็นเป็นส่วนสีขาวในแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ ส่วนจุดที่ความหนาแน่นน้อยกว่า เช่น หัวใจ หรือปอด ก็จะแสดงเป็นส่วนสีดำ ประเภทของการตรวจเอกซเรย์ การตรวจเอกซเรย์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้ การถ่ายภาพรังสี (Radiography) เป็นการตรวจเอกซเรย์ที่พบได้มากที่สุด ใช้เพื่อฉายภาพในบริเวณกระดูก ฟัน และหน้าอก เป็นวิธีการตรวจที่ใช้รังสีเอกซเรย์น้อยที่สุด การตรวจเอกซเรย์ฟลูออโรสโคปี (Fluoroscopy) เป็นการตรวจโดยการฉายภาพแบบเรียลไทม์ ใช้เพื่อตรวจดูการทำงานของลำไส้หลังจากกลืนสารแบเรียม (Barium) ลงไป จะใช้รังสีมากกว่าการถ่ายภาพรังสีเล็กน้อย การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน