แมกนีเซียมที่อยู่ในอัลมอนด์อาจมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับความดันโลหิต ช่วยป้องกันความดันโลหิตสูง ที่อาจนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจได้ งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับบทบาทของแมกนีเซียมต่อโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจและหลอดเลือด ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Clinical Hypertension ปี พ.ศ. 2554 รายงานว่า การบริโภคแมกนีเซียม 500-1,000 มิลลิกรัม/วัน อาจช่วยลดความดันโลหิตได้มากถึง 5.6/2.8 มิลลิเมตรปรอท นอกจากนี้ ยังอาจช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ ภาวะหลอดเลือดสมองตีบ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อย่างไรก็ตาม ในบางรายอาจไม่พบการเปลี่ยนแปลงระดับความดันโลหิตเมื่อรับประทานแมกนีเซียมเพียงอย่างเดียว ควรต้องรับประทานควบคู่กับโพแทสเซียม และลดการรับประทานโซเดียมลง จึงจะเห็นประสิทธิภาพในการลดความดันโลหิตได้ดีกว่า
- อาจควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
อัลมอนด์มีแมกนีเซียมซึ่งมีคุณสมบัติช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับการรับประทานอัลมอนด์ต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานชาวจีน ตีพิมพ์ในวารสาร Metabolism Clinical and Experimental ปี พ.ศ. 2554 โดยได้ทำการทดสอบกับผู้ป่วยชาวจีนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 อายุ 58 ปี จำนวน 20 ราย แบ่งออกเป็น ผู้ชาย 9 ราย ผู้หญิง 11 ราย โดยให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบควบคุมอาหารและรับประทานอัลมอนด์เป็นเวลา 4 สัปดาห์ติดต่อกัน พบว่า การรับประทานอัลมอนด์อาจมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และลดระดับคอเลสเตอรอลไม่ดี จึงอาจสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ได้
อัลมอนด์เป็นถั่วที่มีแคลอรี่ต่ำ และมีไขมันที่ดีต่อสุขภาพ การรับประทานอัลมอนด์อาจช่วยให้อิ่มท้องได้นาน จึงอาจช่วยลดการกินจุบกินจิบระหว่างวัน และอาจช่วยป้องกันไม่ให้รับแคลอรี่มากเกินไปได้ จากการศึกษาชิ้นหนึ่ง ระดับความอิ่มท้องจากการรับประทานอัลมอนด์เป็นอาหารว่างช่วงสายในผู้หญิงสุขภาพดั ตีพิมพ์ในวารสาร European Journal of Nutrition ปี พ.ศ. 2558 นักวิจัยได้ทำการทดลองกับผู้หญิงที่มีสุขภาพดี จำนวน 32 ราย เป็นเวลา 3 วัน โดยให้รับประทานอาหารเช้าตามปกติ และรับประทานอัลมอนด์ 28-42 กรัม เป็นอาหารว่างก่อนรับประทานมื้อกลางวัน จากนั้นรับประทานอาหารกลางวันและอาหารเย็นตามปกติ พบว่า ผู้เข้าร่วมการทดสอบรู้สึกอิ่มยาวนานขึ้นหลังจากการรับประทานอัลมอนด์เป็นอาหารว่าง ทำให้รับประทานอาหารมื้อกลางวันและมื้อเย็นลดลง ดังนั้น การบริโภคอัลมอนด์จึงอาจมีส่วนช่วยลดน้ำหนักและลดพฤติกรรมการกินจุบกินจิบในระหว่างวันได้
ข้อควรระวังในการบริโภค Almond
เมล็ดอัลมอนด์มักมีขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงควรเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน หรือใช้วิธีการบดให้ละเอียด โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่เป็นโรคสมองเสื่อม รวมถึงผู้ที่มีปัญหาการเคลื่อนไหว เพื่อป้องกันการติดคอหรือสำลัก ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงให้อาหารเข้าสู่ปอด และนำไปสู่โรคปอดบวมได้
นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการแพ้พืชตระกูลถั่ว อาจมีอาการแพ้อัลมอนด์ด้วยเช่นกัน โดยสังเกตอาการแพ้ ได้แก่ ลมพิษ หายใจลำบาก และอาจนำไปสู่การเกิดภาวะภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis) ที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต ดังนั้น ผู้ที่มีอาการแพ้ถั่วจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอัลมอนด์ อีกทั้งยังควรตรวจสอบข้อมูลโภชนาการบนบรรจุผลิตภัณฑ์ทุกครั้งว่ามีส่วนประกอบอาหารที่ตนเองแพ้หรือไม่ เพื่อความปลอดภัย
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย