โภชนาการเพื่อสุขภาพ

น้ำเก๊กฮวย คือน้ำที่ได้จากการต้มดอกเก๊กฮวยตากแห้ง ทำให้ได้เครื่องดื่มสีเหลืองอ่อน ๆ ที่มีกลิ่นหอมของดอกเก๊กฮวย นิยมดื่มเพื่อช่วยดับร้อน อีกทั้งยังอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ช่วยต้านการอักเสบ ดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังไม่ดื่มน้ำเก๊กฮวยในปริมาณมากเกินไป โดยเฉพาะน้ำเก๊กฮวยที่ผสมน้ำตาลในปริมาณมาก เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพได้ [embed-health-tool-”bmr”] น้ำเก๊กฮวย คืออะไร เก๊กฮวยเป็นพืชไม้ดอกตระกูลเดียวกับดอกทานตะวัน หรือดอกเบญจมาศ มีกลีบเล็ก ๆ ซึ่งมีทั้งสีขาวและสีเหลือง หรืออาจเป็นสีอื่น ๆ ตามแต่สายพันธุ์ที่แตกต่างกันไป โดยกลีบดอกเล็ก ๆ นั้นจะล้อมรอบเกสรที่เป็นวงกลมตรงกลาง เก๊กฮวยขึ้นชื่อทั้งในเรื่องของความงดงาม เพราะเป็นดอกไม้ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับนำมาจัดเป็นช่อดอกไม้ หรือประดับใส่แจกัน และยังขึ้นชื่อในการเป็นเครื่องดื่มรสชาติดีอย่างน้ำเก๊กฮวย หรือ ชาดอกเก๊กฮวย ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ได้จากดอกเก๊กฮวยที่ตากแห้งแล้วนำมาชงกับน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน อย่างไรก็ตาม ชาดอกเก๊กฮวยหรือน้ำเก๊กฮวยนี้จัดว่าเป็นหนึ่งในตระกูลชาดอกไม้ เนื่องจากไม่ได้ทำมาจากใบของต้นเก๊กฮวยเหมือนกับเครื่องดื่มชาประเภทอื่น ๆ ที่มักจะใช้ส่วนที่เป็นใบเอามาตากแห้งเพื่อทำเป็นชา  สุขภาพดีเพราะดื่มน้ำเก๊กฮวย ในตำรายาสมุนไพรของจีนพบว่า ชนชาติจีนมีการดื่มน้ำเก๊กฮวย หรือ ชาดอกเก๊กฮวย กันมานานกว่า 100 ปีแล้ว เพราะเก๊กฮวยมีสรรพคุณทางยา โดยสารประกอบของเก๊กฮวยมีส่วนช่วยบรรเทาอาการทางสุขภาพที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ช่วยลดความดันโลหิตสูง และลดความเสี่ยงที่เกี่ยวกับภาวะไทรอยด์ Dr. J. D. Yang ผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนและผู้ก่อตั้ง Tao Integrative […]

รากบัว ถือได้ว่าเป็นสมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่สามารถนำประกอบอาหารได้หลากหลายทั้งในเมนูของคาว และเมนูของหวาน ที่สำคัญยังมีคุณประโยชน์มากมายที่จะช่วยบำรุงอวัยวะภายในของเราให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้น แต่จะการรับประทานรากบัวจะให้ประโยชน์ในด้านใดบ้างนั้น ลองมาติดตามได้ในบทความนี้ของ Hello คุณหมอ กันค่ะ [embed-health-tool-bmr] ทำความรู้จักกับ รากบัว ก่อนนำมารับประทาน รากบัว (Lotus Root) ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของดอกบัว ที่สามารถนำมาใช้ในการปรุงอาหารในเมนูต่าง ๆ ซึ่งมีลักษณะผิวผลเป็นสีขาว มีรูโหว่เมื่อทำการหั่นออกมา พร้อมกับรสสัมผัสที่ค่อนข้างกรอบ และหวานเล็กน้อย ทั้งนี้ยังมีการค้นพบข้อมูลบางอย่างโดย Dr. Simran Saini แห่ง Fortis Hospital ไว้อีกว่า รากบัวมีสารอาหารจำพวกเส้นใย โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก และวิตามินบี ที่เป็นแร่ธาตุอาหารสำคัญ ร่วมอยู่ด้วย ดังนั้นการรับประทานรากบัวอาจช่วยในการส่งเสริมการบำรุงสุขภาพได้ 5 ประโยชน์ของรากบัว ที่คุณควรรู้ 1. ช่วยลดความเครียด เนื่องจากรากบัวมีสารประกอบที่มีชื่อเรียกว่า ไพริดอกซีน (Pyridoxine) ซึ่งเป็นสารประกอบของวิตามินบีรวม สารดังกล่าวสามารถเข้าไปทำปฏิกิริยากับระบบประสาทในสมองให้ช่วยลดความเครียด อารมณ์หงุดหงิด และอาการปวดหัวของคุณได้ 2. บำรุงสุขภาพหัวใจ รากบัวมีเส้นใยอาหารสูงที่อาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต ซึ่งปัญหาเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคหัวใจ อีกทั้งรากบัวยังอาจสามารถช่วยเข้าไปผ่อนคลายหลอดเลือด ช่วยในเรื่องระบบการไหลเวียนของเลือดเข้าในร่างกายของคุณให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น 3. เหมาะสำหรับการควบคุมน้ำหนัก การรับประทานรากบัวในปริมาณที่เหมาะสม อาจเป็นการช่วยลดน้ำหนักได้อีกหนทางหนึ่ง เนื่องจากรากบัวมีพลังงาน และแคลอรี่ต่ำ แต่ถึงอย่างไรการทานรากบัวเพียงอย่างเดียวอาจทำให้สุขภาพของคุณแย่ลงและนำไปสู่ภาวะขาดสารอาหารได้ ดังนั้น คุณจึงจำเป็นต้องมีการรับประทานอาหารที่หลากหลายเพื่อเป็นการรับสารอาหารอื่น ๆ เข้ามาร่วมด้วย […]

กาแฟนั้นเป็นหนึ่งในเครื่องดื่ม ที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก หลายคนที่ ดื่มกาแฟ นั้นไม่ได้เพียงแค่หวังผลจากคาเฟอีนที่ช่วยให้ตื่นตัว แต่ยังอาจดื่มเพราะชื่นชอบในรสชาติของกาแฟอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม คนบางคนอาจจะไม่สามารถดื่มกาแฟได้ เพราะดื่มทีไร ก็ต้องรู้สึกคลื่นไส้ตามมาทุกที วันนี้ Hello คุณหมอ จะมาช่วยไขข้อข้องใจ ว่าทำไมบางคนถึงมีอาการ ดื่มกาแฟแล้วคลื่นไส้ กันแน่ [embed-health-tool-bmr] สาเหตุที่ทำให้เรา ดื่มกาแฟแล้วคลื่นไส้ สาเหตุที่ทำให้เรามีอาการคลื่นไส้เมื่อ ดื่มกาแฟ สามารถแยกออกได้เป็นสาเหตุหลักๆ ดังนี้ คาเฟอีน หนึ่งในสาเหตุที่พบได้บ่อยของอาการคลื่นไส้จากการ ดื่มกาแฟ เป็นเพราะคาเฟอีนที่มีอยู่มากในกาแฟนั่นเอง ร่างกายของคนเรานั้นจะมีความไวต่อคาเฟอีน (Caffeine Sensitivity) ไม่เท่ากัน บางคนอาจจะสามารถ ดื่มกาแฟ ได้เยอะ ๆ โดยที่ไม่ได้รู้สึกถึงผลข้างเคียงที่มาจากคาเฟอีนเลย ในขณะที่บางคน แค่จิบกาแฟเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะเกิดใจสั่น ปวดหัว และคลื่นไส้ได้ ความไวต่อคาเฟอีนนั้น อาจทำให้ผู้ที่ได้รับคาเฟอีนแม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถเกิดอาการคล้ายกับผู้ที่บริโภคคาเฟอีนมากเกินขนาด (Caffeine Overdose) อาการของการบริโภคคาเฟอีนเกินขนาดนั้น อาจมีตั้งแต่ อาการเบา ๆ ที่ไม่เป็นอันตราย อย่างเช่น วิงเวียน กระหายน้ำ นอนไม่หลับ ปวดหัว ท้องเสีย คลื่นไส้ ไปจนถึงอาการที่รุนแรง และควรติดต่อรับการรักษาในทันที เช่น หายใจไม่ออก […]

เครื่องดื่มผลไม้ เป็นเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยสารอาหารจากธรรมชาติที่ไร้การปรุงแต่งจากสารประกอบใด ๆ เพื่อให้ผู้มีความต้องการที่จะดื่มนั้น ได้รับประโยชน์เข้าไปบำรุงสุขภาพได้อย่างเต็มที่ วันนี้บทความของ Hello คุณหมอ จึงขอแนะนำ สูตรสมูทตี้แก้วมังกร อีกสูตรหนึ่งที่สามารถทำได้ง่าย ๆ มาฝากทุกคนให้ได้ลองทำรับประทานกันค่ะ มารู้จักกับประโยชน์ของ แก้วมังกร กันเถอะ แก้วมังกร (Dragon Fruit) เป็นผลไม้ที่มาพร้อมกับสีสันสดใส ถูกจัดอยู่ในตระกูลเดียวกับตะบองเพชร เนื้อของแก้วมังกรส่วนใหญ่มักมีสีขาวนวลสวย รสชาติหวานหอม ในเนื้อแก้วมังกรจะมีเม็ดเล็ก ๆ ที่อยู่ภายในซึ่งคุณสามารถรับประทานเข้าไปได้ นอกจากนี้ยังมีบางสายพันธุ์ที่ผลมีเนื้อสีม่วง หรือชมพูสด เพิ่มความน่ารับประทานยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่รสชาติอร่อยแล้ว แก้วมังกรยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในอีกหลายแง่มุม ดังนี้ ปรุบปรุงสุขภาพลำไส้ ลำไส้ของคุณอาจเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยชั้นดีของจุลินทรีย์ และแบคทีเรียมากถึง 100 ล้านกว่าชนิดเลยก็ว่าได้ นักวิจัยหลายคนยังเชื่ออีกว่าจุลินทรีย์นี้สามารถส่งผลกระทบสุขภาพลำไส้ของคุณได้อย่างแน่นอน เพราะมันอาจไปรบกวนในการสร้างสมดุลของลำไส้ ดังนั้น การรับประทานแก้วมังกรเพื่อเข้าไปช่วยปรับปรุงอาจเป็นอีกหนทางที่ทำให้ลำไส้มีการทำงานได้ดีขึ้น เนื่องจากแก้วมังกรมีพรีไบโอติก (Prebiotics) ที่ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในทางเดินระบบอาหาร และช่วยให้แบคทีเรียที่ดีได้เจริญเติบโตเข้าไปช่วยปรับสมดุลเพิ่มเติมได้ในช่องท้องของคุณ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน แก้วมังกรอุดมไปด้วยวิตามินซี และแคโรทีนอยด์ ที่อาจช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และป้องกันการติดเชื้อในเซลล์เม็ดเลือดขาวของคุณ เนื่องจากเซลล์เม็ดเลือดขาวนี้มีหน้าที่สำคัญอย่างมากในการขัดขวางสารอันตรายต่าง ๆ ที่จะเข้ามาทำลายระบบภูมิคุ้มกัน เพราะฉะนั้นการรับประทานแก้วมังกรเข้าไปช่วยเสริม อาจเป็นทางที่ดีที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวได้ บำรุงผิวพรรณ นอกจากการนำแก้วมังกรมารับประทานแล้ว เนื้อของมันยังสามารถนำมาทาเพื่อบำรุงสุขภาพผิวหน้าได้เป็นอย่างดี เพราะแก้วมังกรมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัย รักษาผิวหนังไหม้จากแสงแดด และอาจรักษาสิวได้ ซึ่งปัจจุบันอาจมีนวัตกรรมที่เปลี่ยนไป โดยการทำแก้วมังกรมาสกัดให้อยู่ในรูปแบบผลิตภัณฑ์บำรุง แทนการใช้เนื้อผลไม้สดอีกด้วย สูตรสมูทตี้แก้วมังกร วัตถุดิบในการทำสมูทตี้แก้วมังกร แก้วมังกร ปริมาณ 200 […]

มายองเนส คือซอสที่ทำมาจากไข่แดง น้ำมันพืช และน้ำมะนาว ตีให้ส่วนผสมให้เข้ากันจนได้ซอสครีมเนื้อข้น การที่ของเหลวทั้งหมด เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวเรียกว่า อิมัลชัน (Emulsion) ซึ่งเกิดจากการตีส่วนผสมทั้งหมดอย่างเร็ว ๆ จนส่วนผสมเข้ากันดีและไม่เกิดการแยกชั้น สำหรับผู้ที่รับประทานเจ ก็จะไม่สามารถรับประทานมายองเนสได้ วันนี้ Hello คุณหมอ มี สูตรมายองเนสถั่วเหลือง มาฝากสำหรับใครที่กินเจและต้องการลดคอเลสเตอรอล สูตรมายองเนสถั่วเหลือง ส่วนประกอบมายองเนสถั่วเหลือง ส่วนผสม ปริมาณ ถั่วเหลืองซีก 150 กรัม น้ำมันรำข้าว 300 มิลลิลิตร น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ล 2 ช้อนโต๊ะ เกลือปรุงรส   วิธีทำมายองเนสถั่วเหลือง นำถั่วเหลืองสำหรับทำมายองเนสมาล้างน้ำให้สะอาด แช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน ปั่นถั่วเหลืองที่แช่น้ำไว้รวมกับน้ำสะอาด 3 ถ้วย กรองด้วยผ้าขาวบาง เมื่อได้น้ำนมถั่วเหลืองแล้ว นำไปตั้งไฟ พอเดือดให้ลดไปลง และหมั่นคนเป็นระยะ ๆ เคี่ยวเป็นเวลานาน 15 นาที ยกลงพักให้เย็น ตวงน้ำนมถั่วเหลือง 1 ถ้วยใส่ลงเครื่องปั่น เทน้ำส้มสายชูแอปเปิลและเกลือลงไปปั่นให้เข้ากัน หลังจากนั้นค่อย ๆ เทน้ำมันรำข้าวลงในโถปั่น เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันจนเป็นเนื้อข้นเนียน ๆ แล้ว เราก็จะได้ มายองเนสถั่วเหลือง ไว้รับประทานกันแล้วค่ะ โภชนาการของ ถั่วเหลือง ถั่วเหลือง ถือเป็นโปรตีนคุณภาพสูง ซึ่งเป็นอาหารจากพืชไม่กี่ชนิดที่มีกรดอมิโนจำเป็นทั้งหมดที่สามารถพบได้ในเนื้อสัตว์ นอกจากโปรตีนแล้ว […]

เมื่อพูดถึงสลัดผัก เหล่าบรรดาผู้ที่ไม่ชอบทานผักทั้งหลาย อาจจะร้องยี้ และไม่อยากรับประทาน แต่สลัดผักอย่าง โคลสลอว์ (Coleslaw) นั้นเป็นหนึ่งในเมนูเครื่องเคียง ที่นอกจากจะสามารถพบได้ทั่วไปแล้ว ยังมีรสชาติอร่อย ทานง่าย และทำได้ง่ายๆ อีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ จะมาแนะนำ สูตรโคลสลอว์ เมนูสลัดผักเพื่อสุขภาพ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบทานผักกันค่ะ โคลสลอว์ เครื่องเคียงมากล้นประโยชน์ โคลสลอว์นั้นเป็นหนึ่งในเครื่องเคียง ที่เรามักจะสามารถพบเห็นได้ โดยเฉพาะตามร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดส่วนใหญ่ มักจะมีโคลสลอว์ เป็นหนึ่งในเมนูด้วยกันทั้งนั้น เนื่องจากเป็นเมนูที่ทำง่าย และมีส่วนผสมเพียงแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำปลีนั้นนอกจากจะเป็นผักที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง มีแคลอรี่ต่ำ อีกทั้งยังมีราคาถูก สามารถหารับประทานได้ง่าย ในกะหล่ำปลี 1 ถ้วยนั้นจะให้พลังงานแค่เพียง 22 แคลอรี่ แต่กลับให้ใยอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร และช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย ดีต่อสุขภาพหัวใจอีกด้วย แครอท ในแครอทนั้นอุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) สาระสำคัญที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา นอกจากนี้ในแครอทยังเป็นแหล่งสำคัญของสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย ช่วยต้านการอักเสบ และอาจสามารถช่วยต่อต้านมะเร็งได้ หอมใหญ่ หลายคนอาจจะไม่ค่อยชอบรับประทานหอมใหญ่ เพราะกลิ่นฉุนที่รุนแรงของหอมใหญ่ แต่จริง ๆ แล้ว ในหอมใหญ่นั้นอุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย […]

หากจะพูดถึง โยเกิร์ต อาหารเพื่อสุขภาพที่ใคร ๆ ก็ไม่พลาดแล้วล่ะก็ คงต้องบอกได้คำเดียวว่า “เยอะ” ที่เยอะก็เพราะว่ามีให้เลือกเต็มไปหมด ทั้งโยเกิร์ตแบบผสมเนื้อผลไม้ แบบไขมันต่ำ แบบไม่มีน้ำตาล แบบดั้งเดิมจากแหล่งกำเนิด และแต่ละแบบก็ยังให้รสชาติที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย เรียกได้ว่าเยอะจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว แต่เพื่อให้การเลือกโยเกิร์ตของทุกคนง่ายขึ้นและดีต่อสุขภาพมากขึ้น วันนี้ Hello คุณหมอ มี วิธีเลือกโยเกิร์ต แบบง่ายๆ เพื่อให้เราได้กินโยเกิร์ตที่ดีที่สุดมาฝากค่ะ โยเกิร์ต ดีต่อร่างกายอย่างไร โยเกิร์ต (Yoghurt) เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์จากนมที่ผ่านกระบวนการหมักโดยใช้จุลินทรีย์และแบคทีเรียชนิดต่าง ๆ เพื่อทำให้โยเกิร์ตมีรสชาติที่ออกเปรี้ยว โยเกิร์ตให้สารอาหารสำคัญ ๆ หลายชนิด โดยเฉพาะโปรตีนและแคลเซียมจากนม คุณประโยชน์จากจุลินทรีย์และแบคทีเรียชั้นดีต่าง ๆ เช่น แลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) ซึ่งการที่โยเกิร์ตอุดมไปด้วยสารอาหารและแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพเช่นนี้ จึงทำให้โยเกิร์ตเป็นหนึ่งในอาหารที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนลงความเห็นว่าเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยการรับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำจะช่วยให้ 1. ดีต่อการขับถ่าย เป็นที่รู้กันดีว่าการเพิ่มแบคทีเรียและจุลินทรีย์เป็นหนึ่งในกระบวนการผลิต โยเกิร์ต นั่นจึงทำให้ในโยเกิร์ตประกอบด้วยจุลินทรีย์และแบคทีเรียชนิดดีที่มีส่วนช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโพรไบโอติกซึ่งเป็นจุลินทรีย์ชนิดดี ที่มีส่วนช่วยในกระบวนการย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารที่บริเวณลำไส้ ทำให้กากอาหารต่าง ๆ ถูกย่อยออกไปได้มากขึ้น อุจจาระมีขนาดเล็กลง สามารถขับถ่ายออกได้โดยง่าย ช่วยแก้อาการท้องผูก 2. ดีต่อกระดูกและฟัน นมเป็นหนึ่งในส่วนผสมสำคัญของ โยเกิร์ต นั่นจึงทำให้โยเกิร์ตได้ทั้งโปรตีนและแคลเซียมจากนม ซึ่งสารอาหารทั้งสองชนิดนี้เป็นสารอาหารสำคัญต่อการเจริญเติบโตและสร้างความแข็งแรงให้กระดูกและฟัน ดังนั้น […]

บทความนี้ Hello คุณหมอ ขอเอาใจคนชอบทานมะม่วงด้วยการนำ “สูตรแยมมะม่วง” มาฝากทุกคนกันคะ ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก สามารถทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน วัตถุดิบก็สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด ที่สำคัญยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย จะมีวิธีการทำและประโยชน์อย่างไรนั้น ติดตามอ่านได้ในบทความนี้เลย แยมมะม่วง รสชาติอมเปรี้ยวหวาน อร่อยถูกใจคนทุกวัย แยมมะม่วง (Mango Jam) จึงเป็นอีกหนึ่งเมนูยอดฮิต ที่ทำให้เป็นที่ถูกอกถูกใจของคนทุกเพศทุกวัย เพราะนอกจากรสชาติที่หอมหวานละมุนลิ้นแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย เช่น ลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งบางชนิด มีสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงสุขภาพหัวใจ เป็นต้น สูตรแยมมะม่วง (Mango Jam) ส่วนผสม มะม่วงสุก มะนาวหรือน้ำมะนาว น้ำตาล พอประมาณเนื่องจากมะม่วงสุกมีรสชาติหวานอยู่แล้ว (สำหรับผู้มีโรคประจำตัวเช่น โรคเบาหวาน อาจตวงปริมาณตามความเหมาะสม หรืออาจเลือกใช้สารสกัดจากหญ้าหวานแทน) วิธีทำ เลือกมะม่วงที่ไม่ดิบและสุกมากจนเกินไป ปอกเปลือกมะม่วงหั่นเป็นชิ้นๆ นำแกนกลางออก ใส่มะม่วงลงในหม้อกับน้ำตาลลงไปแล้วคนให้เข้ากัน อาจเพิ่มน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย ตั้งไฟต้มให้เดือด คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน หลังจากนั้นลดไฟลง ทิ้งไว้ให้อยู่ในอุณหภูมิปกติ แล้วตักใส่ขวดโหล ไว้รับประทาน (หากต้องการให้เนื้อเนียนอาจนำไปปั่นเพิ่ม) “มะม่วง” ผลไม้ที่กินได้ทั้งคาว-หวาน อร่อย..มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มะม่วง (Mango) มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  มีประวัติการปลูกมายาวนานถึง 4,000 ปี และยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูทั้งเมนูคาว-หวาน เช่น มะม่วงกวน พายมะม่วง แยมมะม่วง […]

ขนมปังกระเทียม ของว่าง ของทานเล่นที่ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยก็ยังเป็นหนึ่งในเมนูครองใจคนไทยเสมอมา แต่ปัจจุบันนี้เทรนด์สุขภาพก็มาแรง กินขนมปังกระเทียมเพียวๆ คาร์โบไฮเดรตก็พุ่ง น้ำตาลก็เพิ่ม อร่อยจริงแต่ความเสี่ยงสุขภาพก็น่าจะถามหาด้วย ดังนั้นวันนี้ Hello คุณหมอ จึงขอนำเสนอ สูตรขนมปังกระเทียมแบบคีโต ที่อร่อยได้รสชาติขนมปังกระเทียมแน่นๆ แต่ดีต่อสุขภาพด้วย กินอาหารแบบคีโต คืออะไร กินแล้วดีต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง การกินอาหารแบบคีโต (Ketogenic Diet) คือแนวทางการรับประทานอาหารที่เน้นไขมันสูงแต่คาร์โบไฮเดรตต่ำ เป็นหลักการรับประทานอาหารที่ได้รับความนิยมากในหมู่คนที่กำลังลดน้ำหนัก การกินอาหารแบบคีโตจะได้แคลอรีจากการกินโปรตีนและไขมัน โดยที่จะลดหรือตัดปริมาณของคาร์โบไฮเดรตในแต่ละมื้ออาหารออกไป วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมปริมาณของอินซูลินในร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ และช่วยเพิ่มระบบการเผาผลาญในร่างกายอีกด้วย เรียกได้ว่าแม้จะเน้นกินไขมัน แต่ก็เป็นการกินที่กระตุ้นการเผาผลาญซึ่งมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้ดี กินแบบคีโตช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ การกินอาหารแบบคีโตดูจะเน้นทั้งไขมันและโปรตีนในปริมาณที่สูง แต่การกินไขมันมากขนาดนั้นจะช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร ก็ในเมื่อไขมันนั่นแหละที่เป็นตัวการทำให้อ้วนและน้ำหนักขึ้น คำตอบคือ โดยปกติแล้วร่างกายของคนเราจะดึงคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลมาแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานสำหรับใช้ในร่างกาย ดังนั้นเมื่อเราตัดคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลออกจากวงจรการรับประทานอาหารแล้ว ร่างกายก็จะไปดึงเอาพลังงานมาจากไขมันและโปรตีนแทน ซึ่งกระบวนการนี้ของร่างกายจะไปกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญเพื่อไปเผาผลาญไขมันและโปรตีนให้กลายมาเป็นพลังงาน ดังนั้นต่อให้ไม่ได้กินคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล ร่างกายก็ยังคงมีพลังงานเพียงพอ แถมไขมันที่กินเข้าไปก็ยังถูกร่างกายดึงไปใช้อีกด้วย จึงมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้ อาหารที่คุณควรรับประทาน และควรหลีกเลี่ยง หากต้องการกินอาหารแบบคีโต อาหารแบบใดไม่ใช่วิถีของคีโต อาหารใดๆ ก็ตามที่ให้ปริมาณของคาร์โบไฮเดรตสูง จัดว่าไม่ถูกต้องตามหลักของการกินอาหารแบบคีโตที่เน้นไขมันและโปรตีน ซึ่งหากเริ่มกินอาหารแบบคีโตก็ควรงดอาหารดังต่อไปนี้ อาหารที่มีน้ำตาล เช่น ลูกอม น้ำอัดลม เค้ก ธัญพืชหรือแป้ง เช่น ข้าว พาสต้า ซีเรียล ผลไม้ทุกชนิด เพราะมีน้ำตาลสูง ยกเว้น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่  ถั่วต่างๆ […]

หลายๆ คนเมื่ออยู่ในช่วงควบคุมน้ำหนัก หรือต้องการลดน้ำหนักก็มักจะมุ่งเน้นไปที่การออกกำลังกายอย่างหนัก ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ผิด แต่การ เปลี่ยนพฤติกรรม ช่วยลดน้ำหนัก ได้ดีขึ้น เพียงการเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็ช่วยให้การลดน้ำหนักของคุณเห็นผลได้เร็วขึ้น วันนี้ Hello คุณหมอ จะชวนทุกคนไปดูว่าพฤติกรรมอะไรบ้างที่เปลี่ยนแล้ว ลดน้ำหนักได้ดีขึ้น ไปอ่านกันเลยค่ะ เปลี่ยนพฤติกรรม ช่วยลดน้ำหนัก ทำได้อย่างไร การลดน้ำหนักถือเป็นเป้าหมายของใครหลาย ๆ คน แต่บางคนก็ไปไม่ถึงเป้าหมาย ล้มเหลวเสียก่อน เพราะนิสัยส่วนตัวบางอย่างที่ทำให้ลดน้ำหนักไม่สำเร็จ ซึ่งการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเหล่านี้ ช่วยให้การลดน้ำหนักของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นนิสัยหรือกิจกรรมที่เปลี่ยนได้ง่าย ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ การเลือกเครื่องดื่ม เครื่องดื่มถือเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น เราต้องตรวจสอบปริมาณแคลอรี่ให้ดีก่อนการบริโภค ในช่วงลดน้ำหนักนี้เราจะต้องเลือกเครื่องดื่มที่ปริมาณแคลอรี่ต่ำ น้ำตาลน้อย ที่สำคัญควรประเมินแคลอรี่ต่อวันด้วยว่าเกินหรือไม่ เครื่องดื่มประเภท น้ำผลไม้ น้ำหวาน หรือกาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่มักปรุงแต่งรสชาติ ซึ่งเต็มไปด้วยไขมันและแคลอรี่ บางครั้งเครื่องดื่มเหล่านี้อาจบอกว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ ให้วิตามิน เกลือแร่ แต่บางชนิดก็มีส่วนผสมอื่น ๆ ที่เป็นโทษกับร่างกาย ดังนั้นในช่วงลดน้ำหนัก น้ำเปล่า ถือเป็นเครื่องที่ดีต่อสุขภาพมากที่สุด หากต้องการความสดชื่น อาจบุบผลไม้ใส่ลงในน้ำเปล่าเพื่อให้ได้รสชาติของผลไม้ในน้ำ เพิ่มความสดชื่นได้ นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับ เป็นอีกพฤติกรรมที่สามารถเปลี่ยนได้ก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพในด้านอื่นๆ […]